รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน แบบฉบับชิค ๆ ชิล ๆ นั่งรถไฟติดแอร์ไปชมความอลังการขององค์พระปฐมเจดีย์ กินอาหารอร่อยนครปฐม สัมผัสความเย็นฉ่ำของน้ำตกไทรโยคน้อยและแม่น้ำแควน้อย พร้อมกับพักผ่อนกับที่พักหรูเท่สไตล์แคมปิ้ง ปิดท้ายด้วยการยิงเมล็ดพันธุ์พืช และทำโป่งเทียมให้ช้างและสัตว์ป่า
หลังจาก Covid-19 เริ่มคลี่คลาย เราคนไทยก็ต้องช่วยกันสนับสนุนซึ่งกันและกัน การเดินทางท่องเที่ยวก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและยังช่วยให้เราได้พักผ่อน ได้พาตัวเองไปสูดอากาศดี ๆ กินอาหารอร่อย ๆ ชมวิวสวย ผ่อนคลายสมอง ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ได้มีการออกแคมเปญ “คิด..แล้วไปให้ถึง” เพื่อเชิญชวนคนไทยออกไปเที่ยวไทย
ล่าสุดก็จัดกิจกรรม Exclusive Trip จำนวน 5 เส้นทาง 5 ภูมิภาค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง กระปุกดอทคอมก็ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมเส้นทางคิดแล้วไปให้ถึงกาญจนบุรีมาด้วย จึงอยากนำมาแชร์เป็นแนวทางและไอเดียให้กับท่านที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ อย่างการไปเที่ยวกาญจนบุรี เพราะทริปนี้สนุกเกินคาด ได้เพื่อนใหม่ แถมยังได้ประสบการณ์ดี ๆ เพียบ
ล่าสุดก็จัดกิจกรรม Exclusive Trip จำนวน 5 เส้นทาง 5 ภูมิภาค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง กระปุกดอทคอมก็ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมเส้นทางคิดแล้วไปให้ถึงกาญจนบุรีมาด้วย จึงอยากนำมาแชร์เป็นแนวทางและไอเดียให้กับท่านที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ อย่างการไปเที่ยวกาญจนบุรี เพราะทริปนี้สนุกเกินคาด ได้เพื่อนใหม่ แถมยังได้ประสบการณ์ดี ๆ เพียบ
ภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท)
ชิลกับรถไฟติดแอร์ แวะไหว้พระที่นครปฐม
เส้นทางคิดแล้วไปให้ถึงกาญจนบุรีนี้ จุดเริ่มต้นของการเดินทางเราอยู่ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ เราไม่ได้นัดเจอกันเพื่อขึ้นรถตู้หรือรถบัสคันใหญ่ไปเที่ยวกันเหมือนทริปก่อน ๆ แต่เราจะนั่งรถไฟไปเที่ยวกาญจนบุรีกันเลย ! พอบอกว่านั่งรถไฟ หลายคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบ เพราะเคยได้ยินกันมาว่านั่งรถไฟทั้งร้อนและแล่นช้า แต่ความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในทริปนี้เลยสักนิด เพราะเราได้นั่งขบวนท่องเที่ยวเส้นทางกรุงเทพ-น้ำตก และเป็นตู้พิเศษที่มีเครื่องปรับอากาศ แอร์เย็นฉ่ำ ที่นั่งกว้างสบาย มองวิวเพลิน ๆ ไปได้ตลอดเส้นทาง
พอเข็มนาฬิกาบอกเวลา 06.00 น. รถไฟก็เริ่มเคลื่อนออกจากชานชาลา จากภาพของตึกและอาคารสูงใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นภาพของบ้านเรือนหลังเล็ก ๆ ท้องนาท้องไร่ของชาวบ้าน วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีเงาของสายฝน พาให้คนอยากเที่ยวได้ยิ้มออกในรอบหลายเดือน ยิ่งมีเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมทริปอีกหลายสิบท่าน ก็ยิ่งช่วยให้จิตใจเบิกบานขึ้นอีกเท่าตัว
เวลาผ่านไปไม่นาน เจ้าหน้าที่ของการรถไฟก็เข้ามาบอกว่าเรากำลังจะถึงสถานีจอดรถไฟเพื่อท่องเที่ยวจุดแรก นั่นก็คือ สถานีนครปฐม เรามีเวลาเที่ยวที่นี่นานถึง 30 นาที คาดการณ์แล้วว่าน่าจะได้เดินไปถ่ายภาพกับองค์พระปฐมเจดีย์ และแวะซื้อของฝากอร่อย ๆ ของนครปฐมแน่นอน
จากด้านหน้าของสถานีรถไฟนครปฐม ก็จะสามารถมองเห็นองค์พระปฐมเจดีย์ที่สูงเสียดฟ้าได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าจะอยู่ไม่ไกล แต่ก็เรียกเหงื่อได้ไม่น้อยเหมือนกัน เรามุ่งหน้าไปยังบริเวณตลาดนครปฐมกันก่อน เพื่อถ่ายภาพองค์พระปฐมเจดีย์และไหว้ขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์จากตรงจุดนั้น แม้ว่าจะไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ ๆ แต่ก็รู้สึกเย็นใจที่ได้มาเยือนเมืองนี้
ไหว้พระเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาตะลุยเดินตามหาของกินดีเด็ดนครปฐม ไม่ว่าจะเป็นหมูหยอง หมูแผ่น กุนเชียง ข้าวหลาม ขนมจาก ทอดมันปลากราย เต้าหู้ทอด ไก่ย่าง ข้าวเหนียวหมู ขนมจีบ-ซาลาเปา ขนมหวานไทย ๆ ขนมเบเกอรีเจ้าเก่า รวมไปถึงผลไม้ขึ้นชื่ออย่างส้มโอ
ใกล้ถึงเวลารถไฟออกอีกครั้ง ยังรู้สึกช้อปปิ้งไม่สะใจ ตอนแรกคิดว่ามีเวลามากโขที่จะเดินโอ้เอ้ซื้อของฝาก แต่พอเห็นของกินอร่อย ๆ ในตลาดนครปฐมแล้ว บอกเลยว่าต้องมีทริปหน้า จัดมาเพื่อตะลุยกินที่นครปฐมโดยเฉพาะ
คุณลุงจะมาเต้นทุกเช้า เพื่อเชิญชวนคนออกกำลังกาย
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่ตัวรถไฟค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากสถานีนครปฐม นั่งชมวิวไปชิล ๆ มือก็จิ้มขนมจีบเข้าปาก เส้นทางระหว่างนครปฐมไปกาญจนบุรีนี่ยิ่งน่ามอง เพราะมีทุ่งนาเยอะขึ้น แถมมองไปทางไหนก็เขียวสบายตา ช่วงที่เลยจังหวัดราชบุรีมาก็เริ่มเห็นภูเขาแล้ว
นั่งรถไฟข้ามสะพานสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
สถานีต่อมาที่รถไฟหยุดจอดให้เราลงไปเที่ยวชมได้ ก็คือ สถานีสะพานแควใหญ่ เป็นจุดก่อนที่จะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานประวัติศาสตร์ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สวยเท่ น่าเกรงขาม เราสามารถที่จะเดินไปถ่ายรูปเล่นบริเวณกลางสะพานกันได้ด้วย ไฮไลต์จะอยู่ตอนที่รถไฟวิ่งผ่านสะพาน จะมีระเบียงชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ยืนหลบรถไฟ แต่สำหรับเราในทริปนี้จะต้องเป็นคนที่นั่งอยู่บนรถไฟแล้วมองวิวแม่น้ำแทน ก็สนุกและตื่นเต้นไปอีกแบบเหมือนกัน :)
นั่งอยู่บนรถไฟ ก็จะได้เห็นวิวแบบนี้ตอนข้ามสะพาน :)
ผ่านไปราว ๆ 30-40 นาที เราก็ถึงสถานีถ้ำกระแซ อีกหนึ่งไฮไลต์ของเส้นทางรถไฟสายนี้ เพราะทางรถไฟจะสร้างด้วยไม้เลียบเลาะไปตามแนวหน้าผาสูงชัน อีกฝั่งเป็นแม่น้ำแควน้อย ช่วงโค้งจะเห็นขบวนรถไฟค่อย ๆ เคลื่อนบนทางรถไฟเก่าแก่ น่าหวาดเสียวสุด ๆ สมกับฉายา "เส้นทางรถไฟสายมรณะ" พอผ่านจุดเลียบหน้าผามาแล้วจะเห็นถ้ำกระแซอยู่ทางขวา พนักงานรถไฟบอกว่าด้านในมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มีโอกาสได้มาบ่อย ๆ ก็ขอพรกันไปด้วยเลย
ภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ยังไม่ทันหายตื่นเต้นจากสถานีถ้ำกระแซ ก็ได้ยินเสียงพนักงานตะโกนบอกว่าใกล้ถึงสถานีน้ำตกแล้ว สถานีน้ำตกไม่ใหญ่มากนัก แต่ให้ความรู้สึกที่ดีมาก เพราะทันทีที่ลงจากรถไฟกลิ่นของต้นไม้ป่าเขาก็เข้ามากระทบจมูกเต็ม ๆ สูดหายใจสดชื่น ๆ ได้เต็มปอด กรุ๊ปเรามีรถบัสมาจอดรออยู่แล้ว พอทุกคนขึ้นรถครบ ก็เริ่มเที่ยวต่อทันที
ยลน้ำตกงาม กินอาหารอร่อย ไปลอยแพกลางแม่น้ำแควน้อย
จุดหมายปลายทางต่อมาก็คือ น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกสวยอีกแห่งของกาญจนบุรี แม้ว่าจะต่อท้ายด้วยคำว่าน้อยแต่ความสวยงามไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าน้ำตกอื่น ๆ สายน้ำสีขาวไหลเป็นสายยาวราวกับม่านน้ำจากหน้าผาสูงลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ที่พอรวมกันก็กลายเป็นสีเขียวมรกตสวยใส รอบด้านรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี แค่ได้ยืนมองเฉย ๆ ก็ผ่อนคลายแล้ว ส่วนใครอยากเข้าไปสัมผัสน้ำตกใกล้ ๆ ก็สามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้
กำลังจะก้าวขาเดินขึ้นไปบนน้ำตก แต่เสียงท้องดันร้องขึ้นมาประท้วงเสียก่อน ประกอบกับตัวเลขนาฬิกาบนหน้าจอสมาร์ตโฟนบ่งบอกว่าถึงเวลานัดหมายไปกินข้าวกลางวัน ก็เลยต้องตัดใจเดินไปขึ้นรถสองแถวที่จากเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ เพื่อนั่งไปยังร้านไอซ์ โภชนา ร้านอาหารชื่อดังของเมืองไทรโยค
ร้านนี้ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย มีที่นั่งเยอะ สามารถรองรับกรุ๊ปทัวร์ได้สบาย ๆ เมนูกลางวันของเราวันนี้ก็น่ากินไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นผัดฉ่าปลาคัง, ไข่ไอซ์, หมูสามรส, ต้มยำปลาคัง, เห็ดโคนผัดน้ำมันหอย และชุดน้ำพริกผักต้ม รสชาติอร่อยจัดจ้าน จนต้องตักข้าวเพิ่มตั้ง 2 รอบ ^^
เติมพลังเต็มพุงแล้ว เราก็สัมผัสกาญจนบุรีให้ใกล้ชิดขึ้นอีกนิด ได้ยินมาว่าถ้ามาเที่ยวกาญจนบุรีแล้วไม่ได้ล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำแควก็จะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไร เราก็เลยจัดไปให้เต็มที่ ไปล่องแพและเล่นน้ำในแม่น้ำแควน้อยกัน จุดลงแพอยู่บริเวณท่าน้ำวัดวังกระแจะ เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อชูชีพเรียบร้อยก็ลุย !
กระแสน้ำวันนี้ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ทำให้สามารถล่องแพไม้ไผ่ได้อย่างปลอดภัย สองฟากฝั่งมีทั้งไร่สวนของชาวบ้านและรีสอร์ต นั่งชมวิวและทักทายนักท่องเที่ยวไปตามเส้นทางล่องแพสักพัก อากาศเริ่มร้อนขึ้น จากที่นั่งกันนิ่ง ๆ ก็ชวนกันเอาเท้าไปจุ่มน้ำ สัมผัสได้ถึงความเย็นสบายสดชื่น และหลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที ทั้งตัวก็ลงไปอยู่ในแม่น้ำ ปล่อยตัวให้ไหลไปตามน้ำพร้อม ๆ กับแพ อยากบอกว่ามันดีขั้นสุด
พักผ่อนเอนกายกับที่พักแบบเต็นท์หรู
เราใช้เวลาในการล่องแพไม้ไผ่ไม่นานมากนัก เอาแค่กำลังพอดี จะได้ไม่เป็นหวัด และมีเวลากลับไปอาบน้ำก่อนที่จะสนุกต่อกับปาร์ตี้บาร์บีคิวในตอนเย็น ประมาณเกือบ 5 โมงเย็น รถบัสของเราก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของที่พักสไตล์ Glamping สุดหรู "หินตก ริเวอร์ แคมป์" ที่พักชิค ๆ ที่เหล่าบล็อกเกอร์มักจะแนะนำกัน
ทันทีที่ได้กุญแจห้องพัก ก็รีบเดินดุ่มไปตามหาเต็นท์ของตัวเอง ตื่นเต้นไม่ไหวกับการจะได้นอนพักผ่อนในเต็นท์บรรยากาศซาฟารีนิด ๆ แถมยังมีเครื่องปรับอากาศและห้องน้ำในตัวด้วย เต็นท์ของเราอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ด้านหน้ามีระเบียงพร้อมด้วยโต๊ะ-เก้าอี้ไว้ให้นั่งพักผ่อน พอเปิดประ... อ๊ะ ๆ ไม่ใช่ประตู ลืมไป ^^ อย่างที่บอกว่าที่พักเราเป็นเต็นท์ มันต้องรูดซิป
ฟืบบบ...
ว้าว ! พอเปิดออกดูเท่านั้นใจก็พองโต หรูหราสมคำร่ำลือ ทั้งแอร์ฉ่ำ ๆ เตียงนอนนุ่ม มินิบาร์กับขนมและเครื่องดื่มครบเซต โต๊ะอ่านหนังสือ ราวแขวนเสื้อผ้า และห้องน้ำกว้างสบาย สะอาด ถูกใจให้เต็มสิบ
ระหว่างที่ถ่ายรูปเต็นท์ที่พักอยู่นั้น สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เสียงฝนตกลงกระทบเหนือหลังคาเต็นท์ เอาล่ะสิ...ปาร์ตี้บาร์บีคิวของเราจะยังไงต่อล่ะทีนี้ ไม่เป็นไร อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอไว้ก่อนแล้วกัน เผื่อฝนหยุดตกจะได้ออกไปสนุกได้เลย และเหมือนโชคยังเข้าข้าง ฝนเริ่มหยุด ตกเพียงปรอย ๆ จากปาร์ตี้บาร์บีคิวกลางสวน ก็เลยต้องย้ายเข้าไปในห้องอาหาร อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้ยกเลิก ^^
มาเริ่มเดินสำรวจอาหาร โอ้โห...มีแต่เมนูชวนกิน ไม่ว่าจะเป็นบาร์บีคิวหมู-ไก่, ก๋วยเตี๋ยวโบราณ, หมูหัน, ไก่ย่าง, ผัดไทย, ข้าวเกรียบปากหม้อ และสารพัดกับข้าว พร้อมกับเครื่องดื่มเย็น ๆ จัดเต็ม ยิ่งพอวงดนตรีสดเริ่มบรรเลง บรรยากาศยิ่งสนุกสนาน ปาร์ตี้กันยาว ๆ ไป
เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง ขอตื่นเร็วสักนิด เพื่อไปเดินสำรวจรอบ ๆ ที่พักก่อนเช็กเอาต์ ลองเดินลงไปทางริมแม่น้ำ เส้นทางไม่ถนอมเข่าคนวัยอย่างเราเท่าไร แต่ใจอยากลงไปสัมผัสกับบรรยากาศดี ๆ ริมแม่น้ำ ก็อดทนเอาสักหน่อย แล้วก็ไม่เสียใจ เพราะบริเวณแพริมแม่น้ำสามารถเห็นวิวของขุนเขาได้สวยงามทั้งสองฟากฝั่ง ยามเช้าแบบนี้ก็มีหมอกน้อย ๆ ลอยอยู่เหนือยอดเขา เงียบสงบผ่อนคลาย ฟิน...
ท่องป่า พาทำ Seed Bomb และโป่งเทียม
โปรแกรมสำหรับวันนี้สนุกพอ ๆ กับเมื่อวาน เป็นกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เราจะไปยิง Seed Bomb และทำโป่งเทียมให้ช้างกันที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กรุ๊ปของเราค่อนข้างใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงแยกออกเป็น 2 กลุ่ม ไม่รู้ว่าโชคดีอีกไหมที่ได้ไปกลุ่มที่ต้องเดินขึ้นเขาลงห้วยหน่อย ๆ 555+ แต่เมื่อใจบอกไหว ขาก็ต้องก้าวต่อไป เพื่อผืนป่าและฝูงช้างของเรา
การยิง Seed Bomb ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าจะยิงไปแล้วให้เกิดประโยชน์ต่อผืนป่ามากที่สุด ต้องยิงในแนววิถีโค้ง เพราะ Seed Bomb จะไม่ไปโดนต้นไม้แล้วแตกออกมา จนทำให้สัตว์ป่ามากินเมล็ดพันธุ์ และต้องระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายต่อผู้อื่นและตนเอง
พอยิง Seed Bomb เสร็จแล้ว ก็เดินพาตัวเองที่เหงื่อเปียกเต็มเสื้อไปทำโป่งเทียมกันต่อ ขนาดของโป่งไม่ใหญ่มากนัก ประมาณ 2x2 เมตร แต่ต้องใช้พลังเยอะนิดหน่อยในการขุดดิน เราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ รูปร่างบอบบาง จึงยื่นจอบให้กับผู้ชายในกลุ่มอย่างยินดี :) ขุดดินเรียบร้อย ก็จัดการนำเกลือเทลงในหลุม แล้วเอาดินเข้าไปคลุก ๆ ให้เข้ากัน เท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เดี๋ยวพอตกกลางคืน น้อง ๆ ช้างก็จะมากินอาหารเสริมเหล่านี้
ใช้พละกำลังในช่วงเช้ากันไปหนักหน่วงพอสมควร มื้อกลางวันก็เลยต้องจัดเต็ม ไปกินจุก ๆ กันที่ร้านคีรีมันตราและ The Village Farm To Cafe' ร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังเมืองกาญจนบุรี อาหารได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าพอถึงโต๊ะปุ๊บก็กินได้เลย เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดมีทั้งแกงส้มชะอมกุ้งสด, ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน, ปลาช่อนซ่อนคีรี, ยำถั่วพลูกุ้งสด และไก่ตะไคร้ ตามด้วยไอศกรีม Soft Serve รสเมลอน หวานนิด เปรี้ยวหน่อย แต่คลายร้อนได้ดีที่สุด แล้วปิดท้ายด้วยการไปเดินเล่นชิล ๆ กับป่าไผ่และสวนสวยกว้างใหญ่บริเวณหลังร้าน
ทริปนี้ได้พักผ่อนตามที่หวังไว้ ได้เที่ยวได้กินสมใจ และยังได้รูปสวย ๆ อัปขึ้นโซเชียลเพียบ หากรู้สึกว่าทริปนี้น่าสนใจ น่าเที่ยว ก็อยากเชิญชวนให้ไปสัมผัสกาญจนบุรีกันอีกสักครั้ง มีเวลาน้อยไม่กี่วันก็พักผ่อนได้ จะนั่งรถไฟไป หรือขับรถยนต์ไปเอง ก็เอาตามสะดวก ขอแค่ให้ "คิด...แล้วไปให้ถึง" ก็พอ :)
ขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
