เที่ยวอ่างทอง 1 วัน เดินทางเที่ยวสบาย ๆ แบบไปเช้า-เย็นกลับ ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคล และแวะเช็กอินแลนด์มาร์กน่าเที่ยวของอ่างทองจนเพลินใจ
ก่อนหน้านี้...หลายคนคิดว่า “อ่างทอง” เป็นจังหวัดทางผ่านที่ดูไม่มีอะไรน่าแวะน่าเที่ยว แต่จริง ๆ แล้วที่นี่มีอะไรให้เราได้เช็กอินความสนุกอยู่เพียบ เหมาะเป็นทริปท่องเที่ยวพักผ่อนสบาย ๆ ไปเช้า-เย็นกลับ สนุกแบบกำลังพอดี ไม่ยากเลยสักนิด วันนี้เรามีทริปเที่ยวอ่างทอง 1 วัน มาฝาก เผื่อหาวันว่าง ๆ เดินทางไปเก็บเกี่ยวความสุขตามแต่ละหมุดหมายที่เช็กอินกันได้เลย
เดินสายไหว้พระอ่างทอง สัมผัสดินแดนถิ่นธรรมะ (ช่วงเช้า)
หลักฐานอันเป็นประจักษ์พยานแห่งความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม ดังปรากฏให้เห็นทันทีเมื่อมองไปยังสองฟากฝั่งถนน นั่นคือ ภาพของวัดวาอารามที่กระจายตัวอยู่ราว 200 แห่ง ซึ่งสามารถเดินทางรับบุญแบบเชื่อมต่อกันได้โดยสะดวก แต่ด้วยความที่จำนวนวัดเยอะขนาดนี้ เห็นทีว่าจำเป็นต้องเลือก เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าคิดจะเก็บแต้มบุญทั้งหมดในหนึ่งวัน ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ ใช่ไหมคะ ?
เอาแบบนี้ดีกว่า...จะไปไหว้พระทำบุญที่อ่างทองทั้งที เราขอแนะนำวัดดังที่ใครมาแล้วก็ต้องแวะ นั่นคือ "วัดขุนอินทประมูล" และ "วัดป่าโมกวรวิหาร" สองวัดนี้เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวขาจรอย่างเรา ๆ เป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงแต่ชื่อเสียงอันเป็นดั่งศูนย์รวมแรงศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วทุกสารทิศแล้ว ความงดงามแห่งพุทธศิลป์ของทั้งสองวัด ยังเป็นหนึ่งสิ่งที่เรียกคะแนนความสนใจจากเราอย่างยากที่จะห้ามสายตาไปได้เลยจริง ๆ
"วัดขุนอินทประมูล" วัดสำคัญที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่คู่บ้านคู่เมืองอ่างทอง เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารแต่ถูกไฟไหม้ เหลือแต่องค์พระตากแดดตากฝนอยู่กลางแจ้งมานานนับเป็นร้อย ๆ ปี ตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ต่อมาสมัยพระเจ้าบรมโกศได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์และมีการบูรณะอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันองค์พระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง หากแต่อาคารได้พังลงหมดแล้ว คงเหลือไว้แต่เสาพระวิหารอยู่โดยรอบเพียงเท่านั้น
ลักษณะอันงดงามชวนมองขององค์พระพุทธไสยาสน์แห่งวัดขุนอินทประมูล เห็นจะอยู่ที่พระพักตร์ยิ้มละไม มองปราดเดียวก็รับรู้ถึงความสงบเยือกเย็น แฝงด้วยความน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นยิ่งนัก รอบ ๆ องค์พระมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่โดยรอบ เลยบดบังไอแดดร้อนที่แยงเข้าลูกตา ทั้งยังลดอุณหภูมิความร้อนให้กลายเป็นความสงบร่มเย็น เหมาะแก่การไปนมัสการให้เกิดความสุข สงบ ตามสภาพธรรมชาติอย่างที่เป็น และเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไปจากบรรยากาศในพระวิหารทั่วไป
หลังจากนั้นแวะเข้ามาชมพระอุโบสถของวัดขุนอินทประมูลกันเสียหน่อย ซึ่งเป็นพระอุโบสถแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีทั้งลิฟต์และบันไดเลื่อนไว้คอยบริการผู้ที่มีจิตศรัทธาได้ขึ้นมากราบไหว้องค์พระประธาน
ตลอดจนการทัศนาลวดลายจิตรกรรมฝาผนังยุค 4.0 ที่เรียกเสียงฮือฮาดังก้องในใจ กับจิตรกรรมฝาผนังที่ปรากฏรูปของเทวดาและนางฟ้าที่สวมเสื้อผ้า และแต่งกายแบบสมัยใหม่ เล่นดนตรีสมัยใหม่ และที่สำคัญเหล่าบรรดาเทวดาและนางฟ้า ภายในมือต่างถือสมาร์ตโฟนรุ่นต่าง ๆ สร้างความแปลกใหม่ให้แก่ผู้ที่มาเข้าชมภายในโบสถ์แห่งนี้อยู่ไม่น้อย
เดินทางต่อมาที่ "วัดป่าโมกวรวิหาร" หนึ่งในวัดสำคัญจังหวัดอ่างทองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามมากที่สุดองค์หนึ่งของประเทศ หลากหลายตำนานเรื่องเล่าและความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมา ยิ่งหล่อหลอมความเชื่อและศรัทธาให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นตามวันและเวลา ทันทีเมื่อคลายมือจากการประนม พลันสายตาต้องหยุดนิ่งเพื่อสำรวจความงดงามที่ยากจะปฏิเสธ รอยยิ้มแห่งองค์พระพุทธไสยาสน์ ที่คอยเตือนสติให้มนุษย์ได้รู้จักความถ่อมตน เข้าใจในสรรพสิ่งต่าง ๆ อย่างเข้าใจความเป็นจริงของโลก
“ความเป็นจริงที่ว่า...ทุกสิ่งที่เกิด ย่อมมีดับ
ความเป็นจริงที่ว่า...ไม่มีอะไรเที่ยงแน่นอน
ความเป็นจริงที่ว่า...ทุกข์และสุขเป็นของคู่กัน
ความเป็นจริงที่ว่า...ไม่มีอะไรในโลกทั้งนั้นที่เป็นของเรา”
เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่เข้าใจโลก ย่อมเข้าใจถึงรอยยิ้มที่ปรากฏขององค์พระพุทธไสยาสน์ ฉะนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราก้มลงกราบ นอกจากจะระลึกถึงพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นการน้อมนำเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่หัวใจของเราด้วยเช่นกัน
แวะเติมพลังให้อิ่มท้องที่ร้านอาหารนิรมิตร (ช่วงกลางวัน)
หลังจากเดินสายเติมพลังแต้มบุญกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก็ถึงเวลาเติมของอร่อยให้อิ่มท้องกันบ้าง ด้วยการมองหาร้านอาหารอร่อย ๆ สักร้าน แต่สำหรับทริปนี้...เราขอแนะนำ "ร้านนิรมิตร" ร้านดังในอำเภอวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าใครที่มาช่วงกลางวัน ก็อาจจะนั่งบริเวณที่นั่งริมน้ำไม่ค่อยไหว ด้วยเพราะอากาศค่อนข้างร้อน แนะนำว่าให้มาช่วงเย็น ๆ แต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมองเห็นวิวริมน้ำ เข้ามานั่งกินในห้องแอร์เย็น ๆ ก็เข้าทีไม่น้อย
ความโดดเด่นอันเป็นที่เลื่องลือของร้านนิรมิตร นั่นคือ การจัดเสิร์ฟเมนูอาหารรสตำรับภาคกลางรสชาติเยี่ยม หลังจับจองที่นั่งจนเป็นที่ถูกใจ อาหารเมนูต่าง ๆ ที่ขึ้นชื่อของร้านก็ถูกสั่งออกจากปากแบบไม่มีติดขัด ใช้เวลาไม่กี่อึดใจ อาหารก็ค่อย ๆ ทยอยมาเสิร์ฟแบบเต็มโต๊ะ เริ่มกันที่เมนูจานเดี่ยวที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ "ผัดไทยกุ้งสด" เส้นเหนียวนุ่มผัดคลุกเคล้าปรุงรสมาได้พอเหมาะพอดี แบบไม่ต้องปรุงรสเพิ่มให้เสียอารมณ์
ต่อด้วยเมนู "คะน้าปลาเค็ม" หลายคนติดใจกับรสชาติกลมกล่อมของหมูสับที่ผัดมากับปลาเค็มอย่างเข้าที่ เพิ่มความหอมด้วยการโรยกระเทียมเจียว ในส่วนของคะน้าเองก็ทั้งกรอบ ไม่เหี่ยว ผัดได้กำลังดี ไม่แห้งและแฉะจนเกินไป เชื่อเลยว่าน่าจะมีคนติดใจเมนูนี้อยู่ไม่น้อย "ผัดฉ่าปลาคัง" ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูขายดีของทางร้าน เนื้อปลาคังผัดเข้ากันได้ดีกับส่วนผสมต่าง ๆ ทั้งกระชาย ใบโหระพา และเครื่องเทศที่ช่วยเพิ่มความหอมจนเตะจมูก และพลาดไม่ได้กับอีกหนึ่งเมนู "ต้มยำปลาคัง" แซ่บซี้ดโดนใจคนกิน แถมเนื้อปลาก็ไม่คาวจนเกินไป บวกกับกลิ่นเครื่องเทศหอม ๆ เป็นอีกหนึ่งเมนูเอาใจคนที่ชอบเมนูรสชาติจัดจ้าน มาถึงที่แล้วต้องสั่ง
จริง ๆ แล้วที่ร้านยังมีเมนูเด็ดอีกหลายเมนู แต่แค่เมนูที่เราแนะนำ ก็เรียกได้ว่าแทบยึดพื้นที่โต๊ะอาหารตรงหน้าไปจนเกือบหมดแล้ว เห็นทีว่าคราวหน้าจะต้องทดเมนูอื่น ๆ ที่อยากกินเอาไว้ในใจ ครั้งหน้าจะได้กลับมาสั่งกินอีกให้หายอยากกันไปข้างหนึ่งเลย
- ที่อยู่ : ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
- เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ และหยุดวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-20.30 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 035-631 052, 081 852 4777
บ้านหุ่นเหล็ก : ศิลปะจากเศษเหล็กฝีมือคนไทยอันน่าทึ่ง (ช่วงบ่าย)
หลังจากที่ตอนเช้าอิ่มบุญ ตอนกลางวันอิ่มท้อง พอตกตอนบ่ายก็ต้องหาที่เที่ยวที่เติมจินตนาการกันสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเผลอง่วงหมดแรงไปเสียก่อน ขอเชิญชวนให้แวะมาเช็กอินที่ "บ้านหุ่นเหล็ก" ที่เที่ยวที่รวบรวมผลงานศิลปะจากเศษเหล็ก จนกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้หัตถกรรมจากเศษเหล็ก และพื้นที่ของการปลดปล่อยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์จากฝีมือคนไทยล้วน ๆ
ขณะที่ขาก้าวเดิน พลันสายตาก็สำรวจไปรอบ ๆ บริเวณ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายโซน แต่ละโซนก็จัดแสดงหุ่นเหล็กขนาดใหญ่เป็นจำนวนนับร้อย ๆ ตัว และถ้าใครเป็นคอภาพยนตร์รับรองว่าจะต้องร้องกรี๊ด (ถึงไม่ส่งเสียงออกมาให้ได้ยิน ก็ต้องร้องอยู่ในใจ) เพราะคุณจะได้ยลโฉมหุ่นเหล็กจากภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น Transformer, Star Wars Wall-E และตัวละครจาก Marvel เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีผลงานศิลปะที่ทำจากเศษเหล็กนอกเหนือจากตัวละครในภาพยนตร์อีกด้วย
เดินไปเดินมาเพลิน ๆ เราก็ได้ยินเสียงเจียเหล็ก ดังมาเป็นระลอก ๆ ก็พอจะเดาได้ว่านี่คงเป็นพื้นที่ส่วนของการประกอบหุ่นยนต์เหล็กที่เราเห็นกันอยู่แน่ ๆ ว่าแล้วก็เดินเข้าไปดูเสียหน่อย และก็เป็นจริงตามคาด...สิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือกองเศษเหล็กมหึมาหลายกอง ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นเหล่าช่างฝีมือชำนาญการ กำลังค่อย ๆ เชื่อม ค่อย ๆ กลึงจนกลายเป็นหุ่นยนต์ไซซ์บิ๊ก
ได้คุยกับพวกพี่ ๆ ก็ได้ความว่า “แต่ละตัวใช้เวลาประกอบไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดและความยาก-ง่ายของหุ่นแต่ละตัว”
ส่วนเรื่องอาหารการกินที่นี่ไม่ต้องห่วง เพราะมีร้านขายอาหารเปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือถ้าไม่อยากกินอะไรที่หนักท้องมาก ก็มานั่งสั่งกาแฟและขนมหวานเพลิน ๆ ก็ได้นะ
เอาเข้าจริง ๆ ที่นี่นับว่าคุ้มค่ากับการเข้ามาเที่ยวชมมาก ๆ ใครที่อยากหนีจากความวุ่นวาย แล้วไปปลดปล่อยความสนุกในโลกของจินตนาการ เปิดไอเดีย มุมมองการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ใครเล่าจะไปคิดว่าเศษเหล็กชินเล็กชิ้นน้อย มองดูแล้วไม่มีประโยชน์ ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมที่จะสร้างมูลค่าให้กับมันอยู่เสมอ
บ้านหุ่นเหล็ก...คือดินแดนแห่งไอเดีย
บ้านหุ่นเหล็ก...คือโลกแห่งจินตนาการ
บ้านหุ่นเหล็ก...คือการส้รางคุณค่าในสิ่งที่ใครต่อใครต่างไม่เห็นค่า
และที่นี่คือ… “บ้านหุ่นเหล็ก”
- เวลาเปิด : 09.00-17.00 น.
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 60 บาท, เด็ก 30 บาท (ความสูง 90-140 เซนติเมตร), เด็กความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เข้าฟรี
- เฟซบุ๊ก : บ้านหุ่นเหล็ก
ทริปเที่ยวอ่างทองแบบวันเดย์ทริปของเราในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แวะสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้เรารู้ว่าเที่ยวอ่างทองแบบไหนที่จะทำให้ทุกคนแฮปปี้ ได้ทั้งทำบุญ กินของอร่อย และที่เที่ยวสนุก ๆ เอาไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เมื่อไรก็ดี เที่ยวเมื่อไรก็โดน ^ ^