พาเที่ยวพิษณุโลก แหล่งอารยธรรมและขุมทรัพย์ธรรมชาติแห่งภาคกลางตอนบน เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวทั้งในตัวเมืองและอำเภออื่น ๆ โดยรอบ ทำกิจกรรมสนุกครบรส ทั้งไหว้พระ ชมเมือง ล่องแก่ง เที่ยวชุมชน ชมแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ในแบบฉบับ...เที่ยวพิษณุโลก 3 วัน 2 คืน
พอเข้าสู่ช่วงฤดูฝน กลิ่นฝนก็หอมหวนชวนให้อยากออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ และยังพาให้นึกถึงกิจกรรมสนุก ๆ อย่างการล่องแก่ง กิจกรรมพระเอกของฤดูฝน ซึ่งถ้าพูดถึงการล่องแก่งก็ต้องยกให้กับลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ด้วยเป็นเส้นทางล่องแก่งที่มีความยากง่ายอยู่ที่ระดับ 2-5 เรียกได้ว่าสนุกที่สุดอันดับต้น ๆ ของไทย
ปีนี้พอน้ำได้ระดับปุ๊บ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก จึงได้ชักชวนไปทำกิจกรรมสนุก ๆ นี้ และยังพาไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวพิษณุโลก ในแบบ 3 วัน 2 คืน กิน เที่ยว ทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ทั้งไหว้พระที่มีพุทธลักษณะที่งดงามมากที่สุดในไทย ล่องแก่ง เที่ยวชมชุมชนสวยหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ เก็บความสนุกและประทับใจได้ครบรส เที่ยวตามได้เลย โดยที่วันแรกนั้นเราเริ่มกันที่...
Day 1 : กรุงเทพฯ - เมืองพิษณุโลก - บางกระทุ่ม
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
กิจกรรมแรกของการเที่ยวพิษณุโลก ขอเริ่มด้วยสิ่งดี ๆ อย่างการไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร สถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่ได้ชื่อว่ามีพุทธลักษณะงดงามมากที่สุดในประเทศไทย
วิหารขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่นใจกลางวัด พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวเดินเข้า-ออกไม่ขาดสาย เมื่อเดินผ่านประตูไม้แกะสลัก เข้าไปถึงยังหน้าประตู พระพุทธชินราชจะปรากฏเบื้องหน้า องค์พระสูง 7 ศอก หน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว มีซุ้มเรือนแก้วแกะสลักด้วยไม้สัก ลงรักปิดทองสีเหลืองทองอร่าม งดงามสมคำร่ำลือ ผู้ใดได้มากราบไหว้จะรู้สึกได้ถึงบารมีที่ทำให้จิตสงบ สบายใจ ผู้ใดที่ประพฤติตนดีขอพรอะไรก็มักสมหวังตามปรารถนา
ด้านหน้าของพระวิหาร เป็นวิหารน้อย ด้านในประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปในสมัยสุโขทัยเช่นกัน สร้างขึ้นจากเศษสำริดที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา เมื่อเดินเข้าไปทางด้านหลังของพระวิหารเป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นพระวิหารของพระอัฏฐารส พระพุทธรูปเก่าแก่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งอย่างสง่างาม ทางด้านทิศเหนือเป็นพระวิหารของพระพุทธชินสีห์ และทางทิศใต้เป็นพระวิหารพระศรีศาสดา และพระวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน
ที่อยู่ : ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.
นั่งรถรางเที่ยวชมตัวเมืองพิษณุโลก
นอกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารแล้ว ภายในตัวเมืองพิษณุโลกยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย การจราจรที่ไม่แน่นหนาทำให้การขับรถเที่ยวเองหรือเช่ารถสามล้อถีบไปเที่ยวสะดวกสบายใช้เวลาไม่นาน แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ การนั่งรถราง เพียงควักแบงก์ 20 บาท 2 ใบจ่ายไป ก็จะได้เที่ยวชมเมืองไปพร้อมกับฟังการบรรยายจากไกด์ท้องถิ่น
หากโชคดีก็จะได้นั่งรถรางไปพร้อมกับการบรรยายอันสนุกสนานของ คุณกล้าณรงค์ ภักดิ์ประไพ ผู้ริเริ่มเส้นทางรถรางพิษณุโลก เริ่มแรกรถจะออกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารทางถนนจ่าการบุญ ผ่านหน้าโรงเรียนวัดจ่าการบุญ ชมรูปปั้นของจ่าการบุญและจ่านกร้อง สองทหารกล้าในตำนานผู้สร้างเมืองพิษณุโลก จากนั้นจะผ่านวัดนางพญา สถานที่ค้นพบ "พระนางพญา" พระเครื่องอันงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย
พอรถรางถึงถนนพุทธบูชาจะเลี้ยวไปทางซ้าย แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านป้ายกรมทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงหมายเลข 24 เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 แล้วเลยไปผ่านห้างสรรพสินค้าท็อปแลนด์พลาซ่า ลอดใต้สะพานย้อนกลับขึ้นมา เข้าสู่วัดราชบูรณะ ชมพระวิหารหลวง ศิลปะสมัยสุโขทัย เจดีย์หลวง และไหว้พระหลวงพ่อทองดำ
จากนั้นออกไปทางถนนเลียบแม่น้ำน่าน รถรางจะลัดเลาะผ่านโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี พิพิธภัณฑ์ชาวแพ สวนสาธารณะริมน้ำน่าน สวนกลางเมืองพิษณุโลก แล้วเที่ยวชมบริเวณรอบ ๆ ตัวเมืองผ่านทั้งอนุสาวรีย์เจ้าพระยาจักรี ศาลพ่อปู่ดำและกำแพงเก่าเมืองพิษณุโลก ตลาดเช้า สถานีรถไฟพิษณุโลก หอนาฬิกา ตลาดเจริญผล ศาลเจ้าปุ่นเถ้ากง-ม่า ฯลฯ ซึ่งไกด์จะชี้เป้าร้านอาหาารอร่อยเด็ดให้ด้วย
แล้วหลังจากนั้นก็จะข้ามแม่น้ำน่านไปยังอีกฝั่งเพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ที่ลัดเลาะไปตามถนนพระร่วง ถนนจ่านกร้อง ถนนเทพารักษ์ แล้วเข้าสู่พื้นที่ของพระราชวังจันทน์ สถานที่เสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเป็นที่ประทับของพระองค์เมื่อทรงดำรงตำแหน่งอุปราช ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพิพิธภัณฑ์ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์
รวมระยะเวลาในการเที่ยวชมเมืองนี้ก็เพียงประมาณ 1-1.30 ชั่วโมงเท่านั้น คุ้มค่ามาก ๆ กับการได้เที่ยวชมหลากหลายมุมของเมืองพิษณุโลก และยังได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์กลับไปด้วย ทำให้ง่ายต่อการเที่ยวพิษณุโลกด้วยตัวเองในครั้งต่อไป
***การนั่งรถรางชมเมืองพิษณุโลกจะไม่ได้ให้นักท่องเที่ยวลงจากรถ อาจมีบางสถานที่ที่ให้ลงรถเข้าเที่ยวชมได้ แต่ก็มีเวลาจำกัด
แวะชิมลิ้มลองกล้วยตากเงินล้าน ของฝากพรีเมียมจากบางกระทุ่ม
หากใครเคยเดินช้อปปิ้งหรือเยี่ยมชมโซนของฝากขนมไทยในซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำอย่างท็อปส์ มาร์เก็ต และกูร์เมต์ มาร์เก็ต ตามสาขาย่านใจกลางกรุงเทพฯ ก็คงจะเคยเห็นผลิตภัณฑ์กล้วยตากแบรนด์จิราพรกันอยู่บ้าง ด้วยแพ็กเกจที่ทันสมัย มีการปรับปรุงให้หลากหลายรสชาติตามสมัยนิยม จึงแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยแท้ ๆ
จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้เวลาเพียงไม่นาน มุ่งหน้าสู่ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียงแค่ 45 นาที ก็ถึงบริษัทจิราพรฟู๊ด จำกัด เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมพูดคุยกับ คุณจิราพร พงศ์รุจิกรพันธ์ ผู้บริการของบริษัท จิราพรฟู๊ด จำกัด คุณจิราพรเล่าให้ฟังว่าเริ่มต้นการทำกล้วยตากมาตั้งแต่สมัยคุณแม่ในแบบครัวเรือน และได้ต่อยอดมาเรื่อย ๆ จนมีโรงงานของตัวเองและจัดตั้งเป็นบริษัท
ความพิเศษที่ทำให้กล้วยตากจิราพรอร่อยโดดเด่นกว่ากล้วยตากทั่วไป ก็คือ การคัดเฉพาะกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องที่มีอายุ 110 วันหลังจากออกเครือเท่านั้น เพราะเนื้อกล้วยจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม กลิ่นหอม รสชาติหวานพอดี กระบวนการทำสะอาด ปลอดภัย ใช้พาราโบลาโดมในการอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อได้กล้วยตากที่อร่อยลงตัว ก็นำส่วนหนึ่งไปเคลือบรสชาติต่าง ๆ แล้วจึงบรรจุลงถุงและแพ็กเกจสวยเก๋ ซื้อกินเองก็ได้ ฝากคนอื่นก็ดี โดยเฉพาะเพื่อนต่างชาติที่ชอบผลิตภัณฑ์ไทย ๆ
ปัจจุบันมีกล้วยตากให้เลือกอิ่มอร่อยถึง 5 รสชาติ คือ รสดั้งเดิม เคลือบชาเขียว เคลือบสตรอว์เบอร์รี เคลือบช็อกโกแลต และเคลือบช็อกโกแลตอัลมอนด์ วางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั้งในจังหวัดพิษณุโลก เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ แต่ถ้าใครผ่านมาอำเภอบางกระทุ่ม ก็สามารถเลือกซื้อได้ที่ร้านกล้วยตาก จิราพร ริมทางรถไฟบางกระทุ่ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
jirapornfood.com
ชมศาลาไม้สักที่ใหญ่สุดในไทย พร้อมกับภาพเขียนฝาผนังโบราณ และพระนอนขนาดใหญ่
มาถึงบางกระทุ่มจะมากินกล้วยตากอย่างเดียวไม่ได้ เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เป็นอันซีนของไทยอยู่ด้วย นั่นก็คือ ศาลาไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในไทย ณ วัดห้วยแก้ว ศาลาไม้สักทอง 2 ชั้น กว้าง 40 เมตร ยาว 60 เมตร ทั้งภายนอกและภายในตกแต่งอย่างสวยงาม ชั้นบนและชั้นล่างประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยแกะสลักด้วยไม้ประดู่ สวยสง่า
ด้านขวามือของศาลาไม้สักเป็นอุโบสถเก่าแก่ สันนิษฐานว่าเป็นโบสถ์มหาอุตม์ เพราะมีทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว รูปแบบดั้งเดิมไม่มีหน้าต่าง ด้านในเต็มไปด้วยวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณ ที่น่าจะรังสรรค์ขึ้นจากช่างพื้นบ้าน ภาพที่เก่าที่สุดระบุว่า วาดขึ้นในปี พ.ศ. 2489 เขียนบอกเล่าเกี่ยวกับสวรรค์ นรกภูมิ และพุทธประวัติ ข้าง ๆ กันของโบสถ์เก่าเป็นวิหารพระนอนขนาดใหญ่ พุทธลักษณะงดงาม ใบหน้ายิ้ม ริ้วจีวรเรียงสวย
วัดห้วยแก้ว สามารถเที่ยวชมภายนอกได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ส่วนด้านในของแต่ละศาลาและอาคาร จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะเวลามีพระสงฆ์ที่ดูแลรับผิดชอบอยู่เท่านั้น
Day 2 : ล่องแก่งลำน้ำเข็ก - บ้านผารังหมีและบ้านมุง เนินมะปราง
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประสบการณ์การล่องแก่งที่สนุกที่สุดอันดับต้น ๆ ของไทย
พระเอกของทริปนี้ก็ขอยกให้กับการล่องแก่งลำน้ำเข็ก กิจกรรมหน้าฝนที่นักท่องเที่ยวสายลุยควรมาสัมผัสกันสักครั้งในชีวิต ด้วยมีระดับความยากง่ายอยู่ที่ 2-5 ซึ่งยากสุดในการล่องแก่ง เพราะฉะนั้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวก็รับประกันได้เลยว่ามัน !
การมาล่องแก่งลำน้ำเข็กแนะนำว่าให้มานอนพักที่อำเภอวังทอง ที่พักแต่ละแห่งมักจะมีบริการติดต่อบริษัทล่องแก่งมืออาชีพไว้ให้ ง่ายต่อการประสานงาน อีกทั้งยังจะได้สะดวกในการเดินทางและพักผ่อน สาย ๆ ตื่นมากินข้าวเช้าเบา ๆ แล้วไปล่องแก่งได้เลย ไม่ต้องรีบร้อน ล่องแก่งเสร็จแล้วก็เข้าที่พักอาบน้ำ กินข้าวเที่ยง แล้วกลับเข้าเมืองหรือเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ
การล่องแก่งลำน้ำเข็ก จะมีทั้งหมด 15 แก่ง รวมระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาราว ๆ 1.30-2 ชั่วโมง แล้วแต่ระดับน้ำ โดยช่วงเริ่มแรกความยากจะอยู่เพียงแค่ระดับ 1-3 สลับกับช่วงน้ำนิ่ง ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ แต่พอล่องไปถึงช่วงท้าย ๆ ระดับความยากจะเพิ่มขึ้น ๆ จนไปแตะที่ระดับ 5 เรือแพยางจะพาฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากบริเวณแก่งหินสูงชัน ซ้ายทีขวาที เหวี่ยงหมุนไป-มาบ้าง หวาดเสียวและตื่นเต้นในอีกรูปแบบ ได้กรี๊ดกันลั่นสนั่นป่าแน่นอน เป็นความสนุกที่คนรักการผจญภัยมักกลับมาเล่นซ้ำกันเป็นประจำทุกปี
สำหรับคนที่ไม่เคยล่องแก่งก็สามารถล่องได้ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้และอธิบายถึงการปฏิบัติตัวขณะล่องแก่งอย่างละเอียด เพียงแค่ทำตามกฎและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก็สนุกกับการล่องแก่งลำน้ำเข็กได้แล้ว
สอบถามรายละเอียดการล่องแก่งลำน้ำเข็กเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก โทรศัพท์ 0 5525 2742 หรือ
เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานพิษณุโลก
เที่ยวเนินมะปราง ชมเขา ดูค้างคาว ทำซาลาเปามะม่วง
ที่เที่ยวลับที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก กับอำเภอเนินมะปราง อำเภอที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงามสุดอันซีนของเมืองไทย อยู่ห่างจากเมืองพิษณุโลกเพียงแค่ราว ๆ 70-80 กิโลเมตรเท่านั้น
เราเริ่มทำความรู้จักกับอำเภอนี้ที่หมู่บ้านผารังหมี ตำบลบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก โดยมี คุณอาร์ต (ไกด์หมี) เป็นผู้พาเที่ยวรอบบ้าน กิจกรรมแรกที่ได้ทำกันก็คือ "การทำขันธ์ 5" เพื่อถวายเจ้าพ่อร่มขาว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน โดยใช้วัตถุง่าย ๆ ภายในชุมชนอย่างใบตองและดอกพุด มาม้วนพับเป็นกรวยแซมด้วยดอกพุดสีขาวนวลตาสวยงาม
จากนั้นก็นั่งรถพ่วงไปที่วัดผารังหมีวนาราม เพื่อไหว้ขอพร หลวงพ่อเพชรมณี พระนอนสวยสง่าขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในถ้ำ เชื่อกันว่าหากเอาศีรษะไปแตะที่ปลายเท้าของพระนอนแล้วอธิษฐานขอพรจะสำเร็จผล ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเรียบร้อยก็เริ่มเที่ยวชมรอบ ๆ หมู่บ้าน รถพ่วงจะพาลัดเลาะไปตามท้องทุ่งนากว้างใหญ่ มองเห็นภูเขาหินปูนรูปร่างสวยงามแปลกตา สลับคั่นด้วยไร่มะม่วงนับร้อยนับพันไร่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดีเด็ดที่ทำรายได้จากการส่งออกไปต่างประเทศมาสู่เนินมะปรางมหาศาล
ผ่านไปราว ๆ 15 นาที รถพ่วงก็มาหยุดที่ลานกีฬาของบ้านคลองซับรัง ตำบลไทรย้อย กลิ่นหอม ๆ ของซาลาเปาลอยฟุ้ง เป็นสัญญาณบอกว่าจะได้อิ่มอร่อยกับของกินอร่อย ๆ อันซีนเนินมะปรางอย่างซาลาเปาไส้มะม่วงกันแล้ว แต่ก่อนที่จะได้ชิมลิ้มรสซาลาเปา ก็ต้องดูวิธีการทำกันเสียก่อน ตัวแทนของชุมชนแนะนำให้เห็นถึงส่วนผสมง่าย ๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น อย่างมะม่วง อัญชัน ใบเตย และแก้วมังกร โดยวัตถุดิบเหล่านี้จะนำมาผสมให้เกิดสีสันพาสเทลน่ารัก ๆ บนซาลาเปา ส่วนไส้ก็จะใช้เป็นมะม่วงกวนเนื้อแน่น ๆ
วิธีการทำแป้งซาลาเปาเริ่มด้วยการนำแป้งสาลีมาผสมกับน้ำตาลทราย เกลือ ผงฟู นมข้นจืด น้ำมันพืช ยีสต์ นวดได้ที่ก็เติมสีต่าง ๆ จากวัตถุดิบด้านบน นวดจนแป้งเข้ากันและเป็นสีเดียวกันเนียนไปทั้งก้อน นำแป้งไปพักไว้สัก 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน แล้วค่อยนำมายัดไส้ แล้วนึ่งให้หอมฟู กินตอนอุ่น ๆ คู่กับชา/กาแฟ หรือน้ำมะม่วงแท้เย็น ๆ ก็อร่อยไปหมด
กินซาลาเปาหมดลูก ก็พอดีกับที่แสงแดดอันร้อนแรงเริ่มโรยรา เป็นเวลาดีที่จะไปเที่ยวชมหมู่บ้านต่อไป อย่างบ้านมุง ตำบลบ้านมุง หมู่บ้านที่อยู่ติดกับพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา มีลวดลายสวยงามเหมือนกับภูเขาดึกดำบรรพ์ ที่แต่งแต้มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจี มีวิวของท้องไร่ท้องนา ไร่ข้าวโพดเขียว ๆ เป็นบริเวณกว้างให้ชมจนเพลินตาเพลินใจ อากาศเย็นสบายสดชื่น สูดเข้าปอดได้แบบไม่ต้องกลัวฝุ่น PM2.5 อยากลงไปเดิน ไปถ่ายรูปจุดไหนก็ได้ตามใจชอบ นอนถ่ายรูปกลางถนนยังได้ เพราะนาน ๆ จะมีรถวิ่งผ่านมาสักคัน
สักประมาณ 17.45 น. ก็กลับมาประจำการที่บริเวณกลางหมู่บ้านบ้านมุง ใกล้กับวัดบ้านมุง เพื่อชมปรากฏการณ์อันซีนไทยแลนด์อย่างฝูงค้างคาวที่เรียงคิวออกจากถ้ำเป็นสายยาวนานกว่า 10 นาที จำนวนมากกว่าแสนตัว พากันบินสู่ฟากฟ้าวนไป-มาตามแรงลม เพื่อไปยังแหล่งอาหารที่อยู่ไกลโพ้น สามารถชมได้ทุกวัน
ยามเย็นกลับมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญในหมู่บ้านผารังหมี พร้อมกินข้าวเย็นกับกับข้าวเมนูไทยพื้นบ้านสุดอร่อย ไม่ว่าจะเป็นหมูย่าง, แกงอ่อมไก่, แกงจืดหมูสับ, ลาบหมู และผักสด ๆ ปลอดสารพิษ แล้วเข้านอนหลับฝันดีกับโฮมสเตย์สุดอบอุ่นของชาวบ้าน
Day 3 : บ้านผารังหมีและบ้านรักไทย เนินมะปราง - เมืองพิษณุโลก - กลับกรุงเทพฯ
ไหว้พระใหญ่บนหน้าผา ทอผ้า ทอเสื่อ แห่งบ้านผารังหมี
เช้าวันใหม่ใครตื่นไหวแนะนำให้ไปวิ่งออกกำลังกายรอบ ๆ หมู่บ้าน อากาศดี บรรยากาศเงียบสงบ แล้วกลับมาใส่บาตรรับบุญในเช้าวันใหม่ จากนั้นก็ไป "วัดผารังหมีวนาราม" เพื่อเดินขึ้นบันไดสวรรค์ 96 ขั้น ไปไหว้พระขอพรพระสมเด็จองค์พระปฐมมหาจักรพรรดิ พระพุทธรูปองค์ใหญ่บนหน้าผา ที่มีหน้าตักกว้างถึง 10 เมตร และสูงราว ๆ 16 เมตร พร้อมกับชมวิวมุมสูงและธรรมชาติรอบ ๆ หมู่บ้านผารังหมียามเช้า สวย เงียบสงบ เพลินตาเพลินใจ ผ่อนคลายสมองดีทีเดียว
จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัว ไปชมสาธิตการผลิตเสื่อกกราชินี ที่มีสีสันสดใส ลวดลายสวยงาม ซึ่งผลิตกันด้วยมือ ชิ้นต่อชิ้น พร้อมกับชมการทอผ้าแบบโบราณ ที่มีลวดลายเอกลักษณ์อย่างลายช่อมะปราง และลายมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มีที่เดียวในโลก เสร็จแล้วก็กินข้าวเช้ากับเมนูอาหารพื้นบ้านสุดอร่อยอีกครั้ง ก่อนเดินทางไปยังอีกฟากฝั่งของอำเภอเนินมะปราง
ชมวิวเนินมะปรางมุมสูงบนต้นไม้รูปหัวใจ
ไฮไลต์อีกแห่งของเนินมะปราง ก็คือ หมู่บ้านรักไทย ตำบลชมพู หมู่บ้านบนเนินเขาที่มีจุดชมวิวสวยมากที่สุดแห่งหนึ่งของพิษณุโลก กับสัญลักษณ์อันโดดเด่น คือ ต้นไม้รูปหัวใจ ภายในบ้านสวนชมวิว รีสอร์ท ต้นไม้ต้นนี้ตั้งโดดเดี่ยวตระหง่านอยู่ริมหน้าผา ทางรีสอร์ตได้ปรับปรุงให้มีทางขึ้นไปบนต้นไม้ ทำให้สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของเนินมะปรางได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
สามารถเที่ยวชมได้ทุกวัน มีค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ก่อนกลับเข้าเมืองพิษณุโลก จะมีตลาดชุมชนเล็ก ๆ ให้แวะซื้อผลไม้สดใหม่อย่างสับปะรด ทุเรียน อะโวคาโด และผัก-ผลไม้พื้นบ้าน ใครสนใจก็ซื้อกลับได้ในราคาย่อมเยา
รู้จักวิถีชีวิตไทยพื้นบ้านสมัยก่อนกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพิษณุโลกที่ไม่อยากให้พลาดก็คือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี แหล่งรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ที่แสดงวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวจังหวัดพิษณุโลก รวมทั้งในพื้นที่ใกล้เคียงไว้นับหมื่นชิ้น มีอาคารจัดแสดง 3 อาคาร ปัจจุบัน (ช่วงเดือนสิงหาคม 2562) ชมได้เฉพาะอาคารหลังที่ 2 ซึ่งเป็นอาคารไม้โบราณ 2 ชั้น จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้จากทุกภูมิภาคของประเทศไทย
ชั้นล่างจัดแสดงกระต่ายขูดมะพร้าว เครื่องจักสาน เครื่องเขิน ตุ่ม โอ่ง หม้อน้ำ เครื่องมือจับสัตว์ เครื่องมือจับปลา เหรียญ-ธนบัตร เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ครัวและที่อยู่อาศัยเมื่อก่อน และนิทรรศการทำนา ชั้นบนจัดแสดงของเล่นโบราณ เครื่องเงิน อาวุธ จานชามและภาชนะโบราณ เครื่องประดับโบราณ และหัวโขนจำลอง เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 5521 2749 หรือ
เฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จ่าทวี พิษณุโลก
ร้านอาหารและคาเฟ่อร่อยเด็ดที่คัดสรรไว้ในทริป
MADE for MOUTH HQ สาขาใหญ่
ร้านอาหารและคาเฟ่บรรยากาศดี ใกล้กับตัวเมืองพิษณุโลก ตัวร้านตกแต่งอย่างสวยเก๋ในสไตล์โมเดิร์น มีทั้งหมด 2 ชั้น แบ่งโซนไว้อย่างชัดเจน พื้นที่กว้างขวาง โปร่งโล่ง น่านั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ กินอาหารและขนมอร่อย ๆ เมนูอาหารคาวมีทั้งอาหารไทยพื้นบ้าน อาหารสไตล์ยุโรป เบอร์เกอร์ ฯลฯ ขนมหวานก็มีให้เลือกสั่งทั้งเค้ก บราวนี่ มาการอง ฯลฯ กาแฟเข้มข้น ขนทัพเครื่องดื่มมาแน่น
ที่ตั้ง : ถนนสีหราชเดโชชัย ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.
เฟซบุ๊ก : MADE for MOUTH
ร่มจามจุรี
ร้านอาหารไทยพื้นบ้าน บรรยากาศชิล ๆ ตกแต่งเรียบง่าย แต่อร่อยเด็ดด้วยอาหารไทยแซ่บ ๆ หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มชะอมทอด, หมูป่าผัดฉ่า, ปีกไก่ทอด, ลาบเนื้อ, ต้มยำปลาคัง, ปลาทอดผัดขึ้นฉ่าย, กุ้งทอดซอสมะขาม, ปีกไก่ทอดซอสมะขาม, แกงคั่วหอยขมชะอม, ปลาทอดสมุนไพร, ปลาครีมสลัด และกะเพราเต้าหู้กรอบ เป็นต้น
ที่ตั้ง : ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
เฟซบุ๊ก : ร่มจามจุรี
มาเดอ เออ ภูธารา
ร้านอาหารบรรยากาศธรรมชาติที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของอำเภอวังทอง ตั้งอยู่ติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ไม่ต้องขับเข้าไปลึก ๆ มีที่จอดรถกว้างขวาง ด้านหลังอยู่ติดริมลำน้ำเข็ก รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีมุมให้นั่งอิ่มอร่อยกับอาหารไทยพื้นบ้านหลากหลายมุม ใครชอบความเป็นส่วนตัวก็มีห้องปรับอากาศไว้รองรับ เมนูที่น่าสนใจ อาทิ ปลาช่อนทอดยำสมุนไพร, น้ำพริก-ผักสด, ต้มยำไก่บ้าน, ยำสามกรอบ, ซีซาร์สลัด, พล่ากุ้ง, ยำพริกเผาหมู, สเต๊ก, ส้มตำ และกุ้งแช่น้ำปลา เป็นต้น
ที่ตั้ง : ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-21.00 น.
เฟซบุ๊ก : Mader-ur phutara
ผัดไทยป้าถวิล
ผัดไทยโบราณชื่อดังของอำเภอวังทอง ตัวร้านเป็นอาคารธรรมดาเรียบง่าย โปร่งโล่ง มีโต๊ะให้นั่งเยอะพอสมควร ความพิเศษของผัดไทยป้าถวิลที่ทำให้อร่อยแตกต่างจากที่อื่น ๆ ก็คือ การผัดจานต่อจาน ให้เครื่องแน่น ใช้น้ำมะขามเปียกท้องถิ่น ปรุงตามสูตรดั้งเดิม รสชาติจะหวานเปรี้ยวเค็มกำลังดี กินกับผักเครื่องเคียงสด อร่อยสุด ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูลับอย่าง ผัดกะเพรา ที่อร่อยไม่แพ้ผัดไทย ให้ชิมลิ้มลอง กลิ่นใบกะเพราหอมฟุ้ง เผ็ดกำลังดี เนื้อเน้น ๆ ไม่มีผักอื่น ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือกินแกล้มกับผัดไทยก็ดีเด็ด เมนูที่น่าสั่งมาอิ่มอร่อย อาทิ ผัดไทยกุ้งสด, ผัดไทยหมี่กรอบ, ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ, ผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสด, ผัดไทยไร้เส้น, บะหมี่ผัดไทยทะเล, ผัดไทยรวมมิตร, ผัดไทยห่อไข่, ผัดกะเพราทะเล, ผัดกะเพราเป็ด, คะน้าหมูกรอบ, ก๋วยเตี๋ยวเป็ด, ราดหน้าทะเล และสุกี้แห้ง/น้ำทะเล เป็นต้น
ที่ตั้ง : ตำบลชัยนาม อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
เฟซบุ๊ก : ป้าถวิลผัดไทยวังทอง
บ้านไม้
ร้านอร่อยแห่งเมืองพิษณุโลก ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยโบราณสูตรดั้งเดิมของเมืองสองแคว ตัวร้านเป็นอาคารสไตล์ไทยผสมผสานกับโคโลเนียล สีเหลืองอ่อนสวยงาม ด้านในตกแต่งด้วยของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ไทยโบราณ มีที่นั่งหลากหลายมุม
เมนูที่ห้ามพลาด อาทิ แกงคั่วหอยขมใส่เห็ดเผาะ, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, ทอดมันกุ้ง, ทอดมันปลาเห็ด, กุ้งทอดราดซอสมะขาม, ยำถั่วพู, ยำมะม่วง, ยำตะไคร้, ยำหัวปลี, ยำยอดกะถิน, ผัดผักหวานบ้าน, ผัดผักแม้ว, ข้าวผัดปลาเค็ม, ผัดวุ้นเส้น, น้ำพริกหมูเค็ม และเป็ดร่อน เป็นต้น
ที่ตั้ง : ถนนอู่ทอง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.30 น.
ไอศกรีมกะทิเจ้หมวย ตลาดโคกมะตูม
ร้านไอศกรีมกะทิสูตรโบราณที่อร่อยเด็ดมากที่สุดร้านหนึ่งของเมืองพิษณุโลก เปิดขายมายาวนานหลายสิบปี ตัวร้านตั้งอยู่ด้านหลังตลาดโคกมะตูม (ซอยระหว่างถนนสุรงคเดชาและถนนวิเศษไชยชาญ) เป็นรถเข็นเล็ก ๆ ความอร่อยของไอศกรีมกะทิร้านนี้อยู่ตรงความหอมมัน คุณป้าเจ้าของร้านจะเลือกใช้เฉพาะกะทิอย่างดี ไม่เติมแต่งความหวานมากนัก จึงทำให้กินได้เรื่อย ๆ ไม่หวานเลี่ยน จะกินกับมันเชื่อม เฉาก๊วย ลอดช่อง หรือลูกจากก็อร่อย ถ้าไม่เอาเครื่องเคียงต่าง ๆ ก็ได้ กินแต่ไอศกรีมล้วน ก็อิ่มฟินโดนใจ เริ่มต้นที่ถ้วยละ 20 บาทเท่านั้น
ที่ตั้ง : หลังตลาดโคกมะตูม (ซอยระหว่างถนนสุรงคเดชาและถนนวิเศษไชยชาญ) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. (หรือจนกว่าไอศกรีมจะหมด)
นาข้าวคาเฟ่
คาเฟ่บรรยากาศดีอีกแห่งของพิษณุโลก โดยเฉพาะใครที่ชอบวิวทิวทัศน์ของท้องทุ่งนาข้าวเขียว ๆ นาข้าวคาเฟ่ มีให้นั่งชิลนั่งชมได้ตลอดทั้งวัน ตัวร้านออกแบบในสไตล์โมเดิร์น มีกลิ่นอายแบบโรงนาในยุโรปหน่อย ๆ เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางท้องนากว้าง มองเห็นวิวได้รอบทิศทางด้วยผนังกระจก บริเวณด้านนอกร้านก็มีการจัดทำศาลานั่งแบบซุ้มไม้ไผ่ไว้ให้ด้วย เผื่อใครอยากสัมผัสกับท้องทุ่งอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ นอกจากนี้ก็มีเมนูเครื่องดื่มทั้งร้อน-เย็น อาหารคาว และขนมหวานให้เลือกอิ่มอร่อยหลากหลายเมนู
ที่ตั้ง : ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมืองพิษณุโลก
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-23.00 น.
เฟซบุ๊ก : นาข้าว คาเฟ่’
ทั้งนี้พิษณุโลกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ สนุก ๆ บรรยากาศดีอีกหลายแห่ง อยากให้ลองมาเที่ยวด้วยตัวเองกันสักครั้ง หรือใครพอมีเวลาสัก 3 วัน 2 คืน จะลองตามรอยเที่ยวในแบบฉบับที่เรานำเสนอก็ได้ ปรับเปลี่ยนกันไปตามความสะดวกของแต่ละคน ความประทับใจแบบนี้จะไม่สามารถรับรู้ได้เลยหากไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ทริปครั้งต่อไปก็ลองพิจารณาพิษณุโลกกันนะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก
ชุมชนบ้านผารังหมี
museumthailand.com, thailandtourismdirectory.go.th, ททท., thailandtourismdirectory.go.th, park.dnp.go.th และ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จ่าทวี พิษณุโลก