พาไปตะลุยหลวงพระบาง ประเทศลาว ในแบบฉบับ 3 วัน 2 คืน พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลวงพระบาง รวมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟน่านั่ง ที่พัก และวิธีการเดินทางที่แสนสะดวกสบาย มีเวลานิดเดียวก็เที่ยวได้ แถมยังไม่ต้องใช้วีซ่าด้วย
หลวงพระบาง ประเทศลาว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศใกล้ไทยที่น่าไปเที่ยวสัมผัสกันสักครั้ง โดยเฉพาะใครที่ชอบเมืองขนาดกะทัดรัด อยู่ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขาและสายน้ำ มีกลิ่นอายของเมืองเก่ามากเสน่ห์ อาคารสไตล์โคโรเนียลเรียงรายทอดยาวไปตามท้องถนน พร้อมกับมีวัดวาอารามแบบล้านช้างคั่นกลางเป็นระยะ ๆ บอกเลยว่าจะต้องตกหลุมรักกับเมืองมรดกโลกแห่งนี้อย่างแน่นอน
และหลังจากที่เราได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนหลวงพระบาง รู้สึกว่าเมืองนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับการหลบไปพักผ่อนหย่อนใจสั้น ๆ ในช่วงวันหยุด จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวหลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน กัน มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พักสวย ๆ รวมถึงการเดินทางไปยังหลวงพระบางด้วย ทริปนี้เก็บอะไรดี ๆ มาฝากเพียบ ขอเริ่มด้วย...
การเดินทางไปเที่ยวหลวงพระบางจากเมืองไทย วิธีที่คลาสสิกมาก ๆ ก็คือ การนั่งรถโดยสารประจำทางและล่องเรือเข้าไป แต่เดี๋ยวนี้มีทางเลือกให้กับคนที่มีเวลาน้อยแล้วนะ เพราะมีสายการบินที่ให้บริการเส้นทางบินตรงไปยังหลวงพระบางแล้ว
ในครั้งนี้เราก็เดินทางสะดวกสบายด้วยเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง จากสายการบินแอร์เอเชีย ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น นั่งกินข้าวบนเครื่องบินยังไม่ทันย่อยหมดกระเพาะก็ถึงหลวงพระบางแล้ว มีบินตรงทุกวันด้วยนะ ใครว่างวันไหนก็บินไปได้เลย :)
ดูรายละเอียดการเดินทางไปหลวงพระบางเพิ่มเติมได้ที่
สายการบินแอร์เอเชีย
หลวงพระบางมีที่พักให้เลือกพักผ่อนเยอะมาก ๆ แถมยังมีหลากหลายแบบ ทั้งโรงแรม รีสอร์ต หรือโฮลเทล ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพักแถว ๆ ในตัวเมืองเก่า เพราะสะดวกสบายในการเดินทาง แต่ครั้งนี้เราขอลองอีกหนึ่งประสบการณ์ของการพักผ่อนในหลวงพระบาง ด้วยการเข้าพักที่ “โรงแรมพูลแมน หลวงพระบาง” ซึ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2561 นอกจากจะใหม่แกะกล่องแล้ว ก็ยังเป็นโรงแรมพูลแมนเพียงแห่งเดียวในประเทศลาวด้วย
ระดับพูลแมนแล้วก็ต้องไม่ธรรมดา...จริงไหม ที่นี่ก็เลยตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางมากกว่า 100 ไร่เลยล่ะ เราได้มีโอกาสทัวร์รอบ ๆ บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก รอบด้านเต็มไปด้วยป่าเขา มีทุ่งนาเขียว ๆ รายล้อมรอบที่พัก อากาศก็สดชื่น มีลมเย็น ๆ พัดตลอดเวลา เงียบสงบมาก แค่ได้นั่งพักนอนพักสักมุมหนึ่งของที่นี่ก็ฟินแล้ว แต่ความพิเศษของที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่นั้นนะ
เริ่มกันที่การออกแบบและตกแต่งทั้งด้านนอกและภายในห้องพัก บอกเลยว่าสวยหรูสมกับความเป็นพูลแมนจริง ๆ สามารถผสมผสานระหว่างศิลปะลาวและความทันสมัยให้เข้ากันได้อย่างดี อีกทั้งยังดูกลมกลืนกับธรรมชาติรอบด้านด้วย มีสระว่ายน้ำกว้าง มองเห็นขุนเขาที่โอบล้อมอยู่รอบ ๆ วิวแบบนี้มันสวรรค์ชัด ๆ
ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบสวีตและวิลล่า ห้องพักตกแต่งสวยมาก มีระเบียงโล่งกว้าง เห็นวิวข้างนอกชัดเจน เตียงใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบ ห้องอื่น ๆ ก็ดีงามเช่นกัน
นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีฟิตเนส สปา และห้องอาหาร ซึ่งในส่วนของห้องอาหารนี่จะพิเศษหน่อย ตรงที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน มีทั้งหมด 3 ห้อง คือ ห้องอาหาร H2O Pool Bar, ห้องอาหาร The Junction และห้องอาหาร L’Atelier แต่ละแห่งตกแต่งสวยงามแตกต่างกันไป มีอาหารและเครื่องดื่มไว้รองรับเพียบ
ดูรายละเอียดหรือจองที่พักโรงแรมพูลแมน หลวงพระบาง ได้ที่
www.pullman-luangprabang.com
สถานที่ท่องเที่ยวหลวงพระบาง
ถึงแม้ว่าหลวงพระบางจะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจให้ไปเที่ยวชมไม่น้อยเลย เที่ยว 3 วัน 2 คืน ได้เพลิน ๆ ซึ่งครั้งนี้เราก็ไปเก็บที่เที่ยวเด่น ๆ มาฝากเยอะอยู่เหมือนกัน บางสถานที่คนไทยก็ยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก และยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟบรรยากาศดี น่านั่ง ให้ตามรอยไปเช็กอินหลายแห่ง จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน
1. วัดใหม่สุวรรณภูมาราม
เป็นวัดแรกที่ได้ไปเยี่ยมเยือนในทริปนี้ ตัววัดตั้งอยู่บนถนนสีสว่างวงศ์ ใกล้กับพระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ชาวบ้านจะเรียกกันสั้น ๆ ว่า “วัดใหม่” ซึ่งคนที่นี่บอกว่าเป็นวัดที่หรูหราที่สุดแล้วในหลวงพระบาง แต่ก็สวยจริง ๆ ตัวพระอุโบสถและวิหารต่าง ๆ มีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะล้านช้าง หลังคาพระอุโบสถจะซ้อนลดหลั่นกันลงมาทั้งหมด 5 ชั้น มีช่อฟ้าสีทองเหลืองอร่ามประดับอยู่ด้านบน
เดินเข้าไปด้านหน้าพระอุโบสถจะเห็นกำแพงที่มีภาพลงรักปิดทองเต็มผนัง เหลืองทองอร่าม ดูอลังการมาก พอหันมาที่เสาด้านหน้าก็ประดับประดาลงรักปิดทองด้วย ที่นี่สามารถเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 10,000 กีบ/คน แต่งกายสุภาพด้วยนะ
2. วัดเชียงทอง
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของหลวงพระบางก็ว่าได้ เพราะถ้าไม่ไปเยือนที่นี่ก็เหมือนทริปเที่ยวหลวงพระบางจะไม่สมบูรณ์เท่าไร ด้วยที่นี่มีสถาปัตยกรรมสมัยล้านช้างที่สวยสมบูรณ์มาก อย่างพระอุโบสถ หลังคาก็มีลักษณะแอ่นโค้งลดหลั่นกันลงมา 3 ชั้น ด้านบนประดับด้วยช่อฟ้ามากถึง 17 ยอด หมายถึงเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น ประตู หน้าต่าง หน้าบัน และบริเวณโดยรอบตกแต่งอย่างงดงาม
วันที่เราไปเยี่ยมชมวัดตรงกับช่วงสงกรานต์ของหลวงพระบางพอดี ซึ่งทางวัดจะอัญเชิญ “พระม่าน” ออกมาให้ชาวบ้านได้มาสรงน้ำพระกัน 1 ปีมีครั้งเดียวเท่านั้น โชคดีมาก ๆ ที่ได้มาคืนสุดท้ายของเทศกาล เลยได้สรงน้ำพระและมีโอกาสได้เห็นความงดงามของพระพุทธรูปสมัยล้านช้าง พร้อมกับได้เที่ยวชมวัดในยามค่ำคืน ได้มีโอกาสเข้าไปชมความสวยงามของ “พระองค์หลวง” พระประธานสีทองงามอร่ามตาภายในพระอุโบสถ
ไฮไลต์ของวัดนี้จะอยู่ที่ด้านหลังพระอุโบสถ จะมีภาพต้นทองสูงใหญ่ พร้อมด้วยสัตว์ในวรรณคดี ทั้งหมดตกแต่งด้วยกระจกสีตัด สวยงามสมคำร่ำลือ ขนาดเราไปช่วงกลางคืนยังรู้สึกได้ว่ามันสวยมาก ๆ ลองนึกถึงตอนที่ภาพนี้โดนแสงสิ มันจะระยิบระยับขนาดไหน
นอกจากนี้ในบริเวณใกล้ ๆ กันก็มีวิหารแดง, หอพระม่าน และโรงเมี้ยนโกศ ให้ได้ชมด้วยนะ ถ้ามาช่วงกลางวันก็จะได้เห็นความสวยงามทั้งหมด … จะว่าไปบรรยากาศในคืนนั้นดูคึกคัก แต่ไม่ได้อึกทึกครึกโครมเหมือนงานวัดบ้านเราในปัจจุบัน มันเหมือนกับการย้อนเวลากลับไปสู่งานวัดในช่วงสมัยก่อนนู้นเลย หนุ่มสาวเดินควงกันมาเป็นคู่ ๆ แต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง ผู้ชายห่มสไบ ผู้หญิงก็นุ่งซิ่นห่มสไบ เดินถือดอกไม้มาไหว้พระกัน เป็นภาพที่น่ารักมาก ๆ ^^
วัดเชียงทองเปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ปกติจะเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 20,000 กีบ/คน ควรแต่งกายสุภาพ
3. พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงเก่า สร้างขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1904 เพื่อเป็นที่พำนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ หรือเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระมหากษัตริย์องค์ที่ 12 ราชอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง และถือว่าเป็นกษัตริย์พระองค์แรกแห่งพระราชอาณาจักรลาวด้วย
ก่อนที่จะเดินเข้าไปถึงด้านในก็จะเจอกับหอพระบางก่อน เป็นอาคารแบบล้านช้างสีเหลืองทองสวยอร่าม ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของพระบางพุทธลาวัลย์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง ใครพอมีเวลาก็อย่าลืมแวะเข้าไปไหว้พระขอพรกันนะ
ส่วนพระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง จะต้องเดินผ่านทิวต้นตาลสูงใหญ่เข้าไปก่อน แล้วจะเห็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบโคโรเนียลผสมผสานกับศิลปะแบบล้านช้าง ด้านในจะเปิดให้เราเข้าชมหลายห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องบรรทม ห้องทรงงาน ห้องพระโรงใหญ่ ห้องพิธีการ และห้องรับแขก เป็นต้น มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ฉลองพระองค์ของกษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยนั้น พร้อมด้วยโบราณวัตถุที่สำคัญของประเทศลาว และของขวัญจากนานาประเทศให้ได้ชมด้วย
พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 08.00-11.30 น. และเวลา 13.30-16.00 น. ค่าเข้าชม 30,000 กีบ/คน ต้องแต่งกายสุภาพ
4. พระธาตุภูสี
สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดอีกแห่งของหลวงพระบาง จริง ๆ ที่นี่ไม่มีอยู่ในแผนเที่ยวครั้งนี้ เพราะเวลาน้อย แต่เป็นความบังเอิญมาก ๆ ที่ไปเดินเที่ยวแถวเมืองเก่า แล้วเห็นทางขึ้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม ลากขายาว ๆ รีบวิ่งวนขึ้นไปด้านบน ผ่านความทรมานของบันได 328 ขั้น เหนื่อยหอบเลยล่ะ แต่ก็คุ้มค่ามาก เพราะวิวด้านบนมันสวยจนลืมความเหนื่อยไปเลย
บริเวณจุดชมวิวจะอยู่ตรงพระธาตุ สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา ด้านหนึ่งจะมองเห็นแม่น้ำโขงไหลเอื่อยเลื้อยเลาะผ่านแนวเทือกเขามาเรื่อย ๆ ด้านหนึ่งเป็นเมืองหลวงพระบาง มีถนนทอดยาวเคียงคู่ไปกับลำน้ำคาน พร้อมกับมีแนวเทือกเขาสูงใหญ่เป็นฉากหลังสุดอลังการ ชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินฟินสุด ๆ ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว จะมีสายหมอกบาง ๆ ลอยละล่องเหนือเมือง อากาศเย็น ๆ โอ๊ย...โรแมนติกมาก อยากให้มาสัมผัสกันด้วยตาตัวเองสักครั้ง
การขึ้นไปยังยอดพระธาตุภูสีจะต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามพกพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นไปโดยเด็ดขาด เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. ค่าเข้าชม 20,000 กีบ/คน
5. ใส่บาตรข้าวเหนียว
ทริปนี้แอบใจแป้วหน่อย ๆ กลัวว่าจะไม่ได้ใส่บาตรเสียแล้ว เพราะฝนตกตอนเช้าทุกวัน แต่สุดท้ายก็ได้ไปใส่บาตรในวันสุดท้าย ฝนตกปรอย ๆ อากาศเย็น ๆ กำลังดี พระสงฆ์จะออกบิณฑบาตในช่วงราว ๆ 05.30 น. ชาวบ้านจะออกมานั่งรอเรียงแถวสวยงาม ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ก็จะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง ผู้หญิงนุ่งซิ่น สวมเสื้อสีขาว ห่มสไบ ผู้ชายก็แต่งกายสุภาพ ห่มสไบเช่นกัน
พอฟ้าเริ่มสว่างหน่อย ๆ ก็จะเห็นพระสงฆ์เดินเรียงรายฝ่าสายหมอกมาเรื่อย ๆ ชาวบ้านจะใช้มือค่อย ๆ ปั้นข้าวเหนียวให้เป็นก้อนแล้วใส่ลงในบาตรโดยที่ยังนั่งอยู่กับเก้าอี้ตัวเล็กหรือนั่งคุกเข่า ส่วนกับข้าวชาวบ้านจะนำไปถวายที่วัดอีกทีช่วงสาย ๆ เรียกว่า ถวายจังหัน แล้วก็จะอยู่รอฟังธรรมกันที่วัด
สำหรับใครที่อยากจะมาทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียว ก็สามารถมาได้ทุกวัน ควรมารอตั้งแต่เวลา 05.30 น. บริเวณด้านหน้าไปรษณีย์หลวงพระบาง บนถนนสีสว่างวงศ์ หน้าวัดเชียงทอง หน้าโรงเรียนหลวงพระบาง และหน้าหอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง ส่วนข้าวเหนียวที่จะใส่บาตรก็หาซื้อได้ในบริเวณดังกล่าวเลย หรือจะบอกให้โรงแรมเตรียมให้ก็ได้ แต่ฝากไว้นิดหนึ่งว่าให้ระวังข้าวเหนียวร้อน ๆ ค่อย ๆ หยิบนะ...เดี๋ยวมือพอง :)
6. ตลาดเช้าหลวงพระบาง
ถือเป็นตลาดที่เปิดหูเปิดตามาก ๆ เพิ่งเข้าใจนิยามของคำว่าตลาดสดก็วันนี้ เพราะของที่จำหน่ายในตลาดนั้นสดขนาดที่ว่าเอาไก่ตัวเป็น ๆ ที่ยังนั่งขันรับวันใหม่อยู่มาขายกันเลยทีเดียว ตลาดเช้าที่นี่จะอยู่ในซอยเล็ก ๆ บนถนนกิทสะลาด (Kitsalat Rd.) ชาวบ้านจะขายกันง่าย ๆ ไม่มีโต๊ะก็เอาถุงปุ๋ยรองวางเทขายผักขายเนื้อกันแบบนั้นเลย
มีของป่าแปลกตาอย่างรังผึ้งสด ๆ, งู, จิ้งหรีด, ปลาแม่น้ำโขงตัวใหญ่ ๆ, หนูนา และนกป่า ฯลฯ ให้ได้เดินชมตาโตไปตลอดทาง และยังมีอาหารพื้นเมืองให้ได้ชิมลิ้มลองด้วย เผื่อใครหิวก็ซื้อกินเล่น ๆ ได้ ราคาไม่แพง เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น.
7. ตลาดมืดหลวงพระบาง
ตลาดมืด หรือที่บ้านเราเรียกว่าถนนคนเดินนั่นเอง ตั้งอยู่บนถนนสีสว่างวงศ์ บริเวณตั้งแต่ด้านหน้าศูนย์บริการท่องเที่ยวหลวงพระบาง ไปจนถึงบริเวณด้านหน้าพระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง รวมระยะทางราว ๆ 200-300 เมตร
มีร้านค้ากว่า 250 ร้าน ใครที่ชอบงานพื้นเมือง พวกงานหัตถกรรม, เสื้อผ้าพื้นเมือง, สิ่งทอ, เครื่องปั้นดินเผา, โบราณวัตถุ, ภาพวาดบนกระดาษสา, ผลิตผลกาแฟและชา, งานศิลปะ, เครื่องประดับพื้นเมือง, รองเท้า, กระเป๋า, เครื่องเงิน ฯลฯ ก็ลองไปเดินดูได้ สินค้าจะคล้าย ๆ กับตลาดทางภาคเหนือของไทย ราคาไม่ต่างกันเท่าไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ความชอบ ตลาดมืดเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น.
8. สะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำคาน
ถ้าหาสถานที่ถ่ายรูปเล่นชิค ๆ ก็แนะนำให้ลองไปสะพานไม้ไผ่ที่ทอดข้ามแม่น้ำคานแห่งนี้กัน ตั้งอยู่บริเวณถนน Kingkitsarath Rd. ใกล้กับโรงแรม Saynamkhan River View สะพานก็สร้างอย่างเรียบง่ายด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่นี่แหละ เพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินข้ามฝั่งไป-มาระหว่างเมืองเก่าและอีกฝั่งของน้ำคาน ก็เป็นอีกมุมของหลวงพระบางที่น่าไปถ่ายรูปเล่น เปิดทุกวัน มีค่าธรรมเนียมประมาณ 5,000 กีบ
9. น้ำตกตาดกวางสี
ทันทีที่ได้เห็นสีน้ำตก แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นน้ำตกที่เกิดจากธรรมชาติจริง ๆ เพราะมันเป็นสีฟ้าเขียวสวยใส รายล้อมไปด้วยป่าสีเขียวอุดมสมบูรณ์ บรรยากาศรอบด้านสดชื่นสุด ๆ ยิ่งพอเดินเข้าไปด้านใน ไปจนถึงชั้นที่สูงที่สุด ต้องอ้าปากค้างเลยทีเดียว เพราะนอกจากสีน้ำจะสวยมาก ๆ แล้ว ยังสูงกว่า 75 เมตรด้วย สายน้ำมากมายไหลลงมาจากลำธารด้านบน ขนาดอยู่ไกล ๆ ยังโดนละอองน้ำเลย ยืนมองอยู่นานพอสมควร เหมือนโดนมนตร์สะกดไปเลย เพราะมันสวยราวกับน้ำตกในวรรณคดีจริง ๆ
สำหรับใครที่อยากเล่นน้ำก็จะมีจุดให้ลงเล่นได้ มีร้านอาหารและห้องน้ำไว้บริการครบครัน เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. ค่าเข้าชม 20,000 กีบ/คน
10. ศูนย์อนุรักษ์หมี
ที่นี่เหมือนของแถมของการได้มาเที่ยวน้ำตกตาดกวางสี เพราะตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของน้ำตกตาดกวางสี แต่เอาจริง ๆ อยากให้แวะมาหาน้องเยอะ ๆ เพราะเป็นสถานที่ดูแลและช่วยเหลือหมีจากการลักลอบค้าสัตว์ป่าจากที่ต่าง ๆ ในประเทศลาว บางตัวน่ารักมาก เฟรนด์ลี่ ได้ชมกันแบบใกล้ชิด ด้วยภายในศูนย์จะจัดส่วนแสดงให้เปิดโล่งกว้าง มีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย มีสภาพคล้ายกับป่าย่อม ๆ เพื่อให้หมีได้พักฟื้นกับธรรมชาติอย่างแท้จริง มีทางเดินลัดเลาะไป-มารอบ ๆ พร้อมกับมีป้ายให้ความรู้ตลอดทางเดิน ส่วนหนึ่งของค่าเข้าชมน้ำตกตาดกวางสีก็จะนำมาบริจาคช่วยเหลือหมีเหล่านี้นี่แหละ
ทั้งนี้ถ้านักท่องเที่ยวอยากบริจาคเพิ่มเติมก็สามารถบริจาคได้ จะมีกล่องบริจาคอยู่ในพื้นที่ศูนย์อนุรักษ์ หรือจะอุดหนุนของที่ระลึกต่าง ๆ ไปเป็นของฝากก็ได้เช่นกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
freethebears.org
11. น้ำตกตาดแส้
ทริปนี้ไม่มีโอกาสได้ไป แต่เป็นอีกหนึ่งน้ำตกสวยของหลวงพระบางที่อยากแนะนำให้อยู่ในลิสต์นะ ตัวน้ำตกตั้งอยู่ห่างจากเมืองเก่าหลวงพระบางราว ๆ 15 กิโลเมตร พอไปถึงหมู่บ้านบ้านแอน ก็ต้องจอดรถไว้ที่นั่นแล้วนั่งเรือเข้าไปยังน้ำตกอีกประมาณ 10 นาที จากนั้นเดินเท้าขึ้นไปยังน้ำตกอีก 200 เมตร
น้ำตกตาดแส้มีลักษณะเป็นชั้นหินปูนลดหลั่นกันลงมาแล้วไหลลงสู่ลำน้ำคาน ซึ่งน้ำในน้ำตกจะเป็นสีฟ้าเขียวสวยใส มีแอ่งน้ำให้ได้ไปนั่งแช่นอนแช่ตัวกับสายน้ำเย็น ๆ และยังมีการจัดที่นั่งให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมวิวชมน้ำตกชิล ๆ มีสะพานไม้ให้เดินชมน้ำตกโดยรอบ บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด ถูกใจคนรักธรรมชาติแน่นอน ค่าธรรมเนียมเข้าเยี่ยมชมน้ำตก 15,000 กีบ/คน
12. Laos Buffalo Dairy
ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าหลวงพระบางจะมีที่เที่ยวแบบนี้ด้วย เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นภาพของเมืองเก่าและวัดวาอารามต่าง ๆ แต่พอได้ไปเที่ยว Laos Buffalo Dairy มาแล้วก็รู้สึกชอบและอยากบอกต่อ
Laos Buffalo Dairy จะตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าหลวงพระบางประมาณ 22 กิโลเมตร เป็นฟาร์มควายนมเพียงแห่งเดียวในหลวงพระบาง เผลอ ๆ จะมีเพียงแห่งเดียวในประเทศลาว ฟาร์มแห่งนี้ไม่ได้เลี้ยงควายนมอย่างเดียวนะ แต่ยังมีการทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมควายด้วย
การท่องเที่ยวที่นี่ ทางฟาร์มจะจัดเป็นกรุ๊ป ต้องจองล่วงหน้า แล้วพอถึงวันที่จองไว้ทางฟาร์มก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยพาเดินเที่ยวชมรอบ ๆ พร้อมกับให้ความรู้ต่าง ๆ ใครมีเวลาเยอะหน่อย ก็สามารถลองทำกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น การให้อาหารควาย, การอาบน้ำควาย, การให้อาหารวัวกระทิง, การให้อาหารกระต่าย/ไก่/หมู, การรีดนมวัว, การทำชีส เป็นต้น
แต่ที่ดูจะถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากที่สุด เห็นจะเป็นอาหารและไอศกรีม เพราะใส่ชีสนมควายมาแบบจัดเต็มมาก ไอศกรีมก็มีให้เลือกหลายรสชาติ แต่ที่ไม่ควรพลาดก็ขอยกให้รสช็อกโกแลต เข้มข้นดีต่อใจสุด ๆ ใครติดใจผลิตภัณฑ์อะไรก็สามารถซื้อกลับบ้านได้นะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
laosbuffalodairy.com
13. Mandalao Elephant Camp
ศูนย์อนุรักษ์ช้างมันดาลาว อยู่ห่างจากเมืองเก่าหลวงพระบางประมาณ 30 นาที เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ให้ประสบการณ์แตกต่างจากแคมป์ช้างอื่น ๆ ที่เราเคยไปเยี่ยมชมมาเลย เพราะที่นี่จะรณรงค์ไม่ให้ขี่ช้าง ไม่ให้ล่ามโซ่ช้าง จะเลี้ยงแบบปล่อยช้างให้เป็นอิสระอยู่ในป่าเลย จะคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์เป็นหลัก มีเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ใครสนใจที่จะเข้ามาเยี่ยมชมก็สามารถมาเที่ยวได้ เพราะทางศูนย์จะจัดเป็นทริปสั้น ๆ ให้นักท่องเที่ยว มีทั้งแบบครึ่งวันเช้า, ครึ่งวันบ่าย และเต็มวัน ดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่
mandalaotours.com และ
เฟซบุ๊ก MandaLao Elephant Conservation
14. ศูนย์หัตถกรรมผ้าทอออกพบตก (Ock Pop Tok)
ตั้งอยู่ริมฝั่งโขง ห่างจากพระบรมมหาราชวังหลวงพระบางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ที่นี่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คนได้อย่างดีทีเดียว เพราะก่อตั้งโดยคุณ Joanna Smith หญิงชาวอังกฤษ และคุณ Veomanee Douangdala หญิงชาวลาว ซึ่งอยู่กันคนละทวีปคนละฟากโลก แต่ก็เพราะความชอบผ้าทอเหมือนกัน จึงทำให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันและเปิดเป็นศูนย์ผ้าทอแห่งนี้ขึ้น กลายเป็นที่มาของคำว่า "ออกพบตก"
จากแต่เดิมที่เป็นเพียงศูนย์เล็ก ๆ มีพนักงานอยู่ไม่ถึง 10 คน ทั้งสองคนก็พยายามผลักดันให้ศูนย์ก้าวหน้า จนตอนนี้ขยายเป็นศูนย์ผ้าทอขนาดใหญ่ มีแม่บ้านและหญิงสาวชาวลาวร่วมด้วยมากกว่า 500 คน นอกจากจะช่วยอนุรักษ์ผ้าทอของหลวงพระบางแล้ว ก็ยังสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับผู้หญิงลาวด้วย
ภายในศูนย์หัตถกรรมผ้าทอออกพบตก จะมีทั้งการสาธิตให้ชมการทอผ้าแบบโบราณ และยังมีช็อปขายสินค้าด้วย ถูกใจคนชอบงานคราฟต์แน่นอน เพราะมีจำหน่ายทั้งเครื่องนุ่งห่ม, ของตกแต่งบ้าน, เครื่องประดับ, กระเป๋า, ผ้าพันคอ, พวงกุญแจ ฯลฯ นอกจากนี้ก็มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ไว้รองรับ มีจุดชมวิวริมแม่น้ำโขงสวย ๆ ด้วยนะ
เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมทุกวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ockpoptok.com
15. ศูนย์ศิลปะและชนเผ่าวิทยา (Traditional Arts and Ethnology Center)
ศูนย์ศิลปะและชนเผ่าวิทยา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าอีกเช่นกัน มีลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับชนเผ่า 4 ชนเผ่า คือ อาข่า, ม้ง, ไทดำ และขมุ ด้านในจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และการดำเนินวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่าให้ชมกัน มีร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกเล็ก ๆ ให้ซื้อของฝากสวย ๆ กันด้วย
เปิดให้เข้าเที่ยวชมวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ค่าเข้าชม 25,000 กีบ/คน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
taeclaos.org
16. ร้านตำหมากหุ่งแม่ติ๋ม
ร้านส้มตำรสเด็ด ตั้งอยู่บนถนน Kounxoau Rd. ด้านข้างวัดหนองสีคูนเมือง (Vat Nong Sikhounmuang) เป็นร้านส้มตำขึ้นชื่อของหลวงพระบางเลยก็ว่าได้ เพราะรสชาติส้มตำของป้าติ๋มนั้นนัวได้ใจจริง ๆ
ป้าจะใช้มะละกอสดใหม่ ฝานเป็นเส้นใหญ่ ๆ บาง ๆ ตำกับเครื่องต่าง ๆ ปรุงรสเข้มข้น เอาข้าวเหนียวร้อน ๆ จิ้มลงไปในน้ำส้มตำ หรือจะกินกับเส้นส้มตำก็ได้ อร่อยแซ่บ ช่วยให้หายคิดถึงส้มตำที่ไทยไปได้ชั่วขณะ ยิ่งถ้ากินคู่กับไส้อั่วหมู, ซี่โครงหมูทอด, แหนมหมูทอด, ไก่ย่าง ฯลฯ ก็ยิ่งอร่อย หยิบจับเข้าปากกันมือพัลวันเลยทีเดียว
17. Governor's Grill @ Sofitel Luang Prabang
มาหลวงพระบางครั้งนี้ ขอไปชิมลิ้มลองอาหารอร่อย ๆ ที่ห้องอาหาร Governor's Grill แห่งโรงแรมโซฟิเทล หลวงพระบาง สักหน่อย เป็นร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ จัดเป็นเต็นท์กลางสนามหญ้า รายล้อมไปด้วยสวนสวยและต้นไม้น้อยใหญ่
มีเมนูอาหารให้เลือกกินเยอะเลย ทั้งสไตล์ยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะใครที่อยากลิ้มรสเนื้อควาย ที่นี่เขาพร้อมเสิร์ฟให้หลากหลายเมนู แต่เมนูที่น่าสนใจอื่น ๆ ก็มีทั้ง Bourguignon, Skewers, Stroganoff, Rib Steak 250g, Naem Khao, Chicken Curry, Pho Noodle Soup, NZ Lamb Chops เป็นต้น เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-22.00 น. ต้องจองล่วงหน้าด้วยนะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
sofitel-luangprabang.com
18. Carpe Diem Restaurant
ร้านนี้ขอให้จดไว้ในลิสต์เที่ยวหลวงพระบางเลย เพราะมีบรรยากาศที่สวยงามแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแน่นอน ตัวร้านตั้งอยู่ในน้ำตกตาดกวางสี มีน้ำตกสวยใสไหลผ่านร้านกันเลย อากาศเย็นสดชื่น ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อากาศก็ดี เมนูอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายเมนู ผสมผสานระหว่างอาหารแบบเอเชียและยุโรป พร้อมด้วยเครื่องดื่มอีกมากมาย เหมาะมาก ๆ สำหรับการมานั่งกินข้าวช่วงพักระหว่างวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Carpe Diem Restaurant
19. 3 Nagas Restaurant
เป็นอีกร้านอาหารหลวงพระบางในดวงใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม 3 Nagas Luang Prabang, MGallery by Sofitel บรรยากาศคลาสสิกมาก อยู่ในเรือนไม้ตรงข้ามกับตัวโรงแรม ซึ่งจะมีรถโฟล์กเก่าจอดเท่ ๆ อยู่ด้านหน้า เข้ากับสีสันของตัวตึกสีแดงขาวสไตล์โคโรเนียล
ที่ห้องอาหารจะมีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกนั่งดื่มด่ำกับอาหารพื้นเมืองหลวงพระบางชิล ๆ เมนูที่น่าสนใจ เช่น Khaiphaen Jeund, Mee Gouy Phan, Luang Prabang salad, Laab, Naem Tha-Deu, Sai Oua Mhoo, Khoua Mhoo Sai Khing, Khoua Sine Nghoua Sai Krathiem, Phanaeng Kai เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
3-nagas.com/gastronomy และ
3 Nagas MGallery by Sofitel
20. Joma Bakery Cafe สาขาน้ำคาน
ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงของหลวงพระบาง โดยปกติแล้วเราจะได้เห็นร้านโจมาบนถนนเจ้าฟ้างุ้ม ใกล้กับไปรษณีย์หลวงพระบาง แต่ครั้งนี้เราได้ลองไปเยือนสาขาน้ำคาน บรรยากาศดีไม่แพ้กันเลย เป็นอาคารไม้สวยงาม มี 2 ชั้น เปิดโล่งกว้าง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำคานได้ด้วย
สาขานี้ถ้ามาช่วงวันธรรมดาจะเงียบมาก เหมาะแก่การมานั่งชิลระหว่างวัน มากินขนมปังอบหอมกรุ่นอุ่น ๆ ที่เพิ่งออกจากเตา พร้อมกับจิบกาแฟและเครื่องดื่มเย็น ๆ หรือใครหิวก็มีเมนูอาหารเช้า, แฮมเบอร์เกอร์, ฟรุตสลัด, ผักสลัด และแซนด์วิช ฯลฯ ให้ได้อิ่มอร่อยกันด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
joma.biz
21. Saffron Coffee
ร้านกาแฟที่ได้รับการแนะนำจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดร้านหนึ่งในเมืองเก่าหลวงพระบาง ด้วยเป็นร้านกาแฟที่คัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพมาจัดเสิร์ฟให้กับลูกค้า ทำให้รสชาติกาแฟที่นี่อร่อยเข้มข้น เป็นขวัญใจของคอกาแฟเลยทีเดียว ทริปนี้จึงไม่พลาดที่จะแวะไปเช็กอิน
ตัวร้านตั้งอยู่บนถนนริมแม่น้ำโขง มีที่นั่งให้ลูกค้านั่งชิลทั้งในอาคารไม้เก่าและริมแม่น้ำ นักท่องเที่ยวชอบมานั่งแวะพักกินอาหารเช้า หรือจิบกาแฟเบา ๆ กัน เพราะบรรยากาศมันชิลดีทีเดียว ใครอยากกินขนมเขาก็มีจัดเสิร์ฟเหมือนกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก Saffron Coffee
และนี่คือทริปเที่ยวหลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน ที่เราหยิบมาแนะนำกัน หากใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศใกล้ ๆ ไทย เดินทางสะดวก ที่พักมีให้เลือกหลากหลาย เอาเป็นอยากให้ลองพิจารณาหลวงพระบางกันสักนิด เชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองไปสัมผัสกับที่นี่สักครั้ง จะต้องหลงรักหลวงพระบางจนหมดหัวใจ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
แอร์เอเชีย, พูลแมน หลวงพระบาง, tourismlaos.org, tourismluangprabang.org, Tourismluangprabang, visit-laos.com, Carpe Diem Restaurant, sofitel-luangprabang.com, Saffron Coffee, joma.biz, ockpoptok.com, MandaLao Elephant Conservation, laosbuffalodairy.com, freethebears.org, 3 Nagas MGallery by Sofitel และ taeclaos.org