ตะลุยเที่ยวภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น กับ 9 จุดเช็คอิน (ไม่) ลับ ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก

          ตะลอนเที่ยวภูมิภาคคันไซ อีกหนึ่งภูมิภาคสำคัญของญี่ปุ่น แหล่งศูนย์รวมมรดกโลก ธรรมชาติ และวัฒนธรรม ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับเสน่ห์ท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ๆ แบบไม่รู้จบ
          ภูมิภาคคันไซ อีกหนึ่งภูมิภาคสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 6 จังหวัดสำคัญ ได้แก่ จังหวัดชิงะ (Shiga), จังหวัดนารา (Nara), จังหวัดวากายะมะ (Wakayama), เกียวโต (Kyoto), โอซาก้า (Osaka) และจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) และสำหรับบางแหล่งข้อมูล เมื่อนับรวมจังหวัดมิเอะ (Mie) เข้าไป จะเรียกว่าภูมิภาคคิงขิ
          และถ้าดูจากรายชื่อจังหวัดทั้งหมดในภูมิภาคคันไซ ชื่อของ "โอซาก้า" น่าจะอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวไทยมากที่สุด เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันการท่องเที่ยวแบบเต็มรูปแบบ ทั้งเที่ยว กิน และช้อป รวมเอาไว้ในที่เดียว แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเมืองและจังหวัดอื่น ๆ ของภูมิภาคนี้จะไม่มีอะไรให้เราได้เที่ยวนะคะ ตรงกันข้าม...กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงามในแบบฉบับของตัวเอง แถมยังมีที่เที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก วันนี้แหละเป็นโอกาสดีที่เราจะชวนเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักและเปิดมุมมองท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของภูมิภาคคันไซให้มากขึ้นกัน บอกเลยว่าถ้าได้ไปแล้วจะหลงรักหมดหัวใจ

          สำหรับการเดินทางไปยังภูมิภาคคันไซก็แสนจะสะดวก เพราะมีเที่ยวบินบินตรงสู่ "โอซาก้า" ได้เลย ซึ่งสายการบิน "นกสกู๊ต" (NokScoot) ได้เปิดเที่ยวบินเส้นทางใหม่จากสนามบินนานาชาติดอนเมือง สู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น (จำนวน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์) ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 ลำใหญ่ รองรับผู้โดยสารมากถึง 415 ที่นั่ง ไว้คอยให้บริการสามารถตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่ เว็บไซต์ nokscoot.com

          ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยพื้นที่นั่งกว้างขวาง มีพื้นที่สำหรับเหยียดขาได้มากขึ้น (หัวเข่าไม่มีติดเบาะที่นั่งข้างหน้าแน่นอน) นั่งสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด นั่งได้ยาว ๆ ลงจากเครื่องมาไม่มีอาการเหน็บชาเลยสักนิด

          หลังจากที่นั่งเครื่องมาเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง เราก็เดินทางถึงสนามบินนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมเข้าสู่ปฐมบทของการเริ่มต้นเที่ยวภูมิภาคคันไซอย่างเป็นทางการ อย่างที่บอกไปแล้วว่า การมาญี่ปุ่นครั้งนี้ เราอยากจะชวนทุกคนให้มาสัมผัสและเปิดมุมมองท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของภูมิภาคคันไซไปพร้อม ๆ กัน โดยจุดหมายปลายของเราจะอยู่ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเฮียวโงะ เกียวโต และปิดท้ายที่จังหวัดชิงะ และเราจะคัดเอาแต่ละจุดเช็คอิน (ไม่) ลับ มาบอก ให้เพื่อน ๆ ได้เที่ยวตามรอยกัน...
 

          เริ่มต้นการเดินทางของทริปนี้ที่ "เมืองโกเบ" (Kobe) จังหวัดเฮียวโงะ เมืองท่าขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น ตลอดสองข้างทางจะเห็นอาคารบ้านเมือง ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นและตะวันตก ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางถนน

          นอกเหนือไปจากเนื้อโกเบที่ขึ้นชื่อลืมชาในเรื่องความอร่อย เมืองนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะเป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย และตอบสนองไลฟ์สไตล์การเที่ยวทุกรูปแบบ ใครอยากเที่ยวสายธรรมชาติ ก็ไปสูดอากาศดี ๆ ได้ที่ภูเขาร็อคโค ใครอยากชิลที่นี่ก็มีแหล่งแช่อนเซ็นชิล ๆ หรือใครถนัดช้อปปิ้ง ที่นี่ก็มีทั้งร้านค้าและร้านอาหารเจ๋ง ๆ ให้คุณเช็คอินแบบไม่อั้น...

จุดเช็คอินที่ 1 กินลมชมวิวที่ภูเขาร็อคโค (Mount Rokko)

          ภูเขาร็อคโค ตั้งอยู่ที่เมืองโกเบ ในจังหวัดเฮียวโงะ ด้วยระดับความสูง 931 เมตรจากระดับน้ำทะเล หนึ่งในแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติจะต้องหลงรักเข้าอย่างจัง ด้วยบรรยากาศและทัศนียภาพที่สวยงาม ยิ่งถ้าใครมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่น (ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) สองข้างทางระหว่างขึ้นภูเขา จะประดับประดาด้วยหิมะขาวโพลน แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่วิวสวยอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ เพราะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ อยู่อีกหลายแห่ง เช่น

- Rokko International Musical Box Museum

          พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมกล่องดนตรีเอาไว้เยอะมาก มีทั้งแบบน่ารักมุ้งมิ้ง ทั้งแบบหาดูยาก แต่ละชิ้นมีความพิเศษที่ไม่ธรรมดา (รับรองว่าไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนแน่ ๆ)

          ชมการแสดงคอนเสิร์ตกล่องดนตรีจากทั่วทุกมุมโลก

          และร่วมกิจกรรมสนุก ๆ อย่างเวิร์คช็อปทำกล่องดนตรีกันแบบเพลิน ๆ

- Rokko Garden Terrace

          หนึ่งในจุดชมวิวแบบพาโนรามาที่น่าชมที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มองออกไปเบื้องหน้า คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวอ่าวโอซาก้าและเมืองโกเบแบบเต็ม ๆ

          โดยรอบของบริเวณจุดชมวิว ยังมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก ให้เราได้เดินไปชมวิวได้ตามอัธยาศัย ท่ามกลางอาคารในสไตล์ตะวันตก พอบวกกับอากาศเย็น ๆ ก็ทำให้ที่นี่ดูเหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเทพนิยาย แถมหลายคนก็เลือกที่นี่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สุดแสนจะโรแมนติกเว่อร์

- Rokko Shidare Observatory

          ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับ Rokko Garden Terrace สวยงามด้วยการออกแบบอาคารโดมที่เป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเหมือนดอกไม้ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยวิวสวย ๆ แบบพาโนรามา

- Rokko Snow Park

          ลานสกีหิมะเทียมบนยอดเขา ทำให้เริ่มเข้าสู่ฤดูสกีได้เร็วกว่าลานสกีอื่นในภูมิภาคคันไซ สนุกไปกับกิจกรรมสุดฮิตของญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว หรือถ้าใครเล่นไม่เป็น ที่นี่ก็มีคลาสสอนเล่นสกีสำหรับคนต่างชาติอีกด้วย มีแผ่นเลื่อนหิมะให้สไลด์เล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่ต้องห่วงในเรื่องอุปกรณ์ เพราะที่นี่มีบริการให้เช่าอุปกรณ์ไว้พร้อม

จุดเช็คอินที่ 2 โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) แหล่งรวมความบันเทิงครบครัน

          แหล่งรวมความบันเทิงและช้อปปิ้งที่หลากหลายและโด่งดังมากที่สุดของเมืองโกเบ ละลานตาไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และสวนสนุก เลยทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของชาวเมืองเลยก็ว่าได้

          ในส่วนของห้าง Kobe Harbourland umie ยังมีชิงช้าสวรรค์ ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวแม่น้ำสวย ๆ และท่าเรือโกเบกันให้หนำใจ ยิ่งถ้าใครมาช่วงเย็น ๆ ดึก ๆ ชิงช้าสวรรค์นี้ก็จะถูกประดับด้วยแสงสี ส่องแสงสว่างยามค่ำคืน จากแหล่งท่องเที่ยวคึกคัก ๆ ก็กลายเป็นสถานที่สุดโรแมนติกไปในชั่วพริบตา

จุดเช็คอินที่ 3 สวนเมริเคน (Meriken Park)

          เดินออกมาไม่ไกลจากโกเบฮาร์เบอร์แลนด์ ก็จะเจอกับแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอีกหนึ่งแห่งของชาวเมืองโกเบ อย่าง "สวนเมริเคน" ลองคิดดูแล้วกันว่า...จะมีสวนสาธารณะสักกี่ที่ในโลกที่อยู่ติดริมทะเลแบบนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนที่ออกมาเดินเล่น ถ่ายรูปกันอย่างมีความสุข พอตกช่วงกลางคืน สวนเมริเคนก็จะถูกประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีสัน จากสวนสาธารณะธรรมดา  ๆ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่จะทำให้คุณต้องร้อง "ว้าวววววววว !" ออกมาดัง ๆ

          นอกจากความชิล ชิล และชิลแล้วนั้น ในสวนเมริเคนยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอย่าง "หอคอยโกเบ" (Kobe Port Tower) สัญลักษณ์สำคัญของเมืองอีกด้วยค่ะ

จุดเช็คอินที่ 4 อาริมะ อนเซ็น (Arima Onsen) แหล่งอนเซ็นเมืองเก่าแห่งโกเบ

          อย่างที่รู้กันดีว่าคนญี่ปุ่นรักการแช่อนเซ็นเป็นชีวิตจิตใจ ที่เมืองโกเบเองก็มีแหล่งอนเซ็นเก่าแก่ ไว้ให้คุณได้ผ่อนคลายด้วยเช่นกัน อย่างที่ "อาริมะ อนเซ็น" ว่ากันว่าที่นี่เป็นเมืองอนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น พลาดไม่ได้กับอนเซ็นเท้า โดยน้ำอนเซ็นของที่นี่จะแตกต่างไปจากที่อื่น มีลักษณะสีน้ำตาลแดง หรือที่เรียกว่า "คินเซ็น" เกิดจากต้นน้ำที่มีลักษณะโปร่งไร้สี เช่นเดียวกับน้ำอนเซ็นทั่ว ๆ ไป แต่เพราะมีธาตุเหล็กผสมอยู่เยอะ เมื่อสัมผัสกับอากาศจึงเกิดปฏิกิริยา ทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงดังที่เราเห็น

          ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะมีขนาดเล็ก ๆ แต่บริเวณโดยรอบก็มีที่พักอนเซ็นและร้านค้าน่ารัก ๆ กระจายอยู่เต็มสองฝั่งถนน ชวนให้เราต้องเข้าแวะกันตลอด ๆ สำหรับใครที่มาถึงที่นี่แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำและไม่ควรพลาด นั่นคือ การแวะมาชิม "เซมเบ้โซดา" (Tansan senbei) หนึ่งในขนมขึ้นชื่อของอาริมะ อนเซ็น ความอร่อยที่เป็นจุดเด่น อยู่ที่ความบางกรอบ ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานละมุน ซึ่งทำมาจากน้ำอนเซ็นของอาริมะ ที่มีกรดคาร์บอนิกมาผสมอยู่ในตัวมาทำขนมนั่นเอง ลองได้ชิมดูสักแผ่น จะเกิดอาการติดใจ กินกี่ชิ้นก็ไม่มีเบื่อ…

จุดเช็คอินที่ 5 คิโนซากิ อนเซ็น (Kinosaki onsen) เมืองสวรรค์ของคนรักอนเซ็น

          ใครที่ยังติดใจการแช่อนเซ็นไม่หาย เดินทางออกจากโกเบขึ้นมาทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ คุณจะเจอเมืองน่ารัก ๆ ที่ชื่อว่า "คิโนซากิ อนเซ็น" เป็นที่ร่ำลือกันว่าที่นี่เป็นเหมือนสรวงสวรรค์ของคนที่รักการแช่อนเซ็นเลยทีเดียว เพราะมีบ่อน้ำพุร้อนถึง 7 แห่ง รับรองเลยว่านักท่องเที่ยวจะได้เต็มอิ่มกับการแช่อนเซ็นในเมืองนี้อย่างจุใจ

          หรือถ้าใครอยากที่จะสัมผัสบรรยากาาศของเมืองนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม เราแนะนำให้คุณลองใส่ชุดยูคาตะ (ซึ่งมีร้านให้บริการเช่าชุด) เดินเล่นและถ่ายรูปสวย ๆ ซึ่งมีแลนด์มาร์กน่าถ่ายรูปอยู่เพียบ แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมถ่ายบริเวณสะพานข้ามคลอง ซึ่งเราจะเห็นสะพานลักษณะนี้กระจายอยู่หลายจุดทั่วทั้งคิโนซากิ อนเซ็น เอาเข้าจริง ๆ แล้วใครที่ไม่ได้แช่อนเซ็น แค่ได้มาเดินถ่ายรูปสวย ๆ ก็คุ้มค่าแล้วค่ะ

          หลังจากเต็มอิ่มกับการแช่อนเซ็นกันแล้ว คราวนี้เราขอพาคุณข้ามจังหวัดเดินทางกันต่อที่ "เกียวโต" อดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน นอกเหนือไปจากเป็นแหล่งต้นกำเนิดวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว เกียวโตยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามอีกมากที่รอให้คุณมาเยี่ยมชม...

จุดเช็คอินที่ 6 จุดชมวิวทะเลสวยติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นที่ อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate)

          จุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่เมืองมิยาสึ (Miyazu) ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต เมื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า คือ สันทรายสีขาวที่มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร โผล่พ้นน้ำทะเล เป็นที่สะดุดตาสายตานักท่องเที่ยวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวแปลก ๆ ใหม่ ๆ การันตีจากการติด 1 ใน 3 ของวิวชายทะเลที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น รองมาจากอันดับ 1 และ 2 อย่างมิยาจิมะ (Miyajima) และอ่าวมัตสึชิมะ (Matsushima)

          นอกจากจุดชมวิวสวย ๆ ที่เราจะได้เห็นแล้ว ด้านบนของจุดชมวิวยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย บรรยากาศเหมือนจำลองสวนสนุกมาไว้ที่นี่กันเลยทีเดียว มีทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และร้านคาเฟ่ให้เรานั่งซึมซับความสุขของที่นี่กันแบบชิล ๆ

จุดเช็คอินที่ 7 ชมหมู่บ้านประมงริมทะเลที่ อิเนะ (Ine)

          เดินทางขึ้นเหนือจากอามาโนะฮาชิดาเตะ ไปต่อกันที่ "อิเนะ" หนึ่งในเมืองที่มีเอกลัษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนคาบสมุทรทังโกะ (Tango Peninsula) ในเกียวโต สัญลักษณ์สำคัญคู่เมืองแห่งนี้ นั่นคือ หมู่บ้านชาวประมง ที่ยังคงรักษาแบบบ้านดั้งเดิมที่แสนเรียบง่าย สงบ และไม่หวือหวา ชั้นล่างของบ้านเป็นที่เก็บเรือ ที่เชื่อมกับทะเลสาบ ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย รายล้อมด้วยภูเขาขนาดใหญ่ เป็นทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย

          การล่องเรือชมอ่าวอิเนะ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมหมู่บ้านประมงแห่งนี้ เรือจะพาคุณดื่มด่ำไปกับภูมิทัศน์ของหมู่บ้าน แถมยังพ่วงด้วยกิจกรรมสนุก ๆ อย่างการให้อาหารฝูงนกนางนวล ที่บินฉวัดเฉวียนเฝ้ารออาหารจากนักท่องเที่ยวแบบไม่ละสายตา แถมเจ้านกนางนวลแถวนี้ก็พิกัดแม่นเว่อร์ ลงมาโฉบอาหารจากมือทีไร ได้อาหารกลับไปด้วยทุกที กินอิ่มกันทุกตัว

          หลังจากสัมผัสอีกหนึ่งแง่มุมของเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงจุดหมายปลายทางจุดสุดท้ายของการท่องเที่ยวภูมิภาคคันไซกันที่ "จังหวัดชิกะ" หนึ่งในหลาย ๆ จังหวัดของญี่ปุ่นที่มีลักษณะภูมิประเทศโดดเด่น มีทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นตั้งอยู่กึ่งกลางจังหวัด ล้อมรอบด้วยปราการธรรมชาติอย่างภูเขาและเทือกเขากว้างใหญ่สวยสุดสายตา

จุดเช็คอินที่ 8 ช้อปปิ้งสไตล์ย้อนยุคย่านคุโรคาเบะ สแควร์ (Kurokabe Square)

           ย่านคุโรคาเบะ สแควร์ ตั้งอยู่ในจังหวัดชิงะ เป็นอีกหนึ่งย่านที่อาคารดูโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมปูนเปลือยสีดำแบบโบราณของญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านคริสตัลและเครื่องแก้วสวยงาม นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก ภัตตาคาร พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้วที่แสดงผลงานโดดเด่นของศิลปินแห่งย่านคุโรคาเบะไว้ให้เราได้เชยชมอีกด้วย

          เมื่อมาถึงย่านที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องแก้วทั้งที ต้องไม่พลาดกิจกรรมเวิร์คช็อปแก้วที่สุดแสนจะน่ารัก กระบวนการทำก็แสนจะง่าย แถมยังเปิดโอกาสให้เราได้ปลดปล่อยจินตนาการอย่างเต็มที่ อยากให้แก้วของเรามีลวดลายแบบไหนก็บรรเลงกันได้เลย (แต่ก็ต้องไม่ลืมขั้นตอนของการแกะลายด้วยนะคะ แนะนำว่าถ้าเป็นมือใหม่ ก็ลอกลายตามแบบที่เขาให้มาเลยจะดีกว่า) หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนของการพ่นทราย แป๊บเดียวไม่ถึงนาที คุณก็จะได้แก้วน้ำสวย ๆ ที่มีแค่ใบเดียวในโลกแล้ว

จุดเช็คอินที่ 9 โอมิฮะจิมัง (Omihachiman) เมืองประวัติศาสตร์ริมทะเลสาบบิวะ

          โอมิฮะจิมัง เมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์แสนยาวนานริมทะเลสาบบิวะ จังหวัดชิงะ อีกหนึ่งที่เที่ยวที่สามารถใช้เป็นที่หลบหลีกความวุ่นวายต่าง ๆ เพราะบรรยากาศส่วนใหญ่ของเมืองนี้ ทั้งเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ทุกอย่างดูสโลว์ไลฟ์ จนอยากจะอยู่ต่อนาน ๆ

          แน่นอนว่าเสน่ห์ของโอมิฮะจิมัง อยู่ที่การเดินซอกแซกสำรวจหมู่บ้าน อารมณ์เหมือนในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เราเคยอ่าน ได้สำรวจวิถีชีวิตผู้คนและทัศนียภาพธรรมชาติสวย ๆ เลียบลำคลอง ทั้งหมดเป็นการดำเนินชีวิตของคนที่นี่โดยแท้จริง ใครมีเวลาเที่ยวมากพอ ก็ปั่นจักรยานชมเมืองชิล ๆ ได้ทั้งวัน

          มาเที่ยวภูมิภาคคันไซรอบนี้ เรียกได้ว่าครบสนุกครบทุกรสชาติความสนุก ใครที่เคยเที่ยวแต่ในตัวเมืองโอซาก้า ลองเบนเข็มดูสักนิด จะรู้เลยว่าภูมิภาคคันไซยังมีที่เที่ยวที่ทั้งดีและเจ๋งซ่อนอยู่เพียบ แถมเที่ยวง่ายและสะดวก ด้วยเพราะมีสายการบินอย่าง NokScoot ให้บริการบินตรงมาถึงโอซาก้าแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราได้เปิดมุมมองท่องเที่ยวภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ได้แบบใกล้แค่เอื้อมจริง ๆ และถ้าใครอยากรู้รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตะลุยเที่ยวภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น กับ 9 จุดเช็คอิน (ไม่) ลับ ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก อัปเดตล่าสุด 5 มีนาคม 2562 เวลา 18:58:52 76,904 อ่าน
TOP