x close

6 กิจกรรมห้ามพลาด เมื่อไปเยือนคุมาโมโตะ ญี่ปุ่น ของดีของเด่นแห่งคิวชู

          เที่ยวคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ดาวเด่นแห่งคิวชู เพลิดเพลินกับกิจกรรมหลากสไตล์ ทั้งชมปราสาท ทำเส้นโซบะ ปั้นขนมพื้นเมือง เก็บผลไม้ ตามหาศาลเจ้าลึกลับ และปิดท้ายด้วยช้อปปิ้งซื้อของฝากชิล ๆ
          ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับชื่อ "จังหวัดคุมาโมโตะ" (Kumamoto) ที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ที่ที่มีธรรมชาติสวยงามโดดเด่น พร้อมทั้งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่ถ้าพูดถึงเจ้าหมีตัวสีดำแก้มแดง นามว่า "คุมะมง" ก็คงจะคุ้นหูกันขึ้นมาบ้าง เพราะเป็นตุ๊กตามาสคอตสัญลักษณ์ของจังหวัด ที่สร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองนี้ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเลยทีเดียว

          จริง ๆ แล้วนอกจากเจ้าคุมะมงมาดกวน จังหวัดคุมาโมโตะยังมีที่เที่ยวสวย ๆ และกิจกรรมสนุก ๆ ให้ไปทำเพียบ วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาไปลัดเลาะ และทำความรู้จักกับเมืองแห่งนี้ให้มากขึ้น ด้วยการชี้เป้า 6 กิจกรรมห้ามพลาด เมื่อไปเที่ยวคุมาโมโตะ มา ๆ อย่าช้าตามเราไปเที่ยวกัน

1. เที่ยวชมปราสาทคุมาโมโตะ ดื่มด่ำกับความอลังการ

          กิจกรรมแรกที่เราจะชวนเพื่อน ๆ ทำคือการไปเช็กอินแลนด์มาร์กอันดับต้น ๆ ของจังหวัดคุมาโมโตะ นั่นก็คือ "ปราสาทคุมาโมโตะ" (Kumamoto Castle) ปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1607 (พ.ศ. 2150) โดย คะโต คิโยะมะซะ (Kato Kiyomasa) มีโครงสร้างเป็นหินทั้งหลัง มีทั้งหมด 2 อาคาร ภายในตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับของญี่ปุ่นในช่วงยุคโบราณ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทั้ง 2 อาคาร โดยอาคารหลัก เปิดให้ขึ้นไปยังด้านบนสุดของปราสาทได้ จะเห็นเมืองคุมาโมโตะทั้งเมือง พร้อมทั้งสามารถชมชั้นใต้ดินที่มีความอลังการสวยงาม นอกจากนี้ปราสาทแห่งนี้ยังโอบล้อมไปด้วยต้นซากุระจำนานมาก จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกซากุระบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

          ทั้งนี้ด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี พ.ศ. 2559 ทำให้ตัวปราสาทเสียหาย ณ ปัจจุบันทางการญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงบูรณะซ่อมแซม คาดว่าจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2563
          อ๊ะ ๆ แต่ถึงเราจะไม่ได้เข้าไปชื่นชมด้านในของปราสาทคุมาโมโตะ ก็ไม่ได้ทำให้ความตื่นตาตื่นใจลดลงไปเลยล่ะค่ะ เพราะบริเวณรอบ ๆ มีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมเพียบ ไม่ว่าจะเป็น "ตลาดโจไซเอน" (Josai-en) ที่ขายของที่ระลึกขนาดกะทะรัด มีของกิน ของฝาก รวมถึงการแสดงโชว์ Kumamoto Castle Samurai Show (โชว์ 15 นาที) ทุกวัน เวลา 11.30 น., 14.30 น. และ Higomaru Omotenashi Show (โชว์ 15 นาที) ทุกวัน เวลา 11.00 น., 14.00 น. ให้ได้ชมกันด้วย

          จากนั้นสามารถเดินเลาะเลียบตัวปราสาทชมความยิ่งใหญ่อลังการ ที่ปรากฏร่องรอยมนตร์ขลังที่มีความน่าค้นหาเอาไว้ได้อย่างดี พร้อม ๆ กับดื่มด่ำทัศนียภาพที่งดงาม ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ Katō Shrine ศาลเจ้าชินโตอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับตัวปราสาท สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อย่าลืมไหว้พระขอพรกันด้วยนะ เพราะศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องชัยชนะ !

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. (ปิด 17.00 น. ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม) และจะปิดทำการวันที่ 29-31 ธันวาคม ของทุกปี
เว็บไซต์ : kumamoto-guide.jp
การเดินทาง : จากสถานี Kumamoto นั่งรถรางสาย A หรือ B ลงที่สถานี Kumamotojo-Shiyakusho-Mae จากนั้นเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็ถึงทางเข้าปราสาท

2. ทำเส้นโซบะกินเอง...นักเลงพอ

          กิจกรรมที่สองเราจะพาไปยังเมืองอะโซ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดคุมาโมโตะ เพื่อไปเรียนรู้วิธีทำเส้นโซบะ ณ ร้าน Kugino Soba Dojo (Food Making Experience) กันค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขา ทัศนียภาพสองข้างทางสวยมาก ๆ เป็นร้านขนาดกลาง ๆ ที่สอนขั้นตอนการทำเส้นโซบะตั้งแต่ขั้นตอนแรก เรียกว่าทำกันตั้งแต่ผสมแป้ง นวดแป้ง นวดแป้ง และก็นวดแป้ง 555 นวดกันจนเมื่อยมือกว่าจะได้ที่ จากนั้นต้องนำมาหั่นเป็นเส้น ๆ เล็ก ๆ เพื่อกลายร่างเป็นเส้นโซบะอย่างที่เราคุ้นเคย จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำเส้นโซบะไปลวกและนำมาเสิร์ฟให้เราได้ลิ้มลองฝีมือตัวเอง หรือใครจะห่อเส้นโซบะกลับบ้านก็ได้ ที่ร้านมีบริการค่ะ

          กินโซบะที่นวดแป้งด้วยฝีมือตัวเองไป ชมวิวภูเขาข้างหน้าไปพลาง ๆ ด้วย แหม...ช่างเป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะรื่นรมย์ ส่วนใครอยากซื้อเส้นโซบะติดไม้ติดมือกลับบ้าน ที่ร้านก็มีขายนะคะ รวมถึงผลิตผลต่าง ๆ ในท้องถิ่นชนิดอื่น ๆ ด้วยนะ

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน (ปิดทุกวันพุธแรกของเดือน) ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ปิดเวลา 16.30 น.)
ค่าทำ : เริ่มต้นที่ 2,800 เยน/คน (ต้องจองล่วงหน้าสำหรับกลุ่ม)
เว็บไซต์ : kumanago.jp
การเดินทาง : รถส่วนตัวเท่านั้น

3. ฝึกฝีมือปั้นขนมพื้นเมืองที่ร้าน Nakahara Shogetsudo

          ไปถึงคุมาโมโตะก็ต้องไปเยือนร้าน Nakahara Shogetsudo แห่งเมืองคิคุจิ (Kikuchi) ทางเหนือของจังหวัด เพื่อลับฝีมือปั้น "นามากาชิ" (Namagashi) ขนมพื้นเมืองของญี่ปุ่นกันซะหน่อยค่ะ ซึ่งร้าน Nakahara Shogetsudo เป็นร้านชื่อดังของเมืองนี้ อีกทั้งยังสอนปั้นขนมนามากาชิด้วย
          สำหรับ นามากาชิ คือ ขนมหวานสอดไส้ถั่วแดงในรูปทรงต่าง ๆ ตามฤดูกาล แต่จะนิยมทำเป็นรูปดอกไม้ ผลไม้ หรือสัตว์ ด้วยความประณีตพิถีพิถันสวยงาม โดยมีขั้นตอนการกินด้วยนะคะ นั่นคือใช้ไม้จิ้มหั่นพอดี นิยมกินคู่กับน้ำชา
          ทันทีที่ลงจากรถ คุณ Nakahara Omatsu อาจารย์สอนทำขนมที่พ่วงตำแหน่งเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 ยืนยิ้มรอต้อนรับเราด้วยความเป็นมิตร พร้อมกับชักชวนพาเราเดินชมรอบ ๆ ร้าน ที่มีขนมพื้นเมืองนานาชนิดให้ได้ลิ้มลองรสชาติกัน ก่อนจะสอนวิธีการปั้นขนมนามากาชิให้เราดูเป็นตัวอย่าง ขอบอกตรงนี้เลยค่ะว่า...มันก็ยากอยู่นะ 555 ซึ่งวันนี้เรามาเรียนการปั้นขนมเป็นดอกซากุระและผลส้ม คุณ Nakahara ค่อย ๆ สอนเราอย่างใจเย็น กว่าจะได้เป็นรูปเป็นร่างก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน กลัวทำพังก่อน 555 เพราะต้องอาศัยความประณีตสุด ๆ

          และนี่ก็คือผลงานของเรา มันอาจจะไม่คล้ายต้นฉบับซะทีเดียวแต่ก็พอไปวัดไปวาได้เนอะ นั่นแน่ ! อยากลองทำแบบเราบ้างล่ะสิ มาได้เลยค่ะ ที่ร้านรับสอน แถมยังเอากลับบ้านได้ด้วยนะ

ขนมต้นฉบับ...สวยเชียว

ฝีมือเราเอง -_-'

ฝีมือเราเอง -_-'

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. (ปิดปีใหม่)
เว็บไซต์ : www.k-sweets.net
การเดินทาง : รถส่วนตัวเท่านั้น

4. เก็บผลไม้สด ๆ จากสวน Kichijien Farm

          อีกหนึ่งกิจกรรมในจังหวัดคุมาโมโตะที่เราแนะนำให้ทำ นั่นก็คือเที่ยวชมและเก็บผลไม้สด ๆ จากต้น ณ Kichijien Farm (คิชิจิเอน ฟาร์ม) ในเมืองคุมาโมโตะ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง ซึ่งในการเที่ยวชมสวนครั้งนี้เราได้ คุณมาซากิ มาเอดะ เจ้าของสวน มาเป็นไกด์พาไปชมโซนต่าง ๆ ด้วยตัวเองเลย

          อ๊ะ ๆ ก่อนอื่นขอแนะนำก่อนว่าที่นี่มีผลไม้หลากหลายชนิด ออกผลผลิตตามฤดูกาล สามารถเก็บผลไม้ได้ตลอดทั้งปี มีทั้งสตรอว์เบอร์รี, ส้ม, องุ่น, แอปเปิล และพลับ ฯลฯ ที่สำคัญเราสามารถเก็บผลไม้สด ๆ ได้จากต้นเองเลยนะ แถมในแต่ละเดือนยังมีโปรแกรมอิ่มไม่อั้นภายในระยะเวลา 60 นาที (ดูราคาได้ที่ www.kichijien.jp) บริการอีกด้วย โดยจะมีผลไม้สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล หรือถ้าอยากนำผลไม้กลับบ้านก็สามารถนำผลไม้ไปชั่งน้ำหนัก จ่ายเงิน พร้อมใส่ถุงหิ้วกลับบ้านกันได้เลยค่ะ

          โอ๊ะ ! ความดีงามยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ เพราะยังมี Kichijien Cafe Fruit & Softcream ให้บริการด้วย ที่ร้านจะมีทั้งผลผลิตจากทางสวน เช่น ผลไม้, แยม, น้ำผลไม้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ฯลฯ และไฮไลต์เด็ดอย่างซอฟต์ครีมโฮมเมดหลากหลายรสชาติ เช่น รสสตรอว์เบอร์รี, รสพลับ, รสแอปเปิล และรสส้ม ฯลฯ บอกเลยว่าได้กินแล้วฟินมาก ๆ อากาศหนาว ๆ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการกินแต่อย่างใด 555

เวลาเปิด-ปิด : ร้านขายผลไม้ เปิดเวลา 09.00-17.30 น. และคาเฟ่ เปิดเวลา 11.00-17.00 น.
เว็บไซต์ : www.kichijien.jp
การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี Kumamoto ประมาณ 30 นาที หรือดูรายละเอียดได้ที่ kichijien.jp

5. ตามหาศาลเจ้าลึกลับ ไหว้ขอพร รับพลังจากธรรมชาติ

          ศาลเจ้าลึกลับที่ว่าก็คือ ศาลเจ้าคามิชิคิมิ คุมาโนะอิวาสุ (Kamishikimi Kumanoimasu) ตั้งอยู่ในเมืองอะโสะ เป็นศาลเจ้าที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าใหญ่ คออนิเมะอาจคุ้นเคยภาพของศาลเจ้าแห่งนี้กันบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเป็นฉากหนึ่งในเรื่อง "สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย"

       เราค่อย ๆ เดินผ่านเสาซุ้มโทริอิหินเข้าไป พร้อมกับยืนตะลึงกับขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตา เพราะอย่างที่บอกคือเราต้องตามหา ด้วยการเดินขึ้นบันไดไปตามเนินเขา กว่าจะได้เจอกับตัวของศาลเจ้า แถมตลอดสองข้างทางยังปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ มีต้นมอสส์เขียวขจีขึ้นไปทั่วบริเวณ ทำให้เพิ่มบรรยากาศมนตร์ขลังเข้าไปอีก -_-"

          และด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ อึมครึม มีแสงแดดส่องลอดใบไม้เข้ามารำไรเป็นระยะ ๆ ทำให้เราได้ยินเสียงหายใจหอบของตัวเองได้อย่างชัดเจน ! หันซ้ายหันขวาก็เห็นเพื่อนร่วมทางแซงไปไกลลิบ ไม่ต้องคิดนาน ตัดสินใจพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมกับหันหลังกลับและเดินจากมาช้า ๆ แหะ ๆ ๆ ๆ ศาลเจ้าลึกลับก็ยังคงลึกลับสำหรับเราต่อไป เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสไปถึงจุดหมายปลายทางมาบอกเล่าเก้าสิบเราหน่อยนะคะว่า...ศาลเจ้าคามิชิคิมิ คุมาโนะอิวาสุ งดงามเพียงใด

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลาประมาณ 08.30-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : รถส่วนตัวเท่านั้น

6. ช้อปปิ้งย่าน Kumamoto Shopping Street

          ปิดท้ายกันด้วยตะลุยช้อปปิ้งย่าน Kumamoto Shopping Street ที่นี่มีของให้เลือกซื้อละลานตา นอกจากนี้ยังมีทั้งร้านอาหาร บาร์ ให้เลือกกินดื่มชิล ๆ แต่ก่อนไปเดินเราต้องหาอะไรกินเพิ่มพลังซะหน่อย ร้าน Sakura-an อีกหนึ่งร้านที่ได้รับรางวัล 1 ดาว การันตีความอร่อยเด็ดจากมิชลินสตาร์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Suidocho
          อาหารเซตที่เรากินราคา 4,000 เยน (ไม่รวมภาษี) อาหารมากหน้าหลายตาถูกประดิดประดอย ทยอยให้เราลิ้มลอง ก็ต้องบอกว่าสมกับรางวัลมิชลินสตาร์แล้วล่ะ เพราะแต่ละเมนูมันอร่อยจริง ๆ

          หนังท้องตึงแล้วก็ถึงเวลาไปเดินย่อยกันสักหน่อย Kumamoto Shopping Street ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่และคึกคักมาก ๆ มีร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อ เรียกได้ว่าแทบจะมีหมด ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง ร้านขนม สินค้าแฮนด์เมด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และที่ขาดไม่ได้คือร้านเกมตู้ คาราโอเกะ และร้านปาจิงโกะ ใครชอบแบบไหนก็มุ่งหน้าไปละลายทรัพย์กันได้ตามสะดวกค่ะ

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลาประมาณ 09.00-20.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Kumamoto นั่งรถรางสายสีชมพู (A-Line) ไปลงที่ป้าย Keitokukchi-mae

          และนี่เป็นกิจกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่เราหยิบมาแนะนำกัน จังหวัดคุมาโมโตะยังมีของดีของเด่นให้ไปสัมผัสอีกเพียบ ใครอยากลองไปท่องเที่ยวสไตล์นี้บ้างก็ลองดูนะคะ เที่ยวไม่ยาก วางแผนดี ๆ ก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของคุมาโมโตะกันแล้วล่ะ ^^ ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kumanago.jp ที่สำคัญขอขอบคุณกรมการขนส่งคิวชู และจังหวัดคุมาโมโตะ ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ด้วยนะคะ ^^
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
6 กิจกรรมห้ามพลาด เมื่อไปเยือนคุมาโมโตะ ญี่ปุ่น ของดีของเด่นแห่งคิวชู อัปเดตล่าสุด 12 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14:05:35 52,014 อ่าน
TOP