แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใน 12 จังหวัดเมืองรองของไทย พาไปเปิดมุมมองใหม่ที่เที่ยวไทยสวย ๆ ทั้งท้องทะเล ภูเขา วัดวาอาราม และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ซึ่งสามารถนำใบเสร็จมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2561 (ยื่นในช่วงต้นปี 2562) ได้ เราก็ได้คัด 12 จังหวัดน่าเที่ยวมาฝากกันค่ะ พร้อมทั้งชี้เป้าแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ของจังหวัดนั้น ๆ มาให้ด้วย บอกเลยว่าน่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดหลัก ๆ เลยล่ะ มีที่ไหนน่าสนใจบ้างไปติดตามกันเลย :)
1. แอ่วลำปาง เมืองรถม้า ชมการผลิตเซรามิก ตะลุยวัดบนเขา
ภาพจาก b-hide the scene / Shutterstock.com
ลำปาง เป็นอีกเมืองของภาคเหนือที่ซ่อนสิ่งที่น่าสนใจไว้เพียบเลยค่ะ ประวัติความเป็นมาก็ไม่ธรรมดา เป็นเมืองค้าขายที่เคยรุ่งเรืองมาก ๆ แห่งอาณาจักรล้านนาเลยล่ะ แต่สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือการที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบชาวล้านนาไว้ได้อย่างดี ภายในเมืองเก่าลำปางมีหลากหลายสถานที่เก่าแก่ที่มีความสวยงาม การนั่งรถม้าเที่ยวชมรอบ ๆ เมืองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาด และยิ่งถ้าใครชอบศิลปะล้านนาแบบดั้งเดิมจริง ๆ ต้องไปเที่ยวชมกันที่ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" สถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองเมืองเขลางค์นครมาตั้งแต่โบราณ งดงามทั้งองค์พระธาตุเจดีย์ ประตูโขง มณฑปพระเจ้าล้านทอง วิหารน้ำแต้ม และสถานที่อื่น ๆ รอบ ๆ วัด
ส่วนที่เป็นอันซีนของเมืองลำปาง ซึ่งถูกพูดถึงกันมากในช่วงปีที่ผ่านมาก็คือ "วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" หรือวัดพระบาทปู่ผาแดง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 815 เมตร โดดเด่นด้วยเจดีย์และศาลาต่าง ๆ บนยอดเขาหินปูน ดูงดงามและน่าศรัทธาไปทุกมุมมอง
ใครที่ชอบธรรมชาติ ก็ต้องมาสัมผัสบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งลำปางกันสักครั้ง ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีบ่อน้ำพุร้อนกระจายตัวอยู่ถึง 9 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3 ไร่ และยังมีบริการให้แช่น้ำร้อนธรรมชาติกันด้วย ความน่าสนใจของลำปางยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเซรามิกแห่งเมืองไทย มีหลากหลายโรงงานที่เปิดให้เข้าเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าในราคาย่อมเยา สินค้าสวย คุณภาพแน่น ราคาไม่แพง บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
นอกจากนี้ลำปางยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเช็กอินอีกมากมาย อาทิ บ้านเสานัก, วัดปงสนุก, ขัวแตะ หรือสะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน, น้ำตกแม่แก้, เจดีย์พุทธคยาวัดจองคำ, กาดกองต้า, วัดศรีชุม, สะพานรัษฎาภิเศก, วัดเจดีย์ซาวหลัง, วัดพระธาตุดอยพระฌาน, เหมืองแม่เมาะ และฟาร์มแกะฮักยู เป็นต้น
2. ท่องเมืองลับแล ตะลุยป่าหาทุ่งดอกไม้บนยอดเขา ณ อุตรดิตถ์
ภาพจาก Phakhawat Wanthaing / Shutterstock.com
หลายคนมักจะถามว่าไปเที่ยวอะไรที่อุตรดิตถ์ ? โอ้โห...อยากจะบอกว่าจังหวัดนี้ก็แหล่งท่องเที่ยวแจ่ม ๆ ให้ไปเที่ยวไม่น้อยเลยเหมือนกัน เริ่มจากอำเภอเมืองก็ต้องไปเอาฤกษ์เอาชัยกับการไหว้ขอพร "อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก" วีรบุรุษผู้กล้าในสมัยธนบุรี แล้วไปชม "บ่อเหล็กน้ำพี้" แหล่งเหล็กกล้าที่ใช้ในการทำพระขรรค์ของพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ จากนั้นไปเที่ยวชมเมืองลับแล เมืองในตำนานที่กล่าวไว้ว่าห้ามพูดโกหก ชมบ้านเรือนไทยโบราณ กินอาหารแบบขันโตกและอาหารพื้นบ้านอย่างข้าวพันผัก สารพัดผักทอด และไอศกรีมโบราณ พร้อมไปชมพิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลับแล
สายธรรมชาติก็ไม่ควรพลาดไปเยือนเขื่อนสิริกิติ์ ถ่ายรูปชิค ๆ กับสะพานแขวนข้ามแม่น้ำน่าน และกินอาหารริมเขื่อนชมวิวสวย ๆ หรือถ้าใครชอบบรรยากาศแบบยุโรปนิด ๆ ต้องไปไร่องุ่นคานาอัน ถ่ายรูปสวยกับร้านกาแฟแบบยุโรป พร้อมเดินเที่ยวไร่องุ่นสวย ๆ
แต่ที่เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของอุตรดิตถ์ ก็คือ "อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว" สถานที่ที่ซ่อนทุ่งดอกไม้สวยไว้บนภูเขาสูงจากน้ำทะเลกว่า 1,633 เมตร กับทุ่งดอกหงอนนาค ที่ในหน้าฝนจะบานสีม่วงสะพรั่งไปทั่วป่า ใต้ลานสนสูงชะลูด ยามเช้ามีสายหมอกคลอเคลีย พร้อมกับหยาดน้ำค้างใสผ่อง แล้วลงมาปิดท้ายเติมพลังกันด้วยทุเรียนหลง-หลินลับแล ที่บ้านหัวดง
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้ได้ไปเที่ยวอีกด้วย อาทิ วัดธรรมาธิปไตย, วัดพระแท่นศิลาอาสน์, วนอุทยานต้นสักใหญ่, น้ำตกแม่พูล, บ้านท่าเรือ, อุทยานแห่งชาติคลองตรอน, ภูเมี่ยง และภูแลดาว เป็นต้น
3. เช็กอินพะเยา ตามล่าทะเลหมอกกลางหุบเขา
จังหวัดพะเยา จะไม่ใช่จังหวัดทางผ่านอีกต่อไป หากได้ลองมาทำความรู้จักที่นี่ให้มากขึ้น โดยเฉพาะใครที่หลงใหลในการตามล่าหาทะเลหมอก พะเยาเป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยล่ะ โดยจุดที่สามารถชมทะเลหมอกได้สวยงามสุด ๆ จะอยู่ที่วนอุทยานแห่งชาติภูลังกา สายหมอกสีขาวนวลจะลอยล่องคลอเคลียกับภูเขารูปร่างสวยแปลกตาในตอนเช้าเกือบทุกวัน ซึ่งก็มีทั้งรีสอร์ตและร้านกาแฟที่สามารถชมวิวสุดปังนี้ได้
ไม่เพียงแค่เท่านั้น พะเยาก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวดีเด่นอีกมากมาย อย่างในเมืองก็มี "กว๊านพะเยา" ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ซึ่งทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงาม และยังเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำจืดที่ดีที่สุดของเมืองไทยด้วย และที่นี่ก็ยังเป็นที่ตั้งของวัดติโลกอาราม พระอารามหลวงในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช ซึ่งปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ มีเพียงยอดพระธาตุเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาพ้นผิวน้ำ
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า, อุทยานแห่งชาติภูซาง, อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง, วัดนันตาราม, วัดพระที่นั่ง, วัดศรีโคมคำ, อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม, วัดพระธาตุจอมทอง และวัดพระธาตุสบแวน เป็นต้น
4. ยโสธร เมืองชิค ๆ แห่งภาคอีสาน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ายโสธรเป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากกว่าที่คิด เป็นเมืองที่ฮิปสเตอร์จะต้องยกใจให้ โดยเฉพาะในเมืองยโสธร ณ เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ซึ่งยังคงรักษาบ้านเรือนสไตล์ชิโน-โปรตุกีสไว้ได้อย่างดีเยี่ยม สีสันสวยงาม และยังมีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ หลากหลายมุม ให้อยู่ทั้งวันก็ยังไม่เบื่อ
ภาพจาก KOKTARO / Shutterstock.com
ลองมาดูอีกมุมของเมือง ที่สวนสาธารณะพญาแถน ไปชมอาคาร "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" และ "พิพิธภัณฑ์พญานาค" สุดยิ่งใหญ่ริมอ่างเก็บน้ำลำทวน ขึ้นไปชมวิวเมืองยโสธรกันที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จากนั้นก็ไปเสริมบุญบารมีกันที่วัดพระธาตุยโสธร (พระธาตุอานนท์) และวัดศรีธรรมาราม วัดสำคัญของชาวยโสธร ถ้ามีเวลาอีกนิดก็แวะชมบ้านที่ทำบั้งไฟพญานาคที่มีชื่อเสียงของยโสธร
เที่ยวในเมืองแล้ว ก็ลองไปส่องที่เที่ยวอื่น ๆ กันบ้าง ที่ไม่อยากให้พลาด ก็คือ "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" โบสถ์ไม้ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย อายุมากกว่า 100 ปี งดงามทั้งสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน แม้จะไม่ได้หรูหรา แต่ก็มีคุณค่าทางจิตใจ แล้วถ้าใครอยากได้หมอนขิดดี ๆ คุณภาพเยี่ยม ราคาไม่แพง ก็ต้องไปเที่ยวชมหมู่บ้านทำหมอนขิดบ้านศรีฐานมีหลากหลายแบบ หลากหลายขนาดให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ
5. เลาะเลียบริมแม่น้ำโขง ชมบั้งไฟพญานาค ณ หนองคาย
หนองคาย เป็นอีกจังหวัดของอีสานตอนบนที่มีอาณาเขตติดกับริมแม่น้ำโขง ซึ่งก็เป็นศูนย์กลางแห่งตำนานบั้งไฟพญานาค ในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ประชาชนมากมายก็จะหลั่งไหลกันมาชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ในค่ำคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน ลูกไฟสีแดงอมชมพูก็จะพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขง แล้วดับหายวับไปในอากาศ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของพญานาค แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งใดก็ตาม ในแต่ละปีก็จะมีประชาชนจำนวนมาก มาตั้งตารอคอยชมเหตุการณ์นี้กันอย่างใจจดใจจ่อ
และด้วยความที่หนองคายอยู่ติดกับประเทศลาว มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จึงทำให้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงคึกคักไปด้วยทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวลาวที่มาเลือกซื้อสินค้าราคาไม่แพงกันที่บริเวณตลาดท่าเสด็จ (ตลาดอินโดจีน)
นอกจากนี้หนองคายมีทะเลหมอกให้ชมด้วยเหมือนกัน แถมยังเป็นทะเลหมอกริมฝั่งลำน้ำโขงอีกต่างหาก ซึ่งสามารถไปชมกันได้ที่ภูห้วยอีสัน ผาชมหมอก ภูผาดัก และภูหอ เป็นทะเลหมอกริมโขงที่งดงามไม่แพ้ภาคเหนือเลยทีเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวหนองคายอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ วัดหินหมากเป้ง, อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ, พระธาตุบังพวน, น้ำตกธารทอง และวัดโพธิ์ชัย เป็นต้น
6. เที่ยวเมืองมรดกโลก ชมเมืองเก่ากำแพงเพชร ปีนยอดเขาโมโกจู
กำแพงเพชร เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังคงมีโปบราณสถานสวย ๆ สมบูรณ์ให้ได้ชมกัน ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จะเต็มไปด้วยจุดสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสระมน, วัดพระแก้ว, วัดพระธาตุ, วัดพระสี่อิริยาบถ, วัดช้างรอบ ฯลฯ ซึ่งก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยไปเมื่อปี พ.ศ. 2534
และใครหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ากำแพงเพชรเป็นที่ตั้งของ 1 ใน 10 ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นเส้นทางเดินป่าที่สนุกสนานมากที่สุดแห่งหนึ่ง ภูเขาที่ว่านี้ก็คือ "ยอดเขาโมโกจู" แห่งอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ นักท่องเที่ยวต้องใช้เวลาเดินป่าไป-กลับถึง 5 วัน 4 คืน แต่ตลอดทั้งเส้นทางก็สวยงาม มีสิ่งดี ๆ รออยู่เพียบ รวมถึงบนยอดเขาโมโกจูด้วย ที่สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้สวยงามอลังการสุด ๆ ถือว่าคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยเลยล่ะ
นอกจากนี้กำแพงเพชรก็มีแหล่งท่องเที่ยวเด็ด ๆ อีกหลากหลายแบบ อาทิ ช่องเย็น, น้ำตกคลองลาน, ตลาดย้อนยุคนครชุม, วัดบรมธาตุนครชุมกำแพงเพชร, บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง (บึงสาป) และสระมรกตกำแพงเพชร เป็นต้น
7. ตามตำนานชาละวัน ณ บึงสีไฟ สัมผัสความคลาสสิกของวังกรด ณ พิจิตร
พิจิตร ตำนานแห่งชาละวัน จังหวัดเล็ก ๆ
ที่อัดแน่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวตามศาสนาพุทธ ถูกใจสายบุญแน่นอน
โดยวัดสำคัญ ๆ ที่ไม่ควรพลาดแวะไปไหว้พระทำบุญ อาทิ วัดสุขุมาราม,
วัดโพธิ์ประทับช้าง, สำนักสงฆ์สวนพระโพธิสัตว์, วัดโรงช้าง, วัดหัวดง,
วัดห้วยเขน, วัดเทวปราสาท, วัดเขารูปช้าง เป็นต้น
ซึ่งแต่ละวัดก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป แต่น่าสนใจทุกวัดแน่นอน
สถานที่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ของพิจิตรก็คือ "บึงสีไฟ"
แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 1 ใน 5 ของเมืองไทย
มีรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ตกแต่งประดับอยู่ริมบึง
ปัจจุบันได้จัดทำภูมิทัศน์ขึ้นใหม่ให้เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนและออกกำลังกายสำหรับประชาชน
และถ้าใครชอบความเรียบง่ายของเมืองเก่า ขอแนะนำให้ลองไปเช็กอินกันที่ "ย่านเก่าวังกรด" ภายในเมืองพิจิตร เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี บ้านเรือนยังเป็นเรือนแถวไม้แบบดั้งเดิม ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิกันอย่างเรียบง่าย ในทุกเย็นวันเสาร์ก็จะมีการจัดตลาดถนนคนเดิน ซึ่งมีอาหารอร่อย ๆ ให้ได้ไปชิมเพียบ ทั้งเตี๋ยวปิ่นโตต่ายฮะ ผัดไทยโบราณ และเจ้ฉวีน้ำแข็งไสเจ้าเก่าแก่
8. นั่งรถไฟข้ามเขื่อน เยือนเมืองเก่าละโว้ธานี ที่ลพบุรี
จังหวัดลพบุรี หรือที่เราทราบกันดีว่าเป็นอาณาจักรละโว้เก่าแก่
ซึ่งปัจจุบันก็ยังหลงเหลือซากอารยธรรมให้ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งนี้
ผ่านโบราณสถานที่สวยงามมากมายรอบ ๆ เมือง ไม่ว่าจะเป็นพระปรางค์สามยอด,
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, พระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระที่นั่งไกรสรสีหราช,
และบ้านหลวงรับราชทูต นักท่องเที่ยวสามารถแต่งชุดไทยไปถ่ายรูปเก๋ ๆ
กันได้ทุกวัน
ส่วนถ้าใครอยากเพิ่มความน่าตื่นเต้นอีกนิด
ก็ต้องลองไปนั่งรถไฟข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
สุดอันซีนกับวิวสวยงามของเขื่อนกว้างใหญ่ ซึ่งมีทางรถไฟลอยอยู่เหนือน้ำ
อีกหนึ่งประสบการณ์ดี ๆ ที่หาได้แค่ที่ลพบุรีเท่านั้น
และถ้าใครชอบดอกไม้ในช่วงหน้าหนาวของทุกปี
ลพบุรีก็จะเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกทานตะวัน
หลายพื้นที่จะละลานตาไปด้วยสีเหลืองอร่าม
คล้ายกับเอาพรมสีเหลืองผืนใหญ่คุลุมไปทั่ว มาถ่ายรูปชิค ๆ
กันได้ตลอดทั้งฤดูกาล
วัดเขาวงพระจันทร์ ก็เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวของนักเดินทางสายบุญ
ถ้าอยากนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็ต้องเดินขึ้นเขาด้วยขั้นบันไดมากถึง 3,790
ขั้น แต่รับรองว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้นมัสการรอยพระพุทธบาทแล้ว
ก็ยังจะได้ชมวิวมุมสูงโดยรอบด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวลพบุรีอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์, ศาลพระกาฬ, สวนสัตว์ลพบุรี, วัดไลย์, วัดนครโกษา และวัดถ้ำพระธาตุเขาปรางค์ เป็นต้น
9. ตะลุยปราจีนบุรี เสพโอโซนจากเขาใหญ่ ผจญภัยกับสายน้ำที่แก่งหินเพิง
ภาพจาก topten22photo / Shutterstock.com
จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ได้มีดีแค่ยาแผนไทยอภัยภูเบศรเท่านั้น ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวไม่น้อยเลยล่ะ โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ เพราะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน รอบ ๆ ปราจีนบุรีจึงมีภูเขาน้อยใหญ่โอบล้อมมากมาย อากาศเย็นสบายน่าท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ใครที่ชอบความท้าทาย ต้องไปโดนกับกิจกรรม "ล่องแก่งหินเพิง" เป็นกิจกรรมล่องแก่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย นักท่องเที่ยวจะได้นั่งเรือยางผ่านแก่งต่าง ๆ มีความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่รับรองว่าเร้าใจแน่นอน
ส่วนสายเซลฟี่ อยากแนะนำให้ไปแวะเที่ยวชม The Verona at Tublan
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองเวโรน่า ประเทศอิตาลี
และแน่นอนว่าที่นี่จะมีจุดให้ได้ถ่ายรูปสวย ๆ เพียบเลย
มีให้นั่งเรือกอนโดลา นั่งรถม้า ให้อาหารสัตว์ และเล่นเครื่องเล่นสนุก ๆ
ด้วยนะ พร้อมทั้งยังมีร้านค้าอีกกว่า 100
ร้านค้าให้ได้เดินช้อปปิ้งกันเพลิน ๆ ด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกหลากหลายแห่ง อาทิ ดาษดาแกลเลอรี่, วัดแก้วพิจิตร, ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ, เขาทุ่ง, พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร, พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์, น้ำตกเขาอีโต้, โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ และอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เป็นต้น
10. เที่ยวเมืองคนอาร์ตและสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยใกล้กรุงเทพฯ ที่ราชบุรี
ภาพจาก sarayuth3390 / Shutterstock.com
ราชบุรี เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมาก
และส่วนใหญ่ก็เป็นที่เที่ยวแนวธรรมชาติสวย ๆ อย่างที่สวนผึ้ง
ก็ได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย เพราะโอบล้อมไปด้วยภูเขามากมาย
มีแหล่งท่องเที่ยวที่ออกแบบและจัดตกแต่งให้มีบรรยากาศแบบยุโรป
บรรยากาศก็เงียบสงบ อากาศเย็นสบายน่าเที่ยวตลอดทั้งปี
และยังมีฟาร์มเมลอนสไตล์ญี่ปุ่นอันโด่งดังอย่าง Coro Field
ให้ไปเที่ยวพักผ่อน และฟินกับไอศรีมเมลอนออร์แกนิกกันด้วย
เขยิบเข้ามาทางฝั่งอำเภอเมืองก็เป็นแหล่งเมืองคนอาร์ต มีสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ ๆ อย่างเถ้าฮงไถ่ ให้ไปเดินชมงานเซรามิกกันเพลิน ๆ หรือจะไปชมความสวยงามของอุทยานหินเขางู หุบเขาหินปูนรูปร่างสวยแปลก คล้ายกับหุบเขาสวย ๆ ในประเทศจีนก็ได้ แล้วค่อยอิ่มฟินกับก๋วยเตี๋ยวไข่สุดอร่อย
ส่วนถ้าใครชอบงานศิลปะแนวสตรีทอาร์ต ขอชี้เป้าให้ไปชมเมืองสวย ๆ ที่อำเภอบ้านโป่ง มีผลงานให้ได้เที่ยวชมมากมายจากทั้งศิลปินชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่อำเภอโพธารามก็ดีงามไม่แพ้กันมีทั้งสุนทรีแลนด์ ดินแดนตุ๊กตา และพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอนให้ได้ไปเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหารบรรยากาศดีให้ไปนั่งชิลอีกเพียบ
11. อิ่มอร่อยอาหารเมืองตรัง ล่องเรือชมเกาะสวยในทะเลอันดามัน
เมืองตรัง ไม่ได้มีดีแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ที่นี่ยังขึ้นชื่อลือชาเรื่องของอาหารสุดอร่อยด้วย เราอยากชวนไปอิ่มอร่อยกับหมูย่างเมืองตรัง เนื้อนุ่มกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล กินอาหารเช้าสไตล์จีนกวางตุ้งกับเมนูติ่มซำหลากหลายชนิด หรือจะกินแบบไทยนิด ๆ มีปาท่องโก๋ แถมชา กาแฟ โบราณอุ่น ๆ ก็ได้ แล้วต้องไม่ลืมไปฟินกับขนมเค้กเมืองตรัง เนื้อเค้กฟูนุ่ม กลิ่นหอม รสชาติหวานนิด ๆ กินได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ และขนมเปี๊ยะแป้งบางกรอบ ไส้แน่น ๆ หลากหลายรสชาติ นี่ยังไม่นับรวมร้านอาหารพื้นเมืองอีกมากกว่า 10 ร้าน ที่จะทำให้คุณหลงรักอาหารเมืองตรังแบบถอนตัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว
ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยว ก็โดดเด่นด้วยท้องทะเลอันดามัน
ทั้งเกาะกระดาน เกาะเหลาเหลียง เกาะเชือก เกาะไหง เกาะลิบง เกาะตะเกียง
ซึ่งมีแหล่งดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
บางเกาะก็มีหาดทรายขาวสะอาด เป็นสวรรค์ของเมืองตรังเลยทีเดียว
และที่ไฮไลต์สุด ๆ ก็ต้องยกให้เกาะมุก อันเป็นที่ตั้งของ "ถ้ำมรกต"
แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวตรังที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วน อาทิ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม, เมืองเก่าตรัง, สถานีรถไฟกันตัง, คริสตจักรตรัง, เกาะสุกร, หาดปากเมง, พระนอนทรงเครื่องโนรา วัดภูเขาทอง, พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี, ถ้ำเลเขากอบ, น้ำตกโตนเต๊ะ และถ้ำเขาช้างหาย เป็นต้น
12. สัมผัสวัฒนธรรมถิ่นใต้ เยี่ยมชมหมู่บ้านซาไก ที่พัทลุง
ใครว่าพัทลุงไม่มีอะไรน่าเที่ยว
ลองมาทำความรู้จักกับพัทลุงกันก่อนแล้วจะหลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ
โดยเฉพาะใครที่ชอบวัฒนธรรมแบบชาวใต้แบบแท้ ๆ
พัทลุงยังคงรักษาความเป็นถิ่นใต้ไว้ได้ดีมาก ๆ อย่างการแสดงมโนราห์
ก็มีหลายคณะที่โด่งดัง และยังได้รับรางวัลระดับประเทศด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดวาอารามก็น่าสนใจ เช่น วัดเขียนบางแก้ว
ก็เป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุเจดีย์บางแก้ว
มีสถาปัตยกรรมแบบพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช
ซึ่งสวยงามและเก่าแก่อายุมากกว่าพันปี
พร้อมทั้งยังมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ภายในวัดอีกมากมาย หรือที่วัดคูหาสวรรค์
ที่เที่ยวธรรมชาติก็สวยงามไม่น้อยหน้าไปกว่าจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้
มีทะเลบัวแดงสุดอลังการที่อุทยานนกน้ำทะเลน้อย
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวบ้านรอบ ๆ
ทะเลสาบไปพร้อมกับชมความงดงามของบัวแดงที่บานสะพรั่งทั่วพื้นที่กว่าหมื่นไร่
และทางฝั่งอำเภอควนขนุน ก็ยังมีสะพานแห่งความสุข หรือ
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
สะพานที่ทอดไปตามแนวของทะเลน้อยกับทะเลหลวงของทะเลสาบสงขลา ระยะทาง 5.450
กิโลเมตร ให้ได้ไปขับรถเล่นชิล ๆ ด้วย
ส่วนถ้าใครอยากพักผ่อนอย่างแท้จริง ต้องไม่พลาดไปนอนเล่นค้างคืนริมทะเลน้อยที่ปากประ ชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงสดค่อย ๆ โผล่พ้นขึ้นจากทะเลน้อย สาดแสงส่องเห็นเงายอยักษ์ที่ปากแม่น้ำ ท่ามกลางบรรยากาศสุดเงียบสงบและอากาศที่เย็นสบาย หรือใครอยากจะมาดินเนอร์ กินข้าวสังข์หยด พร้อมกับอาหารใต้รสชาติจัดจ้านและไข่ปลาทอดก็ได้ และถ้าอยากเที่ยวไทยในมุมมองใหม่ ขอนำเสนอการเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเงาะป่าซาไกกลางป่าลึกของพัทลุง ได้ทั้งเดินเที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติและได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนที่อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง
นอกจากนี้พัทลุงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ วัดถ้ำคูหาสวรรค์, เขาอกทะลุ, นาโปแก, ตลาดใต้โหนด, บ่อน้ำร้อนธารน้ำเย็น เขาชัยสน, น้ำตกไพรวัลย์ และหาดแสนสุขลำปำ เป็นต้น
เห็นไหมล่ะ...ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวเมืองหลักก็ได้ เมืองรองก็ดีงามไม่แพ้กันเลยล่ะ ใครกำลังหาที่เที่ยวใหม่ ๆ ก็ลองเปิดให้เมืองรองกันได้นะคะ เอาไปลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ ดีงามเว่อร์ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
1. แอ่วลำปาง เมืองรถม้า ชมการผลิตเซรามิก ตะลุยวัดบนเขา
ภาพจาก b-hide the scene / Shutterstock.com
ลำปาง เป็นอีกเมืองของภาคเหนือที่ซ่อนสิ่งที่น่าสนใจไว้เพียบเลยค่ะ ประวัติความเป็นมาก็ไม่ธรรมดา เป็นเมืองค้าขายที่เคยรุ่งเรืองมาก ๆ แห่งอาณาจักรล้านนาเลยล่ะ แต่สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือการที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบชาวล้านนาไว้ได้อย่างดี ภายในเมืองเก่าลำปางมีหลากหลายสถานที่เก่าแก่ที่มีความสวยงาม การนั่งรถม้าเที่ยวชมรอบ ๆ เมืองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาด และยิ่งถ้าใครชอบศิลปะล้านนาแบบดั้งเดิมจริง ๆ ต้องไปเที่ยวชมกันที่ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" สถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองเมืองเขลางค์นครมาตั้งแต่โบราณ งดงามทั้งองค์พระธาตุเจดีย์ ประตูโขง มณฑปพระเจ้าล้านทอง วิหารน้ำแต้ม และสถานที่อื่น ๆ รอบ ๆ วัด
ส่วนที่เป็นอันซีนของเมืองลำปาง ซึ่งถูกพูดถึงกันมากในช่วงปีที่ผ่านมาก็คือ "วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" หรือวัดพระบาทปู่ผาแดง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 815 เมตร โดดเด่นด้วยเจดีย์และศาลาต่าง ๆ บนยอดเขาหินปูน ดูงดงามและน่าศรัทธาไปทุกมุมมอง
ใครที่ชอบธรรมชาติ ก็ต้องมาสัมผัสบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งลำปางกันสักครั้ง ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีบ่อน้ำพุร้อนกระจายตัวอยู่ถึง 9 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3 ไร่ และยังมีบริการให้แช่น้ำร้อนธรรมชาติกันด้วย ความน่าสนใจของลำปางยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเซรามิกแห่งเมืองไทย มีหลากหลายโรงงานที่เปิดให้เข้าเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าในราคาย่อมเยา สินค้าสวย คุณภาพแน่น ราคาไม่แพง บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
นอกจากนี้ลำปางยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเช็กอินอีกมากมาย อาทิ บ้านเสานัก, วัดปงสนุก, ขัวแตะ หรือสะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน, น้ำตกแม่แก้, เจดีย์พุทธคยาวัดจองคำ, กาดกองต้า, วัดศรีชุม, สะพานรัษฎาภิเศก, วัดเจดีย์ซาวหลัง, วัดพระธาตุดอยพระฌาน, เหมืองแม่เมาะ และฟาร์มแกะฮักยู เป็นต้น
2. ท่องเมืองลับแล ตะลุยป่าหาทุ่งดอกไม้บนยอดเขา ณ อุตรดิตถ์
ภาพจาก Phakhawat Wanthaing / Shutterstock.com
หลายคนมักจะถามว่าไปเที่ยวอะไรที่อุตรดิตถ์ ? โอ้โห...อยากจะบอกว่าจังหวัดนี้ก็แหล่งท่องเที่ยวแจ่ม ๆ ให้ไปเที่ยวไม่น้อยเลยเหมือนกัน เริ่มจากอำเภอเมืองก็ต้องไปเอาฤกษ์เอาชัยกับการไหว้ขอพร "อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก" วีรบุรุษผู้กล้าในสมัยธนบุรี แล้วไปชม "บ่อเหล็กน้ำพี้" แหล่งเหล็กกล้าที่ใช้ในการทำพระขรรค์ของพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ จากนั้นไปเที่ยวชมเมืองลับแล เมืองในตำนานที่กล่าวไว้ว่าห้ามพูดโกหก ชมบ้านเรือนไทยโบราณ กินอาหารแบบขันโตกและอาหารพื้นบ้านอย่างข้าวพันผัก สารพัดผักทอด และไอศกรีมโบราณ พร้อมไปชมพิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลับแล
สายธรรมชาติก็ไม่ควรพลาดไปเยือนเขื่อนสิริกิติ์ ถ่ายรูปชิค ๆ กับสะพานแขวนข้ามแม่น้ำน่าน และกินอาหารริมเขื่อนชมวิวสวย ๆ หรือถ้าใครชอบบรรยากาศแบบยุโรปนิด ๆ ต้องไปไร่องุ่นคานาอัน ถ่ายรูปสวยกับร้านกาแฟแบบยุโรป พร้อมเดินเที่ยวไร่องุ่นสวย ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้ได้ไปเที่ยวอีกด้วย อาทิ วัดธรรมาธิปไตย, วัดพระแท่นศิลาอาสน์, วนอุทยานต้นสักใหญ่, น้ำตกแม่พูล, บ้านท่าเรือ, อุทยานแห่งชาติคลองตรอน, ภูเมี่ยง และภูแลดาว เป็นต้น
3. เช็กอินพะเยา ตามล่าทะเลหมอกกลางหุบเขา
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า, อุทยานแห่งชาติภูซาง, อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง, วัดนันตาราม, วัดพระที่นั่ง, วัดศรีโคมคำ, อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม, วัดพระธาตุจอมทอง และวัดพระธาตุสบแวน เป็นต้น
4. ยโสธร เมืองชิค ๆ แห่งภาคอีสาน
ภาพจาก KOKTARO / Shutterstock.com
ลองมาดูอีกมุมของเมือง ที่สวนสาธารณะพญาแถน ไปชมอาคาร "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" และ "พิพิธภัณฑ์พญานาค" สุดยิ่งใหญ่ริมอ่างเก็บน้ำลำทวน ขึ้นไปชมวิวเมืองยโสธรกันที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จากนั้นก็ไปเสริมบุญบารมีกันที่วัดพระธาตุยโสธร (พระธาตุอานนท์) และวัดศรีธรรมาราม วัดสำคัญของชาวยโสธร ถ้ามีเวลาอีกนิดก็แวะชมบ้านที่ทำบั้งไฟพญานาคที่มีชื่อเสียงของยโสธร
เที่ยวในเมืองแล้ว ก็ลองไปส่องที่เที่ยวอื่น ๆ กันบ้าง ที่ไม่อยากให้พลาด ก็คือ "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" โบสถ์ไม้ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย อายุมากกว่า 100 ปี งดงามทั้งสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน แม้จะไม่ได้หรูหรา แต่ก็มีคุณค่าทางจิตใจ แล้วถ้าใครอยากได้หมอนขิดดี ๆ คุณภาพเยี่ยม ราคาไม่แพง ก็ต้องไปเที่ยวชมหมู่บ้านทำหมอนขิดบ้านศรีฐานมีหลากหลายแบบ หลากหลายขนาดให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ
5. เลาะเลียบริมแม่น้ำโขง ชมบั้งไฟพญานาค ณ หนองคาย
และด้วยความที่หนองคายอยู่ติดกับประเทศลาว มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จึงทำให้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงคึกคักไปด้วยทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวลาวที่มาเลือกซื้อสินค้าราคาไม่แพงกันที่บริเวณตลาดท่าเสด็จ (ตลาดอินโดจีน)
สถานที่ท่องเที่ยวหนองคายอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ วัดหินหมากเป้ง, อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ, พระธาตุบังพวน, น้ำตกธารทอง และวัดโพธิ์ชัย เป็นต้น
6. เที่ยวเมืองมรดกโลก ชมเมืองเก่ากำแพงเพชร ปีนยอดเขาโมโกจู
นอกจากนี้กำแพงเพชรก็มีแหล่งท่องเที่ยวเด็ด ๆ อีกหลากหลายแบบ อาทิ ช่องเย็น, น้ำตกคลองลาน, ตลาดย้อนยุคนครชุม, วัดบรมธาตุนครชุมกำแพงเพชร, บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง (บึงสาป) และสระมรกตกำแพงเพชร เป็นต้น
และถ้าใครชอบความเรียบง่ายของเมืองเก่า ขอแนะนำให้ลองไปเช็กอินกันที่ "ย่านเก่าวังกรด" ภายในเมืองพิจิตร เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี บ้านเรือนยังเป็นเรือนแถวไม้แบบดั้งเดิม ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิกันอย่างเรียบง่าย ในทุกเย็นวันเสาร์ก็จะมีการจัดตลาดถนนคนเดิน ซึ่งมีอาหารอร่อย ๆ ให้ได้ไปชิมเพียบ ทั้งเตี๋ยวปิ่นโตต่ายฮะ ผัดไทยโบราณ และเจ้ฉวีน้ำแข็งไสเจ้าเก่าแก่
8. นั่งรถไฟข้ามเขื่อน เยือนเมืองเก่าละโว้ธานี ที่ลพบุรี
สถานที่ท่องเที่ยวลพบุรีอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์, ศาลพระกาฬ, สวนสัตว์ลพบุรี, วัดไลย์, วัดนครโกษา และวัดถ้ำพระธาตุเขาปรางค์ เป็นต้น
9. ตะลุยปราจีนบุรี เสพโอโซนจากเขาใหญ่ ผจญภัยกับสายน้ำที่แก่งหินเพิง
ภาพจาก topten22photo / Shutterstock.com
จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ได้มีดีแค่ยาแผนไทยอภัยภูเบศรเท่านั้น ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวไม่น้อยเลยล่ะ โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ เพราะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน รอบ ๆ ปราจีนบุรีจึงมีภูเขาน้อยใหญ่โอบล้อมมากมาย อากาศเย็นสบายน่าท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ใครที่ชอบความท้าทาย ต้องไปโดนกับกิจกรรม "ล่องแก่งหินเพิง" เป็นกิจกรรมล่องแก่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย นักท่องเที่ยวจะได้นั่งเรือยางผ่านแก่งต่าง ๆ มีความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่รับรองว่าเร้าใจแน่นอน
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกหลากหลายแห่ง อาทิ ดาษดาแกลเลอรี่, วัดแก้วพิจิตร, ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ, เขาทุ่ง, พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร, พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์, น้ำตกเขาอีโต้, โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ และอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เป็นต้น
10. เที่ยวเมืองคนอาร์ตและสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยใกล้กรุงเทพฯ ที่ราชบุรี
ภาพจาก sarayuth3390 / Shutterstock.com
เขยิบเข้ามาทางฝั่งอำเภอเมืองก็เป็นแหล่งเมืองคนอาร์ต มีสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ ๆ อย่างเถ้าฮงไถ่ ให้ไปเดินชมงานเซรามิกกันเพลิน ๆ หรือจะไปชมความสวยงามของอุทยานหินเขางู หุบเขาหินปูนรูปร่างสวยแปลก คล้ายกับหุบเขาสวย ๆ ในประเทศจีนก็ได้ แล้วค่อยอิ่มฟินกับก๋วยเตี๋ยวไข่สุดอร่อย
ส่วนถ้าใครชอบงานศิลปะแนวสตรีทอาร์ต ขอชี้เป้าให้ไปชมเมืองสวย ๆ ที่อำเภอบ้านโป่ง มีผลงานให้ได้เที่ยวชมมากมายจากทั้งศิลปินชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่อำเภอโพธารามก็ดีงามไม่แพ้กันมีทั้งสุนทรีแลนด์ ดินแดนตุ๊กตา และพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอนให้ได้ไปเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหารบรรยากาศดีให้ไปนั่งชิลอีกเพียบ
11. อิ่มอร่อยอาหารเมืองตรัง ล่องเรือชมเกาะสวยในทะเลอันดามัน
เมืองตรัง ไม่ได้มีดีแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ที่นี่ยังขึ้นชื่อลือชาเรื่องของอาหารสุดอร่อยด้วย เราอยากชวนไปอิ่มอร่อยกับหมูย่างเมืองตรัง เนื้อนุ่มกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล กินอาหารเช้าสไตล์จีนกวางตุ้งกับเมนูติ่มซำหลากหลายชนิด หรือจะกินแบบไทยนิด ๆ มีปาท่องโก๋ แถมชา กาแฟ โบราณอุ่น ๆ ก็ได้ แล้วต้องไม่ลืมไปฟินกับขนมเค้กเมืองตรัง เนื้อเค้กฟูนุ่ม กลิ่นหอม รสชาติหวานนิด ๆ กินได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ และขนมเปี๊ยะแป้งบางกรอบ ไส้แน่น ๆ หลากหลายรสชาติ นี่ยังไม่นับรวมร้านอาหารพื้นเมืองอีกมากกว่า 10 ร้าน ที่จะทำให้คุณหลงรักอาหารเมืองตรังแบบถอนตัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวตรังที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วน อาทิ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม, เมืองเก่าตรัง, สถานีรถไฟกันตัง, คริสตจักรตรัง, เกาะสุกร, หาดปากเมง, พระนอนทรงเครื่องโนรา วัดภูเขาทอง, พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี, ถ้ำเลเขากอบ, น้ำตกโตนเต๊ะ และถ้ำเขาช้างหาย เป็นต้น
12. สัมผัสวัฒนธรรมถิ่นใต้ เยี่ยมชมหมู่บ้านซาไก ที่พัทลุง
ส่วนถ้าใครอยากพักผ่อนอย่างแท้จริง ต้องไม่พลาดไปนอนเล่นค้างคืนริมทะเลน้อยที่ปากประ ชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงสดค่อย ๆ โผล่พ้นขึ้นจากทะเลน้อย สาดแสงส่องเห็นเงายอยักษ์ที่ปากแม่น้ำ ท่ามกลางบรรยากาศสุดเงียบสงบและอากาศที่เย็นสบาย หรือใครอยากจะมาดินเนอร์ กินข้าวสังข์หยด พร้อมกับอาหารใต้รสชาติจัดจ้านและไข่ปลาทอดก็ได้ และถ้าอยากเที่ยวไทยในมุมมองใหม่ ขอนำเสนอการเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเงาะป่าซาไกกลางป่าลึกของพัทลุง ได้ทั้งเดินเที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติและได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนที่อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง
นอกจากนี้พัทลุงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ วัดถ้ำคูหาสวรรค์, เขาอกทะลุ, นาโปแก, ตลาดใต้โหนด, บ่อน้ำร้อนธารน้ำเย็น เขาชัยสน, น้ำตกไพรวัลย์ และหาดแสนสุขลำปำ เป็นต้น
เห็นไหมล่ะ...ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวเมืองหลักก็ได้ เมืองรองก็ดีงามไม่แพ้กันเลยล่ะ ใครกำลังหาที่เที่ยวใหม่ ๆ ก็ลองเปิดให้เมืองรองกันได้นะคะ เอาไปลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ ดีงามเว่อร์ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก