เที่ยวหอชมเมืองหรือหอคอยในเมืองไทย อีกหนึ่งประเภทสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์กของจังหวัด ที่ให้คุณได้ชื่นชมกับทัศนียภาพในมุมสูง เชื่อแน่ว่าคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน
1. หอชมเมืองนครสวรรค์
ตั้งอยู่บริเวณยอดเขา วัดคีรีวงศ์ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะมองเห็นวิวนครสวรรค์และอำเภอใกล้เคียงแบบ 360 องศา มีลักษณะเป็นหอสูง 32 เมตร วิวที่คุณจะมองเห็น ได้แก่ เขากบ บึงบอระเพ็ด อุทยานสวรรค์ สะพานเดชาติวงศ์ และวัดเขาจอมคีรีนาคพรต เป็นต้น ภายในหอชมเมือง มีการจัดเก้าอี้ให้นักท่องเที่ยวได้เสพบรรยากาศวิวโดยรอบ อีกทั้งยังมีการติดตั้งกล้องดูดาว เอาไว้ส่องดาวสวย ๆ ยามค่ำ และเมื่อชมวิวกันจนเต็มอิ่ม ก็ยังเดินทางไปสักการะพระเจดีย์จุฬามณี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครสวรรค์อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอชมเมืองได้อีกด้วย
เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-16.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด เวลา 10.00-19.00 น. ผู้ใหญ่ คนละ 20 บาท และเด็ก คนละ 10 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 056 514 951-2
2. หอคอยบรรหาร-แจ่มใส
ภาพจาก Supavadee butradee / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี บริเวณถนนนางพิม ระดับความสูง 123.25 เมตร ประกอบด้วยอาคารชั้น 1 ชมภาพจิตรกรรมขุนช้างขุนแผน, อาคารชั้น 2 นั่งพักผ่อนสบาย ๆ กับอาหารว่าง, อาคารชั้น 3 จำหน่ายของที่ระลึก และเป็นจุดชมวิวของตัวเมืองสุพรรณบุรี และอาคารชั้น 4 ชมทิวทัศน์ของจังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดใกล้เคียง และชมภาพจิตรกรรมเรื่องราวของ สมเด็จพระนเรศวร และภาพสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสุพรรณบุรี
เปิดบริการวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-20.30 น. ค่าเข้าชมสวนเฉลิมภัทรราชินี ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ค่าขึ้นหอคอยผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท ค่าขึ้นหอคอย (หลัง 18.00 น.) ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สำนักงานเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 035 511 987, 035 511 021
3. หอแก้วมุกดาหา
ภาพจาก Warinezz / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ริมถนนสายมุกดาหาร-ดอนตาล ที่นี่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร มีลักษณะเป็นหอคอยรูปทรงกระบอก โดดเด่นด้วยรูปทรงก่อสร้างที่ทันสมัย ทรงเก้าเหลี่ยม ประกอบด้วยอาคารจัดแสดงต่าง ๆ ตามแต่ละชั้น เช่น จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวมุกดาหาร พิพิธภัณฑ์ประวัติเมืองมุกดาหาร วัตถุโบราณ ภาพถ่ายเก่าแก่ และเครื่องแต่งกายชาวไทยพื้นเมืองมุกดาหาร เป็นต้น อีกทั้งบริเวณโดยรอบมีสวนหย่อมให้ความร่มรื่น เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม 20 บาท
4. อุทยานการเรียนรู้ หอชมเมืองสมุทรปราการ
ภาพจาก Aldelo Piomica / Shutterstock.com
ภายในประกอบด้วย 1. พิพิธภัณฑ์เด็ก เน้นรูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการ 2. พิพิธภัณฑ์สมุทรปราการ นำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดสมุทรปราการ และ 3. ห้องสมุด รวบรวมหนังสือ และสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย ทั้งหมดนี้เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความเป็นมาของชาวปากน้ำ และร่วมกันอนุรักษ์ความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของสมุทรปราการให้คงอยู่ควบคู่ไปกับความเจริญก้าวหน้าในปัจจุบัน
5. หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ
แหล่งท่องเที่ยวผสมผสานวัฒนธรรมของจังหวัดศรีสะเกษ มีความสูงจำนวน 16 ชั้น ภายในประกอบด้วยส่วนของนิทรรศการ, ส่วนของอุทยานเพื่อการเรียนรู้, ส่วนของจุดชมวิวทัศนียภาพของเมืองศรีสะเกษ รวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก และในส่วนของหอคอย จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย และในส่วนของชั้นบนสุดของหอคอย ได้ปรับขนาดให้มีความกว้างสามารถบรรจุคนได้ประมาณ 300 คน ซึ่งประชาชนที่ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดจะสามารถชมทิวทัศน์และความสวยงามของเมืองศรีสะเกษได้อย่างชัดเจนรอบด้าน
เปิดให้เข้าชม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. โดยเสียค่าบำรุงสถานที่ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาทำหนังสือส่งถึงนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษล่วงหน้าก่อนเข้าชม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ
ภาพจาก Kittipong Chararoj / Shutterstock.com
หอคอยแห่งแรกและแห่งเดียวที่สูงที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา
โดดเด่นด้วยอาคารที่ได้รับการออกแบบอย่างทันสมัย คล้ายกับหอบังคับการบิน
มีความสูงอยู่ที่ 110 เมตร โดยจากจุดชมวิว 2 ชั้น คือ Skydeck 1 และ
Skydeck 2 เป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวมาเก็บภาพประทับใจมากที่สุด
ภายนอกหอคอยมีไฮไลท์เป็น Facade Lighting ที่ตระการตาด้วย Dynamic Coloured
LEDs ระยิบระยับ และไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ มาเป็นหมู่คณะ พร้อมเพื่อนฝูง
ครอบครัว Terminal 21 Korat Tower
ก็พร้อมยินดีต้อนรับและมอบความสุขให้ทุกคนแบบไร้ขีดจำกัดเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.30-21.30 น. และไม่เสียค่าเข้าชม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Terminal21 Korat Shopping Mall โทรศัพท์ 02 947 5000
7. หอชมเมืองร้อยเอ็ด
ถึงแม้ว่าหอชมเมืองแห่งนี้อาจจะยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ แต่ก็เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นจำนวนไม่น้อย และจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเป็นอย่างดี โดยหอชมเมืองแห่งนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับทัศนียภาพเมืองโบราณ บึงพลาญชัย และเมื่อส่องกล้องทางไกลจะมองเห็นทุ่งกุลาร้องไห้ และเจดีย์ชัยมงคล ที่อำเภอหนองพอก ได้ด้วย เบื้องต้นหอชมเมืองถูกออกแบบเป็นรูปโหวด และคาดว่าหอชมเมืองแห่งนี้จะดำเนินการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์นับจาก ปี พ.ศ. 2560 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
8. หอคอยสุรนภา ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ภาพจาก Kittipong Chararoj / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2536 มีลักษณะเป็นอาคารรูปดอกบัว ภายในจะมีลิฟต์ให้สามารถขึ้นไปชมวิวรอบ ๆ มหาวิทยาลัยได้ แต่หอคอยสุรนภาจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลต่าง ๆ เท่านั้น เช่น งานรับปริญญา งานลอยกระทง ฯลฯ โดยตอนกลางคืนจะเปิดไฟสวยงามระยิบระยับ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) โทรศัพท์ 044 223 000
เห็นอย่างนี้ในเมืองไทยก็มีหอชมเมืองอยู่จำนวนไม่น้อยเลยนะคะ แต่ละที่ของหอชมเมือง นักท่องเที่ยวก็จะประทับใจทัศนียภาพที่แตกต่างกันออกไป ใครที่ชอบดูวิวสวย ๆ ลองตระเวนเช็กอินหอชมเมืองเหล่านี้กันดูนะคะ น่าจะเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่สร้างสีสันได้ไม่น้อยเลยค่ะ ^ ^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Jame Suttiphong Pachhnu, เฟซบุ๊ก Pakamas Promvijit, เฟซบุ๊ก Panit Suwanvajokkasikij, เฟซบุ๊ก วรพล เกษชุมพล, เฟซบุ๊ก Terminal21 Korat Shopping Mall, เฟซบุ๊ก Nutthapol Pheet\'z, เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด