เที่ยวกาญจนบุรี 1 วัน ทริปชิค ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้

          เราเริ่มออกจากกรุงเทพฯ กันเช้าหน่อยค่ะ เพื่อที่ว่าจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ ๆ อาหารเช้าจึงเป็นเมนูง่าย ๆ เจอร้านอาหารในปั๊มน้ำมันก็แวะจัดกันเลย แล้วยิงยาวไปจนถึงอำเภอไทรโยค อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวกาญจนบุรีแห่งแรกที่เราอยากจะมาเช็กอินกันในทริปนี้ นั่นก็คือ เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

 
          เห็นเพื่อน ๆ ในเฟซบุ๊กแชร์ภาพใส่ชุดไทยไปเดินสวย ๆ ในเมืองโบราณ มันก็อยากจะมีโมเมนต์แบบนั้นบ้าง มาถึงที่แล้วก็จัดสิแก๊ (เสียงสูงนิดหนึ่ง) จอดรถเสร็จสรรพก็เดินไปห้องเปลี่ยนชุดได้เลย ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจะอยู่ด้านหน้าเมืองเลยค่ะ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็จะมีชุดไทยให้เปลี่ยน ซึ่งจะเป็นชุดไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 พวกเราดูจากแสงแดดด้านนอกแล้ว ขอเป็นชุดไทยแบบผ้าแถบสไบน่าจะดีกว่า เพราะมีสีเจ็บ ๆ ให้เลือกใส่ไปแข่งกับความร้อนแรงของแสงแดดหลายสีเลย

 
          ใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานค่ะ เพราะด้านในจะมีพนักงานช่วยแต่งตัวให้ แค่ยืนเฉย ๆ เดี๋ยวเดียวก็สวยปิ๊ง เป็นสาวไทยสมัยเมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้วเจ้าค่ะ อุ๊บ ! แอบอินกับเมืองนี้แล้วสิคะ เพราะว่าตั้งแต่เดินเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะมีแต่เสียงเจ้าค่ะ/ขอรับ ให้บรรยากาศย้อนยุคสุด ๆ

         
          มา ๆ เตรียมพร้อมเข้าเมือง อุปกรณ์ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือร่ม เลือกสีสวย ๆ มาได้เลยค่ะ เพราะมันจะเป็นพร็อพถ่ายรูปที่โดดเด่น เพิ่มความสวยสง่าให้เราอีกเท่าตัว (เว่อร์ไปไหม :D) อ้อ...แล้วก็ห้ามลืมที่จะแลกสตางค์กันไว้ด้วยนะคะ เพราะต้องได้ช้อปปิ้งในเมืองแน่นอน



          สำหรับใครที่เดินไม่ไหว ที่นี่ก็มีบริการรถลากด้วยค่ะ สมัยก่อนจะเรียกกันว่ารถเจ๊ก ก็จะพาเที่ยวไปรอบ ๆ เมือง ค่าบริการคนละ 50 บาท อยู่ด้านหน้าเมืองค่ะ


          ก่อนที่จะเดินเข้าเมืองเราอยากให้ลองเลี้ยวขวาไปสักนิดค่ะ ไปยังห้องเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นโซนที่เพิ่งเปิดใหม่ ในส่วนนี้สามารถเข้าเที่ยวชมได้เลยค่ะ ไม่ต้องซื้อบัตรก็เข้าชมได้ โดยด้านในจะจัดแสดงภาพถ่ายเก่าของจริงในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นภาพที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนสมัยนั้น รวมทั้งมีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งจำลองการแต่งกายตามชนชั้น ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ไปจนถึงชาวบ้านทั่วไป และห้องนี้ยังเชื่อมต่อไปยังร้านกาแฟสวัสดี By Malika ด้วยค่ะ ใครที่ไม่ได้เข้าไปเที่ยวชมในเมือง หรือผ่านมาเที่ยวในอำเภอไทรโยค ก็แวะมานั่งจิบกาแฟ กินขนมหวานไทย ๆ ที่นี่กันได้ค่ะ


         แถ่น แท้น ... และแล้วก็ได้เวลาที่แม่หญิงจะไปเที่ยวในเมืองแล้วเจ้าค่ะ โซนแรกของที่นี่จะเรียกว่าสะพานหัน เป็นสะพานที่เชื่อมต่อเข้าไปยังย่านอื่น ๆ ในเมืองมัลลิกา จุดนี้ก็จะมีของขายกระจุกกระจิก แม่ค้าก็แต่งตัวย้อนยุค เป็นการบิวท์อารมณ์ก่อนเข้าไปสู่ย่านการค้าได้อย่างดีเยี่ยม

         
          พอเดินเข้าสู่ย่านการค้า (รวมย่านแพร่ง, ย่านเยาวราช และย่านบางรัก) โอ้โห ! อ้าปากค้างเลยเจ้าค่ะ สีสันของตึกรามบ้านช่องมันช่างดีเยี่ยมกระไรเยี่ยงนี้ เริ่มกันที่ย่านแพร่ง ก็จะมีร้านขายขนมไทยโบราณให้ได้ลองชิมกัน โซนนี้มีแบงก์สยามกัมมาจลให้แลกสตางค์ด้วยค่ะ เผื่อใครไม่ได้แลกจากด้านนอกเข้ามา

          ต่อจากย่านการค้าก็จะเป็นหอชมเมือง เดินไปทางด้านขวาเราจะเห็นเรือนหมู่ตั้งอยู่อีกฝั่งของลำคลอง ส่วนถ้าเดินมาทางด้านซ้ายจะเป็นเรือนแพ ซึ่งมีร้านอาหารเล็ก ๆ ไว้บริการ

          โซนด้านหลังสุดของที่นี่จะเป็นในส่วนของโรงครัว ซึ่งจะมีการสาธิตตั้งแต่การฝัดข้าว ไปจนถึงการทำกับข้าวกับปลาแบบสมัยก่อน และที่นี่ก็ทำกันจริง ๆ คือฝัดข้าว สีข้าว ตำข้าวกันเอง แล้วหุงเลี้ยงพนักงานของเมืองมัลลิกา


          ใครอยู่ไกลโรงครัวก็เอาปิ่นโตมาใส่ไปกิน ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่ามุมนี้นี่แหละที่ทำให้มัลลิกาสมบูรณ์แบบและแตกต่างจากเมืองจำลองที่อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

          อิ่มเอมใจกับเมืองมัลลิกาไปครึ่งวัน ช่วงบ่ายก็ขอหาความท้าทายและผ่อนคลายหน่อย ๆ ให้กับตัวเองกันค่ะ มาเที่ยวเป็นทริปผู้หญิงจะมาหวานหยดย้อยทั้งทริปเดี๋ยวก็จะเลี่ยนเกินไป ขอปรับโหมดมาแอดเวนเจอร์นิด ๆ ขอไปเล่นกิจกรรมที่ตื่นเต้นกันบ้าง
 
          จุดหมายปลายทางของบ่ายนี้ของเราอยู่ที่โรงแรมริเวอร์แคว วิลเลจ เราจะมาเล่นกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมกัน แต่พอรถเลี้ยวเข้าโรงแรมเท่านั้นแหละ ฟ้าก็มืดมัวทันใด พัง พัง พัง ยังไม่ทันได้เล่นเลย ฝนก็จะเทเสียแล้ว แต่ความตั้งใจยังไม่หมด ไหน ๆ มาแล้วก็ขอเล่นสักหน่อย ต่อให้ฝนตกก็จะลุย จึงตกลงปลงใจไปเล่นจักรยานอากาศกัน สถานีจักรยานอากาศจะอยู่ในป่าค่ะ (แต่ไม่น่ากลัวนะ) เราต้องเดินเข้าป่าไผ่ไปสักนิด แล้วต้องเดินไต่สะพานเชือกเพื่อข้ามไปยังจุดปั่นจักรยานอากาศ

          ตอนที่เดินอยู่บนสะพานเชือกมันก็จะเสียวหน่อย ๆ เพราะด้านล่างช่วงหนึ่งค่อนข้างสูง ใครที่กลัวความสูงก็ระมัดระวังนิดหนึ่งค่ะ เราใช้เวลาเดินข้ามสะพานเชือกมาประมาณ 10 นาที ก็จะเดินลัดมายังจุดปั่นจักรยานอากาศ พอคนแรกในทีมเริ่มปั่นข้ามกลับไปยังฝั่ง สายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาแล้วค่ะ และหลังจากนั้นก็...ซ่า ซ่า ซ่า ชุ่มฉ่ำ ดีมากเลยจ้า (แอบมองบน) ไม่ต้องเดาเลยค่ะว่าที่เหลือจะได้ปั่นไหม อดไปตาม ๆ กัน เสียใจ T^T

          ยังค่ะ ความพยายามของเรายังไม่หมด พอทุกคนกลับมายังล็อบบี้ของโรงแรม ก็เตรียมไปสปาโคลนกันต่อเลย (ความอยากเที่ยวไม่เคยปรานีใจใครจริง ๆ) ทีมงานของโรงแรมพาเราไปยังท่าเรือ เพื่อไปทำสปาโคลนกัน สายฝนก็ยังตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย กีฬาเอ็กซ์ตรีมก็ไม่ได้เล่น ยังไงก็ขอผ่อนคลายด้วยสปาโคลนและการนอนแช่น้ำแร่อุ่น ๆ หน่อยเถอะ
 
          พอเรามาถึง Rock Valley Hot Spring & Fish Spa ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกระโจมอก แหม่...มันน่ารักตะมุตะมิซะเหลือเกิน

          เริ่มแรกพนักงานจะพาเราไปทำสปาโคลนค่ะ เป็นการพอกหน้าด้วยโคลนธรรมชาติจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ จากนั้นก็จะให้ลูกค้าลงไปนอนแช่ในบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งจะมีทั้งหมด 15 บ่อด้วยกัน ใครอยากลองแบบไหนก็ลงไปนอนแช่ได้เลย บรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมาก ๆ
 
          แต่ที่ห้ามพลาดและชอบสุด ๆ ก็คือสปาปลา แก๊งปลาหมอตัวน้อย ๆ จะมาตอดที่เท้าเราดุ๊ก ดุ๊ก ให้จั๊กจี๋เล่น ๆ ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี และยังกินเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหนังสะอาดเนียนขึ้น เป็นกิจกรรมที่ช่างผ่อนคลายและสบายอุราจริง ๆ ตลอดบ่ายเราจึงได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่เลยค่ะ

          เสร็จกิจกรรมเที่ยวกาญจนบุรี 1 วัน ต้องบอกเลยว่าเป็นทริปเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่สนุกและประทับใจสุด ๆ ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและเพื่อนอย่างจุใจ ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ สนุกเต็มที่แบบนี้ วันหยุดคราวหน้าจะรออะไรล่ะคะ ตามไปเที่ยวกันได้เลยค่ะ :)
 
          เกร็ดท่องเที่ยวกาญจนบุรี

          - เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124
 
          ที่ตั้ง : ใกล้กับทางเข้าปราสาทเมืองสิงห์ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี (Note : ใครที่ไม่มีรถส่วนตัวสามารถนั่งรถโดยสารประจำทางเส้นทางกรุงเทพฯ-สังขละบุรี ได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต แล้วมาลงที่ตัวเมืองไทรโยค จากนั้นต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังเมืองมัลลิกา)
          ราคาบัตรเข้าชม :
          โปรโมชั่นเดือนมิถุนายน 2560
          * วันจันทร์-ศุกร์
          1. ค่าเข้า+ชุดไทย+สำรับเย็น ราคา 650 บาทต่อท่าน
          2. ค่าเข้า+ชุดไทย ราคา 350 บาทต่อท่าน
          * ราคาค่าเข้าทุกวัน
          1. ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ 100 บาท
          2. ค่าเข้าชม+สำรับเย็น+ชมการแสดง ราคา ผู้ใหญ่ 700 บาท เด็ก 350 บาท (โปรโมชั่นลด 10%)
              เด็กความสูงต่ำกว่า 100 เซนติเมตร เข้าฟรี เด็กความสูงตั้งแต่ 100-130 เซนติเมตร และผู้สูงอายุ อายุ 70 ปีขึ้นไปใช้ราคาเด็ก

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. (ปิดขายบัตร 17.30 น.)
          โทรศัพท์ : 0 3454 0884-86
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : mallika124.com, เมืองมัลลิกา ร.ศ.124
 
          - กิจกรรมเอ็กซ์ตรีม สปาโคลน และสปาปลา

          ที่ตั้ง : โรงแรมริเวอร์แคว วิลเลจ ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
          ราคาค่าบริการต่าง ๆ :
          * กิจกรรมเอ็กซ์ตรีมทุกชนิด ท่านละ 350 บาท (ยกเว้น ATV และ DTV จะราคา 550 บาท)
          * พอกโคลนเฉพาะหน้า ราคา 450 บาท พอกโคลนทั้งตัว ราคา 1,200 บาท
          โทรศัพท์ : 08 3242 1120, 0 3451 0441-4
          เว็บไซต์ :  riverkwaivillagehotel.com, River Kwai Village
 
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ และสนับสนุนการเดินทางโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย