
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Punnabhat Sri ได้โพสต์บอกเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายในการถูกกักตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานครบ แต่สุดท้ายก็ถูกส่งตัวกลับประเทศไทย ไม่ได้เที่ยวเกาหลีใต้ตามที่แพลนไว้ ซ้ำยังเจอล่ามพูดจาไม่ดี บอก "ถ้าจะกินปิ้งย่าง กินที่ไทยเถอะค่ะ" และยังมีคำถามอื่น ๆ ตามมา ซึ่งเป็นคำพูดและสายตาที่แย่มากนั้น (อ่านข่าว : สาวไทยเล่าประสบการณ์ถูก ตม.เกาหลี กักตัว ซ้ำถูกไล่ไปกินปิ้งย่างที่เมืองไทยแทน)
คุณปัณณณ์พัศ เล่าต่อว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่พาตนเข้าไปในห้องหนึ่งก็ได้ถามคำถามเดิม ๆ เช่น มาทำอะไร มากับใคร มากี่คน มีเงินเท่าไหร่ ซึ่งตนก็ได้แสดงหลักฐานที่มีให้กับทางเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้ตนเข้าไปรอในห้อง โดยระหว่างนั้นเองตนเห็นคนไทยด้วยกันนั่งอยู่ด้วยภายในห้องอีก 5-6 คน จากนั้นก็มีเอกสารที่มีคำถามเดิมมาให้กรอกอีก เมื่อเวลาผ่านไปสักพักคนไทยที่ถูกจับเข้ามาภายในห้องเพิ่มขึ้นประมาณ 100 คน
ระหว่างที่อยู่ในห้องตนได้เจอกับคุณป้าท่านหนึ่งที่เป็นคนไทย โดยคุณป้าคนนั้นได้บอกกับตนว่า ไม่ต้องตกใจไม่ใช่เฉพาะแค่ตนที่โดนกักเพราะตัวป้าเองก็โดนกักเช่นกัน ติดอยู่ 3 วันแล้ว ทั้งนี้ระหว่างที่กำลังพูดคุยกับป้าคนดังกล่าว ก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียกตนไปสัมภาษณ์อีกห้อง ซึ่งในห้องนั้น เจ้าหน้าที่ให้คุยโทรศัพท์กับล่ามภาษาไทยเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ล่ามคนไทยที่คอยแปลภาษาให้พูดใส่อารมณ์กับตนตลอดเวลา และประโยคที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นการดูถูกมากที่สุดคือ จะกินปิ้งย่าง กินที่ไทยก็ได้ไม่ต้องมาเกาหลี ก่อนบอกว่าตนไม่มีคุณสมบัติเข้าประเทศเกาหลี และต้องเดินทางกลับประเทศไทยทันที ซึ่งตนถูกส่งตัวกลับประเทศโดยสายการบินไทย โดยทางสายการบินก็คอยดูแลและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี
คุณปัณณณ์พัศ ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ไปมาหลายประเทศไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้เลย ไม่เหมือนในซีรีส์ ซีรีส์คือไปแล้วบรรยากาศการต้อนรับอย่างดี แต่สิ่งที่ตนเจอมันช่างแตกต่าง ไม่ได้สวยหรูแบบที่เห็น ไม่คิดจะกลับไปที่เกาหลีใต้อีก เพราะไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ตั้งใจไปเที่ยวแต่กลับถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษ นับเวลาที่ถูกขังอยู่ในห้องประมาณ 12-13 ชั่วโมง มีแค่ขนมปังกับน้ำอัดลมกระป๋องให้กิน บางคนถูกกักอยู่ 2-3 วันก็ได้กินแค่ขนมปังกับน้ำอัดลมกระป๋อง
"มันรู้สึกแย่มากที่เห็นสายตาของคนอื่นที่มองเราว่า เราผิด เราเป็นเหมือนนักโทษ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นนักท่องเที่ยวตั้งใจมาเที่ยว และอีกอย่างคือเพื่อนเราผ่าน ทำไมเราไม่ผ่าน และที่ตนออกมาร้องเรียนก็เพราะสงสัยว่ามีคนไทยที่ไปเกาหลีใต้แล้วเจอแบบนี้ไหม คนไทยโดนแบบนี้เพราะอะไร" คุณปัณณณ์พัศ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.ตม.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อปี 2559 สถิติคนไทยถูกกักตัวที่เกาหลีใต้ไม่ให้เข้าประเทศ และถูกส่งกลับจำนวน 30,000 คน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเข้มงวดของทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ เพราะมีประเด็นที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยมีการลงนามสัญญาระหว่างประเทศร่วมกันคือ ไม่ต้องขอวีซ่าในการท่องเที่ยว แต่ละครั้งเดินทางท่องเที่ยวได้นาน 90 วัน
และพอไม่ต้องขอวีซ่าสิ่งที่คนไทยทำคือ ไปเกินเวลา อยู่เกินกำหนด หนำซ้ำมีบางคนลักลอบไปทำงานทั้ง ๆ ที่ห้าม ทางสำนักงานเกาหลีใต้จึงมีการตรวจสอบที่เข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจว่าไปท่องเที่ยวจริงไหม หรือว่าลักลอบเข้าไปทำงาน ที่ผ่านมาได้มีความพยายามเจรจาทางการทูต แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไร ทั้งหมดอยู่ที่ดุลยพินิจของทางประเทศเกาหลีใต้
พล.ต.ท. ณัฐธร ยังบอกอีกว่า เรื่องสถิติการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ พบว่าตัวเลขคนไทยที่ไปท่องเที่ยวเกาหลี อยู่ที่ 300,000 คน แต่ตัวเลขที่ชาวเกาหลีเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย มากกว่าถึง 4 เท่าของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเกาหลี คือราว ๆ 1,200,000 คน ก็อยากให้ทางเกาหลีดูแลคนไทยเช่นกัน แต่ทั้งนี้เข้าใจว่าความเข้มงวดที่เกิดขึ้นนั้นเพราะว่ามีประเด็นในเรื่องการลักลอบเข้าทำงานซึ่งผิดกฎหมายประเทศเกาหลีใต้อยู่แล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายกายทุบโต๊ะข่าว, เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร