ที่เที่ยวทะเลหน้าหนาว ชวนไปเที่ยวทะเลในหน้าหนาว สัมผัสอากาศเย็น ๆ ริมทะเล พร้อมชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงสดขึ้นและลงทะเลอย่างสวยงาม หนาวนี้จะไปเช็กอินทะเลไทยที่ไหนดี ไปดูกัน
เขาว่ากันว่า...ถ้าอยากเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงตกลงสู่ท้องทะเลอย่างงดงาม
ให้ไปเที่ยวในช่วงหน้าหนาว
ซึ่งช่วงนี้นอกจากจะสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและลงได้แบบสวยประทับใจสุด ๆ
แล้ว ก็ยังมีอากาศเย็นสบาย บรรยากาศโรแมนติกกว่าช่วงไหน ๆ ของปี
วันนี้เราจึงได้คัดสรร 7 ท้องทะเลไทย ที่มีความสวยงามอันดับต้น ๆ
ของเมืองไทย ให้ได้ไปเช็กอินกับหวานใจในช่วงหน้าหนาว
การันตีได้เลยว่าถ้าได้ไปเที่ยวทะเลเหล่านี้จะต้องประทับใจไปอีกนานแสนนานแน่นอน
และทะเลที่ไหนจะเหมาะแก่การควงคนข้าง ๆ ไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินบ้าง
ตามเราไปเช็กลิสต์กันเลย
1. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
เกาะสวยที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือปากบารา ประมาณ 2 ชั่วโมง ถือได้ว่าเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินพอสมควร ที่นี่จึงเงียบสงบ ท้องทะเลสวยงาม หาดทรายขาวสะอาด นุ่มเนียนราวกับผงแป้ง อีกทั้งน้ำทะเลยังสวยใสเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ สามารถมองเห็นลงไปได้ถึงแนวปะการังใต้ท้องทะเล
นักท่องเที่ยวสามารถที่จะดำน้ำได้บริเวณริมชายหาดของเกาะหลีเป๊ะ หรือจะนั่งเรือไปดำน้ำยังจุดต่าง ๆ รอบเกาะหลีเป๊ะก็ได้ และด้วยความที่เกาะแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก สามารถเดินรอบเกาะได้ภายในเวลา 30-40 นาที นักท่องเที่ยวจึงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของคนท้องถิ่นและความเป็นส่วนตัว เรียกได้ว่าที่นี่สามารถใช้เป็นสถานที่ฮันนีมูนได้อย่างดีเลยทีเดียว
2. หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นท้องทะเลที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ในแต่ละปีจะมีนักเดินทางจากทั่วโลกแวะเวียนมายลโฉมสิมิลันกันอย่างล้นหลาม ท้องทะเลในสิมิลันจะเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใส บางจุดใสถึงขนาดสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของท้องเรือในน้ำได้เลยทีเดียว หาดทรายบนเกาะต่าง ๆ ยังขาวสะอาด เนื้อเนียนละเอียด ตัดกับสีของท้องทะเลและท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย สามารถพบปะการังสีสันสดใสและสัตว์ทะเลหายากมากมาย ยิ่งในช่วงหน้าหนาวนักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปชมพระอาทิตย์กันได้ที่บริเวณจุดชมวิวลานข้าหลวงบนเกาะเมียง หรือเกาะสี่ และจุดชมวิวบนหินเรือใบบนเกาะสิมิลัน หรือเกาะแปด จะมองเห็นวิวที่สวยงามประทับใจแบบสุด ๆ
3. เกาะกูด จังหวัดตราด
เกาะสุดท้ายในน่านน้ำอ่าวไทย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดตราด ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือในจังหวัดตราดมายังเกาะประมาณ 1.30 ชม. มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 65,625 ไร่ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา, สวนมะพร้าว และสวนยาง
บนเกาะมีชายหาดสวย ๆ กระจายตัวอยู่รอบ ๆ และมีประชาชนอาศัยอยู่เพียง 2,000 กว่าคนเท่านั้น ที่นี่จึงเงียบสงบ เมื่อรวมกับความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่บริเวณเกาะกูดแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลระดับพรีเมียมของไทยเลยทีเดียว ใครที่รักความเงียบสงบ อยากพักผ่อนปลดปล่อยหัวสมองแบบจริง ๆ จัง ๆ เกาะกูดถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสุด ๆ เลยล่ะ
4. เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต
เกาะเล็ก ๆ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะภูเก็ต จากท่าเรืออ่าวฉลอง ใช้เวลาเดินทางมาเที่ยวยังเกาะเฮเพียงแค่ 20-30 นาทีเท่านั้น นักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวแบบ One Day Trip แต่บนเกาะก็มีที่พักไว้รองรับ
โดยความโดดเด่นของเกาะเฮก็คือหาดทรายที่ขาวสะอาดและเงียบสงบ อีกทั้งน้ำทะเลยังเป็นสีฟ้าสวยใสราวกับคริสตัล สามารถที่จะมองเห็นปลาชนิดต่าง ๆ ได้เลยจากท่าเรือและบริเวณชายฝั่ง ที่นี่จึงมีฉายาว่า Coral Island อีกทั้งยังมีแนวปะการังที่สมบูรณ์และสวยงามมาก ๆ ให้ได้ดำน้ำชื่นชม เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของหน้าหนาวที่ไม่อยากให้พลาดจริง ๆ
5. เกาะรอก จังหวัดกระบี่
เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของท้องทะเลอันดามัน เพราะมีความสวยงามทั้งหาดทรายและน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว พร้อมทั้งธรรมชาติอื่น ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่ ๆ คือ เกาะรอกนอก และเกาะรอกใน โดยมีจุดดำน้ำกระจายตัวอยู่รอบ ๆ ทั้ง 2 เกาะ
บรรยากาศของเกาะรอกจะเงียบสงบ เพราะไม่มีร้านค้า ร้านอาหาร หรือบ้านพักของเอกชน มีเพียงบ้านพักและลานกางเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเท่านั้น และนักท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้อีกด้วย
6. เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต
เกาะยอดนิยมของชาวต่างชาติที่ต้องการมาฮันนีมูนกับบรรยากาศของท้องทะเลไทย เพราะที่นี่มีรีสอร์ตเพียงแห่งเดียวบนเกาะ จึงให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัว อบอุ่น ไม่วุ่นวาย และที่สำคัญยังมีธรรมชาติของท้องทะเลที่สวยเพอร์เฟกต์ แค่ได้มาสัมผัสกับหาดทรายที่นี่ก็ถือว่าฟินมากแล้วจริง ๆ
7. เกาะเต่า
เกาะเต่า ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 110 กิโลเมตร และห่างจากเกาะสมุยประมาณ 64 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะที่นี่มีท้องทะเลที่สวยงามราวกับสวรรค์บนดิน ไม่ว่าใครได้มาสัมผัสจะต้องหลงรักเกาะเต่าได้อย่างง่ายดาย
หลาย ๆ ที่พักยังเน้นให้สร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ ซึ่งกลมกลืนไปกับบรรยากาศของท้องทะเลสีฟ้าและป่าเขาสีเขียวขจีบนเกาะได้อย่างดี อีกทั้งชาวบ้านบนเกาะยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย นักท่องเที่ยวจึงจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนท้องถิ่นอีกด้วย สวยงามโรแมนติกขนาดนี้ ถามคนข้าง ๆ สิ...ไปด้วยกันไหม ^^
นั่นแน่...เริ่มหวั่นไหวให้กับท้องทะเลไทยในช่วงหน้าหนาวแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากทะเลหมอกไปเป็นทะเลสีฟ้าครามบ้าง ก็อย่ารอช้า...จูงมือคนข้าง ๆ ไปเดินเล่นชายหาด ชมพระอาทิตย์ยามเย็นกันสักหนาวหนึ่ง มันก็ซึ้งใจดีนะ :)
ขอขอบคุณข้อมูล
1. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
เกาะสวยที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือปากบารา ประมาณ 2 ชั่วโมง ถือได้ว่าเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินพอสมควร ที่นี่จึงเงียบสงบ ท้องทะเลสวยงาม หาดทรายขาวสะอาด นุ่มเนียนราวกับผงแป้ง อีกทั้งน้ำทะเลยังสวยใสเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ สามารถมองเห็นลงไปได้ถึงแนวปะการังใต้ท้องทะเล
นักท่องเที่ยวสามารถที่จะดำน้ำได้บริเวณริมชายหาดของเกาะหลีเป๊ะ หรือจะนั่งเรือไปดำน้ำยังจุดต่าง ๆ รอบเกาะหลีเป๊ะก็ได้ และด้วยความที่เกาะแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก สามารถเดินรอบเกาะได้ภายในเวลา 30-40 นาที นักท่องเที่ยวจึงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของคนท้องถิ่นและความเป็นส่วนตัว เรียกได้ว่าที่นี่สามารถใช้เป็นสถานที่ฮันนีมูนได้อย่างดีเลยทีเดียว
2. หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นท้องทะเลที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ในแต่ละปีจะมีนักเดินทางจากทั่วโลกแวะเวียนมายลโฉมสิมิลันกันอย่างล้นหลาม ท้องทะเลในสิมิลันจะเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใส บางจุดใสถึงขนาดสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของท้องเรือในน้ำได้เลยทีเดียว หาดทรายบนเกาะต่าง ๆ ยังขาวสะอาด เนื้อเนียนละเอียด ตัดกับสีของท้องทะเลและท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย สามารถพบปะการังสีสันสดใสและสัตว์ทะเลหายากมากมาย ยิ่งในช่วงหน้าหนาวนักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปชมพระอาทิตย์กันได้ที่บริเวณจุดชมวิวลานข้าหลวงบนเกาะเมียง หรือเกาะสี่ และจุดชมวิวบนหินเรือใบบนเกาะสิมิลัน หรือเกาะแปด จะมองเห็นวิวที่สวยงามประทับใจแบบสุด ๆ
3. เกาะกูด จังหวัดตราด
เกาะสุดท้ายในน่านน้ำอ่าวไทย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดตราด ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือในจังหวัดตราดมายังเกาะประมาณ 1.30 ชม. มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 65,625 ไร่ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา, สวนมะพร้าว และสวนยาง
บนเกาะมีชายหาดสวย ๆ กระจายตัวอยู่รอบ ๆ และมีประชาชนอาศัยอยู่เพียง 2,000 กว่าคนเท่านั้น ที่นี่จึงเงียบสงบ เมื่อรวมกับความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่บริเวณเกาะกูดแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลระดับพรีเมียมของไทยเลยทีเดียว ใครที่รักความเงียบสงบ อยากพักผ่อนปลดปล่อยหัวสมองแบบจริง ๆ จัง ๆ เกาะกูดถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสุด ๆ เลยล่ะ
4. เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต
เกาะเล็ก ๆ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะภูเก็ต จากท่าเรืออ่าวฉลอง ใช้เวลาเดินทางมาเที่ยวยังเกาะเฮเพียงแค่ 20-30 นาทีเท่านั้น นักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวแบบ One Day Trip แต่บนเกาะก็มีที่พักไว้รองรับ
โดยความโดดเด่นของเกาะเฮก็คือหาดทรายที่ขาวสะอาดและเงียบสงบ อีกทั้งน้ำทะเลยังเป็นสีฟ้าสวยใสราวกับคริสตัล สามารถที่จะมองเห็นปลาชนิดต่าง ๆ ได้เลยจากท่าเรือและบริเวณชายฝั่ง ที่นี่จึงมีฉายาว่า Coral Island อีกทั้งยังมีแนวปะการังที่สมบูรณ์และสวยงามมาก ๆ ให้ได้ดำน้ำชื่นชม เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของหน้าหนาวที่ไม่อยากให้พลาดจริง ๆ
5. เกาะรอก จังหวัดกระบี่
เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของท้องทะเลอันดามัน เพราะมีความสวยงามทั้งหาดทรายและน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว พร้อมทั้งธรรมชาติอื่น ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่ ๆ คือ เกาะรอกนอก และเกาะรอกใน โดยมีจุดดำน้ำกระจายตัวอยู่รอบ ๆ ทั้ง 2 เกาะ
บรรยากาศของเกาะรอกจะเงียบสงบ เพราะไม่มีร้านค้า ร้านอาหาร หรือบ้านพักของเอกชน มีเพียงบ้านพักและลานกางเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเท่านั้น และนักท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้อีกด้วย
6. เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต
เกาะยอดนิยมของชาวต่างชาติที่ต้องการมาฮันนีมูนกับบรรยากาศของท้องทะเลไทย เพราะที่นี่มีรีสอร์ตเพียงแห่งเดียวบนเกาะ จึงให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัว อบอุ่น ไม่วุ่นวาย และที่สำคัญยังมีธรรมชาติของท้องทะเลที่สวยเพอร์เฟกต์ แค่ได้มาสัมผัสกับหาดทรายที่นี่ก็ถือว่าฟินมากแล้วจริง ๆ
ภาพจาก jiraphoto / Shutterstock.com
นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังทอดยาวอยู่ใต้ท้องทะเลบริเวณรอบ ๆ เกาะ พร้อมทั้งปลาหลากหลายสายพันธุ์และสีสัน รอให้คู่รักจากทั่วโลกจูงมือกันมาแหวกว่ายเที่ยวชม ไม่เพียงเท่านั้นบนเกาะยังมีจุดชมวิวให้ได้มองเห็นทะเลแบบไกลสุดลูกหูลูกตา เก็บเป็นความทรงจำสุดพิเศษอีกด้วย 7. เกาะเต่า
เกาะเต่า ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 110 กิโลเมตร และห่างจากเกาะสมุยประมาณ 64 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะที่นี่มีท้องทะเลที่สวยงามราวกับสวรรค์บนดิน ไม่ว่าใครได้มาสัมผัสจะต้องหลงรักเกาะเต่าได้อย่างง่ายดาย
หลาย ๆ ที่พักยังเน้นให้สร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ ซึ่งกลมกลืนไปกับบรรยากาศของท้องทะเลสีฟ้าและป่าเขาสีเขียวขจีบนเกาะได้อย่างดี อีกทั้งชาวบ้านบนเกาะยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย นักท่องเที่ยวจึงจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนท้องถิ่นอีกด้วย สวยงามโรแมนติกขนาดนี้ ถามคนข้าง ๆ สิ...ไปด้วยกันไหม ^^
นั่นแน่...เริ่มหวั่นไหวให้กับท้องทะเลไทยในช่วงหน้าหนาวแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากทะเลหมอกไปเป็นทะเลสีฟ้าครามบ้าง ก็อย่ารอช้า...จูงมือคนข้าง ๆ ไปเดินเล่นชายหาด ชมพระอาทิตย์ยามเย็นกันสักหนาวหนึ่ง มันก็ซึ้งใจดีนะ :)
ขอขอบคุณข้อมูล