x close

นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี ศูนย์ศึกษาเรียนรู้พันธุ์ข้าวที่น่าสนใจ


          นาเฮียใช้ หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้

          ชวนไปท่องเที่ยวสัมผัสจิตวิญญาณของชาวนาไทย ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิถีชีวิตการเกษตร ณ ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ นาเฮียใช้ พื้นที่เกษตรน่าเรียนรู้ขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นน่าเข้าไปสัมผัสด้วยภาพแปลงนารูปสวยในมุมสูง ๆ เป็นจุดท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี แต่ก่อนจะไปเที่ยวชมที่นี่ลองไปทำความรู้จักกับข้อมูลที่เรานำมาฝากกันก่อนดีกว่าค่ะ



          ก่อนจะมาเป็น...นาเฮียใช้

          ในอดีตบิดา-มารดาของเฮียใช้มีพื้นเพเดิมมาจากหมู่บ้านเซ่งจิว ตำบลโคยหน่ำ อำเภอเก๊กเอี๊ย จังหวัดซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากเกิดสภาวะฝนแล้งติดต่อกัน 3 ปี จึงได้ตัดสินใจเดินทางจากบ้านเกิดโดยทางเรือ มาอาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) และย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่บ้านป่าสำดำ ตำบลสวนแตง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ บ้านสะแกย่างหมู อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยอาศัยที่ดินของพ่อตู้ขุน แม่ตู้คำ กุณฑา

          เมื่อเฮียใช้อายุประมาณ 1 ขวบ ได้ย้ายมาอยู่บ้านอู่ยา อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ขณะนั้นมารดาประกอบอาชีพหาบของ แลกข้าวเปลือก ขายข้าวแกง ร้านกาแฟ และร้านขายของชำ เฮียใช้จบการศึกษาระดับชั้น ป.4 จากโรงเรียนบ้านลาดตานวล (โรงเรียนวัดอู่ยาในปัจจุบัน)

          และเมื่อเฮียใช้เติบโตขึ้น ได้เข้ามาช่วยครอบครัวในการรับซื้อข้าวเปลือกและรับจ้างบรรทุกของ ในปี พ.ศ. 2540 ครอบครัวได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากรับซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการค้าโดยมีลูก ๆ คอยช่วยดูแล เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ เรียนรู้ลองผิดลองถูก โดยการสร้างเครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวมีกำลังการคัดได้ 6 ตันต่อวัน ด้วยงบประมาณ 350,000 บาท และนับได้ว่าเป็นเครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวเครื่องแรกในภาคเอกชน ภายใต้เครื่องหมายการค้า เฮียใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว ตั้งแต่กระสอบแรกที่บรรจุ และพัฒนาระบบการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูงผ่านตามเกณฑ์ที่ พ.ร.บ. พันธุ์พืชกำหนด

          ในปัจจุบันได้เข้าร่วมโครงการรับรองระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ ที่ทางกรมการข้าวร่วมกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และได้รับการรับรองระบบในปี 2558 จึงเห็นได้ว่ามีการใส่ใจในทุกขั้นตอนของการผลิต เพื่อให้ได้ซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี

          โดยหัวใจหลักในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของเฮียใช้ คือการค้นหาเกษตรกรที่มีความขยัน ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบในหน้าที่มาเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ ในปัจจุบันมีครอบครัวชาวนาที่เข้าร่วมผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 300 ครอบครัว โดยทุกแปลงทีมงานเฮียใช้จะเป็นผู้เพาะกล้าพร้อมปักดำให้กับสมาชิก เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูงไว้สำหรับบริการพี่น้องชาวนา

          ความเป็นมา...นาเฮียใช้

          นาเฮียใช้ สร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของในหลวง พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย ก่อตั้งโดย คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับชาวนาและข้าว ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร พร้อมเล็งเห็นความสำคัญของการให้ความรู้และการทำนาอย่างถูกวิธี ซึ่งจะมีประโยชน์แก่ส่วนรวมและสมาชิกของสมาคม ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ให้บุคคลทั่วไปที่เห็นความสำคัญของข้าวและชาวนา อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม ซึ่งแต่ละโซนจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับโซนต่าง ๆ อีกด้วย

          ส่วนไฮไลท์ในการเข้าชมภายในศูนย์เรียนรู้คือการชมแปลงนาสวย ๆ ที่ปลูกให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ อาทิ แผนที่ประเทศไทย หรือการปลูกข้าวสีเขียวสลับกับต้นข้าวสีดำด้วยการแปลงเป็นอักษรรูปร่างต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ภายในศูนย์การเรียนรู้แบ่งพื้นที่เรียนรู้ออกเป็นหลายส่วน ได้แก่

          เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ

          เรือนไทยที่สร้างด้วยความตั้งใจในการแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดิน ตัวเรือนไทย สร้างสรรค์ด้วยรูปแบบที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ พระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ จัดแสดงพระบรมรูป และพระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 จัดแสดงพระบรมรูปพระบรมราชชนก พระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระบรมรูปสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 9 ช่วงพระชนมายุ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนถึงทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

          นอกจากนั้นยังมีรูปบุคคลสำคัญ ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาวงการข้าวไทย และการสร้างศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ทั้งข้าราชการและประชาชนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญยิ่งเรือนหลังนี้ ถือเป็นเรือนแห่งคุณค่าทางจิตใจซึ่งผู้เข้าชมสามารถเข้าถวายราชสักการะ แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทย

         
          เรือนพระแม่โพสพ

          ยลโฉม "องค์พระแม่โพสพ" ทำมาจากไม้สักที่แกะสลักอย่างประณีตงดงามโดยช่างแกะสลักฝีมือดีจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนได้องค์พระแม่โพสพที่งดงามสมสัดส่วน เป็นองค์พระแม่โพสพประคองรวงข้าวอันเป็นการสื่อความหมายถึงการทะนุถนอมประดุจแม่ประคองลูกอย่างอบอุ่น นัยเสมือนพระแม่โพสพประคองข้าว อันเป็นอาหารที่นำมาหล่อเลี้ยงชุบชีวิตให้มนุษย์เจริญเติบโต

          ภายในเรือนยังมีรูปหล่อพระแม่โพสพในยุคต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระแม่โพสพ ที่หล่อในปี 2500 โดยได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่ท้องสนามหลวง โดยเรียกองค์พระแม่โพสพในยุคนี้ว่า “รุ่น 25 ศตวรรษ” จัดแสดงพระแม่โพสพและพิธีกรรมต่าง ๆ ครั้งในอดีตในช่วงการทำนา เพื่อให้ชาวนาและคนรุ่นหลังเข้าใจในวัฒนธรรมที่ได้สืบต่อกันมา และอนุรักษ์มิให้สูญหาย

          เรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรือนหนังสือข้าว

          เรือนไทยทรงปั้นหยา จำลองรูปแบบให้เหมือนโรงเรียนในสมัยอดีต ภายในเรือนเก็บรวบรวมหนังสือพระราชกรณียกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หนังสือข้าวได้รับการอนุเคราะห์จากกรมการข้าวและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้การสนับสนุนหนังสือความรู้เรื่องการทำนา ปัญหาต่าง ๆ ของการทำนา ชนิดพันธุ์ข้าว และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่สามารถค้นคว้าได้จากแหล่งเรียนรู้แห่งนี้

          เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต

          การก่อสร้างเรือนไทยด้วยความประณีตวิจิตรบรรจง การออกแบบที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยรูปทรงประกอบด้วยเรือนไทย 3 หลัง คือ เรือนไทยหลังใหญ่ เรือนลูกซ้าย เรือนลูกขวา และครัวไฟ อันเป็นสถานที่ประกอบอาหารในอดีต เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต เป็นเรือนไทยยกพื้นสูง ใต้ถุนเป็นสถานที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต เช่น อุปกรณ์หีบอ้อย ซึ่งรวบรวมไว้หลายแบบ แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในการออกแบบเฟืองที่หลากหลาย

          แสดงพาหนะในอดีตที่ใช้ในการเดินทางคือ เกวียน เป็นการออกแบบที่สวยงามมีศิลปะ และจัดแสดงเครื่องโม่แป้ง เครื่องบดยา ตลอดจนเปลเด็กแบบต่าง ๆ ต่อเนื่องจากเรือนไทยเชื่อมด้วยยุ้งเก็บข้าวที่จำลองแบบจากอดีตอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ได้มีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น เครื่องมือในการทำนา เครื่องมือในการดักจับปลา และเครื่องมือในการทำงานไม้ รวมทั้งคอกควายซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวนาไทยแต่ดั้งเดิม

          หอเตือนภัยชาวนา

          หอคอยสูง 3 ชั้น ความสูง 14.5 เมตร ก่อสร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง ออกแบบด้วยความประณีตเป็นเอกลักษณ์ มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักผู้เข้าชมจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย หอเตือนภัยชาวนานี้เป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามอีกหนึ่งจุด สำหรับผู้เข้าชมสามารถมองทัศนียภาพรอบ ๆ ในมุมสูงได้อย่างงดงามสร้างความประทับใจแล้ว ยังมีการติดตั้งเครื่องขยายเสียงและสัญญาณเตือนภัยเพื่อให้ชาวนาระวังได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย

         
ร้านโชห่วยหรือร้านขายของในอดีต

          เป็นการจำลองรูปแบบของร้านค้าในอดีตซึ่งได้เก็บรวบรวมส่วนประกอบต่าง ๆ ของร้านค้าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางสินค้า โต๊ะและเก้าอี้ รวมทั้งสินค้าที่เคยจำหน่ายในครั้งอดีตซึ่งใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ลอตเตอรี่เก่าสมัยก่อน จึงนับได้ว่าจุดแสดงร้านโชห่วย หรือร้านขายของในอดีต จะเป็นจุดย้อนรำลึกถึงความหลัง สำหรับผู้เข้าชมที่มีวัยอยู่ในยุคสินค้าเหล่านั้น จัดวางจำหน่ายและแสดงให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้วิถีชีวิตไทยในอดีต ผ่านรูปแบบและชนิดสินค้าต่าง ๆ ที่จัดแสดง

          อุโมงค์โรค แมลง ข้าววัชพืช และวัชพืชข้าว

          สิ่งที่ทำให้ชาวนาประสบความล้มเหลวในการทำนา ผลผลิตไม่ได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ นอกเหนือจากการเลือกใช้ชนิดพันธุ์ข้าวที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะอากาศแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญ คือ โรค แมลง ข้าววัชพืชและวัชพืชข้าว จึงเป็นที่มาของการสร้างอุโมงค์ที่ให้ความรู้ วิธีการป้องกัน วิธีการแก้ไข ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายของภัยต่าง ๆ เหล่านี้ โดยใช้ชื่อว่า อุโมงค์โรค แมลง ข้าววัชพืช และวัชพืชข้าว

          ภายในอุโมงค์จะรวบรวมต้นข้าวที่ถูกการเข้าทำลายของโรค แมลง ศัตรูข้าว ลักษณะของต้นข้าววัชพืช และวัชพืชในนาข้าว ในรูปแบบตัวอย่างของจริงและภาพประกอบ เพื่อให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์ โรค แมลง รู้จักวิธีป้องกัน และแนวทางการแก้ไขที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ชาวนามีโอกาสประสบความสำเร็จในอาชีพทำนามากยิ่งขึ้น

          นอกจากนี้ยังมีบริการศูนย์ของฝาก ซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากภายในไร่ อาทิ

          - ร้านกาแฟสดเฮียใช้ เป็นร้านที่จำลองบรรยากาศของร้านกาแฟในอดีต พร้อมวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาเขียวขจี ภายในถูกตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้จากสมัยโบราณ เช่น รถเข็นกาแฟโบราณ นาฬิกาโบราณ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนภาชนะที่ใช้เสิร์ฟเครื่องดื่มมีหลากหลายรูปแบบ อาทิ หม้ออวยโบราณหลากสีสัน แก้วรูปทรงหลอดไฟ เป็นต้น นอกจากจะจำหน่ายเครื่องดื่มร้อน-เย็น ขนมเค้ก ยังมี ชาข้าวเหนียวลืมผัว ไว้ให้ลูกค้าที่รักในสุขภาพทดลองชิมฟรี

          - ผักปลอดสารพิษ
ของฝากอีกอย่างสำหรับคนที่ใส่ใจ และรักสุขภาพ ที่ไม่ควรพลาดจากศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) ก็คือ ผักปลอดสารพิษ สด สะอาด ที่ปลูกภายในและภายนอกมุ้งป้องกันแมลง ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตฯ เช่น คะน้า กวางตุ้งฮ่องเต้ กระเจี๊ยบเขียว ชะอม ผักหวานบ้าน ถั่วฝักยาว มะเขือยาว เป็นต้น

          - ก๋วยเตี๋ยวโกวเจ็ง คือร้านอาหารประจำศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ราคาย่อมเยา ที่นี่มีบริการก๋วยเตี๋ยวหลายชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ (หมูสับน้ำใส) ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา-หมู ลูกชิ้นลวกจิ้ม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีน้ำแข็งไสเย็น ๆ หรือขนมถ้วยหวานมัน ไว้ให้เลือกรับประทานในวันที่อากาศร้อน

          - ร้านจำหน่ายของฝาก นอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงศึกษาเรื่องข้าว และวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีตแล้ว ยังสามารถเลือกซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้อีกด้วย โดยสินค้าหลักเป็นข้าวเพื่อสุขภาพหลากหลายชนิดพันธุ์ ที่เป็นที่นิยมของแต่ละภูมิภาค เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวเหลืองอ่อน ข้าวเหนียวลืมผัว และข้าวนาปรังที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม ในรูปแบบของข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ และข้าวขาว บรรจุอยู่ในแพ็กสุญญากาศเพื่อสะดวกในการเก็บรักษาได้นานโดยไม่เสื่อมสภาพ

          นอกจากนั้นยังมีผักต่าง ๆ ที่ปลูกในโรงเรือนปลอดสารเคมี เสื้อที่ระลึกของศูนย์เรียนรู้ฯ ปิ่นโต จาน ช้อน แก้วสังกะสี หมออวย หลากหลายสีสัน ไว้คอยบริการผู้เยี่ยมชมทุกท่าน

          อัตราค่าบริการ

          1. บุคคลทั่วไปเยี่ยมชมฟรี

          2. นักเรียนชั้นระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่รวมการดำนา

          3. ระดับชั้นอุดมศึกษา (มหาวิทยาลัย) ครึ่งราคา และไม่รวมการดำนา

          4. บุคคลทั่วไป (ศึกษาดูงานไม่รวมค่าอาหาร, ค่าห้องอาหารติดแอร์ และค่าดำนา)


          - ไม่เกิน 50 ท่าน อัตราเหมาจ่ายราคา 2,500 บาท

          - 50 ท่านขึ้นไป ท่านละ 50 บาท

          5. บุคคลทั่วไป (ศึกษาดูงานรวมค่าอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่รวมค่าห้องอาหารติดแอร์)


          - บุฟเฟ่ต์กับข้าว 2 อย่างพร้อมผลไม้ ราคาท่านละ 70 บาท

          - บุฟเฟ่ต์กับข้าว 3 อย่างพร้อมผลไม้ ราคาท่านละ 120 บาท

          รายละเอียดเพิ่มเติม รายการอาหาร

          หมายเหตุ : รับได้ตั้งแต่ 1-150 ท่าน

          ●  ห้องอาหารติดแอร์ ราคา 1,000 บาท (รับประทานได้ 50 ท่าน)

          ●  ศึกษาดูงาน ไม่รวมการดำนา หากประสงค์จะดำนา โปรดแจ้ง

          ●  30 ท่านแรก ราคา 1, 500 บาท

          ●  30 ท่านขึ้นไป ราคา 2,000 บาท

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
          ที่อยู่ : เลขที่ 150/6 หมู่ 8 ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
          โทรศัพท์ : 0 3544 6955 หรือสนใจติดต่อดูงานเป็นหมู่คณะ โทรศัพท์ 09 2626 1515
          E-mail : H.chai_riceseed@hotmail.com
          เว็บไซต์ : herechai.com, เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
herechai.com, เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย - นาเฮียใช้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี ศูนย์ศึกษาเรียนรู้พันธุ์ข้าวที่น่าสนใจ อัปเดตล่าสุด 2 เมษายน 2567 เวลา 16:38:53 61,496 อ่าน
TOP