เที่ยวสระแก้ว ตะลุยป่าชมผีเสื้อปางสีดา สัมผัสกับธรรมชาติและขุนเขาสีเขียวแห่งฤดูฝน สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด กินอาหารอร่อยของดีเมืองสระแก้ว พร้อมกับช้อปปิ้งของฝากมากมายจากตลาดโรงเกลือ
จังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ในเขตภาคตะวันออกของเมืองไทย ซึ่งมีอาณาเขตติดกับประเทศกัมพูชา เป็นดั่งประตูสู่อาเซียนอีกบานหนึ่งที่มีความคึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สิ่งที่สระแก้วมีมากกว่าการเป็นเมืองการค้าก็คือธรรมชาติ ถ้าเรามองจากทางอากาศจะเห็นผืนป่าขนาดใหญ่ทอดตัวอยู่ทางด้านเหนือของจังหวัดสระแก้วอย่างสวยงาม และผืนป่าแห่งนี้นี่เองที่เป็นดั่งอู่ข้าวอู่น้ำของสัตว์ป่ามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าผีเสื้อนับแสนตัว ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ หรือที่เรารู้จักกันดีว่าอุทยานแห่งชาติปางสีดา การเดินทางในครั้งนี้เราจึงมีปางสีดาเป็นจุดหมายปลายทางหลัก และขอแวบตัวไปช้อปปิ้งเบา ๆ ที่ตลาดโรงเกลือสักเล็กน้อย
เมื่อทุกคนพร้อมล้อก็หมุนทันที เราเดินทางกันแบบสบาย ๆ เมื่อยหรือเหนื่อยก็พัก อยากเข้าห้องน้ำ แวะกินข้าวเมื่อไรก็แวะเลยค่ะ ยังไม่ทันเที่ยวเราก็มาถึงตัวเมืองจังหวัดสระแก้ว เขาบอกกันว่าที่นี่มีผลิตภัณฑ์เครื่องหอมคุณภาพดี ซึ่งผลิตโดยคนในชุมชนบ้านหนองนกเขา ไม่รอช้าค่ะ ไปเยี่ยมชมกันสักหน่อย
ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมบ้านหนองนกเขา อำเภอเมืองสระแก้ว เกิดจากกลุ่มแม่บ้านในชุมชนรวมตัวกันผลิตเครื่องหอมสุคนธบำบัด ซึ่งเครื่องหอมเหล่านี้ก็ทำมาจากสมุนไพรในท้องถิ่นทั้งสิ้น มีสินค้าหลากหลายแบบให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นสบู่หอม, ยาสระผม, สมุนไพรลูกประคบ, น้ำมันหอมระเหย และเกลือขัดผิว เป็นต้น แน่นอนค่ะว่าผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างก็จะมีกลิ่นหอมละมุน น่าใช้มาก ๆ สามารถซื้อไปเป็นของฝากได้อีกด้วย นี่แค่วันแรกก็ได้ช้อปปิ้งของดีเมืองสระแก้วกันไปแล้ว :)
เริ่มหิวกันแล้วค่ะ มาถึงตัวเมืองสระแก้วพลาดไม่ได้เชียวกับการลิ้มลองก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่ ร้านบ้านเรือนไทยก๋วยเตี๋ยวเป็ด ขอบอกเลยว่าเด็ดมาก ๆ ค่ะ กลิ่นของน้ำซุปจะหอมนุ่ม มีรสชาติที่อร่อยเข้มข้น จากการเคี่ยวน้ำซุปกับเครื่องปรุงต่าง ๆ เนื้อเป็ดจะหอมกลิ่นของเครื่องเทศ เนื้อจะนุ่มทานง่าย มีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น, ข้าวหน้าเป็ด, ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น, ข้าวหน้าไก่, ผัดกะเพราเป็ด/ไก่/หมู, ก๋วยเตี๋ยวหมู, เป็ดตุ๋น, เย็นตาโฟ, อะไหล่เป็ดตุ๋นเปื่อย เป็นต้น ใครไปไม่ถูกสามารถโทรถามเส้นทางได้ที่ โทรศัพท์ 08 9141 0456
ก่อนที่หนังตาจะปิด เรามุ่งหน้าไปชมผลิตภัณฑ์โอท็อปของเมืองสระแก้วกันอีกหนึ่งแห่งค่ะ นั่นก็คือ ผ้าขาวม้าบ้านหนองโกวิทย์ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว แหล่งผลิตผ้าขาวม้าคุณภาพดีของเมืองสระแก้ว เริ่มแรกชาวบ้านใช้การทอมือเป็นหลัก แต่เมื่อมีการสั่งซื้อมากขึ้นจึงเริ่มมาใช้เครื่องมืออย่างกี่กระตุกมาเป็นตัวช่วย ซึ่งนอกจากผ้าขาวม้าลายทันสมัย สีสวยสดใสแล้ว ชาวบ้านยังนำผ้ามาตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ กระเป๋าผ้า, เสื้อผู้ชายและผู้หญิงสำเร็จรูป, พวงกุญแจ, กระเป๋าใส่เงิน, กระเป๋าใส่ดินสอ เป็นต้น
ภายในอำเภอเขาฉกรรจ์มีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่างเขาฉกรรจ์อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นต้องไม่พลาดค่ะ ไปลุยกันเลย
วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ เป็นเขาหินปูนขนาดใหญ่สามลูกที่ตั้งเรียงตัวติดกัน ตั้งอยู่โดดเด่น มีต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขึ้นโดยรอบ
ด้านบนเขาจะมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวโดยรอบของเขาฉกรรจ์ได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา นักท่องเที่ยวต้องเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 300 ขั้น ถ้าใครมีแรงเหลือก็เดินขึ้นไปเที่ยวชมกันได้เลย แต่พวกเราขอแค่มองดูอยู่ห่าง ๆ ข้างล่าง ไหว้พระทำบุญและถ่ายรูปกับลิงเท่านี้ก็พอค่ะ แฮ่ ๆ เผื่อแรงไว้ไปลุยพรุ่งนี้ต่อ
ช่วงสาย ๆ ของวันถัดมาเรารีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางอย่างอุทยานแห่งชาติปางสีดาทันที จากตัวอำเภอเมืองสระแก้ว ขับรถไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3462 (สระแก้ว-อุทยานแห่งชาติปางสีดา) ขับตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงสามแยกตำบลท่าแยก แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติปางสีดา
ค่าเข้าชมอุทยานสำหรับผู้ใหญ่คนไทยคนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท รถคันละ 30 บาท ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เมื่อตีตั๋วเรียบร้อยก็ขับรถเข้าไปชมผีเสื้อจุดแรกกันเลยค่ะ ก็คือบริเวณโป่งผีเสื้อ ซึ่งทางอุทยานจะทำโป่งไว้บริเวณริมถนนทั้งสองฝั่ง จะมีผีเสื้อมากมายบินมากินอาหารกันบริเวณโป่ง อันที่จริงบริเวณตั้งแต่ทางเข้าอุทยานเราก็จะเห็นผีเสื้อโบยบินไปมาเยอะมาก
ถ้าจะมาชมผีเสื้อปางสีดาแนะนำให้ไปตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00-14.00 น. เพราะจะเป็นช่วงที่แดดออกจัด ผีเสื้อจะชอบแสงแดด ก็จะออกมาให้เราได้ยลโฉมกันช่วงนี้มากที่สุด อีกทั้งต้องเป็นวันที่ฟ้าเปิด ถ้าไปช่วงฝนตกก็อาจจะต้องเดินคอตกกลับบ้านได้
ถือว่าพวกเราโชคดีมากที่ตัดสินใจเข้าไปชมผีเสื้อที่บริเวณลานหินดาด เพราะช่วงเช้ามีฝนตกลงมา ทำให้เราไม่สามารถเห็นผีเสื้อได้บริเวณโป่งผีเสื้อ คิดในใจว่ามาแล้ว ก็เข้าไปดูอีกจุดเห็นไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ฟ้าอาจจะเปิดอีกรอบช่วงสาย ๆ ก็ได้ ก็เลยแบกสัมภาระขึ้นรถเจ้าหน้าที่ลุยเข้าป่ากันไปค่ะ
จากทางแยกหลักภายในอุทยาน เลี้ยวเข้าสู่ทางดินลูกรังเล็ก ๆ เรานั่งด้านหน้ารถกับพี่เจ้าหน้าที่ ถามว่าอีกไกลไหมคะกว่าจะถึง เจ้าหน้าที่บอกว่าประมาณ 6 กิโลเมตร จากทางเข้าเมื่อกี้ บอกตัวเองว่าอีกนิดเดียว มองทางไปเรื่อย ๆ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขนาบข้างสองฟากฝั่ง
ถนนที่กว้าง ๆ เมื่อกี้เริ่มเล็กลงและมีความขรุขระบวกกับลื่นมากยิ่งขึ้น เพราะฝนเพิ่งตกไปใหม่ ๆ นั่งหัวโยกกันไปมาสักพักก็ถามพี่เจ้าหน้าที่ว่าอีกไกลไหมคะ (สายตาเว้าวอน อย่าหลอกกันเลยพี่ บอกตรง ๆ เถอะจะได้ขยับก้นให้เข้าที่เข้าทาง Y^Y) ก็เป็นช่วงจังหวะที่รถมาถึงบริเวณทุ่งกระทิงพอดี ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง สีเขียวสดใส สวยงามมาก อากาศสดชื่น หายใจหายคอได้สะดวกกันขึ้นมาหน่อย แล้วพี่เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้พวกเราดูว่านู่น ภูเขาลูกนู้นแหละที่เรากำลังจะไป...สตั๊นต์ไป 10 วินาที อ้าปากค้างกันไปค่ะ ก่อนหันไปถามพี่เจ้าหน้าที่ว่า "ไหนพี่บอกว่า 6 กิโลเมตร" "อ้อ ลืมบอก 6 กิโลเมตรทางอากาศ"...ค่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว เดินกลับไปคงได้โดนเสือ โดนช้างเอาไปกินแน่ งั้นก็นั่งกันต่อไปค่ะ
ค่าเข้าชมอุทยานสำหรับผู้ใหญ่คนไทยคนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท รถคันละ 30 บาท ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เมื่อตีตั๋วเรียบร้อยก็ขับรถเข้าไปชมผีเสื้อจุดแรกกันเลยค่ะ ก็คือบริเวณโป่งผีเสื้อ ซึ่งทางอุทยานจะทำโป่งไว้บริเวณริมถนนทั้งสองฝั่ง จะมีผีเสื้อมากมายบินมากินอาหารกันบริเวณโป่ง อันที่จริงบริเวณตั้งแต่ทางเข้าอุทยานเราก็จะเห็นผีเสื้อโบยบินไปมาเยอะมาก
ถ้าจะมาชมผีเสื้อปางสีดาแนะนำให้ไปตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00-14.00 น. เพราะจะเป็นช่วงที่แดดออกจัด ผีเสื้อจะชอบแสงแดด ก็จะออกมาให้เราได้ยลโฉมกันช่วงนี้มากที่สุด อีกทั้งต้องเป็นวันที่ฟ้าเปิด ถ้าไปช่วงฝนตกก็อาจจะต้องเดินคอตกกลับบ้านได้
จากทางแยกหลักภายในอุทยาน เลี้ยวเข้าสู่ทางดินลูกรังเล็ก ๆ เรานั่งด้านหน้ารถกับพี่เจ้าหน้าที่ ถามว่าอีกไกลไหมคะกว่าจะถึง เจ้าหน้าที่บอกว่าประมาณ 6 กิโลเมตร จากทางเข้าเมื่อกี้ บอกตัวเองว่าอีกนิดเดียว มองทางไปเรื่อย ๆ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขนาบข้างสองฟากฝั่ง
อีกอึดใจเดียวเราก็มาถึงบริเวณลานหินดาด เป็นลานหินกว้าง ๆ ลดหลั่นกันลงไปจนถึงปลายสุด ซึ่งเชื่อมต่อกับลำธารเล็ก ๆ และความอลังการของผีเสื้อนับหมื่น นับพันตัวก็อยู่ที่นี่นี่เอง แสงแดดทอแสงลงมายังลานหิน ผีเสื้อมากมายก็พากันโบยบินไปมาท่ามกลางป่าสีเขียวโดยรอบ สวยงามเว่อร์วังสุด ๆ
เดินไปทางไหนก็มีแต่ผีเสื้อรายล้อม ใครที่เหงื่อออกมาก ๆ ผีเสื้อก็จะมาเกาะที่ตัวเต็มไปหมดเลยค่ะ ไม่เว้นแม้แต่ที่รองเท้า กระเป๋ากล้อง ฟินกันไปเลย :)
มีลำธารเล็ก ๆ ให้นั่งเล่นคลายร้อนด้วยค่ะ
ใครอยากได้รูปผีเสื้อมุมสวย ๆ ก็ต้องลงทุนนอนถ่ายรูปกันแบบนี้ ^_^
อ้อ...แนะนำว่าให้ถอดรองเท้าเดินดีกว่าค่ะ เราจะได้ไม่ไปเหยียบผีเสื้อ เวลาเดินก็ต้องระวังกันสักนิดนะคะ เพราะบางตัวจะเกาะนิ่งอยู่ที่พื้นไม่ขยับไปไหน ถ้าไม่ระวังเราอาจจะไปเหยียบผีเสื้อสวย ๆ ตายได้ :)
พอมาถึงบริเวณโป่งผีเสื้อก็เข้าห้องน้ำล้างเหงื่อล้างไคลกันให้เรียบร้อย จากนั้นก็บอกพี่พลขับว่ารีบมุ่งหน้าไปร้านอาหารเลยค่ะ พวกหนูหิวมาก ! นั่งรถไปสักพักก็ถึงอำเภออรัญประเทศ รถมาจอดหน้าร้านยายต๊าม อาหารเวียดนาม ได้ยินมาว่าร้านนี้อาหารเวียดนามอร่อยมาก จะรออะไรล่ะคะ รีบพุ่งตัวไปที่ร้านด่วน
อิ่มเอมเปรมปรีดิ์กับอาหารเวียดนามอร่อย ๆ แล้วก็ได้เวลาของขาช้อปที่จะไปช้อปปิ้งที่ตลาดโรงเกลือกันแล้วค่ะ ที่นี่มีพื้นที่ใหญ่มาก มีสินค้าหลากหลายแบบ ทั้งเสื้อผ้ามือสอง, กระเป๋า, รองเท้า, นาฬิกา, เครื่องประดับ, เครื่องนอน, ของใช้ในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ อีกเพียบ
ถ้ายังลังเลกับการมาเที่ยวจังหวัดสระแก้ว มันจะสวยจริงไหม มีอะไรอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกบ้าง ก็สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติปางสีดาและจังหวัดสระแก้วได้ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา โทรศัพท์ 0 3724 6100, 08 1862 1511 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก โทรศัพท์ 0 3731 2282, 0 3731 2284
ใครกำลังมองหาที่เที่ยวบรรยากาศดี ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ได้อยู่กับธรรมชาติและพักผ่อนอย่างเต็มที่ ก็ลองพิจารณาสระแก้วกันดูนะคะ เป็นทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายและสถานที่ท่องเที่ยวที่แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยว แล้วไปเก็บความสุขที่สระแก้วกันนะคะ :)
ขอขอบคุณ
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดสระแก้ว
อุทยานแห่งชาติปางสีดา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก