เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ในงบ 40,000 กว่าบาท ไปได้จริง 8 วัน 3 ประเทศ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี
เมื่อพูดถึงการเดินทางไปทวีปยุโรป หลายคนอาจถอดใจเพราะรู้สึกว่าไกลเกินเอื้อม แต่ความเป็นจริงการเดินทางไปเที่ยวยุโรปไม่ได้ยากหรือแพงขนาดนั้น ยิ่งสมัยนี้ค่าตั๋วเครื่องบินถูกขึ้น การเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในฝันก็ง่ายขึ้นตามไปด้วย ซึ่งวันนี้ผมอยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเดินทางไปเยือน 3 ประเทศ ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี ผ่าน 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ อัมสเตอร์ดัม ปารีส มิลาน ภายใต้งบประมาณจำกัดเป็นเวลา 8 วัน (ไม่รวมวันเดินทางไป-กลับ) ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้ไม่ลำบาก ไม่มีการอดอาหาร และทำตามได้จริงแน่นอน
❤️ อัมสเตอร์ดัม
เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ เอกลักษณ์ของอัมสเตอร์ดัมคือคลองสายต่าง ๆ และจักรยานที่เป็นพาหนะอันดับ 1 ของคนที่นี่ หากคุณมาเยือนอัมสเตอร์ดัมแล้วอยากสัมผัสไลฟ์สไตล์แบบคนท้องถิ่น คุณสามารถเช่าจักรยานได้ในราคาประมาณ 10 ยูโร/วัน ส่วนใครที่อยากการสำรวจเมืองอย่างใกล้ชิด การเดินลัดเลาะไปตามคูคลองต่าง ๆ ก็เป็นการสัมผัสเมืองแบบชิล ๆ ที่ขอแนะนำ
แม้ขนาดเล็ก ๆ ของอัมสเตอร์ดัมจะเหมาะกับการเดินหรือขี่จักรยาน แต่ระบบขนส่งมวลชนของที่นี่ก็เข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เป็นไฮไลท์ ในทริปนี้ผมซื้อบัตร GVB multi-day ticket ซึ่งครอบคลุมการเดินทางด้วยรถเมล์ รถไฟใต้ดิน และรถรางแบบไม่จำกัด (ไม่รวมรถไฟระหว่างเมือง) มีให้เลือกแบบ 24, 48 ไปจนถึง 168 ชั่วโมง โดยสามารถเข้าไปสำรวจได้ที่เว็บไซต์ของ GVB
Red Light District
สถานที่เปิดหูเปิดตาสำหรับนักเดินทางโลกสวย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมและไม่ไกลจากสถานี Amsterdam Central ย่าน Red Light District มีไว้สำหรับการค้าบริการทางเพศแบบถูกกฎหมาย แต่ถึงแม้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและไม่ค่อยอันตราย แต่ข้อควรระวังสำหรับการเยี่ยมชมย่านนี้คือ ห้ามถ่ายรูปสาว ๆ ที่อยู่ในตู้เด็ดขาด เพื่อเป็นการให้เกียรติพวกเธอและความปลอดภัยของตัวคุณเอง
หมู่บ้านกังหันลม Zaanse Schans
หมู่บ้านกังหันลมโบราณ Zaanse Schans สามารถเดินทางด้วยรถไฟจากสถานี Amsterdam Central ด้วยเวลาเพียง 18 นาที นอกจากกังหันลมที่เป็นสัญลักษณ์ของเนเธอร์แลนด์แล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์และร้านค้าต่าง ๆ ที่ควรค่าแก่การเข้าชมเหมือนกัน
Haarlem
หากคุณมีเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือครึ่งวัน รับประกันได้เลยว่าการเดินทางไปเมืองฮาร์เล็มจะทำให้คุณได้ภาพถ่ายสวย ๆ กลับบ้านอีกเพียบ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ใช้เวลาเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 20 นาที ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากเดินในเมืองชิล ๆ ชมความสวยงามของอาคารบ้านเรือน ก่อนปิดท้ายวันในร้านอาหารเก๋ ๆ
สวนดอกไม้ Keukenhof
มาถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ทั้งที ก็ควรไปชมดอกทิวลิปซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเขาเสียหน่อย นอกจากดอกทิวลิปที่เป็นนางเอกของงานแล้ว สวนแห่งนี้ยังมีพันธุ์ไม้อื่น ๆ ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม ตัดสินได้จากเสียงชัตเตอร์ที่นักท่องเที่ยวรัวไม่ขาดสาย แต่สำหรับใครที่อยากมาชมสวนแห่งนี้คงต้องวางแผนกันดี ๆ เพราะเขาเปิดให้เข้าชมราว ๆ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม
❤️ ปารีส
หนึ่งในมหานครแถวหน้าของทวีปยุโรป เมืองในฝันที่คนทั่วโลกอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต ปารีสคือศูนย์รวมความเป็นที่สุดเอาไว้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ สถาปัตยกรรม หรือแฟชั่น บอกได้เลยว่ามหานครแห่งนี้มีกิจกรรมมากมายที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกระดับ เริ่มตั้งแต่การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ การตระเวนถ่ายรูปกับแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ ไปจนถึงการช้อปปิ้งจนกว่ากระเป๋าฉีก
การเดินทางในปารีสด้วยรถไฟใต้ดินเป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก เพราะครอบคลุมสถานที่สำคัญทุกแห่ง ส่วนค่าโดยสารนั้นตกอยู่เที่ยวละ 1.8 ยูโร แต่ผมแนะนำให้คุณซื้อตั๋วแบบ 10 ใบ ราคาชุดละ 14.10 ยูโร เพราะราคาจะตกอยู่ใบละ 1.41 ยูโร และสามารถเก็บไว้ใช้ทีละใบจนกว่าจะหมด อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสะดวกยิ่งขึ้นคือการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Visit Paris ติดไว้ในสมาร์ทโฟน ที่สามารถตรวจสอบเส้นทางเดินรถได้แบบออฟไลน์
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ด้วยค่าเข้าชม 15 ยูโร เปิดโอกาสให้คุณท่องไปตามอารยธรรมต่าง ๆ ที่รวบรวมจากทุกมุมโลก ไฮไลท์อันดับ 1 ของที่นี่เห็นจะเป็นภาพวาดโมนาลิซ่า ผลงานเลื่องชื่อของ ลีโอนาร์โด ดา วินชี่ (Leonardo da Vinci) การเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อย่างมีคุณภาพคือควรทำการบ้านมาก่อนว่าคุณอยากชมส่วนไหนบ้าง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะชมทุกอย่างให้จบในวันเดียว ข้อควรรู้อีกอย่างสำหรับนักท่องเที่ยวสายประหยัดคือ ที่นี่เปิดให้เข้าฟรีทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน
หอไอเฟล
ด้วยความงามและความสูงเด่นเป็นสง่า ทำให้หอไอเฟลกลายเป็นนางเอกของปารีสอย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากความสวยงามในตอนกลางวันแล้ว หอไอเฟลจะเปล่งประกายในตอนกลางคืนด้วยไฟกะพริบทุกต้นชั่วโมง ส่วนราคาขึ้นชมก็แตกต่างไปตามวิธีการและความสูง โดยตั๋วเดินขึ้นชั้น 2 มีราคา 7 ยูโร ส่วนราคา 11 และ 17 ยูโร มีไว้สำหรับการขึ้นลิฟต์ถึงชั้น 2 และชั้นสูงสุด
ประตูชัยฝรั่งเศส
ประตูชัยฝรั่งเศส หรือ Arc de Triomphe ตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนซึ่งเป็นจุดบรรจบของถนน 12 สาย ดังนั้นหากคุณอยากเห็นวิวที่สวยงามอีกมุมหนึ่งของปารีส สามารถขึ้นชมด้านบนได้ในราคา 8 ยูโร หลังจากเต็มอิ่มกับความงามของประตูชัยแห่งนี้แล้ว ก็สามารถเดินต่อไปตามถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งต่อได้เลย
โบสถ์นอร์ทเธอร์ดาม
เนื่องจากที่ตั้งของโบสถ์อยู่บนเกาะกลางแม่น้ำแซน จึงรับประกันได้เลยว่าทัศนียภาพรอบ ๆ สวยและโรแมนติกที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นความงามในโบสถ์ก็เป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ที่สำคัญยังเปิดให้เข้าชมฟรีด้วย
ย่านมงต์มาร์ทและมหาวิหารซาเคร-เกอร์
หากใครไม่เชื่อว่าปารีสเป็นเมืองแห่งศิลปะ ลองมาเดินเล่นแถวย่านมงต์มาร์ทแล้วคุณจะหาคำตอบได้ว่าทำไม บริเวณนี้คือจุดรวมตัวของศิลปินมากมาย แถมเป็นศูนย์รวมร้านอาหารและร้านกาแฟเก๋ ๆ อีกเพียบ หากเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ คุณจะพบกับมหาวิหารซาเคร-เกอร์ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส
❤️ มิลาน
หลายคนรู้จักมิลานในฐานะเมืองแห่งแฟชั่น แต่เอาเข้าจริง ๆ มิลานเต็มไปด้วยความงามที่ซ่อนอยู่ทั้งในและนอกเมือง หากคุณอยากชมสถาปัตยกรรมงาม ๆ หรือเดินสำรวจสินค้าแบรนด์เนม การท่องเที่ยวในตัวเมืองก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณอยากสัมผัสความงามทางธรรมชาติแบบใกล้ชิด เมืองแห่งนี้ก็มีทะเลสาบสวย ๆ ไว้คอยต้อนรับอยู่ไม่ไกล
การเดินทางในมิลานถือว่าเป็นอะไรที่สะดวกสบาย เพราะคุณสามารถเดินทางโดยใช้ระบบรถไฟใต้ดินที่ชื่อว่า ATM เครือข่ายรถไฟใต้ดินของที่นี่มีอยู่ครอบคลุมและราคาถูก ตกอยู่เที่ยวละ 1.5 ยูโร หรือ 4.5 ยูโรสำหรับตั๋วแบบ 1 วัน ด้วยราคาเพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณเที่ยวชมความงามได้ด้วยตัวเองแล้ว
ทะเลสาบโคโม
ไฮไลท์ทางธรรมชาติแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป อยู่ห่างจากตัวเมืองมิลานออกไปเพียง 1 ชั่วโมง ทะเลสาบโคโมรายล้อมไปด้วยเมืองสวย ๆ ที่เชื่อมต่อกันด้วยเรือเฟอร์รี่ หากมีเวลามาก ๆ สามารถซื้อตั๋วเรือ 1 วัน เพื่อเที่ยวชมเมืองที่อยู่รอบทะเลสาบ แต่สำหรับคนที่มีเวลาจำกัด การเลือกชมเฉพาะเมืองวาเรนนาหรือเบลลาจิโอ ก็สามารถทำได้แบบไม่เหนื่อย
มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน
มหาวิหารแห่งเมืองมิลานหรือมหาวิหารดูโอโม คือแลนด์มาร์กหมายเลข 1 ของมิลานที่หลายคนอยากมาเห็น นอกจากศิลปะภายในโบสถ์ที่สวยสะกดแล้ว คุณสามารถขึ้นไปชมความงามบนหลังคาได้ด้วย หากไม่รีบจนเกินไปก็อย่าลืมแวะชิมไอศกรีมเจลาโต้ซึ่งเป็นของเด็ดของที่นี่
ปราสาทสฟอร์เซสโก
ปราสาทสฟอร์เซสโก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง สามารถเดินเท้าผ่านถนนช้อปปิ้งจากดูโอโมได้แบบสบาย ๆ ภายในประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์และน้ำพุสุดอลังการบริเวณหน้าปราสาท
ได้เห็นไฮไลท์ของทั้ง 3 เมือง 3 ประเทศไปแล้ว เรามาดูกันว่างบประมาณของทริปนี้หมดไปกับอะไรบ้าง คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน 40 บาท/ยูโร
ค่าตั๋วเครื่องบิน
● กรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ 1,522 บาท
กัวลาลัมเปอร์-อัมสเตอร์ดัม-กรุงเทพฯ 13,275 บาท
● ค่าธรรมเนียมวีซ่าเนเธอร์แลนด์ 3,556 บาท
● ค่าประกันการเดินทาง 529 บาท
● ค่าที่พัก
● อัมสเตอร์ดัม 3 คืน 3,530 บาท
● ปารีส 3 คืน 3,610 บาท
● ค่าตั๋วรถไฟระหว่างเมือง
● อัมสเตอร์ดัม-ปารีส 1,400 บาท
● ปารีส-มิลาน 1,400 บาท
● Pocket Money ได้แก่ ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง และค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ 17,906 บาท
รวม 46,728 บาท
ตั๋วเครื่องบิน
ค่าตั๋วเครื่องบินสมัยนี้ไม่ได้มีราคาเกินเอื้อมเหมือนสมัยก่อน ยิ่งสายการบินต่าง ๆ ขยันออกโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม คนที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ คือนักเดินทางอย่างเรานี่แหละ ในทริปนี้ผมเลือกซื้อตั๋วเครื่องบินแบบ Multi-City ของสายการบินเอทิฮัด ราคา 13,275 บาท เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-อัมสเตอร์ดัม และมิลาน-กรุงเทพฯ วิธีการจองแบบนี้ทำให้เราได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่าแบบธรรมดาหลายพันหรือเกือบหมื่นบาท ต่อให้รวมค่าตั๋วขาเดียวไปยังกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีราคาราว 1,500-2,000 บาทไปแล้วก็ตาม
ข้อแนะนำ
- การเลือกตั๋วขาเดียวออกจากประเทศไทย ควรเผื่อเวลาก่อนไฟล์ทไปยุโรปหลายชั่วโมง เพราะอย่าลืมว่าคุณต้องผ่าน ตม. ขาเข้า, ต้องรับกระเป๋าแล้วนำไปเช็กอินใหม่ หรือถ้าโชคร้ายกว่านั้นเที่ยวบินอาจดีเลย์ การเลือกตั๋วที่มีเวลากระชั้นชิดเกินไปอาจทำให้คุณพลาดเที่ยวบินหลักก็ได้
- ไม่ควรรีบซื้อตั๋วขาเดียวออกจากประเทศไทย ควรซื้อก่อนวันเดินทางราว 1-2 เดือน เพราะตารางบินไปทวีปยุโรปมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากเที่ยวบินหลักของคุณถูกเปลี่ยนแปลงเวลาหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน คุณอาจต้องทิ้งตั๋วขาเดียวที่จ่ายเงินไปแล้ว
- ในบางจังหวะสายการบินที่มีต้นทางและปลายทางออกจากประเทศไทย ก็ไม่ได้มีราคาแพงกว่าการบินแบบ Multi-City มากนัก ลองตรวจสอบราคาและสายการบินที่คุณรับได้ แล้วเปรียบเทียบว่าแบบไหนโอเคกว่ากัน
การเดินทางระหว่างเมือง
การเดินทางในทวีปยุโรปเป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก ในทริปนี้ผมใช้รถไฟความเร็วสูง Thalys จากอัมสเตอร์ดัมไปยังปารีส ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง และใช้รถไฟนอน Thello เดินทาง 1 คืน จากปารีสไปยังมิลาน ส่วนราคาของตั๋วรถไฟทั้ง 2 ขบวน เราได้มาในราคาเที่ยวละ 35 ยูโร ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่ Thalys เปิดให้จองล่วงหน้า 90 วัน และ Thello เปิดให้จอง 120 วันก่อนเดินทาง ดังนั้นหากคุณมั่นใจในแผนการเดินทางของตัวเอง การจองตั๋วรถไฟล่วงหน้านาน ๆ สามารถตอบโจทย์นักเดินทางสายประหยัดได้ดีที่สุด
ข้อแนะนำ
- บางเมืองในทวีปยุโรปมีสถานีรถไฟหลายแห่ง ควรตรวจสอบให้ดีว่าขบวนของคุณต้องไปขึ้นที่สถานีไหน ที่สำคัญต้องไม่ลืมตรวจเช็กตารางเดินรถและชานชาลาบ่อย ๆ เพราะบางครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลง
- การเดินทางระหว่างเมืองด้วยรถบัสเป็นอีกวิธีที่สามารถทำได้และราคาถูก บางบริษัทเดินรถ อาทิ Magabus อาจปล่อยราคาต่ำสุดออกมาเพียง 1 ยูโร อย่างไรก็ตามการเดินทางด้วยรถบัสมักใช้เวลาค่อนข้างนาน หากคุณอยากประหยัดค่าที่พักสักคืน ลองเลือกรถเที่ยวดึกเพื่อไปถึงปลายทางตอนเช้าก็ได้
ค่าที่พัก
สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด การเลือกที่พักแบบโฮสเทลคือตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายไม่แพงมากแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คุณผูกมิตรกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ อีกด้วย สำหรับการพักโฮลเทลไม่ควรเน้นราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ทำเลต้องปลอดภัยและเดินทางสะดวกด้วย วิธีการง่าย ๆ ที่จะดูว่าที่พักนั้นโอเคหรือไม่ คือการอ่านรีวิวในเว็บไซต์ Tripadvisor.com และสำรวจบรรยากาศด้วย Google Street View อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าแต่ละแห่งคิดค่าอาหารเช้า ผ้าเช็ดตัว หรือค่าจิปาถะอื่น ๆ แยกต่างหากหรือเปล่า
ข้อแนะนำ
- ที่พักหลายแห่งบนเว็บไซต์ Booking.com เปิดให้เราจองก่อนโดยไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ขณะที่เว็บไซต์ Hostelworld.com หรือ Hostelbooker.com ซึ่งมีโฮสเทลให้เลือกมากมาย แต่ต้องจ่ายเงินมัดจำก่อน 10 เปอร์เซ็นต์
- การเลือกที่พักที่รวมอาหารเช้า จะช่วยประหยัดค่าอาหารไปอีก 1 มื้อ
- เตรียมแม่กุญแจเล็ก ๆ สำหรับใช้กับล็อกเกอร์ในห้องพัก จะช่วยปกป้องทรัพย์สินของคุณให้ปลอดภัย
หากวางแผนล่วงหน้าดี ๆ และหาข้อมูลให้มาก รับรองได้เลยว่าทริปในฝันของคุณสามารถกลายเป็นความจริงได้ โดยไม่สำคัญว่าจุดหมายปลายทางนั้นจะอยู่ที่ไหน ได้ทราบเทคนิคสำหรับการท่องเที่ยวยุโรปภายใต้งบประมาณจำกัดไปแล้ว ลองนำไปปรับให้เหมาะกับแผนการของตัวเองได้เลย
ข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Jeeradate_CH