x close

10 สถานที่เที่ยวสวยสุดอัศจรรย์ ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง

         ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงกับ 10 ที่เที่ยวแสนสวยสุดอัศจรรย์ที่รังสรรค์ขึ้นจากมนุษย์และธรรมชาติ แต่ละสถานที่งดงามเกินบรรยาย ถ้าได้ไปสักครั้งจะไม่เสียดาย

          การได้เดินทางออกไปท่องโลก เยือนประเทศอื่น ๆ ที่เราไม่รู้จักนี่เอง ทำให้ได้เห็นว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่และยังมีอะไรรอให้ไปค้นหาอีกมากมาย แต่ด้วยสถานการณ์โควิด 19 ทำให้เรายังออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้อย่างใจหวัง วันนี้เราจึงขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มาแนะนำกัน เอาไว้มีโอกาสจะได้อยู่ในลิสต์การไปสัมผัสสักครั้ง
 
1. ชมแสงเหนือเต้นระบำบนฟากฟ้าที่ Yellowknife ประเทศแคนาดา
 
          Yellowknife ตั้งอยู่ในเขต Northwest Territories ของประเทศแคนาดา เป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่อากาศจะต่ำลงไปติดลบมากกว่า -30 ถึง -50 องศา ที่นี่จึงเป็นดินแดนที่ถูกแช่แข็งไปชั่วขณะในช่วงหน้าหนาว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีชีวิตชีวา เพราะท้องฟ้าในเมือง Yellowknife จะกลายเป็นจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่มหึมาที่คอยฉายการแสดงของแสงออโรร่าสุดอลังการ มีทั้งสีเขียว สีแดง และสีเหลืองสลับปะปนกันไปอย่างงดงาม และยังมีเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากพักค้างคืนท่ามกลางป่าสน เพื่อชมแสงออโรร่าให้ฉ่ำใจทั้งคืนอีกด้วย

Yellowknife ประเทศแคนาดา
 
2. นั่งชิงช้าสุดขอบโลกที่ La Casa del Arbol ประเทศเอกวาดอร์
 
          สำหรับคนที่รักการผจญภัยจะต้องจด La Casa del Arbol ให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในฝันแน่นอน เพราะที่นี่จะทำให้คุณได้เหมือนลอยอยู่บนอากาศเหนือภูเขาสูงสุดหวาดเสียวกับชิงช้าริมหน้าผา ซึ่งเป็นชิงช้าที่แขวนอยู่บนต้นไม้สูงริมหน้าผาบนภูเขาไฟในเมือง Bellavista ทางตอนใต้ของเมือง Banos ประเทศเอกวาดอร์ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินขึ้นไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อไปสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษนี้ และต้องใจกล้าพอที่จะนั่งชิงช้าที่แกว่งออกไปกลางอากาศ ราวกับว่าจะบินได้เลยทีเดียว แต่มันคุ้มค่าที่จะได้สูดอากาศแสนบริสุทธิ์และหลุดจากกรอบของแผ่นดินไปสู่โลกกว้างแม้มันจะเป็นเสียงเศษเสี้ยววินาทีก็ตาม
 
La Casa del Arbol ประเทศเอกวาดอร์

3. นอนลอยตัวในทะเลสาบเดดซี ประเทศจอร์แดน

          ใครอยากลอยตัวได้ในน้ำทะเลโดยไม่ต้องมีตัวช่วย ไม่ต้องผอม ไม่ต้องใช้เวทมนตร์ ต้องไปเที่ยวที่นี่เลยค่ะ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) ตั้งอยู่ระหว่างเขตประเทศจอร์แดนและประเทศอิสราเอล โดยมีลักษณะเป็นทะเลสาบที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 400 เมตร

ทะเลสาบเดดซี ประเทศจอร์แดน


          ความพิเศษของมันก็คือมีความเข้มข้นของเกลือที่สูงมาก จึงทำให้สสารต่าง ๆ สามารถลอยตัวในน้ำได้ นักท่องเที่ยวจึงนิยมที่จะมาสัมผัสความมหัศจรรย์ของทะเลสาบแห่งนี้กันตลอดทั้งปี
 
4. นอนอาบแดดบนชายหาดที่เล็กที่สุดในโลกที่ Playa de Gulpiyuri Beach ประเทศสเปน
          
          Playa de Gulpiyuri Beach ไม่ใช่เพียงแค่ชายหาดที่เล็กที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นชายหาดที่แปลกมาก ๆ อีกด้วย เพราะมันไม่ได้โอบล้อมไปด้วยท้องทะเลกว้างใหญ่เหมือนกับที่ไหน แต่กลับซ่อนหลบอยู่ในเหลือบเขาในเมือง llanes แคว้นอัสตูเรียส (Asturias) ประเทศสเปน

Playa de Gulpiyuri Beach ประเทศสเปน

          โดยน้ำทะเลจากอ่าวบิสเคย์ มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ จะไหลแทรกซึมผ่านช่องหินเข้ามาจนถึงชายหาดแห่งนี้ ซึ่งมีความกว้างของชายหาดประมาณ 100 เมตร และลึกเข้าไปเพียงแค่ 40 เมตรเท่านั้น มันคงจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ หากได้มานอนอาบแดด แต่วิวตรงหน้ากลับเป็นภูเขาและทุ่งหญ้าโล่งกว้างสีเขียวขจี :)
 
5. เดินเล่นชิล ๆ บนทะเลเกลือ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย

          Salar de Uyuni ทะเลเกลือกว้างใหญ่มหาศาลบนพื้นที่มากกว่า 11,000 ตารางกิโลเมตร ของประเทศโบลิเวีย สถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสรวงสวรรค์บนพื้นดินอีกแห่งหนึ่งของโลก ด้วยในช่วงที่มีน้ำฝนลงขังในนาเกลือ พื้นที่แห่งนี้ก็กลับกลายเป็นกระจกแผ่นใหญ่ สะท้อนท้องฟ้าสีฟ้าครามสดใส มองเห็นเป็นท้องฟ้าจรดท้องฟ้า ซึ่งสวยงามมาก ๆ ราวกับว่าเราเดินอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว

Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย

Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย


6. สัมผัสไอหมอกจากน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก อย่าง Angel Falls ประเทศเวเนซุเอลา
 
          มันคงเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจจนยากจะลืมเลือนแน่นอน หากคุณได้มีโอกาสไปสัมผัสกับความสวยงามของน้ำตก Angel ด้วยตาของตัวเอง น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาค Guayana highlands ประเทศเวเนซุเอลา เป็นน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำ Churum ไหลลงมาผ่านหน้าผาสูงราว 979 เมตร ของภูเขาที่เรียกว่า Auyantepuy และด้วยความสูงของหน้าผา บวกกับลมนี่เองที่ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมากกลายเป็นไอหมอกและละอองน้ำก่อนที่จะกระทบลงสู่พื้น ซึ่งความงดงามของน้ำตกแห่งนี้ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจหลักในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง UP อีกด้วย

Angel Falls ประเทศเวเนซุเอลา
 
7. ว่ายน้ำชมพระอาทิตย์ตกดินที่ Pamukkale ประเทศตุรกี

          ถ้าให้หาสักสถานที่เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในโลก ปามุคคาเล (Pamukkale) หรือปราสาทปุยนุ่น (Cotton Castle) ก็คือหนึ่งในนั้น ซึ่งมันไม่ใช่เพียงแค่วิวที่สวยงามเท่านั้น แต่ปามุคคาเลยังเป็นหุบเขาที่สวยงามมากที่สุดอีกด้วย เพราะเทือกเขาทั้งลูกกลายเป็นสีขาวสะอาด มีแสงสะท้อนเวลาพระอาทิตย์ส่องระยิบระยับงดงามจับใจ ซึ่งเกิดจากบ่อน้ำพุร้อนที่มีแร่แคลเซียมคาร์บอเนต เมื่อเกิดการระเหยก็จะจับตัวบริเวณขอบบ่อ และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานทำให้หุบเขาทั้งลูกกลายเป็นสีขาวนั่นเอง

Pamukkale ประเทศตุรกี

          นักท่องเที่ยวนิยมที่จะมานอนแช่น้ำร้อน และรอชมพระอาทิตย์จากที่นี่ ใครมีโอกาสก็อย่าพลาดที่นี่นะคะ สำหรับคนไทยสามารถไปเที่ยวประเทศตุรกีได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าอีกด้วย
 
Pamukkale ประเทศตุรกี

8. นอนแช่น้ำร้อนท่ามกลางอากาศติดลบที่ประเทศไอซ์แลนด์
 
          มันอาจจะฟังดูบ้าไปสักนิดที่จะไปนอนแช่น้ำร้อนท่ามกลางอากาศหนาวเย็นขนาดนั้น แต่ถ้าได้ทำก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดสุด ๆ ของชีวิต ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนก็ยอมที่จะบ้าเพื่อมีประสบการณ์ดังกล่าวกับ Blue Lagoon ในเมือง Grindavík เขต Reykjanes Peninsula ของประเทศไอซ์แลนด์

บ่อน้ำร้อน ประเทศไอซ์แลนด์
ภาพจาก SurangaSL / shutterstock.com

          โดยบ่อน้ำร้อนแห่งนี้เกิดจากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินประมาณ 2,000 เมตร ซึ่งมีความร้อนสูง เมื่อน้ำร้อนขึ้นมาในบ่อก็จะมีอุณหภูมิประมาณ 38 องศา ส่วนที่เห็นเป็นทะเลสาบสีฟ้าก็เพราะว่าในน้ำมีเกลือแร่, Silica และ Algae จึงกลายเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

9. เซลฟี่กับชายหาดแก้ว (Glass Beach) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
 
          ใครจะไปคิดว่ากองขยะกองโตริมชายหาด จะแปรเปลี่ยนมาเป็นหาดทรายสุดอัศจรรย์ของโลกไปเสียได้ Glass Beach เป็นชายหาดในเมือง Fort Bragg รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความโดดเด่นตรงที่ชายหาดแห่งนี้มีเม็ดทรายเป็นสีสันสวยงาม อันเกิดจากเศษแก้วจากกองขยะมากมายในอดีต

Glass Beach สหรัฐอเมริกา

          เมื่อมีการเปลี่ยนภูมิทัศน์ก็ยังคงมีเศษแก้วมากมายหลงเหลือบริเวณชายหาด และน้ำทะเลก็ได้สาดกระทบชายหาดแห่งนี้มาอย่างยาวนาน จนทำให้เศษแก้วกลายเป็นหินกลม ๆ สีสันสวยงามแปลกตาทั่วทั้งชายหาด จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมชายหาดแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
 
10. ผจญภัยไปกับเกาะภูเขาไฟที่หมู่เกาะ Azores ประเทศโปรตุเกส
 
          Azores เป็นดินแดนของหมู่เกาะภูเขาไฟกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ซึ่งประกอบด้วย 9 เกาะ โดยแต่ละเกาะก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามแตกต่างกันไป อาทิ เกาะ Sao Miguel ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่สวยงามที่สุดอย่าง Fogo Lake และ Sete Cidades Lake ตั้งอยู่

Azores ประเทศโปรตุเกส

          เกาะ Terceira มีเมืองที่สวยงาม พร้อมทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปมากมาย, เกาะ Pico อันเป็นที่ตั้งของภูเขาที่สูงที่สุดในหมู่เกาะ Azores นั่นก็คือ Mount Pico เป็นต้น ซึ่งใครที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติและท้องทะเลอย่างแท้จริง ก็ต้องไม่พลาดที่นี่นะคะ
 
          แต่ละสถานที่สวย ๆ ทั้งนั้นเลยใช่ไหม และบางสถานที่ยังไม่อยากจะเชื่ออีกด้วยว่าจะมีบนโลกใบนี้ แต่มันก็มีอยู่จริง และเป็นสิ่งที่ธรรมชาติและมนุษย์ช่วยกันรังสรรค์ขึ้นมาได้อย่างงดงามที่สุด จนทำให้นักเดินทางทั่วโลกต้องออกตามหาและไปพิสูจน์ความมหัศจรรย์ แล้วคุณล่ะ...มีสถานที่ท่องเที่ยวในฝันกันบ้างไหม มาลองแชร์กันนะ
 
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
visityellowknife.com, banos-ecuador.com, odditycentral.com, visitjordan.com, whereisasturias.com, boliviatravelsite.com, gototurkey.co.uk, bluelagoon.com, fortbragg.com, visitazores.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 สถานที่เที่ยวสวยสุดอัศจรรย์ ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง อัปเดตล่าสุด 20 พฤษภาคม 2564 เวลา 14:48:51 52,082 อ่าน
TOP