ตะลุยเที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้ เพชรเม็ดงามแห่งปลายด้ามขวาน

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          หากเอ่ยถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อเลยว่าหลายคนน่าจะได้ยินข่าวคราวความไม่สงบต่าง ๆ หลาย ๆ คนทำความรู้จักสามจังหวัดเหล่านั้นผ่านภาพการนำเสนอข่าว แต่จะมีสักกี่คนที่ลงไปทำความรู้จักสามจังหวัดนี้จริง ๆ และหารู้ไม่ว่าสามจังหวัดเหล่านี้ยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้คนนอกพื้นที่เข้ามาสัมผัสมากมาย เฉกเช่นเดียวกับ คุณ TJme45 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสเดินทางไปสัมผัสมาแล้ว และทำให้เราได้รับรู้เลยว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเล็ก ๆ ของคนในพื้นที่ซ่อนตัวอยู่มากมาย และอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และพร้อมยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ ใครอยากเห็นความสวยงามที่ว่ามาแล้วบ้าง อย่ารอช้าตามไปดูกันเลย

++++++++++++++++++++++++++++++

          ถ้าพูดถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลาย ๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้น "ระเบิด" ซึ่งแน่นอนตั้งแต่ผมอายุเริ่มเข้าสู่วัยว้าวุ่น (#วัยฮอร์โมน) จนปัจจุบันวัยทำงานสิ่งที่ได้เสพจากข่าวเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พอเอามายำรวม ๆ กัน คือตรูจะเอาความกล้า ความสตรองมาจากไหนเนี่ยถึงจะกล้าไปเที่ยว ยิ่งแค่เกริ่นกับเพื่อน พี่ น้อง พ่อ แม่ ปู่ ยา ตา ยาย ทวด #บางทีก็เยอะไป ฮ่า ๆๆ สิ่งที่สะท้อนกลับมาหลังจากเอ่ยคำคำนั้นออกไป "แน่ใจเหรอ ?  ไม่กลัวระเบิดเหรอฟะ ? ทำประกันยัง ?" ดูแต่ละคนความกล้ายิ่งถดถอยเข้าไปใหญ่ครับ

          ถ้าหากถามว่า 4 คืน 5 วัน ไปเอาความสตรองมาจากไหน ? ทำไมถึงกล้า ? แล้วสามจังหวัดชายแดนใต้มีที่เที่ยวอะไร ? เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะเหลาให้ฟังในกระทู้นี้ให้ละเอียดเลย ว่าจุดเริ่มต้นของทริปนี้มันมาได้อย่างไร

          ย้อนไปเมื่อกาลครั้งหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันกับกระทู้เก่าของผม นั่นคือกระทู้นี้ไง

          "แบกเป๋าขึ้นภูสอยดาวแบบสโลไลฟ์ แล้วไปต่อที่เนินมะปรางแบบชิค ๆ คูล ๆ กะ MINION"

          ผมมีโอกาสได้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยออกทริปด้วยกัน ซึ่งผมรู้จักผ่านทางเพื่อนอีกที พี่เค้าเป็นคนจังหวัดนราธิวาส และวันนั้นนั่นเองบนยอดภูสอยดาว "จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจไปเที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้"

          - พี่เค้าชวนลงไปเที่ยว+อาสาพาเที่ยว+มากี่วันก็ได้จะลางานพาทัวร์

          - เพื่อนเคยลงไปเที่ยวแล้วครั้งหนึ่งบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว+เอาภาพมาอวด

          ไม่ลังเม ลังเข ลังเง ลังเก โปรโมชั่นพี่เค้าดีเว่อร์ ภาพจากเพื่อนก็สวยเว่อร์ ไปจ้าาาาาาาาาาาา

          6 กุมภาพันธ์ 2559

          ณ เวลาตี 4 สะดุ้งตื่นเองแบบไม่ต้องให้นาฬิกาปลุกได้ทำงาน ถ้าถามว่าทำงานตื่นได้แบบนี้ไหม ? ตอบเลยว่าไม่มีจ้า ปลุก 10 รอบ ก็ยังไม่อยากตื่น แต่ถ้าเป็นเรื่องเที่ยวนะกี่โมงว่ามา พร้อมมาก ล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวเดินไปปากซอย ชูแขนขวาขึ้นตามด้วยแขนซ้าย แล้วก็โบก โบก โบก สองมือโบก โบก โบก ขวาโบก ซ้ายโบก โบกแท็กซี่ตรงดิ่งไปสนามบินดอนเมือง ถึงสนามบินเร็วมาก ทำเวลาได้ดี เหลือ ๆ เช็กอินเดินเข้าเกต แบบชิล ๆ ไม่เร่งรีบเหมือนทริปที่ผ่าน ๆ มา

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ด้วยเวลาที่เหลือ ๆ ก็เลยไปนั่งกินเคเอฟซีรองท้อง ข้าวยำไก่แซ่บไม่ผักเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมเป๊ปซี่แก้วหนึ่ง

          อิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องบินตรงสู่สนามบินหาดใหญ่

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ชั่วโมงนิด ๆ เครื่องบินก็พาลัดฟ้ามาที่หาดใหญ่ สำหรับทริปนี้ผมมากับเพื่อนอีกหนึ่งคน แต่บินคนละรอบกัน และผมก็บินมาถึงที่หาดใหญ่ก่อน นั่งรอเลยครับ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          1 ชั่วโมง ผ่านไปไวเหมือนโกหก เพื่อนก็มาถึงสนามบินหาดใหญ่ พอเจอกันเราสองคนก็เดินไปด้านหน้าสนามบินเพื่อขึ้นสองแถว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          รถไม่มีเวลาออกที่ชัดเจน เอาง่าย ๆ ก็คือคนเต็มถึงจะออก จำได้ว่านั่งรอประมาณชั่วโมงหนึ่ง ถ้าถามว่าไมถึงยอมรอนานขนาดนี้ ก็ตอบง่าย ๆ เลยราคาถูก !! 20 บาท/คน จากสนามบินไป บขส.หาดใหญ่อีก 1 ชั่วโมง รู้สึกว่าไม่คุ้มละเสียเวลาไปตั้ง 2 ชั่วโมง เอาเป็นว่าถ้าใครจะไปเที่ยวแล้วเวลาน้อยผมว่าเหมารถดีกว่า อย่ารอแบบผมเลย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ก่อนที่จะเข้าไปซื้อตั๋วใน บขส. ก็ขอจัดข้าวเที่ยงเบา ๆ กวยจั๊บน้ำเข้มข้น หมูกรอบ ชาเย็น (ร้านหน้า บขส. เลยจ้าา) เรียบร้อยก็เดินเข้าไปซื้อตั๋ว หาดใหญ่-ปัตตานี 100 บาท สำหรับสถานที่นัดพบรุ่นพี่ของเราก็คือบิ๊กซี ปัตตานี

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 1 : หอดูนก มอ. วิทยาเขตปัตตานี

          1 ชั่วโมงนิด ๆ รถตู้ก็พาเรามาถึงหน้าบิ๊กซี ปัตตานี เดินเข้าไปในบิ๊กซีเพื่อไปพบสมาชิกร่วมทริปอีกสองคน นั่นก็คือพี่ที่รู้จัก (พี่ฟัส) และแฟนของพี่ฟัส (พี่โจ้) ซึ่งพี่โจ้จะเป็นคนขับรถพาเราตะลุยสามจังหวัดชายแดนใต้ครั้งนี้ เซอร์ไพรส์แรกคือผมได้เจอกับน้องที่รู้จักในเพจ VSCO Cam Thailand (น้องรีฟและแฟน) น้องรีฟนี่แหละที่ทำให้ผมรู้จักสถานที่แรกที่เราจะไปเช็กอินกันในทริปนี้ "หอดูนก"

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          สำหรับผมถ้าถามว่าหอดูนกสวยไหม ? ก็คงตอบว่าเฉย ๆ ครับ เพราะว่าสถานที่แบบนี้มันจะคล้าย ๆ กับแหลมผักเบี้ยที่ชะอำ ป่าชายเลนที่ชลบุรี และก็ทุ่งโปรงทองที่ระยอง โลเคชั่นจะเป็นป่าชายเลนเหมือนกัน แต่จะมีความเด่นตรงที่มีหอคอยที่สร้างไว้ดูนกสูงขึ้นมาเหนือยอดไม้ทุกต้น เหมาะแก่การมาถ่ายรูปเล่นเป็นอย่างยิ่ง (สายเที่ยวถ่ายภาพไม่ควรพลาดครับ)

          และนี่ก็คือมุมที่มาแล้วไม่ควรพลาดที่จะถ่าย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 2 : In_t_af Cafe\' & Gallery

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จากหอดูนกก็มาพักเติมพลังที่คาเฟ่ชื่อดังของปัตตานี ร้าน In_t_af Cafe\' & Gallery น้องรีฟบอกว่าสองอย่างที่ต้องสั่งมากินเมื่อมาเยือนร้านนี้คือ "มะม่วงเบาปั่น" ไม่มีบุญก็เลยอดกิน #มะม่วงหมดตรูเศร้าแป๊บ "กรือโป๊ะ" อันนี้อร่อยจริง ๆ มีสั่งเพิ่มครับ กรือโป๊ะทำมาจากปลาจ้า

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          และด้านบนก็คือหน้าตาอาหารที่มีชื่อว่ากรือโป๊ะ

          ตามนิสัยคนไทยยุคใหม่จ้า ถ้าอาหารที่สั่งยังมาไม่ครบต่อให้หิวแค่ไหนก็ต้องทน เพระต้องถ่ายรูปก่อนกินไม่งั้นจะทานอาหารมื้อนั้นไม่อร่อยจริง ๆ  ฮ่า ๆ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ในซอยร้าน In_t_af Cafe\' & Gallery ก็จะมีพวกรั้ว ตึกเก่า ๆ คนที่ชอบถ่ายภาพแนวสตรีทน่าจะชอบ ซึ่งเราทั้งหกก็ออกไปเก็บภาพร่วมกันก่อนที่น้องรีฟและแฟนจะแยกตัวกลับไป

ท่องเที่ยว

          จุดเช็กอินที่ 3 : สะพานไม้ปัตตานี

          หลังจากแยกย้ายกับน้องทั้งสองตอนนี้สมาชิกทริปเราก็เหลือ 4 คน ตามแผนคือเราจะไปต่อที่สะพานไม้ บทสนทนาระหว่างอุ๋ย (ผมเอง) กับพี่ฟัส

          อุ๋ย : พี่ฟัสรู้ใช่ไหมว่าสะพานไม้อยู่ตรงไหน ไกลจากร้านไหม

          พี่ฟัส : พี่ก็ไม่รู้จ้า เดา ๆ เอา เดี๋ยวถ้าหาไม่เจอค่อยโทรถามพี่ที่รู้จัก

          อุ๋ย : (คิดในใจ) อีกสี่วันที่เหลือจะพาตรูไปแต่ละจุดถูกไหมเนี่ย ฮ่า ๆๆ

          ระหว่างวนรถไปวนรถมาเพื่อหาสะพานไม้พี่ฟัสก็พูดขึ้นว่า รู้ไหมเมื่อเช้าพี่กับพี่โจ้ก็มาวนรถหาแล้วรอบหนึ่งแต่ก็หาไม่เจอ (คิดในใจอีกครั้ง) พี่สองคนน่ารักมากทำเพื่อน้องสุด ๆ และแล้วเราก็หาสะพานไม้จนเจอ

          ภาพแรกที่เห็นร้องยิ้ม !! ดังมาก มันไม่เป็นแบบที่เห็นในรูปเลย ทะเลสีขุ่นมาก น้ำท่วมอีกแล้ว จะลงไปถ่ายรูปได้อย่างไร ตรูมาทำอะไรตรงนี้ #ร้องขอชีวิตแป๊บ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          หลังจากคุยกับชาวบ้านเค้าก็บอกว่าสามารถเดินลงไปถ่ายรูปได้ น้ำท่วมไม่ลึก ไหน ๆ ก็มาแล้วเก็บภาพหน่อยละกัน

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 4 : มัสยิดกลางปัตตานี

          จากสะพานไม้เราทั้งสี่ก็มุ่งหน้ามาจุดเช็กอินสุดท้ายของวันแรกก่อนเข้าที่พัก นั่นก็คือมัสยิดกลางปัตตานี จะบอกว่ากว่าจะหลุดมาจากสะพานไม้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ไม่ใช่รถติดแต่อย่างใด เพราะอะไร ? เพราะลุง ๆ อิสลามชาวบ้านแถวนั้นน่ารักมากครับ ชวนคุยแนะนำสถานที่เที่ยวนู่นนี่นั่นและชวนกินกาแฟ ปกติผมชอบกินกาแฟอยู่แล้ว ยิ่งเป็นกาแฟฟรียิ่งชอบ ก็เลยไม่ปฏิเสธ 555

          ณ มัสยิดกลางปัตตานี คือตั้งใจมาเก็บแสงเย็นมาก ๆ แต่ดูฟ้าสิไม่เป็นใจเอาซะเลย แต่ก็ต้องทำใจ ฝนไม่ตกก็ดีแค่ไหนแล้ว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          พี่ฟัสนางแบบประจำทริปของเรา อิอิ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เราถ่ายรูปเล่นกันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เย็นยันมืด ก่อนจะขับรถไปที่พัก ณ หาดตะโละสะมีแล

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 5 : แหลมตาชี

          เช้าวันที่ 7 กุมภาพันธ์ อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ออกจากที่พักมุ่งหน้าสู่จุดเช็กอินแรกของวันที่สอง...แหลมตาชี เอาจริง ๆ แหลมตาชีก็ไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวหรอก แต่ด้วยเป็นชายหาดที่เต็มไปด้วยต้นสน และสมาชิกเราก็เป็นแบบเที่ยวถ่ายรูป ก็เลยพลาดโลเคชั่นงาม ๆ นี้ไม่ได้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          บรรยากาศภาคใต้ก็อดไม่ได้ที่จะให้สาวอิสลามสวย ๆ แบบพี่ฟัสมาเป็นแบบจัดเต็มถ่ายกันรัว ๆ เลยทีเดียว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ถ้าถามว่าทำไมพี่ต้องแต่งเต็มขนาดนี้ คำตอบก็คือหลังจากแหลมตาชีต้องไปแวะร่วมงานแต่งของรุ่นน้องพี่เค้า เสื้อ ผ้า หน้า ผม ก็เลยมาเต็มตามที่เห็น

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ต้องขอแนะนำว่าถ้าใครชอบถ่ายรูปและมีโอกาสได้ไปเที่ยวปัตตานี ผมว่าไม่ควรพลาดที่นี่ ผมมีความรู้สึกว่ามันดูสวยแปลกตาดี ผมใช้เวลาอยู่นี่กันนานมาก ถ่ายเล่นกันจนเพลีย พักแป๊บหนึ่งแล้วเตรียมตัวเดินทาง เป้าหมายต่อไป...น้ำตกทรายขาว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          "โตแล้วนอนไหนก็ได้"

          จุดเช็กอินที่ 6 : น้ำตกทรายขาว อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว

          จากแหลมตาชีเรามุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น พี่ต้องรีบไปร่วมงานแต่งงาน อะไรที่สามารถเร่งได้เราก็เร่งทุกอย่างเพื่อทำเวลา เช่น แวะกินข้าวร้านข้างทาง (เมนูเช้า+เที่ยง) วันนี้ขอนำเสนอเมนูที่ไปสามจังหวัดแล้วต้องกินนั่นก็คือ "ซือดะ" เรียกง่าย ๆ ก็คือมาม่าอิสลามนั่นเอง

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ซือดะหนึ่งชาม ตามด้วยน้ำแข็งไสหนึ่งถ้วย ธรรมดาแต่อิ่มแบบเหลือ ๆ จ้า

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          อิ่มท้องเราก็ไม่รีรอมุ่งหน้าต่อกันต่อไป สู่จุดหมายปลายทางน้ำตกทรายขาว ขับกันมาได้สักพักก็มาถึงที่ทำการอุทยาน จากที่ทำการอุทยานเดินเท้าเข้าไปน้ำตกระยะทางน่าจะประมาณ 800 เมตร เดินชิล ๆ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เดินได้สักพักรู้สึกว่าตัวเองพลาดหนักมาก เพราะบางช่วงต้องเดินลุยน้ำเข้าไป แต่ตรู (ชี้ตัวเอง) ขายาวมาเลยจ้า งานเปียกก็มาทันที แต่พอถึงน้ำตกมันก็ดูคุ้มค่ากับการเปียกจริง ๆ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 7 : สะพานใหม่ สะพานข้ามแม่น้ำฮาลาบาลา

          เป็นไปตามคาดครับ ออกจากน้ำตกช้าสรุปพี่ฟัสก็ไปงานแต่งไม่ทัน ไหน ๆ ไม่ทันแล้วคราวนี้เจออะไรก็แวะหมด ขับออกจากน้ำตกมาได้แป๊บหนึ่งก็มาเจอตลาดนัดข้างทาง ได้ขนมนี่มากินเล่นอร่อยดีครับ กรอบ ๆ ด้านนอก ข้างในจะนุ่ม ๆ หวาน ๆ ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ขับกันมาเรื่อย ๆ ซึ่งพวกเราลืมไปว่ามีนัดเดินป่าขึ้นไปนอนบนยอดเขากุนุงซิลิปัต นึกได้อีกทีคือดูเวลาแล้วไปไม่ทันเวลานัดแน่นอน รีบโทรหาพี่นำทางเลยจ้า แต่โชคดีพี่เค้าบอกมาถึงตอนกี่โมงก็ได้ เค้าพาเดินขึ้นได้แน่นอน รู้แบบนี้ก็ค่อยโล่งใจกันหน่อย ขับมาเจอสะพานใหม่ก็ไม่ลังเลอะไรเลย แวะสิจ๊ะไม่ต้องรีบแล้ว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ภูเขาไกล ๆ ที่มองเห็นจากสะพานก็คือป่าฮาลาบาลา เป้าหมายถัดไปของเราที่จะล่องเรือเข้าไปตั้งแคมป์นอน

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          พอข้ามสะพานใหม่มาก็จะเจอทางแยกเลี้ยวซ้ายเบตง มีหรือที่คณะเราจะละเว้น #ป้ายก็ถ่ายจ้า รัว ๆ เลย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 8 : ยอดเขากุนุงซิลิปัต ยะลา

          จากสะพานข้ามทะเลสาบฮาลาบาลาไปยังจุดนัดพบ "สถานีดับเพลิงอัยเยอร์เวง" ไกลใช้ได้เลยครับ ทำเอาเราถึงที่นั่นประมาณห้าโมงเย็นเลย เมื่อพบกับพี่ที่เราติดต่อไว้ พี่เขากล่าวว่าพี่คิดว่าจะไม่มากันแล้ว คนนำทางก็เลยขึ้นไปทำป้ายบนยอดเขายังไม่กลับลงมาเลย จะเดินขึ้นกันไหม ? ถ้ามีคนนำทางเราก็ขึ้น ไหน ๆ ก็มาแล้วไม่ขึ้นได้ยังไง โอเคตกลงก็เตรียมข้าวของ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ด้านข้างสถานีดับเพลิงมีสะพานไม้แขวนข้ามแม่น้ำอะไรสักอย่างหนึ่งด้วย ระหว่างรอก็ขอไปชักภาพเล็กน้อย

          ณ เวลา 2 ทุ่ม บนโฟร์วีลที่กำลังแล่นจากสถานีดับเพลิงอัยเยอร์เวง ไปยังจุดเริ่มเดินขึ้นยอดเขา ตลอดทางคือมืดจริง ๆ แน่นอนตอนนี้ยังเลือกความรู้สึกให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะตื่นเต้นหรือกลัวดี แต่ที่ชัดเจนที่สุดตอนนี้ คือเวียนหัว (ควันรถ+ทางอุกกาบาต) 30 นาที รถแล่นมาถึงจุดเริ่มเดิน "ป่ายะลา" เวลา 2 ทุ่มครึ่ง คือเงียบสงัด กลัวรัว ๆ เลยจ้า ไม่ต้องลังเล เดินขึ้นทางชันว่าเหนื่อยแล้วเดินแบบไม่เห็นทางข้างหน้าว่าจะชันไปถึงไหน เหนื่อย+กลัวครับ ‪#‎มั่นใจมาก 1 ชั่วโมง พอดีก็มาถึงยอดเขากุนุงซิลิปัต นี่คือการเดินป่ากลางคืนครั้งแรก ณ เวลานั้นลมพัดแรงหนาวมาก พี่ ๆ นำทางก็รีบกางเต็นท์ให้เรา ส่วนเราก็นั่งเม้าท์มอยกินข้าวเล่นเฟซบุ๊กกันเพลิน ๆ ยันเที่ยงคืน ป๊าดเที่ยงคืนแล้วแยกย้ายเข้านอนสิจ๊ะ และพรุ่งนี้เช้าเราจะตื่นมาเจอทะเลหมอก (ความหวังก่อนนอน )

-----------------------------------------------------------------------------------

          เอก อี้ เอ้กเอ้ก เสียงไก่ขัน...เปล่าเสียงเพื่อนปลุกเองจ้า ฟันก็ยังไม่ได้แปรง หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง รีบออกจากเต็นท์เดินขึ้นยอดครับ เอาจริง ๆ เราสามารถขึ้นไปกางเต็นท์บนยอดได้เลย แต่ด้วยความที่ลมแรงพี่ ๆ ที่นำทางก็เลยแนะนำเราว่ากางเต็นท์ตรงตีนเขานี่แหละดีสุด และนี่ก็คือเต็นท์น้อย ๆ ของเรา จะบอกว่าทั้งเขามีเต็นท์เราแค่สองเต็นท์จ้า

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ทางขึ้นไปจุดยอดสุดถือว่าชันใช้ได้เลยครับ แต่เรามีคนนำทางดี พี่เค้าเตรียมเชือกให้เราปีนด้วย

          ไม่เกิน 20 นาที ก็มาถึงยอดเขา เงิบแป๊บ !! ภาพที่เคยเห็นในรีวิวหมอกจ๋าหมอก หมอกอยู่ไหน พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ พี่มาล่าหมอก จะมองทางซ้ายก็ไม่มี จะมองทางขวาก็ไม่มี #ยอมใจครับ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เอาวะไม่เห็นหมอกอย่างน้อยก็เห็นแสงตะวัน เห็นทิวเขาสลับซับซ้อน คิดในแง่ดีฝนไม่ตกก็ดีแค่ไหนแล้ว (ยิ่งช่วงที่ผมไปกรมอุตุได้บอกไว้ว่าพายุจะเข้า ฝนจะมา)

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เหลือบไปมองด้านขวา เต็นท์บนยอดหนึ่งหลังนี้เป็นของใคร ?

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ใครพามันขึ้นมา หันซ้ายหันขวามีอีกหนึ่งแก๊งอยู่ด้านบน เอาล่ะสิงงเลยจ้า เค้ามากันตอนไหน เค้ามากันยังไง เพราะเท่าที่จำได้เราขึ้นมาถึงสามทุ่มนอนเที่ยงคืนก็ไม่เห็นว่าจะมีกลุ่มอื่นขึ้นมา หรือว่า หรือว่า หรือว่าคอปเตอร์ไม้ไผ่ ต้องคอปเตอร์ไม้ไผ่แน่นอน สติ.....มารู้ทีหลังว่าแก๊งนี้เป็นแก๊งเจ้าถิ่นมากันตอนประมาณตีสองตีสาม ผมนี่ยอมใจเลยครับ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ถึงแม้ว่าไม่เจอทะเลหมอก ความงามของทิวเขาก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกพลาดอะไรเลย เตรียมพร็อพอะไรมาก็ควรหยิบขึ้นมาถ่ายด้วย สำลีเอย นาฬิกาเอย (พกมาเพื่อ)

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ถ่ายจนไม่รู้จะถ่ายอะไรแล้วก็ลงจากยอดเขาไปที่ลานกางเต็นท์ เพื่อทานกาแฟ ข้าวเช้า จะได้เก็บของเตรียมตัวกลับ อาหารเช้าของผมกับการเข้าป่ายังคงเหมือนเดิม...มาม่า แต่ความพิเศษเพิ่มเติมมันอยู่ตรงที่ไม่มีถ้วยใส่ก็เลยต้องกินในถุง

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          อิ่มท้องเสร็จก็ได้เวลาเก็บของ เก็บเต็นท์ เดินฝ่าป่ายางกลับไปจุดเริ่มต้นที่เราเดินขึ้นมา

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เย่ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในที่สุดก็ลงมาถึง เตรียมตัวนั่งโฟร์วีลกลับไปเอารถพร้อมลุยสถานีต่อไป

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 9 : ทะเลสาบฮาลาบาลา

          แกรู้หรือไม่ ? ก่อนที่เราจะลงจากยอดเขากุนุงซิลิปัตมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาบอกกับเราว่า พี่ไม่สามารถพาเดินป่าฮาลาบาลาได้แล้ว ถามถึงเหตุผลว่าทำไมพี่เค้าก็ตอบแบบงง ๆ ณ จุดนี้เงิบสิจ๊ะ เซ็งสุด ๆ เพราะเดินป่าฮาลาบาลาถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักของผมเลยในการลงมาใต้ครั้งนี้ (ต้องกลับไปซ่อมสินะ) ถ้าใครจะไปเดินป่าผมแนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโดยตรงดีกว่า #พวกผมพลาดเองที่จองกับคนในพื้นที่ ซึ่งเราก็คิดว่าเค้าจะประสานให้เรียบร้อย

------------------------------------------------------------

          อะไรยังไงละทีนี้ เปลี่ยนแผนกะทันหันเลยครับ ไร้ทางเลือกมุ่งหน้าสู่เบตงครับ เอ...แต่เราจำได้ว่าทางผ่านที่เราขับรถผ่านมามีเรือนำเที่ยวพาล่องแม่น้ำฮาลาบาลา ตัดสินใจขับย้อนกลับไปทางเดิมอีกครั้ง อย่างน้อยได้แค่ล่องเรือก็เอา ถึงเป้าหมายติดต่อสอบถามราคา 500 บาทต่อลำ พาไปเที่ยวสามจุด เกาะทวด น้ำตก (ไม่ได้ถามชื่อ) สะพานใหม่ เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม เรือพร้อม คนขับเรือพร้อม ทุกคนพร้อม ลงเรือได้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          โอ้โห !! สองข้างทางทิวเขาและแม่น้ำสุดลูกหูลูกตา แดดร้อนแค่ไหนก็ไม่สนใจ ถ่ายรูปไป คุยกันไปฟินเว่อร์ ประมาณ 30 นาที เห็นจะได้เรือก็พาเรามาถึงจุดแรกนั่นก็คือ "เกาะทวด" ในภาพขวามือจ้า

          เอาจริง ๆ บนเกาะไม่มีอะไรเลย เล็กมาก มีคายักหนึ่งลำถ้วนให้พายเล่น และก็มีจุดให้ถ่ายรูป ชมวิวทิวเขา ไฮไลท์ของการมาที่นี่ก็คือการบนบานศาลกล่าว นอกจากที่นี่จะมีแก๊งถ่ายภาพ แก๊งเที่ยวมาเยือน ก็จะมีอีกแก๊งคุณลุง คุณป้า อาม่า อากง มาแก้บนจ้า *ไม่ใช่แนวเรา

          ดื่มด่ำกะลมเย็น ๆ บรรยากาศชิค ๆ บนเกาะทวดเต็มอิ่ม เราทั้งสี่ก็ลงเรือมุ่งหน้าต่อไปยังจุดที่สอง "น้ำตกชื่อว่า ? (ไม่รู้)"

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          สิ่งที่ทุกคนเห็นมันคือน้ำตก ใช่แล้วมันคือน้ำตก เอิ่มนี่หรือที่ตั้งใจว่าจะมาเล่น โบกมือลาจ้า ไปจุดสุดท้ายกันดีกว่า "สะพานใหม่สะพานข้ามฮาบาลาบา"

          เหมือนสะพานใหม่เป็นแค่จุดวนเรือไม่ได้มีอะไรพิเศษ คือเราวนไปให้คุ้มตังค์ที่จ่ายและไปเก็บภาพเท่านั้นเอง

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เซลฟี่หนึ่งทีแล้วก็กลับเข้าฝั่งเตรียมตัวไปล่าของกินที่เบตงต่อ

          จุดเช็กอินที่ 10 : โอเคเบตง

          กลับจากล่องเรือก็ขับรถมุ่งตรงสถานีถัดไป พี่โจ้ทำหน้าที่เป็นพลขับเหมือนเดิม พี่ฟัสพลชวนคุย (เพื่อไม่ให้พี่โจ้ง่วง) เพื่อนผมพลหลับ ๆ ตื่น ๆ ส่วนตรูพลหลับยาว ไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ ทางโค้งหนักมาก มึนหัวสิครับ ถ้าไม่หลับมีอ้วกแน่นอน สะดุ้งตื่นอีกทีก็มาถึงเบตงเรียบร้อยแล้ว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          สี่โมงครึ่งถ้าถามว่าเพลานี้หิวไหมก็ตอบเลยว่ามากที่สุดดดดดด แต่ยังไงก็ต้องไปถ่ายรูปก่อน เพราะอีกวันต้องออกจากเบตงแต่เช้าเพื่อไปดูทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จุดแรกที่ไปถ่ายก็คือสนามกีฬาเบตง ถ้าถามว่าไปถ่ายทำไม ก็ตอบว่าตามรีวิวที่มีคนเคยทำไว้ จอบอ...จบนะ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เค้าบอกว่ามีแค่ที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยที่ใช้ชื่ออำเภอมาทำป้ายทะเบียน งั้นก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระทึก

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จากสนามกีฬาเบตงเราพากันไปต่อที่จุดชมวิวเมืองเบตง เมืองเล็ก ๆ ที่ถูกกอดไว้ด้วยขุนเขา

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ได้มุมไม่สูงเท่าไรเพราะซวยเนื่องจากประตูทางขึ้นปิดวันนี้หนึ่งวัน ฉลองตรุษจีนจ้า และแล้วเพลานี้ก็มาถึงกลับไปเช็กอินที่โรงแรมแล้วก็ไปตามล่าหาของกิน

          **คำเตือน ภาพต่อจากนี้เป็นต้นไปไม่แนะนำให้ดูตอนดึกของกินรัว ๆ (สวรรค์ของเพื่อนตรูเลยจ้าา #สายกินควรมา)

          หลังจากเช็กอินเสร็จเรียบร้อยทีมเราแบ่งออกเป็น 2 สาย สายที่หนึ่งไปตามล่าหาร้านอาหารอิสลามชื่อดังในเบตง (เค้าว่ากันว่าร้านต่วน เป็นร้านอาหารอิสลามชื่อดังของที่นี่) ส่วนสายสอง ผมกับเพื่อนไปตามหาร้านอาหารจีนชื่อดัง เพื่อนเตรียมตัวเรื่องกินมาดีมาก หาร้านมาตั้งแต่กรุงเทพฯ เลยจ้า เดินหาแป๊บ

          แล้วเราก็หามันจนเจอ "ร้านไทซีฮี้" ร้านอาหารจีนชื่อดังของเบตง เข้าร้านดูเมนูเป็นพิธี ทำไม ? เพื่อนตรูเลือกมาจากบ้านแล้ว

-------------------------------------------------------------------------------------------------

          เมนูแรก : ผักน้ำผัดน้ำมันหอย ถ้าถามว่าปกติกินผักไหม หึ (ส่ายหน้าจังหวะเพลงร็อค) #ทีมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ต้องไม่กินพืชผักใบเขียว แต่ที่ยอมให้เพื่อนสั่งก็เพราะว่าผักน้ำมีที่เบตงที่เดียว ถ้ามาไม่สั่งก็เหมือนมาไม่ถึง และนี่ก็คือผักน้ำก่อนลงกระทะ และนี่คือหลังจากผ่านโปรเซสมาแล้ว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เมนูสอง : ไก่สับเบตง เมนูนี้ชื่อดังของที่นี่เลย ทุกโต๊ะต้องสั่ง ที่เห็นล้นจานไม่ใช่ว่าได้เยอะนะ (แกมันจัดแตงกวาไว้ข้างล่างจ้า)

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เมนูสุดท้าย : หมูทอดเต้าหู้ยี้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          พอได้ครบแทนที่จะรีบกิน ? เปล่าเลยยังถ่ายรูปกันอีก โชคดีนะเราสองคนเหมือนกันคือไม่ถ่ายไม่กินจ้า

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          สามเมนูที่ผ่านมาขอสรุปให้ฟังว่า ผักน้ำกินไปประมาณ 1 ช้อน ไก่สับประมาณ 3 ชิ้น เลี่ยนมาก ผมขอตั้งหมูทอดเต้าหู้นี้เป็นซิกเนเจอร์ที่นี่ ไปแล้วควรสั่ง อร่อยจนต้องร้องขอชีวิต

          หลังจากอิ่มพุงกางแล้วเรากับเพื่อนก็ออกจากร้านเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารในเมืองเบตงยามค่ำคืน

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป แล้วก็เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่อุโมงค์เบตง

          เดินทะลุมาอีกฝั่งของอุโมงค์ทำให้เราได้พบกับงานตรุษจีน โอ้โห ! คนเพียบ ของกินก็เพียบเช่นกัน ไม่รอช้าตระเวนหาของกินกันอีกครา

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เหนื่อย เพลีย อิ่ม อิ่มชนิดที่ไม่สามารถเอาอะไรลงท้องได้แล้ว เดินกลับห้องอาบน้ำ ปะแป้ง ดื่มนม ห่มผ้า นอน

          ก่อนนอนก็สวดมนต์ภาวนาขอพรให้เช้าวันต่อไปเจอทะเลหมอก

          จุดเช็กอินที่ 11 : ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง (ในวันที่เจอหมอกหนึ่งก้อน)

          ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเบตง ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืด (แต่เพื่อนตื่นเร็วกว่าอาบน้ำเรียบร้อย) ผมก็ไม่รีรออาบต่อทันใด อาบน้ำเสร็จปุ๊บเพื่อนชวน !! ปะอุ๋ยหาข้าวกินกัน หิวแต่เช้าเลยนะ นี่มันเพิ่งตีห้าครึ่ง บ่นเสร็จก็เดินตามมันไปทิ้งพี่สองคนอาบน้ำที่โรงแรม หลายคนอาจสงสัยร้านไหนมันจะเปิดตอนตีห้าครึ่ง เปิดทำอะไร ?? ผมก็คิดเช่นนั้น แต่เรื่องกินยกให้เพื่อนเลยจ้า ข้อมูลพร้อม ร้านไทซีฮี้ ร้านติ่มซำชื่อดังเปิดตั้งแต่ตีห้า บรรยากาศตอนเช้าถนนโล่ง ๆ ถ่ายรูปกลางถนนได้สบาย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ส่วนร้านก็หาไม่ยากครับ แถว ๆ อุโมงค์เบตงเพื่อนผมสร้างแลนด์มาร์กไว้เรียบร้อย

          สั่งผัดเส้น ๆ สองแบบ ผัดอะไรไม่รู้หนึ่งกับผัดอะไรไม่รู้สอง กับชามากินขำ ๆ ระหว่างรอติ่มซำ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          กินยังไม่ทันจะหมดติ่มซำก็มา เซตนี้คือเซตจัดทิ้งท้ายเมืองเบตงเลยครับ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          กินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยพี่สองคนก็ขับรถจากโรงแรมมารับเลยครับ ชีวิตดี เรากับเพื่อนก็ถามพี่เค้าว่าหาอะไรกินก่อนไหม พี่เค้าก็น่ารักมากบอกว่าค่อยไปหากินเอาเดี๋ยวไปดูหมอกไม่ทัน เดี๋ยวคนเยอะ เพราะที่นี่ขึ้นไปง่ายรถถึง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          แล้วเราก็เดินทางมาถึง กู๊ดมอนิ่งจ้าทะเลหมอกอัยเยอร์เวง

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ทะเลหมอกไปแล้ว หรือยังไม่มี หรือวีซ่าข้ามประเทศไม่ผ่าน บ้าจริงพี่สาวมีอยู่จุ๋มจิ๋มบางเบามาก 1 ก้อนถ้วนจ้า แห้วกินสิครับ ไม่เจอทะเลหมอกมาสองวันติด แห้วแรกบนยอดเขากุนุงซิลิปัต แห้วสองก็อัยเยอร์เวง ที่นี่ไม่มีหมอกก็ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ วิวก็ธรรมดา อีกฝั่งก็วิวติดต้นไม้ก็เลยได้ภาพมานิดหน่อย (#ต้องกลับไปซ่อมสินะ)

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้ส

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้ส

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จากจุดชมวิวด้านบนก็กลับลงมาจุดชมวิวอีกจุดซึ่งอยู่ด้านล่าง เอาจริง ๆ ตรงนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเหมือนกัน แต่เราแวะเพราะให้พี่ทั้งสองหาอะไรรองท้องก่อน ตรงนี้มีพวกกาแฟ ข้าวยำบูดูขายด้วย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          และนี่ก็คือภาพวิวจากจุดชมวิวที่สอง ทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม แต่ถ้ามีหมอกจะเพอร์เฟคท์กว่านี้เยอะเลย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ผมกับเพื่อนถ่ายภาพเสร็จ พี่ทั้งสองทานข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สถานีต่อไป

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดเช็กอินที่ 12 : อุทยานแห่งชาติบางลางและเขื่อนบางลาง

          จากจุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงเราสี่คนมุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติบางลาง ผมยังไม่ได้บอกว่าอีกหนึ่งเหตุผลของการลงมาสามจังหวัดก็คือตามล่าตราปั๊มอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย ด้วยเวลาที่ค่อนข้างมีจำกัดเราแค่แวะปั๊มตราอุทยานและสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          จุดเช็กอินจุดนี้ผมขอเน้นบอกข้อมูลเผื่อมีใครสนใจ อุทยานแห่งชาติบางลางก็เหมือนกับอุทยานทั่ว ๆ ไปที่เราสามารถเข้าไปกางเต็นท์นอนได้ และที่นี่ก็มีบริการเต็นท์ให้เช่าเช่นกัน จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติบางลางมีอยู่สองจุด คือน้ำตกและเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมทะเลหมอก (ดูรูปจากเจ้าหน้าที่ละ ทะเลหมอกสวยมาก) ยังคุยกับเพื่อนว่าถ้ากลับมาเที่ยวอีกครั้งต้องค้างที่นี่สักหนึ่งคืน

          ป.ล. ใครสนในเดินป่าฮาลาบาลาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่นี่ได้เช่นกันเค้าจะประสานงานให้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จากอุทยานแห่งชาติบางลางเรายังพอมีเวลาเหลือกันนิดหน่อย เลยติดสินใจเข้าไปเก็บภาพที่เขื่อนบางลางสักเล็กน้อยก่อนกลับเข้าตัวเมืองยะลา

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          วิวไม่ค่อยโอเคแถมฟ้าก็หม่น ๆ เทา ๆ อีก ถ่ายมุมกว้างไม่ค่อยได้ ผมก็เลยได้รูปมานิดหน่อย (ไม่ค่อยสวยด้วย) เพื่อทำเวลาเราทั้งสี่ก็เลยรีบออกจากเขื่อนบางลางเพื่อเข้าเมืองยะลา เตรียมเสบียงอาหารไปตะลุยป่าต่อที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส หิวก็แวะตลาดนัดข้างทาง ซื้อพวกขนมมากินในรถเหมือนเดิม

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ที่เพิ่มเติมก็คือ ล.ลิง หนึ่งตัวถ้วน

          จุดเช็กอินที่ 13 : ล่องแก่งภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส

          เราถึงตัวอำเภอเมืองยะลาประมาณเที่ยง แวะทานข้าวและไหว้ทักทายแม่พี่โจ้พลขับของเรา และตุนอาหารสำหรับการเดินป่าเย็นวันนี้ ประมาณบ่ายโมงนิด ๆ ก็เริ่มออกเดินทางจากเมืองยะลามุ่งหน้าสู่อำเภอสุคิริน จะบอกว่าพอเริ่มเข้านราธิวาสเท่านั้นแหละ โอ้โห ! นี่มันอะไรกันด่านจะเยอะไปไหน ผมนี่ขอสถาปนาเมืองนราฯ เป็นเมืองร้อยด่านเลยละกัน วิ่งรถได้ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ สมาชิกเริ่มปวดฉี่ขึ้นมาถึงสามคนด้วยกัน จะซ้าย จะขวา จะหน้า จะหลัง ก็ไม่มีวี่แววปั๊มน้ำมันเลย ผมอะข้างทางได้สบายมาก แต่พี่ฟัสและเพื่อนผมผู้หญิงอะลำบากแน่นอน ขับไปนิดหนึ่งบังเอิญเจอโรงเรียนแห่งหนึ่ง โรงเรียนนั้นก็คือ "โรงเรียนบ้านปาหนัน" ทุกคนรอดแล้ว หลังจากเสร็จกิจเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปขึ้นรถเดินทางต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคุณครูประจำชั้นของน้อง ๆ ชั้น ป.2/2 ที่เดินเข้ามาคุยกับพวกเรา และถ้าคุณครูได้เห็นกระทู้นี้ผมอยากจะขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้การแวะเข้าห้องน้ำของเราครั้งนี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น

          ครูครับขอถ่ายรูปน้อง ๆ ที่กำลังนั่งเล่นอยู่ตรงหน้าอาคารเรียนได้ไหมครับ ... ผมถาม ได้ค่ะ ครูเป็นครูประจำชั้นเด็ก ๆ ห้องนี้เอง วิ่งไปหยิบกล้องเดินมาขอถ่ายรูปเด็ก ๆ

          แรก ๆ เด็ก ๆ ก็งงว่าพวกนี้คือ ตัวอะไร ?? มาถ่ายทำไม แต่ช้าก่อนเรามีไอเทมพิเศษครับ พี่ฟัสอิสลามแท้ ยาวีสบาย ๆ ให้ช่วยคุยกับน้อง ๆ ให้ ภาพแรก ๆ เด็ก ๆ ดูเกร็งมาก โพสกันได้ไม่สตรองเลย

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          พอเห็นเด็ก ๆ นิ่งกันมากไม่ร่าเริงเลย เราก็ได้คุณครูเข้ามาช่วยบิวท์อีกคน น้อง ๆ ก็เริ่มสนุกไปกับพวกเรา

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ก่อนกลับผมก็เลยโซโล่กับน้อง ๆ หนึ่งใบ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จากโรงเรียนบ้านปาหนันประมาณ 4 โมงครึ่ง เราก็มาถึงจุดล่องแก่งภูเขาทอง จะบอกว่าแวะถามตลอดทางเลยครับ กลัวไปผิดเส้นทาง พี่หรั่ง พี่ที่ดูแลกิจกรรมล่องแก่งมานั่งรอเราที่โรงการฟาร์มตัวอย่าง (จุดนัดพบ) และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เปลี่ยนชุดเลือกอุปกรณ์เตรียมตัวไปล่องแก่งแม่น้ำสายบุรี

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          การล่องแก่งจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง และถ้าอยากได้รูปควรเตรียมโกโปรไปด้วย

          ****เสียดายมากที่ไม่มีโกโปรไปด้วย ทำให้อดเก็บบรรยากาศตอนล่องแก่งมาฝากทุกคน

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ล่องตามแม่น้ำสายบุรีเรื่อย ๆ กับบรรยากาศชิล ๆ น้ำเย็น ๆ จำได้ว่าเราใช้เวลาแค่ 1.20 ชั่วโมง ก็เรียบร้อยถึงที่หมาย

          จุดเช็กอินที่ 14 : จุดชมทะเลหมอกสองประเทศไทย-มาเลย์ (วัดโต๊ะโมะ)

          เรียบร้อยจากการล่องแก่งปวดร้าวไปทั้งตัว เพราะต้องพายกันเอง ผมนั่งกับเพื่อนสองคน เพื่อนกลับมาจากล่องแก่งคือไม่ต้องกินข้าวก็ได้อะ ทำไม ? กินแรงตรูจ้า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจัดกระเป๋าเตรียมของเตรียมตัวเดินป่ากันตอนกลางคืนอีกครา ทริปนี้เดินป่าระยะทางสั้น ๆ แต่เดินกลางคืนทั้งสองวันเลย ตั้งใจว่าเสบียงที่เตรียมมาจากตัวเมืองยะลา (ขอบคุณแม่พี่โจ้พลขับที่ทำให้หลายเมนูเลย) จะแบบเอาขึ้นไปกินข้างบนจุดกางเต็นท์ แต่เวลานั้นเวลาเกือบทุ่ม หิวสิจ๊ะ เหนื่อยมาทั้งวัน กินมันตรงนี้แหละแล้วค่อยเดินขึ้น

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้ส

          เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา อิ่มข้าวแล้วก็เดินทางกันไปยังจุดเริ่มเดิน ช้าก่อนทุกคน !! ก่อนการเดินขึ้นเราขอแนะนำแขกรับเชิญหนึ่งคนนั่นก็คือน้องโจ้ คนละคนกับพี่โจ้พลขับนะครับ ไม่งงเนอะ น้องคนพื้นที่คนสุคิรินโดยกำเนิด น้องรู้จักกับสมาชิกทั้งสามของเราเป็นอย่างดี เพราะทั้งพี่ฟัสเอย พี่โจ้พลขับเอย เพื่อนเราเอย ต่างก็เคยมาที่นี่ เอ๊ะ ! น้องรู้จักตรูด้วยจ้า งงแป๊บ น้องบอกเราเป็นเฟรนด์กันในเฟซบุ๊กพี่อุ๋ย น้องแอดผมมาจากเพจ VSCOcam ตอนนี้สมาชิกเราทั้งหมดก็หกคน รวมกับพี่ ๆ ที่พาเดินอีกประมาณ 5 คน ซึ่งนำทีมโดยพี่หรั่ง ต้องถือโอกาสขอบคุณพี่ ๆ ผ่านกระทู้นี้อีกครั้งที่ดูแลเราตลอดการเดินทาง และประคับประคองพวกเราไปจนถึงยอดด้านบน

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จุดชมทะเลหมอกสองแผ่นดินไทย-มาเลย์ เป็นส่วนหนึ่งของวัดโต๊ะโมะ ด้านบนจะมีกุฏิหนึ่งหลังและมีบริเวณสำหรับกางเต็นท์ การเดินทางก็ชันรัว ๆ แต่ระทางไม่ไกลมาก เดินประมาณ 40 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

-------------------------------------------------------------------------------

          พอถึงด้านบนเราก็นั่งชิค ๆ ชิล ๆ คุยกันแล้วแยกย้ายเข้าเต็นท์นอน และนี่คือคืนสุดท้ายของทริปความคาดหวังที่จะเจอทะเลหมอกก็สูงมาก เพราะแห้วมาสองรอบแล้ว และเหมือนเดิมก่อนนอนเพื่อนผมตั้งปลุกตีสี่จะตื่นมาถ่ายดาว ว้าบมาตีสี่นาฬิกาปลุกดังลั่นสรุปเพื่อนก็ไม่ตื่น คนที่ตื่นเป็นผมไง ปิดเสียงนอนต่อตื่นกันอีกทีเกือบหกโมง ภาพเบื้องหน้าในเช้าวันสุดท้ายของทริปบนจุดชมทะเลหมอกสองแผ่นดินที่สุคิริน

          เจอหมอกจ้า !! แต่ก็ไม่เยอะเท่าที่ควร แต่ก็ดีกว่าสองวันที่เราแห้ว

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          จากนั้นก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้าที่เย็นสบาย จิบกาแฟ โอวัลติน นั่งคุยกันเพลิน (#มันดีมากตรงที่บนยอดมีแต่กรุ๊ปเรากรุ๊ปเดียว) ถ่ายรูปเล่นกันสักเล็กน้อย วิวด้านบนค่อนข้างโอเคแต่เสียดายติดต้นไม้ไปหน่อย

          และนี่ก็คือก๊วนของผมเอง

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          แก๊งพี่ ๆ ที่พาเราขึ้นมา ณ จุดจุดนี้ ขาดไปสอง (แอบถ่าย)

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          เราใช้เวลาซึมซับบรรยากาศคลีน ๆ ที่ไม่มีทางหาได้ในเมืองกรุงอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็แยกย้ายกันเก็บเต็นท์เดินกลับครับ ขากลับแป๊บเดียวมากเพราะเดินลงรัว ๆ และก่อนที่เราจะกลับไปอาบน้ำพี่หรั่งก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาเรามายังวัดภูเขาทองเพื่อชมทะเลหมอกอีกจุดหนึ่ง ระหว่างทางนี่คือแบบสวยอะ ถึงขั้นต้องจอดรถถ่ายกันเลยทีเดียว

          เสียดายมากที่ช่วงเราเดินทางมาสามจังหวัดชายแดนใต้ 6-10 กุมภาพันธ์ เป็นช่วงพายุเข้าพอดี หมอกก็เลยไม่มาตามนั้น แต่ก็ถือว่าดีที่เราไม่เจอฝนแบบหนัก ๆ ยังสามารถเที่ยวได้กันอยู่

          จากวัดภูเขาทองก็กลับฐานทัพอาบน้ำเตรียมตัวไปเก็บ 3 อุทยานแห่งชาติสุดท้ายก่อนกลับเมืองกรุง

          จุดเช็กอินที่ 15 : 3 อุทยานแห่งชาติในจังหวัดนราธิวาส

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ป้าย 1 อุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป

          จุดเด่นของที่นี่ก็ตามชื่ออุทยานเลยครับ น้ำตกซีโป ระยะเดินจากตัวอุทยานไปยังน้ำตกก็ไม่ไกลเลยครับ คนน้อยเงียบสงบมาก วันที่ผมไปถนนภายในอุทยานค่อนข้างเละ เพราะกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง แต่ก็หาใช่อุปสรรคไม่

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ป้าย 2 อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

          ตัวผมเองแอบชอบอุทยานแห่งชาตินี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นอุทยานแห่งชาติเดียวในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่เป็นทะเล จุดเด่นและดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เท่าที่ผมสัมผัสด้วยเวลาอันน้อยนิด น่าจะเป็นทิวสนที่อยู่เรียบชายหาด

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ชายหาดที่กว้างและยาวสุดลูกหูลูกตา แอบมีบางมุมคล้ายทะเลทรายมุยเน่ในเวียดนาม (อันนี้มโนเอาเองจ้า)

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          ป้าย 3 อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          และอุทยานแห่งชาตินี้ก็ถือเป็นสถานที่สุดท้ายของทริปครั้งนี้ ส่วนทีเด็ดก็จะมีอยู่สองอย่าง คือใบไม้สีทอง เจ้าถิ่นบอกว่ามีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย ส่วนหน้าตาก็ตามรูปด้านล่างเลยครับ

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          น้ำตกบาโจ จากที่ไปมาเกือบทุกอุทยานแห่งชาติในสามจังหวัดจะมีน้ำตกเป็นจุดขาย และที่นี่ก็เช่นกันครับ

          และนี่ก็คือบันทึกเรื่องราวการเดินทางไปท่องเที่ยวปลายด้ามขวานสยามประเทศของผม ที่ผมทำกระทู้นี้ขึ้นมาก็อยากให้ทุกคนได้เห็นความงามที่ซ่อนเร้นอยู่ในความกลัว ถ้าทุกคนได้ไปสัมผัสเองทุกคนจะมีมุมมองต่อสามจังหวัดชายแดนใต้เปลี่ยนไปจากเดิม...แบบที่ผมเป็น

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

เที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้

          --------------------------------------------------------------------------

          #สามจังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด

          --------------------------------------------------------------------------

          ทั้งนี้สามารถติดตามชมรีวิวแบบเต็มฉบับได้ที่ [CR] ๔ วัน ๕ คืน เที่ยวแผ่นดินไทยปลายด้ามขวาน "ยินดีที่ได้รู้จัก" รับรองมีภาพสวย ๆ ให้ได้ชมกันเพียบ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ TJme45 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตะลุยเที่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้ เพชรเม็ดงามแห่งปลายด้ามขวาน อัปเดตล่าสุด 25 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 18:59:49 32,992 อ่าน
TOP
x close