สำหรับในปี 2016 ที่จะมาถึงนี้ มีแผนเดินทางไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ถ้ายังไม่มีแผนเที่ยวที่ไหน ลองไปเที่ยวตามเมืองที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ กันบ้างดีไหม ซึ่งจากที่เราเคยนำเสนอ 10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก 2015 จากนิตยสารทราเวล แอนด์ เลเชอร์ (Travel & Leisure) ไปแล้ว คราวนี้มาถึงอีกหนึ่งผู้นำทางด้านหนังสือไกด์บุ๊กและข่าวสารทางด้านการท่องเที่ยวอย่างสำนักพิมพ์โลนลี แพลนเน็ต (Lonely Planet) ที่ได้ประกาศมาแล้วสำหรับ 10 เมืองท่องเที่ยวยอดเยี่ยมที่สุดในโลก 2016 ซึ่งแต่ละเมืองนั้นก็งดงามสมกับตำแหน่งนี้ เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในปี 2016 เลยทีเดียว และทั้ง 10 เมืองจะมีที่ไหนบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
1. เมือง kotor ประเทศมอนเตเนโกร
เมือง Kotor ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเอเดรียติกภายในประเทศมอนเตเนโกร เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคกลาง เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเมืองแห่งนี้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่ออกแบบตามสไตล์โรมันไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1979 นักท่องเที่ยวนิยมที่จะเดินเล่นไปรอบ ๆ เมือง เดินตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ เพื่อชมความสวยงามของอาคารเก่าแก่ โดยเฉพาะ Church of Saint Luke และกำแพงเมืองเก่า แล้วเดินลัดเลาะขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนเขา เพื่อชมกับความงดงามของเมือง Kotor กับริมทะเลเอเดรียติก บรรยากาศของเมืองนี้เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่หวือหวา เมื่อทุกอย่างมาอยู่รวมกันมันจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในปี 2016 นั่นเอง
2. เมืองกีโต ประเทศเอกวาดอร์
เมืองกีโต เป็นเมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทั้งการค้า เศรษฐกิจ การศึกษา ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยว ภายในเมืองผสมผสานระหว่างความทันสมัยและสไตล์โคโรเนียลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สิ่งที่โดดเด่นของเมืองแห่งนี้ก็คือสถาปัตยกรรมโบราณสไตล์โคโรเนียล ไม่ว่าจะเป็น Calle de la Ronda, The Basilica Church, Monasterio de San Francisco in Santo Domingo ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ทำให้เมืองแห่งนี้มีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง และปัจจุบันยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย
3. เมืองดับลิน สาธารณรัฐไอร์แลนด์
ภาพจาก Aitormmfoto / shutterstock.com
เมืองดับลิน เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ด้วยเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนไอร์แลนด์ เสน่ห์ของดับลินไม่ใช่เพียงแค่เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันแห่งความสุข ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างเงียบ ๆ บ้านเรือนเก่าแก่สีสันสดใสริมแม่น้ำลิฟเฟย์ (River Liffey) ยังคงได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ Glasnevin Cemetery Museum, National Botanic Gardens, National Aquatic Centre, St. Patrick\'s Cathedral, Farmleigh House, ล่องเรือในแม่น้ำลิฟเฟย์ เป็นต้น
4. จอร์จทาวน์ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย
ภาพจาก Jedsada Kiatpornmongkol / shutterstock.com
จอร์จทาวน์ แม้ว่าจะไม่ได้มีฐานะเป็นเมือง แต่ก็มีความสำคัญต่อเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซียมาก ด้วยเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ ที่มีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะจีนเข้ากับศิลปะตะวันตก กลายเป็นสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของย่านจอร์จทาวน์ ซึ่งนอกจากบ้านเรือนรูปทรงสวยงามแล้ว รอบ ๆ เมืองปีนังยังมีผลงานศิลปะในสไตล์สตรีทอาร์ตให้ได้ชมมากมาย ทำให้ที่นี่น่าหลงใหล และกลายเป็นเมืองขวัญใจของเหล่าวัยรุ่นทั่วโลกไปเสียแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นบริเวณจอร์จทาวน์ยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
5. เมืองรอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์
ภาพจาก Christian Mueller / shutterstock.com
เสน่ห์ของรอตเทอร์ดามคือเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Meuse ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ จึงเป็นที่มาที่ทำให้รอตเทอร์ดามเป็นเมืองที่มีสีสัน พร้อมทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและการช้อปปิ้ง สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีความโดดเด่นก็คือสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น De markthal, De Rotterdam building, Centraal Station Rotterdam, Drijvend Paviljoen, Cube houses และผลงานศิลปะอันน่าทึ่งอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เมืองรอตเทอร์ดามกลายเป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
6. เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
ภาพจาก paul prescott / shutterstock.com
เมืองมุมไบ เมืองที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่งของประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ เป็นเมืองท่าและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การศึกษา การท่องเที่ยว พร้อมทั้งความบันเทิงในทุกรูปแบบ นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังมุมไบได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินไม่ซ้ำกัน เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างและแปลกใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ Gateway of India, Prince of Wales Museum, Chhatrapati Shivaji Terminus, Prithvi Theatre, Marine Drive, Haji Ali เป็นต้น
7. เมืองฟรีแมนเทิล ประเทศออสเตรเลีย
ภาพจาก David Steele / shutterstock.com
เมืองฟรีแมนเทิล ตั้งอยู่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ห่างจากเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 30 นาที ซึ่งเป็นจุดที่ปากแม่น้ำสวอน (Swan River) บรรจบกับมหาสมุทรอินเดีย ที่นี่จึงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของออสเตรเลีย และเป็นเมืองริมฝั่งทะเลที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองฟรีแมนเทิล มักจะไม่พลาดที่จะไปเที่ยว Fremantle Town Hall, Basilica of St Patrick, Historic Cliff Street, Convict Built Colonial Landmarks, Bathers Beach, Port Beach, Leighton Beach เป็นต้น
8. เมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร
เมืองแมนเชสเตอร์ เมืองที่มากล้นด้วยเสน่ห์แห่งศิลปะ ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ มีชื่อเสียงอย่างมากทางด้านงานศิลปะ เราจึงได้เห็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ งดงาม และทรงคุณค่ามากมายรอบ ๆ ตัวเมืองแมนเชสเตอร์ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสโมสรฟุตบอลชื่อดังก้องโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของเมืองนี้ อาทิ Arley Hall and Gardens, IWM North, Manchester Cathedral, Manchester Town Hall, Rochdale Town Hall, The John Rylands Library, Lowry Outlet Mall เป็นต้น
9. เมืองแนชวิลล์ สหรัฐอเมริกา
เมืองแนชวิลล์ ตั้งอยู่ในรัฐเทนเนสซี มีฉายาว่าเป็นเมืองแห่งดนตรี (Music City) ด้วยเมืองนี้ได้เป็นแหล่งผลิตศิลปินและนักร้องที่มีชื่อเสียงมากมาย อาจจะเป็นเพราะเมืองแนชวิลล์ มีบรรยากาศที่สวยงาม มีแม่น้ำ Cumberland ไหลผ่านตลอดเมือง สร้างความผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัย จึงทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางแห่งดนตรีที่ชัดเจน โดยตลอดทั้งปีจะมีการจัดกิจกรรมทางดนตรีอย่างคึกคักและสนุกสนาน มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ไม่ขาดสายเพื่อมาเสพความสุขจากดนตรี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ Music City Center, Parthenon, Ryman Auditorium, Global Action Platform เป็นต้น
10. กรุงโรม ประเทศอิตาลี
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยกี่พันปีกรุงโรมก็ยังมีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ยังคงเป็นเมืองที่โดดเด่นที่สุดของแคว้นลาซีโอ และประเทศอิตาลี โดยรอบ ๆ เมืองเต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ และเป็นสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่ามาหลายยุคหลายสมัย สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด อาทิ Piazza Navona, The Forums, The Colosseum, The Borghese Gallery, The Trevi Fountain, The Capitoline hill, Basilica of St. Peter in the Vatican เป็นต้น
จาก 10 อันดับข้างต้น เราจะเห็นว่าแต่ละเมืองก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ใครชอบบรรยากาศแบบไหนก็เตรียมเก็บเงิน พร้อมกับวางแผนการเดินทางกันได้เลยค่ะ ปี 2016 ก็ไปเก็บกันมาสักเมืองจะได้ไม่ตกเทรนด์ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
turismoroma.it, nashville.com, visitmusiccity.com, visitmanchester.com, fremantlewesternaustralia.com, visitfremantle.com.au, travel.india.com, maharashtratourism.gov.in, holland.com, en.rotterdam.info, tourismpenang.net, whc.unesco.org, visitdublin.com, virtualtourist.com, tour.in-quito.com, unesco, visit-montenegro.com, whc.unesco.org