เว็บไซต์ businessinsider เผยผลการจัดอันดับ 10 เมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกของปี 2015 จากนิตยสารทราเวล แอนด์ เลเชอร์ (Travel & Leisure) กรุงเกียวโตเป็นผู้ถือครองถ้วยแชมป์ในปีนี้ ส่วนกรุงเทพมหานครติดอันดับที่ 6 ของเมืองที่ดีที่สุดในโลก
นิตยสารทราเวล แอนด์ เลเชอร์ ได้สรุปผลสำรวจจากนักท่องเที่ยวราวหนึ่งพันคนที่มีประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยใช้คุณภาพของโรงแรม สายการบิน สนามบิน และสถานที่ท่องเที่ยวเป็นตัววัดว่าเมืองใดดีที่สุดในโลกแห่งนี้ ซึ่งผลการสำรวจเผยให้เห็นว่าเจ้าของแชมป์ในปีนี้ ได้แก่ เมืองเกียวโต ด้วยคะแนน 91.22 เปอร์เซ็นต์ ตามมาติด ๆ กับอันดับที่ 2 คือ เมืองชาร์ลสตัน (Charleston) รัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ด้วยคะแนน 89.84 เปอร์เซ็นต์ และอันดับ 3 คือเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ด้วยคะแนน 89.57 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกรุงเทพมหานครอยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยคะแนน 88.91 เปอร์เซ็นต์ อันดับอื่น ๆ จะเป็นเมืองอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันต่อได้เลยค่ะ
1. เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น (91.22%)
เมืองเกียวโต ในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย จึงทำให้มีเศรษฐกิจที่ดี เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่แท้จริงของคนญี่ปุ่น เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนทั่วโลกหลงรักเมืองแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
2. เมืองชาร์ลสตัน (Charleston) รัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา (89.84%)
เมืองชาร์ลสตัน เป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลในรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่น่าท่องเที่ยว มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของบ้านเรือน สถานที่ราชการให้ได้เที่ยวชมมากมาย อีกทั้งอากาศยังแจ่มใส เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน จึงทำให้เมืองชาร์ลสตันมักจะติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเมืองที่ดีที่สุดในโลกเสมอ
3. เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา (89.57%)
เมืองเสียมราฐ เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งพุ่งแรงที่สามารถเข้ามาอยู่ในลิสต์ของเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกในปี 2015 ได้ และยังเป็นอันดับที่ 3 อีกด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของมรดกโลกอย่างนครวัด ที่นอกจากความยิ่งใหญ่อลังการของเมืองขอมโบราณแห่งนี้แล้ว เสียมราฐยังมีการจัดการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในส่วนของการบริการ โรงแรมที่พัก การเดินทาง ร้านอาหาร และยังมีค่าครองชีพที่ไม่แพง จึงทำให้เมืองแห่งนี้เข้าตานักท่องเที่ยวอย่างจัง
4. เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี (89.43%)
มนตร์เสน่ห์แห่งเมืองฟลอเรนซ์ยังคงอบอวลไม่จางหาย เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ของอิตาลี ภูมิทัศน์ที่สวยงาม อาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่อย่างครบถ้วน แม่น้ำ Arno ยังคงไหลผ่านกลางเมืองหล่อเลี้ยงฟลอเรนซ์ให้มีชีวิตชีวาเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมืองแห่งนี้ติดอยู่ในลิสต์ 10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกมาแล้วถึง 10 ปี
5. กรุงโรม ประเทศอิตาลี (88.99%)
กรุงโรมถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกในปี 1980 ด้วยเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์สำคัญของอาณาจักรโรมันโบราณ ทำให้มีสถาปัตยกรรรมโรมันหลงเหลืออยู่มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงครองใจคนทั่วโลก อาทิ โคลอสเซียม, พิพิธภัณฑ์วาติกัน, มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นต้น และกรุงโรมก็ได้อยู่ในลิสต์นี้มาแล้วถึง 10 ปีเช่นเดียวกัน
6. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย (88.91%)
ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ จะติดอยู่ในอันดับที่ 6 แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ สำหรับปีนี้ที่สามารถเข้ามาอยู่ในลิสต์ 10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกนี้ได้ ซึ่งจากการสรุปสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาพักค้างแรมในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็มีสูงถึง 4,967,676 คน คิดเป็นตัวเลขของเม็ดเงินก็ราว ๆ 56,492.74 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากปี 2014 จึงเป็นตัวชี้วัดว่าระบบการจัดการโรงแรมนั้นมีคุณภาพมากขึ้น จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างหลงรักกรุงเทพฯ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมการท่องเที่ยว)
7. เมืองกรากุฟ ประเทศโปแลนด์ (88.69%)
เมืองกรากุฟเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีประวัติศาสตร์โดดเด่น จนทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1978 เป็นเมืองการค้าที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในยุคศตวรรษที่ 13 จึงทำให้มีสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือน โบสถ์ พระราชวัง ที่สวยงาม ซึ่งเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสเมืองนี้อย่างคับคั่งเรื่อยมา (ขอขอบคุณข้อมูลจาก unesco)
8. เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน (88.59%)
นอกจากเมืองแห่งนี้จะมีชื่อเสียงในเรื่องของทีมฟุตบอลระดับโลกแล้ว ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานอีกด้วย ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ก่อให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เป็นแรงจูงใจที่ทำให้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าไปเยี่ยมชมบาร์เซโลน่า
9. เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ (88.27%)
เมืองเคปทาวน์ เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มากไปด้วยเสน่ห์ ตั้งอยู่บริเวณแหลมกู๊ดโฮป มีภูเขาลูกใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างโดดเด่น ล้อมรอบไปด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีบรรยากาศผ่อนคลาย กลายเป็นเมืองแห่งการพักร้อนอันดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงทำให้เคปทาวน์ได้คะแนนที่ดีจากนักท่องเที่ยวมาโดยตลอด
10. เมืองเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล
เป็นดินแดนที่มีความมหัศจรรย์ ด้วยในปัจจุบันผู้คนทั้ง 3 ศาสนา คือ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ภายในเมืองมีสถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 3 ศาสนามากมาย ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นมีความสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ และบางสถานที่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นักท่องเที่ยวจากต่างแดนต้องการที่จะสัมผัสกับกลิ่นอายเหล่านี้ เยรูซาเลมจึงได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
การที่ชื่อของเมืองในประเทศไทยจะไปปรากฏในลิสต์การจัดอันดับระดับโลกได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนต้องช่วยกันผลักดันอย่างสุดกำลัง เพราะฉะนั้นเราคนไทยก็ต้องช่วยกันรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้นาน ๆ นะคะ
