5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิตภูกระดึง

5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิต ภูกระดึง

         
"ภูกระดึง" สถานที่ที่ใครหลายคนต่างหวังจะขึ้นไปเยือน และเพราะด้วยความยากลำบากในการฝ่าฝันกว่าจะขึ้นไปถึงยอดภู กลายเป็นเสน่ห์ที่เรียกร้องให้เราไปพิสูจน์หัวใจตัวเอง เหมือนที่หลายคนได้พานพบความสนุกและสุขใจจากการขึ้นไปพิชิตยอด "ภูกระดึง" แต่จะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ภูกระดึงยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเยือนให้ได้ ลองไปดูกัน...

5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิต ภูกระดึง

 1. "รอยยิ้ม" และ "มิตรภาพ"

          ตลอดระหว่างทางในการเดินขึ้นภูกระดึง นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็น "รอยยิ้ม" และ "มิตรภาพ" จากเหล่าคนแปลกหน้าที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ถ้าเป็นในเมืองใหญ่เราคงทำได้แค่เดินสวนกันไป-มา แต่ถ้าเป็นที่ภูกระดึง ในแต่ละครั้งที่เราเดินสวนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น เราต่างจะมีคำทักทายเหมือน ๆ กันเสมอ นั่นคือคนเดินขึ้นมักจะถามว่า "อีกไกลไหม ?" ส่วนคนที่เดินลงก็มักตอบกลับว่า "อีกนิดเดียว จะถึงแล้ว" เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางคุณจะได้รับกำลังใจและมิตรภาพอย่างล้นหลาม

 2. การท้าทายตัวเอง

          หลายคนเลือกที่จะไป "ภูกระดึง" เพื่อเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง อยากจะรู้ว่าเมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้นเรายังจะขึ้นไหวอยู่หรือเปล่า แน่นอนว่ารวมถึงเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ที่กิน ที่นอน และที่สำคัญอยากสัมผัสอากาศหนาว นั่นอาจเป็นเหตุผลของใครหลายคนที่อยากมาที่นี่ การเดินขึ้นภูกระดึงจึงไม่ใช่ความลำบาก หากเป็นความสนุกในวัยหนุ่มสาว เป็นความพยายามเอาชนะสังขารในวัยกลางคน แต่ไม่ว่าจะวัยไหนก็สามารถดื่มด่ำไปกับความงดงามของภูกระดึงได้ทั้งนั้น

5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิต ภูกระดึง
ภาพจาก atmoomoo / shutterstock.com

 3. เสน่ห์ของ "ลูกหาบ"

        ด้วยเส้นทางที่แสนทรหดของภูกระดึง "ลูกหาบ" ยังคงเป็นอาชีพที่จัดว่ามีพระคุณกับเราเป็นอย่างสูง เพราะลำพังตัวเองยังแบกขึ้นแทบไม่ไหว หลายคนจึงอดทึ่งในความแข็งแรงของเหล่าบรรดาลูกหาบ ที่แบกสัมภาระหลายกิโลกรัมอย่างคล่องแคล่ว เราจึงแทบไม่เห็นสีหน้าของความเหน็ดเหนื่อยของลูกหาบภูกระดึง สังเกตดี ๆ ลูกหาบหลายคนมีอายุถึงขั้นเป็นพ่อหาบ ลุงหาบกันแล้ว อีกทั้งลูกหาบกลุ่มนี้ยังสร้างสีสันให้กับการเดินทางบนภูกระดึงของเราไม่ให้เหงาจนเกินไป

5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิต ภูกระดึง

 4. ไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ที่สวยอีกแห่งในเมืองไทย

        หลายคนเห็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่ภูกระดึงตามรูปภาพและโปสการ์ดจนชินตา และเกิดรู้สึกนึกอยากมาเห็นด้วยตาตัวเองว่าจะสมกับที่เห็นในภาพหรือไม่ ซึ่งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบนภูกระดึงอยู่ที่ "ผานกนางแอ่น" นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทะเลหมอกสวยงาม และถ้ายืนรอให้ม่านหมอกเหล่านั้นค่อย ๆ คลายตัวลง จะเผยให้เห็นทิวทัศน์ของบ้านนกเค้าในบริเวณด้านล่าง ส่วนจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกอยู่ที่ "ผาหล่มสัก" เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนล้วนต้องมานั่งถ่ายภาพบนชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา โดยมีต้นสนต้นหนึ่งแผ่องค์ประกอบไว้อย่างสวยงาม

5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิต ภูกระดึง

 5. เส้นทางเดินป่าที่น่าหลงใหล

          เป็นที่ร่ำลือและกล่าวขานกันว่ากว่าจะผ่านด่านแต่ละด่าน ทั้งแฮ่กและอ่วมเป็นสิบ ๆ รอบกว่าจะขึ้นไปถึงบนภูกระดึง ความรู้สึกเหล่านี้อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครหลายคนอยากที่จะไปเยือนภูกระดึง เพราะระหว่างทางคุณจะต้องปีนป่าย ทั้งทางราบเรียบสลับทางเดินขึ้นเขา มีบันไดบ้าง ไม่มีบันไดบ้าง แต่รับรองว่าเมื่อได้ขึ้นไปข้างบนแล้วจะเพลิดเพลินกับความสวยงามทางธรรมชาติของภูกระดึง โดยเส้นทางท่องเที่ยวบนภูกระดึงมีให้เลือกหลัก ๆ 3 เส้นทาง คือ เส้นทางหน้าผา เส้นทางน้ำตก และเส้นทางป่าปิด

          เส้นทางหน้าผา เดินทางสู่ "องค์พระพุทธเมตตา" ซึ่งประดิษฐานอยู่กลางลานหิน เป็นพระพุทธรูปอันเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนทุกคนบนภูกระดึง เดินทางต่อไปยัง "สระอโนดาต" แหล่งน้ำธรรมชาติที่มีลำธารไหลผ่านตลอดปี พอนั่งให้หายเหนื่อยและบรรเทาจากความเมื่อยล้า และลัดเลาะเลียบชมความงามทางธรรมชาติริมผา ทั้งผาหล่มสัก, ผาแดง, ผาเหยียบเมฆ, ผานาน้อย, ผาจำศีล และผาหมากดูก ตามลำดับ

          เส้นทางน้ำตก โดดเด่นด้วยใบเมเปิลสีแดงที่หล่นลอยละล่องในสายธารน้ำตก ทั้งน้ำตกวังกวาง, น้ำตกเพ็ญพบใหม่, น้ำตกโผนพบ, น้ำตกเพ็ญพบ, น้ำตกถ้ำใหญ่ และน้ำตกธารสวรรค์

          เส้นทางชมป่าปิด เป็นเขตป่าดงดิบที่เปิดให้เข้าชมในช่วงฤดูแล้งเท่านั้น ซึ่งการจะเดินไปเยี่ยมชมเส้นทางนี้จำเป็นต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ เพราะเสี่ยงต่อการหลงทางและได้รับอันตรายจากสัตว์ป่า

        ดูเหมือนว่าการเดิน เดิน เดิน และเดิน จะเป็นกิจกรรมหลักในการพิชิตภูกระดึง และนั่นอาจเป็นเหตุผลของใครหลายคนที่อยากมาที่นี่ เพราะเป็นการพิสูจน์หัวใจตัวเอง แต่ละย่างก้าวของสองเท้าบนภูกระดึงจึงเป็นการเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความประทับใจในทุกอณูธรรมชาติ ทั้งป่าเขา สายลม และสายหมอก เอาไว้เป็นแรงใจยามเมื่อต้องกลับไปใช้ชีวิตต่อในเมืองกรุง

        ทั้งนี้ภูกระดึงเปิดให้เราพิชิตแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 31 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 042 810 833 และ 042 810 834 หรือเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
th.aectourismthai.com
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 เหตุผล ที่สักครั้งในชีวิตต้องไปพิชิตภูกระดึง อัปเดตล่าสุด 10 มิถุนายน 2565 เวลา 17:03:20 16,357 อ่าน
TOP
x close