
ญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศในฝันของใครหลายคน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูไหน ๆ เราก็จะได้พบกับความสวยงามที่ไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง แถมในแต่ละเดือนยังมีประเพณีเก่าแก่ประจำปีที่หาชมได้ยาก วันนี้เราจึงหยิบเอาประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกกับทริปท่องเที่ยวลัดเลาะรอบกรุงโตเกียว เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ผ่านรีวิวของ คุณ Jung explore สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ มาร่วมแชร์ความรู้เกี่ยวกับการวางแผน ข้อมูลการเดินทาง แถมยังอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบฟินสุด ๆ ว่าแล้วอย่ารอช้าไปเที่ยวโตเกียวกันเถอะ ^^










สวัสดีค่ะ เราเพิ่งได้ไปเที่ยวโตเกียวเป็นครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่ชอบดูซีรีส์ญี่ปุ่นมาก สมัย "ทาคุยะ คิมุระ" ดัง ๆ คือมีโปสเตอร์แปะอยู่ที่ผนังห้องนอนเลยทีเดียว แต่ไม่รู้ทำไมไม่มีโอกาสได้ไปจนป่านนี้ คนอื่นอาจจะไปกันมาหลายรอบแล้ว แต่เราอยากเอามาแบ่งปันมุมของเราในการเที่ยวโตเกียวกับเพื่อน ๆ ดูนะคะ
เริ่มต้นที่วางแผนอย่างหนักหน่วง !!


เริ่มต้นที่ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว แผนที่รถไฟใต้ดินต่าง ๆ


ไกด์ท่องเที่ยวโตเกียวเป็นภาษาไทย โหลดได้ที่นี่ค่ะ

www.tokyometro.jp

Fanpage : เฟซบุ๊ก theworldasiseeitbyjung
เครื่องบินลำนี้มีใครนอกจากเราหรือเปล่า

นี่เป็นความคิดแรกหลังจากที่เรานั่งลงบนเบาะเครื่องบินแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยบนสายการบิน ANA เราเลือกนั่ง ANA ไปญี่ปุ่นเพราะอยากสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นตั้งแต่นั่งเครื่องบินไปเลย แล้วเราก็ได้รู้สึกถึงความแตกต่างจริง ๆ เครื่องบินลำใหญ่ คนนั่งเต็มลำ แต่เรากลับไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันเลยสักแอะ ได้ยินแต่เสียงลากของเก็บบนชั้นสัมภาระ กึกกัก ๆ มองซ้ายมองขวาคนเต็มลำ แต่ไม่มีเสียงคนคุยเลย ตอนเราดูข่าวแก๊งฮอร์โมนเต้นเสียงดังบนรถไฟฟ้า เราก็นึกในใจว่าวัยรุ่นไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย วัยคึกคะนอง แต่ถ้าเราอยู่ในสถานที่สาธารณะที่คนเยอะ ๆ แต่เงียบแบบนี้ เราคงไม่กล้าแม้แต่จะถ่ายรูปแล้วมีเสียงชัตเตอร์กล้องดังออกมา...แชะ เพราะเค้าเกรงใจคนอื่นมากจริง ๆ เพราะเห็นเลยว่าที่สาธารณะเค้าจะไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่นเลย จะพยายามเรียนรู้และไม่ส่งเสียงดังในที่สาธารณะนะคะ เพราะถ้าเราเม้าท์มอยกับเพื่อนสาวแล้วละก็...ตลาดแตก !!
ความประทับใจแรก
ขามาเรานั่งแท็กซี่จากสนามบินมาโรงแรม ลุงคนขับจอดรถเยื้อง ๆ หน้าทางเข้าโรงแรมไปนิดหนึ่ง พอเราขนของลงเสร็จลุงก็เดินลงมาตรงข้าง ๆ รถ ยืนรอดูจนเราเข้าประตูโรงแรมแล้วโค้งให้ เรื่องนี้สอนเราว่าทุก ๆ หน้าที่ไม่ได้จบที่ตอนรับเงินค่าจ้าง แต่คือจบเมื่อภารกิจนั้นสำเร็จอย่างลุล่วงจริง ๆ


ดอกอะไรไม่รู้เราชอบมากเลย กลีบสีขาว ๆ ฝอย ๆ ของมันเหมือนด้ายสีขาว ดูเหมือนดอกไม้ปลอม แต่นี่คือของจริงนะคะ เห็นตามริมถนนที่โตเกียวเยอะมาก ขึ้นรถไฟใต้ดินบ้างดีกว่า เจอป้ายนี้ตรงทางลงด้วย

เจอโรคจิตให้ตะโกน ตามทางเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน มีโปสเตอร์บอกว่าถ้าผู้หญิงคนไหนเจอโรคจิตบนรถไฟฟ้าให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ ไม่ต้องอาย
1. โรคจิตบนรถไฟฟ้าคงเยอะมาก ๆ
2. ผู้หญิงญี่ปุ่นคงขี้อายมากไม่กล้าตะโกน ถ้าเป็นบ้านเราละก็มีถ่ายรูปโรคจิต อัพโซเชียลประจานกันไปเลยจ้า
สถานที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกันคือวัด Asakusa





ช่วงที่เราไปที่ญี่ปุ่นอยู่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตรงกับวันเทศกาลวันเด็กผู้ชายหรือโคโดโมะโนฮิ (Kodomonohi) เราเห็นคนญี่ปุ่นตั้งเสาธงปลาคาร์ฟไว้ทั่วเมืองเลยค่ะ ธงปลาคาร์ฟจะขึ้นไปแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า เพื่อเป็นการขอพรให้บุตรชายมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย โตวันโตคืน แต่เอ๊ะทำไมต้องเป็นปลาคาร์ฟสำหรับวันเด็กผู้ชายล่ะ เหตุที่ใช้ปลาคาร์ฟในเทศกาลนี้เพราะปลาคาร์ฟถือเป็นปลาที่แข็งแรง มีความเชื่อมาจากตำนานจีนว่า ปลาคาร์ฟนั้นสามารถว่ายทวนกระแสน้ำในแม่น้ำฮวงโหได้จนกลายเป็นมังกร ชาวญี่ปุ่นจึงเอามาแทนเด็กผู้ชาย ลูกผู้ชายควรมีใจสู้ความยากลำบากในชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ เช่นเดียวกับปลาคาร์ฟว่ายทวนน้ำ ลึกซึ้งจริง ๆ


คุณยาย 2 คน มาเที่ยววัดด้วยกัน


เราแวะซื้อของที่ร้านรายของที่ระลึกตรงทางเดินเข้าวัด ตอนจะออกจากร้านคุณป้าคนขายบอกเราว่าขอบคุงก๊ะ อุ๊ ตะ ! ป้ารู้ได้ยังไงคะ ป้าบอกรอยยิ้มแบบนี้รู้เลยว่ามาจากเมืองไทย...คาวาอี้
ป้าน่ารักมาก ๆ เลยยยยยยยยย นอกจากจะห่อให้อย่างสวยงามแล้ว ตอนทอนตังค์ยังมีนกกระเรียนพับมาให้เป็นที่ระลึกอีกด้วย คุณป้าใส่ใจลูกค้าสุด ๆ เลย
ป.ล. ใครไปซื้อของฝากแนะนำให้ซื้อร้านข้างใน ๆ นะคะ อย่าซื้อร้านแรก ๆ เพราะของเหมือนกัน แพงกว่าเยอะเลยทีเดียวค่ะ






ข้าวหน้าเทมปุระรวม อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมาเลยค่ะ ขอโทษที่จำชื่อร้านไม่ได้ อยู่ตรงซอยข้าง ๆ วัด ร้านแรกฝั่งขวา เยื้อง ๆ ร้านขายขนมปลาไส้ถั่วแดงนะคะ

รายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ
www.japan-guide.com
สถานที่ถัดไปคือวัดเมจิค่ะ
ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1915 เสร็จสิ้นในปี 1921 เกิดจากการระดมทุนของประชาชนทั่วทั้งญี่ปุ่น ทั้งด้านเงิน ทอง และกำลังกายในการก่อสร้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง อาคารดั้งเดิมถูกทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง โดยการโจมตีทางอากาศ และได้รับการสนับสนุนผ่านกองทุนสาธารณะระดมทุนในการซ่อมบำรุง จนเสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในปี 1958




ชอบต้นไม้ที่วัดเมจิมาก เป็นพุ่มกลม ๆ น่ารัก ถึงแม้ว่าจะต้นใหญ่มาก ๆ ก็ตาม สีก็เขียวแบบอ่อน ๆ ดูแล้วสดชื่นมาก

โชคดีมากเลยค่ะ วันที่เราไปมีการจัดงานแต่งงานแบบญี่ปุ่นพอดีเลย พิธีดูเรียบง่ายแต่สวยงามมาก ๆ ค่ะ



เจ้าสาวสวยมาก



ช่วงที่เราไปเป็นเทศกาล Meiji Shrine Spring Grand Festival พอดีเลยค่ะ จะมีการแสดงพื้นเมืองของชาวญี่ปุ่นตามจุดต่าง ๆ พร้อมทั้งแต่งกายแบบญี่ปุ่นโบราณ


เช็กเทศกาลต่าง ๆ ประจำเดือนของโตเกียวได้ที่นี่ค่ะ
www.gotokyo.org

เสร็จแล้วเราก็ไปเดินฮาราจูกุกันต่อค่ะ อยู่ใกล้ ๆ วัดเมจิเลย

คนเยอะมาก ๆๆๆ


มันฝรั่งราดชีสเจ้าดัง คิวยาวมาก ๆ

อย่าลืมชิมเครปนะคะ มาชินจูกุทั้งที

* * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * ** * * * * * * * *

ในขณะที่เราซื้อของอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ในฮาราจูกุนะคะ ทันใดนั้นตู้ก็สั่นกึก ๆๆ เราก็งงว่าสั่นอะไร พนักงานจับตู้อยู่แล้วบอกว่า earthquake !! be careful ได้ยินดังนั้นจินตนาการเราก็บรรเจิด ทำยังไงดี คุณพระ...เดี๋ยวตู้กระจกจะหล่นลงมาแตกใส่เราไหม จังหวะนี้เราต้องวิ่งออกจากร้านลงไปที่ถนนเลยหรือเปล่า เพียงเสี้ยววินาทีทุกอย่างก็สงบลง แต่คือเราไม่รู้สึกเลยว่ามันสั่นไหวใด ๆ ตู้มันสั่นเพราะพนักงานไปจับมันไว้หรือเปล่า เพราะพนักงานอีกคนท่าทางเฉยมาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่อย่างไรก็ตามเราก็ตกใจไปแล้ว มีสติคิดทันว่าต้องวิ่งออกจากร้าน ถือว่าเป็นการทดสอบสติของตัวเองในยามฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี เกิดอะไรขึ้นเราต้องมีสติก่อนเลยนะคะ สติมาปัญญาจะเกิดจ้า
ไปต่อกันที่โตเกียวทาวเวอร์ค่ะ

มุมโตเกียว จากโตเกียวทาวเวอร์



ซื้อของที่ระลึกกลับบ้านซะหน่อย แม็กเน็ตน่ารักมาก ๆ

ร้านราเมงใกล้ ๆ โตเกียวทาวเวอร์อร่อยมาก ๆ ค่ะ ( พ่อค้าแซ่บบบบบบมาก)


รายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ
www.tokyotower.co.jp
มาเดินเล่นรอบ ๆ โตเกียวกันค่ะ


















ผลไม้ที่ตลาดสด มันสดดดดดดดดดดดและหวานมากกกกกกกกเลยค่ะ


ไอศกรีมที่ทางเข้าวัดอาซากุสะอร่อยมาก รวมผลไม้มาเต็ม

ขนมกรอบ ๆ อุ่น ๆ ด้านนอก กับไส้ไอศกรีมด้านใน อร่อยมาก ๆ ค่ะ

วิวโตเกียวมุมสูง จากโตเกียว สกายทรีค่ะ เราเป็นชาวต่างชาติ เค้ามีคิวเฉพาะชาวต่างชาติให้นะคะ ไม่ต้องไปต่อคิวชาวญี่ปุ่นที่จะยาวกว่า



ต่อมาเราไปเที่ยวภูเขาไฟฟูจิกับเทศกาลพิงค์มอสกันต่อค่ะ
เราสามารถนั่งรถทัวร์จากสถานี Highway Bus ที่สถานีชินจูกุ ไปยังคาวากูจิโกะ สเตชั่น แล้วต่อรถไปยังเทศกาลพิงค์มอสได้เลยค่ะ
สถานีและตารางไปฟูจิจากโตเกียวค่ะ
highway-buses.jp
highway-buses.jp/fuji


ณ สถานีรถไฟฟูจิ คนขับรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นจะโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างบานเล็ก ๆ ข้างคนขับ เพื่อมองซ้าย มองขวา มองล่าง เพื่อเช็กความเรียบร้อยและความปลอดภัยของผู้คนรอบ ๆ สงสัยว่าไม่มีกระจกมองข้างหรืออย่างไร แต่เค้าคงอยากดูเองเพื่อความชัดเจนมากกว่าการมองกระจกหลัง #น่ารักเนอะ #เห็นข่าวคนเมาบ้านเราขับรถชนคนตายทุกวันละเศร้า #ชีวิตคนอื่นเป็นผักปลา

นั่งรถทัวร์มาลงที่สถานี Kawaguchiko Station ก็เจอกับร้านขายน้ำผลไม้ปั่นน่ารัก ๆ แบบนี้

บริเวณ Lake Yamanaka ใกล้โรงแรมที่เราพักค่ะ ระหว่างทางมารอรถบัสจากโรงแรมไปเทศกาลพิงค์มอส



หลังบ้านใครไม่รู้วิวเป็นภูเขาฟูจิเลย น่าอิจฉาจัง

รถสปอร์ตติดพัดลม

ระหว่างทางไปเทศกาลพิงค์มอส สิ่งสวยงามอาจไม่ได้อยู่เพียงจุดหมายปลายทางเสมอไป
"Stop worrying about the potholes in the road and enjoy the journey." – Babs Hoffman



เราพักที่โรงแรม Mt. Fuji ค่ะ

ตื่นตอนเช้าเจอกับวิวนี้จากหน้าต่างห้องนอน ร้องกรี๊ดดดดดดดดเลยค่ะ ตะลึงงันมาก ๆ



อาหารเช้าที่โรงแรมก็อร่อยดีค่ะ

ขอลากระทู้นี้ไปด้วยน้องตุ๊กตานะคะ เจอกันใหม่กระทู้หน้าค่ะ




www.gotokyo.org


www.gotokyo.org/th


www.gotokyo.org


ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ Jung explore สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก The world as I see it