ใครจะคิดว่าภายในหนึ่งวันเราก็สามารถเที่ยว "จังหวัดสกลนคร" ได้ตั้งหลายที่ จากจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยการชมความสวยงามทางสถาปัตยกรรมที่ "หมู่บ้านท่าแร่" ชุมชนเก่าแก่โบราณอายุกว่า 100 ปี พักยกชมดอกบัวสีชมพูสวยงามที่ "อุทยานบัว" ต่อด้วย "วัดพระธาตุเชิงชุม" วัดที่มีชื่อเสียงและผ่อนคลายไปกับสายน้ำให้ฉ่ำปอดที่ "น้ำตกคำหอม" เชื่อแน่ ๆ ว่าคุณจะต้องประทับใจเหมือนกับที่ คุณสมาชิกหมายเลข 2426489 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ไปเจอด้วยตาตัวเองมาแล้ว ทริปนี้จะสนุกแค่ไหนไปดูกันเลย
สกลนคร เมืองเล็ก ๆ ในแผนที่ที่หลาย ๆ
คนมักจะมองข้าม ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่เพราะความคิดแบบนี้จึงทำให้ผมอยากจะลองไป
เพราะผมเชื่อว่าทุกจังหวัดล้วนจะต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่อาจจะทำให้เราประทับใจก็เป็นได้
ทริป "สกลนคร-ท่าแร่" เริ่มทำให้ผมสนใจมากยิ่งขึ้น หาข้อมูลอยู่สักพักก่อนกำหนดวันที่จะเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาเยือนสกลนครทุกวันนี้สะดวกมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินที่บินตรงจากดอนเมืองมายังสกลนคร วันละ 2 เที่ยวบิน ทำให้จังหวัดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น จังหวัดเล็ก ๆ ที่ไม่วุ่นวาย วิถีชีวิตและการใช้ชีวิตที่แสนจะง่าย ๆ พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียว และบึงขนาดใหญ่ ทำให้ที่นี่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
สำหรับทริป 1 วันที่สกลนคร ผมเจาะจงที่จะเดินทางไปที่ชุมชนท่าแร่ครับ ซึ่งจากประวัติที่ผมศึกษามาคร่าว ๆ นั้น ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีทั้งโบสถ์และบ้านทรงโบราณมากมาย ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของคนเวียดนามสมัยก่อน รวมไปถึงเป็นชุมชนคาทอลิกขนาดใหญ่ ในวันที่ผมเดินทางอากาศค่อนข้างร้อนสลับกับฝนตก ทำให้ภาพที่ถ่ายออกจะดูอึมครึมเล็กน้อย ฮ่า ๆ แต่อยากจะบอกว่า 1 วัน สำหรับการมาเยือนเมืองสกลนครคุ้มค่ามาก ๆ ครับ สวยกว่าภาพที่ผมเห็นตามอินเทอร์เน็ตซะอีก
ฝากติดตามเพจการเดินทางของเราด้วยนะครับ เฟซบุ๊ก wanderaroundthailand
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นสถานที่แรกที่ผมไปเยือนครับ เพราะอยู่ภายในชุมชนท่าแร่ ตั้งตระหง่านมองเห็นมาแต่ไกล
หลังจากนั้นผมก็เดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ก็มาเจอชุมชนเก่าแก่ของท่าแร่ครับ ซึ่ง Highlight ของที่นี่ คือบ้านเก่าแก่มากมายที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวนิยมมาถ่ายรูปกัน
เป็นสถาปัตยกรรมที่ผมเองก็ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ยิ่งมองยิ่งเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ ครับ
เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ท้องก็เริ่มหิว เพราะผมมาถึงที่นี่เวลาประมาณเกือบเที่ยง ๆ แล้ว แต่ใจก็ยังจดจ่อที่จะเดินชมโบราณสถานแห่งนี้ให้ครบเสียก่อน เรื่องกินเอาไว้ทีหลัง ฮ่า ๆ
เดินชมไปเรื่อย ๆ ครับ แต่ละสถานที่ก็อยู่ไม่ไกลกันมากนัก บางหลังก็ยังมีคนอาศัยอยู่จริง ๆ บางหลังก็ถูกปล่อยร้างเพื่อจะเก็บไว้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนที่นี่
เรือนโบราณครับ ตามประวัติคืออายุมากกว่า 90-100 ปี ซึ่งเดิมเป็นที่อาศัยของพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองแห่งสกลนครในเวลานั้น ก่อนจะกลายเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา จุดเด่น ๆ ก็คืออาคารจะถูกปกคลุมไปด้วยรากไม้และต้นไม้ ทำให้ผมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
ความหิวเริ่มทวีคูณมากขึ้น โชคดีที่ละแวกนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ร้านหนึ่งที่สะดุดตาผมมาก เพราะใช้อาคารที่อายุมากกว่า 100 ปี ในการทำเป็นร้าน ท่าทางน่าจะอร่อย ไม่โอ้เอ้รีบเดินเข้าไปลองทันที อยากจะบอกว่าได้เยอะมาก เหมือนรู้ว่าหิวจัด
น่ากินมาก ๆ ขอถ่ายรูปโชว์แป๊บ ฮ่า ๆ ก่อนจะลงมือกินผมก็แซวแม่ค้าเล่น ๆ ว่าใช่เนื้ออย่างว่ารึเปล่า ? ^^
หลังจากท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อครับ สถานีต่อไปที่ต้องไปให้ได้ คือเที่ยวชมอุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งห่างจากท่าแร่ไม่มากนัก เข้าชมฟรีครับ สำหรับใครที่ชอบปั่นจักรยานที่นี่ก็มีให้เช่าครับ ช่วงนี้ดอกบัวเริ่มจะโผล่แล้ว แต่ยังถือว่าน้อยอยู่
ปั่น ปั่น แดดร้อนไปหน่อย เลยขอเดินเล่นละกัน
ปลาย ๆ ปีดอกบัวน่าจะมีให้เห็นมากกว่านี้ครับ เห็นแล้วอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้นาน ๆ จัง
หลังจากชมความงามของทุ่งบัวเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางมายัง "วัดพระธาตุเชิงชุม" วัดที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสกลนคร ใครไม่ได้มาถือว่ามาไม่ถึงสกลนครนะครับ ตั้งอยู่ที่ริมหนองหาน อำเภอเมือง เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดชาวเมืองหนองหาน วัดสวยงามมาก ผมสักการะและเดินชมอยู่สักพัก ก่อนจะวางแผนเดินทางไปยังอีก 1 สถานที่ครับ เพราะเวลาตอนนี้ก็เริ่มจะเย็นแล้ว
ก่อนที่เราจะไปยังสถานที่สุดท้าย เราพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครมาสกลนครจะต้องแวะไป นั่นก็คือ "ฟาร์มฮัก" โคขุนโพนยางคำที่เป็นที่รู้จักในวงของคนชอบกินสเต๊ก เรียกได้ว่าที่นี่ขึ้นชื่อเลยครับ มีหลายสาขาด้วย แต่ผมเองไม่ได้ลองครับ เพียงแค่แวะมาถ่ายรูปและหาอะไรเย็น ๆ กินเท่านั้นเอง เพราะอากาศมันร้อนเหลือเกิน
ที่เห็นด้านหลังไกล ๆ คือฟาร์มแกะครับ แต่ผมเองไม่ได้เข้าไป เลยยืนมองอยู่ด้านบนเท่านั้น ^^
บรรยากาศ 2 ข้างทาง ระหว่างเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้าย นั่นก็คือ "น้ำตกคำหอม" ที่ภูพาน ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักครับ ไปหาความชุ่มชื่นสักหน่อย
ในขณะที่ผมลงไปถ่ายรูปชาวนา เด็กคนนี้ได้บอกผมว่า "พี่อย่าลืมมาเที่ยวสกลนครอีกนะ" ^^
และแล้วก็ถึงสถานที่สุดท้ายก่อนจะมืดค่ำ "น้ำตกคำหอม" ไม่ได้แวะมาเล่น แค่แวะมาเก็บภาพและดูเด็ก ๆ เล่นน้ำ นึกย้อนมองตัวเองในอดีตทันที ครั้งหนึ่งเราก็เคยมีโมเม้นท์นี้กับเขานะ ฮ่า ๆๆ
ก่อนจบกระทู้ อยากบอกว่า "สกลนคร" ในทริปนี้ ทำให้ลบความคิดผมที่บอกว่า "สกลนครไม่น่าจะมีอะไร" ไปได้เยอะเลยครับ ถึงจะเป็นทริปแค่ 1 วัน แต่ก็ถือว่าคุ้มมากครับ ยังมีอีกหลายที่ ที่ผมไม่ได้เดินทางไป เนื่องจากเวลาที่กำหนด ไว้โอกาสหน้าผมจะกลับมาใหม่ครับ "ฮักนะสกลนคร"
ติดตามเพจ "สะพายเป้เตร่ทั่วไทย"
พูดคุย สอบถาม Inbox มาได้เลยนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวการท่องเที่ยวของผมนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2426489 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก สะพายเป้ เตร่ทั่วไทย
++++++++++++
สำหรับการเดินทางมาเยือนสกลนครทุกวันนี้สะดวกมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินที่บินตรงจากดอนเมืองมายังสกลนคร วันละ 2 เที่ยวบิน ทำให้จังหวัดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น จังหวัดเล็ก ๆ ที่ไม่วุ่นวาย วิถีชีวิตและการใช้ชีวิตที่แสนจะง่าย ๆ พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียว และบึงขนาดใหญ่ ทำให้ที่นี่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
สำหรับทริป 1 วันที่สกลนคร ผมเจาะจงที่จะเดินทางไปที่ชุมชนท่าแร่ครับ ซึ่งจากประวัติที่ผมศึกษามาคร่าว ๆ นั้น ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีทั้งโบสถ์และบ้านทรงโบราณมากมาย ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของคนเวียดนามสมัยก่อน รวมไปถึงเป็นชุมชนคาทอลิกขนาดใหญ่ ในวันที่ผมเดินทางอากาศค่อนข้างร้อนสลับกับฝนตก ทำให้ภาพที่ถ่ายออกจะดูอึมครึมเล็กน้อย ฮ่า ๆ แต่อยากจะบอกว่า 1 วัน สำหรับการมาเยือนเมืองสกลนครคุ้มค่ามาก ๆ ครับ สวยกว่าภาพที่ผมเห็นตามอินเทอร์เน็ตซะอีก
ฝากติดตามเพจการเดินทางของเราด้วยนะครับ เฟซบุ๊ก wanderaroundthailand
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นสถานที่แรกที่ผมไปเยือนครับ เพราะอยู่ภายในชุมชนท่าแร่ ตั้งตระหง่านมองเห็นมาแต่ไกล
หลังจากนั้นผมก็เดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ก็มาเจอชุมชนเก่าแก่ของท่าแร่ครับ ซึ่ง Highlight ของที่นี่ คือบ้านเก่าแก่มากมายที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวนิยมมาถ่ายรูปกัน
เป็นสถาปัตยกรรมที่ผมเองก็ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ยิ่งมองยิ่งเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ ครับ
เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ท้องก็เริ่มหิว เพราะผมมาถึงที่นี่เวลาประมาณเกือบเที่ยง ๆ แล้ว แต่ใจก็ยังจดจ่อที่จะเดินชมโบราณสถานแห่งนี้ให้ครบเสียก่อน เรื่องกินเอาไว้ทีหลัง ฮ่า ๆ
เดินชมไปเรื่อย ๆ ครับ แต่ละสถานที่ก็อยู่ไม่ไกลกันมากนัก บางหลังก็ยังมีคนอาศัยอยู่จริง ๆ บางหลังก็ถูกปล่อยร้างเพื่อจะเก็บไว้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนที่นี่
เรือนโบราณครับ ตามประวัติคืออายุมากกว่า 90-100 ปี ซึ่งเดิมเป็นที่อาศัยของพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองแห่งสกลนครในเวลานั้น ก่อนจะกลายเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา จุดเด่น ๆ ก็คืออาคารจะถูกปกคลุมไปด้วยรากไม้และต้นไม้ ทำให้ผมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
ความหิวเริ่มทวีคูณมากขึ้น โชคดีที่ละแวกนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ร้านหนึ่งที่สะดุดตาผมมาก เพราะใช้อาคารที่อายุมากกว่า 100 ปี ในการทำเป็นร้าน ท่าทางน่าจะอร่อย ไม่โอ้เอ้รีบเดินเข้าไปลองทันที อยากจะบอกว่าได้เยอะมาก เหมือนรู้ว่าหิวจัด
น่ากินมาก ๆ ขอถ่ายรูปโชว์แป๊บ ฮ่า ๆ ก่อนจะลงมือกินผมก็แซวแม่ค้าเล่น ๆ ว่าใช่เนื้ออย่างว่ารึเปล่า ? ^^
หลังจากท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อครับ สถานีต่อไปที่ต้องไปให้ได้ คือเที่ยวชมอุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งห่างจากท่าแร่ไม่มากนัก เข้าชมฟรีครับ สำหรับใครที่ชอบปั่นจักรยานที่นี่ก็มีให้เช่าครับ ช่วงนี้ดอกบัวเริ่มจะโผล่แล้ว แต่ยังถือว่าน้อยอยู่
ปลาย ๆ ปีดอกบัวน่าจะมีให้เห็นมากกว่านี้ครับ เห็นแล้วอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้นาน ๆ จัง
หลังจากชมความงามของทุ่งบัวเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางมายัง "วัดพระธาตุเชิงชุม" วัดที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสกลนคร ใครไม่ได้มาถือว่ามาไม่ถึงสกลนครนะครับ ตั้งอยู่ที่ริมหนองหาน อำเภอเมือง เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดชาวเมืองหนองหาน วัดสวยงามมาก ผมสักการะและเดินชมอยู่สักพัก ก่อนจะวางแผนเดินทางไปยังอีก 1 สถานที่ครับ เพราะเวลาตอนนี้ก็เริ่มจะเย็นแล้ว
ก่อนที่เราจะไปยังสถานที่สุดท้าย เราพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครมาสกลนครจะต้องแวะไป นั่นก็คือ "ฟาร์มฮัก" โคขุนโพนยางคำที่เป็นที่รู้จักในวงของคนชอบกินสเต๊ก เรียกได้ว่าที่นี่ขึ้นชื่อเลยครับ มีหลายสาขาด้วย แต่ผมเองไม่ได้ลองครับ เพียงแค่แวะมาถ่ายรูปและหาอะไรเย็น ๆ กินเท่านั้นเอง เพราะอากาศมันร้อนเหลือเกิน
บรรยากาศ 2 ข้างทาง ระหว่างเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้าย นั่นก็คือ "น้ำตกคำหอม" ที่ภูพาน ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักครับ ไปหาความชุ่มชื่นสักหน่อย
ในขณะที่ผมลงไปถ่ายรูปชาวนา เด็กคนนี้ได้บอกผมว่า "พี่อย่าลืมมาเที่ยวสกลนครอีกนะ" ^^
และแล้วก็ถึงสถานที่สุดท้ายก่อนจะมืดค่ำ "น้ำตกคำหอม" ไม่ได้แวะมาเล่น แค่แวะมาเก็บภาพและดูเด็ก ๆ เล่นน้ำ นึกย้อนมองตัวเองในอดีตทันที ครั้งหนึ่งเราก็เคยมีโมเม้นท์นี้กับเขานะ ฮ่า ๆๆ
ก่อนจบกระทู้ อยากบอกว่า "สกลนคร" ในทริปนี้ ทำให้ลบความคิดผมที่บอกว่า "สกลนครไม่น่าจะมีอะไร" ไปได้เยอะเลยครับ ถึงจะเป็นทริปแค่ 1 วัน แต่ก็ถือว่าคุ้มมากครับ ยังมีอีกหลายที่ ที่ผมไม่ได้เดินทางไป เนื่องจากเวลาที่กำหนด ไว้โอกาสหน้าผมจะกลับมาใหม่ครับ "ฮักนะสกลนคร"
ติดตามเพจ "สะพายเป้เตร่ทั่วไทย"
พูดคุย สอบถาม Inbox มาได้เลยนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวการท่องเที่ยวของผมนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2426489 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก สะพายเป้ เตร่ทั่วไทย