แอ่วเหนือขึ้นเชียงใหม่ไปสัมผัสความงามของธรรมชาติที่ม่วนใจ๋ ณ ม่อนแจ่ม แม่กำปอง ตีนตก บ้านข้างวัด เหมือนกับที่ คุณหญิงกระทง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ควงเพื่อนสาวตะลอนทัวร์มาแล้ว ตลอดทริปการแอ่วเหนือครั้งนี้ เพื่อน ๆ จะเพลิดเพลินไปกับความร่มรื่นของต้นไม้ ชมภูมิปัญญาพื้นบ้าน สวนสมุนไพร น้ำตกเย็น หรือแวะไหว้พระ ตลอดจนแวะนอนบ้านพักท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติ หากลองได้ไปสัมผัสดูสักครั้งรับรองว่าจะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน
สวัสดี ^^ ใครก็ตามแต่ที่หลงเข้ามา 555 นี่เป็นการเขียนรีวิวทริปเที่ยวครั้งแรกของเรา แอบตื่นเต้นนิด ๆ ปนประหม่าหน่อย ๆ คือนี่พิมพ์รอบที่สองแล้ว การเดินทางครั้งนี้เราเพลนคร่าว ๆ ว่าจะไป ม่อนแจ่ม-แม่กำปอง-ตีนตก-ร้านกาแฟต้นไม้ พร้อม ๆ แวะเที่ยวรายทางด้วย ไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก เริ่มต้นด้วยการรวบรวมสมาชิกที่จะมาตกหลุมไปกับเรา หามาได้สามคน รวมเราเป็นสี่ สาวโฉด สวยและรวยพอ ๆ กัน 555 รีวิวแรกอาจจะพังและปังก็ไม่ว่ากัน ถ้าหลงเข้ามาแล้วก็อ่านเพลิน ๆ ดูรูปไปพลาง ๆ จิบกาแฟไปด้วยจะดีมาก ๆ
กทม. > เชียงใหม่ ด้วยเครื่องบินของนกแอร์ เราถึงเชียงใหม่ 08.20 น. วันที่ 18 สิงหาคม 2558 โดยโทรติดต่อเหมารถแดงของคุณลุงธวัชชัยให้มารับและพาเราเที่ยวครั้งนี้ เหมา 3,800 บาท ม่อนแจ่ม-แม่กำปอง เบอร์ลุง 08 4611 1667 เผื่ออยากใช้บริการ
ลุงพาเราแวะกินข้าวเช้าและพาไปไหว้ครูบาศรีวิชัยก่อนไปเที่ยวด้วย
ดอกไม้ธูปเทียนชุดละ 20 บาท ลุงยังแอบกระซิบเบา ๆ ว่าข้างหลังมีน้ำตก เราไม่รอช้าใช้เวลาไหว้คนละ 5 นาที ก็เดินไปต่อที่น้ำตก
สวัสดี "น้ำตกห้วยแก้ว" เข้าฟรีไม่เสียตังค์
ไม่ถึงกับชันมาก
ปล่อยให้สาว ๆ ได้ใช้เวลาส่วนตัว ฮ่า ๆๆ
มาต่อด้วย "พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์" และ "วัดป่าดาราภิรมย์"
พระตำหนักดาราภิรมย์อยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ดูแลดีมาก ๆ ค่ะ บรรยากาศรอบ ๆ ร่มรื่น
บัตรค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ด้านในห้ามถ่ายรูป ใช้ความทรงจำในการเก็บภาพแทนละกันนะ
หลังจากที่เดินจนทั่ว ลุงบอกไปวัดต่อกันเลย เฮ้ย ๆๆ เดี๋ยว ๆๆ ไม่มีในเพลนนะวัด เรามาแบบพลิก ๆ ชิค ๆ ชิล ๆ (ไปไกล ๆ) มีร้อนแน่งานนี้ เอ๊ยยย เย็นกายสบายใจ ฮ่า ๆๆ ไปค่ะวัดก็วัด
วัดป่าดาราภิรมย์
เรามาวัดกันจริง ๆ กินไอศกรีมต้องแบ่งปัน
เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท
โฟกัสอาจวืด เพราะผีเสื้อบอกว่าฉันจะบินโชว์ปีกสวย ๆ หลังจาก slow life กันมาพอสมควร เสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น ฉันหิววววววว ! กระเพาะกล่าว เหลือบมองนาฬิกาก็เกือบ ๆ เที่ยง แฟนคลับที่ตามไลค์รูปในเฟซบุ๊กได้กระซิบเรามาว่า ทางนี้มีร้านอาหารสุดพีค บรรยากาศดีเว่อร์ อร่อยแรง อยู่ระหว่างทางไปม่อนแจ่ม ชื่อ ร้านโป่งแยงแอ่งดอย ช้าอยู่ไยรีบไปบอกคุณลุงแล้วก็โก ๆๆ
ทางร้านมีที่พักให้บริการด้วยเผื่อใครอยากมานอน บรรยากาศดีจริง ๆ ค่ะ
เราเป็นผู้หญิงกินคลีน เลยสั่งมาแค่อย่างเดียว จริง ๆ (เสียงสูงมาก) คลีนขนาดที่สะอาดทั้งโต๊ะค่ะ ฮ่า ๆๆ รสชาติอาหารก็พอใช้ได้ ค่ะกินได้ หลังจากสนองความต้องการของกระเพาะแล้วต้องเดินย่อย...เดินเล่นรอบ ๆ ร้าน
หลังจากเดินย่อยกันเสร็จก็ถึงเวลาที่จะขึ้นม่อนแจ่ม เกือบ ๆ บ่ายสองแล้วไปดีกว่า
ถึงแล้ว...สวัสดีม่อนแจ่ม คือก่อนมาก็คิดว่าไม่มีอะไร เออ...ก็ไม่มีอะไรจริง ๆ ฮ่า ๆ แต่สิ่งที่ได้คือความฟิน ปนความหายเหนื่อย อากาศดีมาก ๆ วิวสวยมากค่ะ ทางขึ้นค่อนข้างชัน แต่เห็นวีออสจอดเรียงรายกันอยู่ที่ลานจอดรถ เฮ้ยแกอย่าช้า...ไปถ่ายรูปกัน
มองดูท้องฟ้าตรงนั้นสิ ส่งยิ้มให้กันแบบไม่ต้องการอะไร ^____^
บอกรักท้องฟ้า ต้นไม้ และสายลม สายฝนเริ่มน้อยใจ ตกมาปรอย ๆ แล้วสิ
สายฝนปรอย ๆ ช่วยลบรอยน้ำตาให้จางหาย ลืมไปเลยความทุกข์ ....
บรรยากาศโรแมนติกจนแทบอยากหยุดเวลา ครึ้ม ๆ ลมแรง ๆ ฝนปรอย ๆ low season มันดีอะ ฮ่า ๆ
เดินจนเหนื่อยเริ่มหิวอีกแล้ว ต้องการที่นั่งและน้ำ
แมวตัวนี้กินเก่งมาก ๆ ... เราใช้เวลาอยู่ที่ม่อนแจ่มจนถึง 16.30 น. ก็เดินทางออกจากม่อนแจ่มเพื่อไปม่อนตะวันที่พักคืนนี้ของเรา จริง ๆ อยากอยู่ต่อแต่คุณลุงต้องขับรถลงเขาและทางค่อนข้างชัน เลยต้องรีบให้คุณลุงไปส่งที่ม่อนตะวัน และพรุ่งนี้เช้ามารับพวกเราลงเขาไปแม่กำปองประมาณ 09.00 น. อ่านรีวิวจากอินเทอร์เน็ตม่อนตะวันห่างจากม่อนแจ่ม 1 กิโลเมตร แต่มันคือกิโลแม้วจ้า พังงงงงงงงง วิวสวย ๆ ของฉันตอนเช้ากับทะเลหมอกที่ม่อนแจ่ม คือนางกะจะตื่นแล้วเดินมาดูไง แอบมีงอน ฮ่า ๆ แอบเสียใจแต่ก็ไม่เป็นไร
เช้าของวันที่ 19 สิงหาคม 2558 คุณลุงมารับเราช้ากว่าเวลาที่กำหนด เพราะในตัวเมืองฝนตกรถติด แต่บนเขาอากาศดีเว่อร์ ลมเย็น ๆ ทะเลหมอกสวย ๆ ฟินไปอีก ฮือ ๆๆๆ ต้องไปแล้ว นี่ตื่นมาดูทะเลหมอกตั้งแต่ 6 โมงเช้า พร้อมกับฝนปรอย ๆ วันนี้เป้าหมายการเดินทางคือแม่กำปอง ระหว่างทางลงจากม่อนแจ่มเราขอคุณลุงแวะ "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"
ถึงที่หมายโก ๆๆ ไปเดินดูพันธุ์ไม้กัน มีหลายหลายโซนด้วยกัน ทั้งตะบองเพชร เฟิร์น บัว ไม้น้ำ และพันธุ์ไม้หายากอีกมากมายค่ะ
Cactus น่ารักมาก ใครที่รัก Cactus ถ้ามาเชียงใหม่ไม่ควรพลาดที่นี่นะ มีขายต้นละ 20 บาท
ลืมบอกค่าเข้าคนละ 40 บาท พาหนะ 100 บาทค่ะ
เราออกจากสวนเกือบ ๆ เที่ยง ลุงเลยพาแวะกินข้าวที่ร้านเฮือนเพ็ญ 2 อาหารเหนือจัดเต็มแบบ คลีน ๆ จ้า
ท้องอิ่มก็มีแรงไปต่อ "แกรนด์แคนยอน" อะแก
สวัสดีแกรนด์แคนยอน
วันที่เรามาฝนตกเลยอดกระโดดน้ำ แล้วแบบดินโคลนอะ กว่าจะได้รูปมานี่ก้มมาดูรองเท้าอีกทีก้าวไม่ไปละ ฮ่า ๆๆ
ออกเดินทางจากแกรนด์แคนยอนไปต่อที่ "ถ้ำเมืองออน"
เข้าฟรี มีดอกไม้ธูปเทียนขาย เพื่อนำไปไหว้หลวงพ่อทันใจ บรรยากาศภายในถ้ำมีน้องนักเรียนเป็นไกด์ให้ด้วยค่ะ สงสัยอะไรถามได้ น้องข้อมูลเพียบ
เดินทางออกจากถ้ำเมืองออนเราไปต่อกันที่ "น้ำพุร้อนสันกำแพง" ที่นี่ดูเงียบสงบ หรือมันเย็นแล้วคนเลยน้อย ฮ่า ๆ
สวัสดี...น้ำพุร้อน
ไข่มีขาย ตะกร้อละยี่สิบบาท ต้มไว้สักสิบ-สิบห้านาทีเราจะได้ไข่สุข อย่าลืมหยิบถุงซอสออกมาด้วยละ มันจิแตก
เราเดินทางออกจากน้ำพุร้อนสันกำแพงก็ประมาณบ่ายสี่โมงกว่า ๆ แล้ว วันนี้อย่างที่บอกไปเป้าหมายคือ แม่กำปอง ยังไม่ถึงอะ แถมยังขอคุณลุงแวะเดินกาดหาของกินไปเผื่อที่แม่กำปองด้วย กลัวไม่มีข้าวเย็นกินกัน แถมยังอยากไปร้านกาแฟ The Giant ด้วย ก็มันเป็นทางผ่านอะเนอะ มาทั้งทีก็อยากไป แต่ด้วยเวลาระยะทาง ความชัน บวกกับความมืดที่กำลังจะมาเยือน เราก็เลยตัดสินใจไม่ไปกันค่ะ อีกอย่างเรามารู้ความจริงทีหลังว่าร้านปิดบ่ายสามโมง ขณะนี้เส้นทางไป The Giant กำลังปรับปรุง ชาวบ้านบอกว่าทางค่อนข้างชันค่ะ เราไปแม่กำปองกันดีกว่า ที่ที่เราอยากให้ทุกคนมาเที่ยวที่สุดในทริปนี้
ถึงแล้ว...กว่าจะถึงแวะถามทาง คือคุณลุงก็ยังไม่เคยขึ้นมา ฮ่า ๆๆ ชาวบ้านน่ารัก เราก็โทรถามเจ้าของโฮมสเตย์ที่เราจองที่พักคือ พี่ดาริน ถอดใจไปแล้วว่าเราจะไม่มากัน คือโทรติดต่อไม่ได้ แถมยังมาซะหกโมงเย็น เราถึงแม่กำปอง 18.15 น. ทำเวลาดี เราลาคุณลุงธวัชชัยและโทรหาพี่ดารินให้พาเราเข้าที่พัก
บ้านฮิมฮ้วย ค่าที่พักคนละ 500 บาท
โดยรอบ ๆ อาณาบริเวณคือน่าอยู่มาก ๆ
ที่บ้านไม่มี Wi-Fi ให้บริการ แต่มีเครื่องครัวครบครัน สามห้องน้ำ เรานอนห้องรวม นอนกันสี่คน หลังจากเก็บกระเป๋าเราก็ขอออกสำรวจพื้นที่ แต่ดูท้องฟ้าสิ เริ่มมืดซะแล้ว
ถ่ายลงมาจากบ้านพัก อากาศดีแบบพีคคคค
เดินมาพอประมาณกระเพาะเริ่มประท้วงอีกรอบ ทางบ้านพักไม่มีอาหารเย็นให้ ต้องหาทานเอง
เฮ้ยยยยยย นางฟ้าที่ไหน...พี่คนในรูปชื่อพี่เก๋ เป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง (แล้วกับข้าวที่ซื้อขึ้นมาเมื่อกี้คืออะไร ไม่กันดารอย่างที่คิด อันนี้คิดในใจ คือเจริญเลยก็ว่าได้ นั่น ๆ มี Wi-Fi ด้วย) พี่เก๋คนสวยใจดีและน่ารักมาก ๆ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างพยายามปล่อยความรั่วให้กันและกัน ฮ่า ๆๆๆ พี่เก๋ใจดีลดให้ 10% เราก็เลยตอบแทนด้วยมื้อเที่ยงของวันพรุ่งนี้จะมาโซ้ยส้มตำกันที่นี่ เราร่ำลาพี่แกและเดินกลับที่พัก กลับไปนอนฟิน ๆ กินอาหารเหนือแซ่บ ๆ นัว ๆ ต่อที่บ้าน
เช้าวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ที่แม่กำปอง วันนี้เราไม่มีแพลนอะไรนอกจากเดินเล่นในหมู่บ้าน แต่เมื่อคืนที่คุยกับพี่ริน พี่รินบอกว่าจะพาไปดูตาน้ำ ไปน้ำตก เดี๋ยวหาไก่ (ไกด์) ให้เรา เราก็ฟังภาษาเหนือเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ตกปากรับคำไปเรียบร้อย สรุปตอนเช้าเรารอรับการ์ดไปทานอาหารเช้า และไก่จะมาหาเราหน้าบ้าน 09.00 น. เราอดรนทนความหิวไม่ไหว 08.00 น. เราก็มาที่ร้านกาแฟลุงปุ๊ดป้าเป็ง ตามคำบอกเล่าของพี่ดารินว่ามาทานได้เลย ไม่ต้องรอการ์ดอาหาร ฮ่า ๆๆ มาคนแรกของร้าน คือร้านเพิ่งเปิด เรื่องกินเรื่องใหญ่อะ
จ๊ะเอ๋...มีใครอยู่ไหมนะ
สวัสดีค่ะ พี่เค้าชื่อพี่อ้อม พี่อ้อมบอกเราว่าอาหารเช้าเป็นข้าวต้มและเลือกเครื่องดื่มได้หนึ่งอย่าง ตามรายการตรงหน้า เครื่องดื่มอลังมาก ลาเต้ร้อน-เย็น โก้โก้ร้อน-เย็น ชาร้อน-เย็น นมสด และอีกบลา ๆๆ ใจป้ำมาก ๆ
มาเถอะมาดูอาหารเช้าที่เราฟินแบบคิดถึงข้าวต้มฝีมือแม่ตอนเด็ก ไม่เว่อร์นะ รู้สึกอย่างงั้นจริง ๆ หรือหิว ฮ่า ๆๆๆ
อ้าปากสิ เดี๋ยวป้อนนนนนน #เดี๋ยว ๆๆๆๆ
มีวาฟเฟิลให้ด้วย คนละสองชิ้น
โกโก้ร้อนของเราเอง
ตามด้วยชาร้อนที่หอมมาก ๆ คือไม่ใช่คอชาแต่ก็ว่าแซ่บอะ
มาดูบรรยากาศรอบร้าน ร้านเล็ก ๆ ที่น่ารัก
อิ่มแล้วต้องไปต่อ 09.00 น. พอดี โทรหาพี่รินได้ความว่าไม่มีไก่ เดี๋ยวพี่รินพาไปเอง แต่รอพี่รินสักครู่นะคะ ขอไปดูแลลูกค้าที่บ้านหลังใหญ่และเก็บขยะเอามาวางหน้าบ้าน เพราะที่นี่จะเก็บขยะเดือนละ 3 ครั้ง คือวันที่ 10, 20 และ 30
ชาวบ้านที่นี่น่ารักเป็นกันเอง เรายิ้มให้ทุกคน
เอาล่ะพี่รินมาแล้ว พี่รินจะพาเราไปดูตาน้ำและไปน้ำตกแม่กำปองที่มีเจ็ดชั้น
เดินตัดในตัวหมู่บ้านมาถึงทางโค้ง พี่รินอธิบายสิ่งที่เจอตลอดทางให้ฟัง และได้เวลาเดินป่า ฮะ !! เดินป่าไม่มีในแพลน ดูชุดเราเสียก่อนพร้อมมาก
เพื่อนร่วมนำทาง
พี่รินได้หน่อไม้ติดมือมาด้วย คนที่นี่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
พี่รินเล่าว่าพืชที่ปลูกได้ดีของที่นี่คือชาและกาแฟ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นพวกลิ้นจี่หรือผลไม้เมืองหนาวที่นำขึ้นมาปลูกมักจะไม่ให้ผล แต่ถ้าให้ก็จะมีรสเปรี้ยวมาก ในป่าปลูกชากับกาแฟ โดยที่ไม่แบ่งขอบเขตชัดเจน ถ้าสังเกตขณะเดินป่าเราจะเจอต้นชาขึ้นสลับกับกาแฟ พี่รินเด็ดใบชาให้เราชิม อร่อยดี ไปลองชิมกันดูนะกินสด ๆ
พี่รินเดินเร็วมาก ๆ
ถึงแล้วตาน้ำ เป็นต้นไม้สองต้นใหญ่ ๆ มีน้ำไหลผ่านใต้ต้นไม้ตรงนี้ตลอดทั้งปี
ถามว่ามาถึงตรงนี้เหนื่อยไหม ตอบเลยว่าไม่ ผิด ๆๆๆ เหนื่อยแต่คุ้ม
สุดท้ายพี่รินก็ใจอ่อนพาเราเดินออกจากป่า ฮ่า ๆๆ ผิด ๆๆ ไม่ใช่ ถึงเวลาที่เราต้องออกจากป่าแล้ว ไปร้านกาแฟกัน
เกือบลืมดอกพญาค้างคาวดำ พี่ดารินบอกกับเราว่าสามารถใช้ต้มดื่มเพื่อรักษาคนที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำได้ และยังช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย มีพืชสมุนไพรอีกมากมายที่พี่รินให้ความรู้กับเรา พี่รินบอกว่าทุกอย่างที่นี่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ถ้ามีใครฝ่าฝืนต้องเสียค่าปรับ เพราะเป็นกฎของหมู่บ้าน เหมือนที่พี่เก๋บอกว่าชาวบ้านจะรักษาป่าเพราะพวกเค้าได้ประโยชน์จากป่า ฟังแล้วซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ที่แบบนี้ยังมีอยู่ คิดถึงบ้านตัวเองแล้วเศร้า ยาฆ่าแมลงนี่ตรึม
พี่มอสส์ เจอกันอีกแล้ว
เดินมาสักพักเราก็มาถึงร้านกาแฟชมนกชมไม้
นั่งไปได้แป๊บเดียวฝนตก เราเลยได้พักยาว
จิบกาแฟชมวิว ฟินไป...ฟินไป
นั่งรอจนฝนซา สุดท้ายก็ว่างเปล่า ผิด ๆๆ
พร้อมแล้วก็ไปกันเลย
ข้ามตรงนี้ไปเลี้ยวซ้ายก็ถึงน้ำตกแล้ว
โชคไม่เข้าข้างเรา หลังจากฝนตกทำให้ด้านบนมีหินถล่ม สะพานหัก เราเลยขึ้นไปดูชั้นบนของน้ำตกไม่ได้ ดูได้แค่ชั้น 1 เพียงเท่านั้น
เราต้องเดินกลับเข้าป่ากันอีกรอบเพื่อตัดเข้าหมู่บ้าน เพื่อนผมนี่เพลียขาลากกแล้ว
หมู่บ้านแม่กำปอง เกิดขึ้นจากแนวคิดอยากทำโฮมสเตย์ของ พ่อหลวงพรหมมินทร์ (อาจพิมพ์ชื่อท่านผิด ผู้ใหญ่บ้านคนก่อน) ส่วนคนปัจจุบันคือ พ่อหลวงประทีป เราประทับใจการบริหารจัดการของที่นี่มาก การดึงดูดนักท่องเที่ยว แรงจูงใจ ชาวบ้านกลับมาอยู่บ้านมีรายได้ไม่ต้องไปหางานทำในเมือง แถมที่นี่น่าอยู่ ทุกคนที่มาต้องเดินเที่ยว มีบริการรถรับ-ส่งจากเชียงใหม่-แม่กำปอง ต้องติดต่อทางโฮมสเตย์เอง ที่แม่กำปอง มีการคั่วกาแฟกันสด ๆ ให้ดูด้วย แต่วันนี้เค้าไม่คั่วกัน เพราะเค้าเพิ่งคั่วไปเย็นเมื่อวาน ถ้ามาช่วงฤดูหนาวจะมีกิจกรรมให้ทำมากกว่านี้ มีพาไปดูทะเลหมอกด้วย
เราจากลาพี่ดารินที่วัดแม่กำปอง ค่าไกด์ 200 บาท ขอบคุณพี่ดาริน เราสนุกมาก ๆ เราขอพี่ดารินออกจากที่พักบ่าย ๆ หลังจากนี้ไม่มีรถมารับเราไปตีนตก เราต้องหารถไปเอง สนุกละสิ
ต้องไปแล้ว บ๊ายบาย
เก็บความประทับใจเอาไว้ การได้พูดคุย พบปะ มันดีแบบนี้ ออกเดินทางเพื่อตามหาอะไรนั้นไม่อาจมีคำตอบ...เราต้องไปเจอ
โบกรถ...รถเยอะมาก คนไทยใจดี
สวัสดี...ตีนตก นอนนี่นะคืนนี้
ทริปนี้กินอลังทุกมื้อ ฮ่า ๆ
ราคาที่พักคืนละ 1,500 บาท มีน้ำตกไหลผ่านหน้าห้อง เราพักบ้านธาริน 4, 5
เวลาช่างผ่านไปเร็ว พรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องกลับแล้ว
นั่งรอรถที่จะพอให้เราติดรถออกไปด้วยนานพอสมควรก็ไม่มีซะที เลยตัดสินใจเดินลงเขาไปเลย !!
เดินผ่านเขา ผ่านหมู่บ้าน ก็ยังไม่มีรถคันไหนพอจะพาเราสี่คนไปด้วยได้เลย
และแล้วคนไทยใจดีก็มาปรากฏตัว พี่เค้าไปแค่อำเภอสันกำแพงไม่ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ระหว่างนั่งรถมีทั้ง ลม แดด ฝน ครบสามฤดูเลย เปียกกันถ้วนหน้า
พี่เค้ามาส่งเราที่ท่ารถเข้าตัวเมืองด้วย ใจดีโคตร ๆ
เราถึงตัวเมืองโดยสวัสดิภาพ ที่หมายต่อไปคือ “โครงการบ้านข้างวัด” เรานั่งรถแดงจากตัวเมืองคนละ 30 บาท ไปบ้านข้างวัด เราใช้เวลาสิงสถิตอยู่นี่นานจนหกโมงเย็น
บุฟเฟ่ต์ร้านลุง 69 บาท อร่อยทุกอย่าง ลุงใจดี น่ารัก ขี้เล่น
ทุกคนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่หกโมงเย็นแล้ว จุดที่ไม่มีรถไปสนามบิน เราเดินกันอีกแล้ว เดินไปสนามบิน ไม่ใช่...เดินไปโบกรถแดง
ตัดภาพประทับใจมาที่ตรงนี้ ตรงที่เครื่องบินกำลังจะบินขึ้น บายเชียงใหม่ จะกลับมาอีกครั้งเมื่อมีวันหยุดยาว ๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณหญิงกระทง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม