x close

หลงเสน่ห์ หลงรัก เลห์-ลาดักห์ ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์


เลห์-ลาดักห์

          "เลห์-ลาดักห์" เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นทิเบตน้อยแห่งอินเดีย ดินแดนที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาหิมาลัยและที่ราบสูงคาราโครัม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสอากาศหนาว ธรรมชาติที่แปลกตา ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย พร้อมกับไปสำรวจเส้นทางสำคัญแห่งหิมาลัยโบราณ รวมถึงสัมผัสวิถีชีวิตผู้คน วัฒนธรรม และภาษาของผู้คนที่นั่น

          วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอตามบันทึกการเดินทางของ คุณเมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวชมความสวยงามเมืองเลห์-ลาดักห์ จะสวยงาม สนุกสนาน ตื่นเต้น และชวนให้น่าหลงใหลแค่ไหน ตามไปดูกันเลยค่ะ


+++++++++++++++++++++

เลห์-ลาดักห์

          "ลาดักห์" สำหรับชาว BP หรือขา Backpack ทั้งหลายแล้วคงจะผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง บางคนอาจคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักผมจะเล่าให้ฟังสั้น ๆ ก่อนจะพาไปเที่ยวนะครับ

          ลาดักห์มีอะไร ?

          "ลาดักห์" มีอะไรน่าสนใจ ? ขอตอบในฐานะคนที่หลงรักที่นี่ไปแล้วครับว่า ลาดักห์ "มีทุกอย่าง" ครับ ตั้งแต่ทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา มาพร้อมความยิ่งใหญ่อลังการของเทือกเขาหิมาลัย ธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ เป็นสวรรค์สำหรับคนรักการท่องเที่ยวถ่ายภาพอย่างแท้จริง ผู้คนเป็นมิตร มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ควบคู่ไปกับศรัทธาแรงกล้าในศาสนา มีมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ มีวัด วัง และโบราณสถานเก่าแก่สวยงามระดับมรดกโลกให้เที่ยวชมมากมาย

          กระทู้เกี่ยวกับลาดักห์มีให้เลือกอ่านมากมายหลายช่วงเวลาครับ ในแต่ละฤดูกาลก็สวยงามแตกต่างกันออกไป กระทู้นี้...ผมจะพาไปเที่ยวลาดักห์ในช่วงปลายหนาวกัน เดินทางตั้งแต่วันที่ 9-18 เมษายน 2558 คาบเกี่ยวช่วงสงกรานต์บ้านเราพอดีครับ

New Delhi

          ทริปนี้มีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 4 คน พวกเราบิน Air India ลงที่เดลี ค้างที่นี่ 1 คืน ก่อนต่อเครื่องไปเลห์ในเช้าวันรุ่งขึ้น ถึงเดลีราว ๆ เที่ยง เช็กอินเก็บกระเป๋าที่โรงแรมกันเรียบร้อยก็ออกไปเดินถ่ายภาพกันตามถนน ร้านค้า ตรอกซอกซอยต่าง ๆ คนเดลีนี่น่ารักกว่าที่คิดนะครับ ยิ้มเก่งและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมาก แถมยังชอบเป็นแบบอีกต่างหาก ถึงขนาดสะกิดเรียกให้ถ่ายเลยก็มี พวกเราใช้เวลาครึ่งวันเดินถ่ายภาพ ทักทายพูดคุยกับคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กจนไปถึงคนรุ่นปู่ย่าตายาย สนุกดีครับ

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Leh

เลห์-ลาดักห์

          ลาดักห์ในช่วงนี้เป็นช่วงปลายหนาวก็จริงครับ แต่อากาศก็ยังถือว่าหนาวมากสำหรับพวกเรา นักท่องเที่ยวน้อย โรงแรม ร้านรวงต่าง ๆ ยังปิดเสียเป็นส่วนใหญ่ แถมถนนก็เละเนื่องจากมีโครงการปรับภูมิทัศน์ของเมือง แต่อีกไม่นานคงจะกลายเป็นเมืองเลห์โฉมใหม่ พร้อมรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวและความเจริญที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว

          เราพักกันที่ Hotel Tso-Kar ในเลห์เป็นหลักครับ ทุกที่ที่เดินทางไปจะเป็นการไปค้าง 1 คืน และเดินทางกลับมาที่เลห์ในวันรุ่งขึ้น ยกเว้นโปรแกรมเที่ยววัด-วัง ที่สามารถไป-กลับได้ภายใน 1 วัน สัมภาระต่าง ๆ จะทิ้งไว้ที่นี่ นำไปแต่ของที่จำเป็น เช่น แปรง สบู่ เสื้อผ้า 1 ชุด เสบียง และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ลองดู Google Map ประกอบนะครับ ผมมาร์กดาวไว้

เลห์-ลาดักห์

          โปรแกรมทัวร์ประกอบไปด้วย

          + วัด Thiksey พระราชวัง Shey และวัด Hemis ไปทางใต้
          + Nubra Valley เดินทางขึ้นเหนือ
          + Pangong Lake อยู่ทางตะวันออก
          + Alchi และ Lamayuru ไปทางตะวันตก

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          สำหรับ Hotel Tso-Kar บริการดี ห้องหับสะอาดดูดี มี Wi-Fi อาหารทานได้สบายครับ มื้อแรกที่เลห์เป็นไข่เจียวกับฮันนี่โทสต์ แหม...เรียกซะหรู จริง ๆ ก็คือขนมปังปิ้งกับน้ำผึ้งแหละครับ เสิร์ฟพร้อมกาแฟ ชาร้อน มื้ออื่น ๆ ก็มีซุปมะเขือเทศ ผัดหมี่ ไก่ผัดพริกหยวก มันฝรั่งทอด ข้าวผัด ทุกเมนูมีกลิ่นและรสชาติที่เบา เหมือนประยุกต์มาเพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ พวกเราไม่ลืมที่จะนำน้ำพริกและอาหารแห้งติดมาด้วย ซึ่งมันช่วยได้จริง ๆ กับการมาอยู่ในที่ที่มีเมนูให้เลือกไม่มากแบบนี้ ทุก ๆ เย็นเราจะแบ่งเสบียงที่เตรียมมาให้พนักงานที่โรงแรมได้ลองชิมอาหารบ้านเราดูบ้าง ซึ่งเค้าก็ดูจะชอบกันมากโดยเฉพาะปลากระป๋องและทูน่า

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          จาปาตี (Chapati) แผ่นแป้งบาง ๆ อบในโอ่ง อาหารหลักประจำทริป กินกันจนเบื่อไปเลยครับ

          สำหรับวันแรกนี้เรายังไม่มีโปรแกรมต้องออกไปไหนกัน ใช้การเดินเที่ยวเนี่ยแหละครับ เป็นการซึมซับและปรับตัวให้เข้ากับความสูงของที่นี่ สำหรับใครที่ชอบถ่ายแนวไลฟ์นี่ผมว่าเพลินเลยครับ ลองสังเกตหน้าคนเลห์ดู จะต่างจากแขกอาหรับทั่วไปอย่างชัดเจน หน้าตาจะออกไปทางคนทิเบต ยิ่งเด็ก ๆ นี่น่ารักมากเลยครับ ตาสวยใส แก้มแดง

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          เดินสำรวจตามซอกซอยไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็ทะลุออกมาเจอลานกว้าง เห็นกลุ่มวัยรุ่นกำลังเล่นคริกเก็ต เลยเดินเข้าไปดูซะหน่อย เล่นกันน่าสนุกมาก ใจผมอยากจะขอลงไปแจมด้วยแต่เพราะห่วงกล้อง ก็เลยได้แต่นั่งดูพวกเค้าเล่นกันจนเลิก แล้วก็ขอเก็บภาพหมู่มาเป็นที่ระลึก

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          Hemis Monastery-Thiksey Monastery-Shey Palace

          ชีวิตในเลห์วันที่ 2 วันนี้เราจะตระเวนเที่ยววัด-วังทางใต้ของเมืองเลห์กันครับ เมดิ หนุ่มเลห์อายุ 23 ปี พูดน้อย ยิ้มเก่ง มีประสบการณ์ในการขับรถพาเที่ยวมาทั้งหมด 2 ครั้งถ้วน ยังถือว่าเป็นมือใหม่มาก ครั้งนี้เพิ่งจะเป็นครั้งที่ 3 และพรุ่งนี้เราต้องไต่ระดับขึ้นไปที่ Khardungla Pass จุดที่สูงที่สุดของเส้นทางระหว่างเมืองเลห์กับนูบร้าวัลเลย์ ชั่วโมงขับอันน้อยนิดของเมดิกับถนนที่สูงที่สุดในโลก มันทำให้พวกเราอดกังวลไม่ได้เลย


          อย่างไรก็ตามวันนี้ยังไม่ต้องไต่ระดับความสูงกันไปไหน จึงยังสบายใจได้อยู่ เพลงอินเดียจังหวะสนุกดังไปพร้อม ๆ กับความตื่นเต้นของพวกเราที่ได้เห็นวิวสองข้างทาง แต่ละคนยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพกันไปตลอดทาง วัดที่เราจะไปกันนั้นตั้งอยู่บนเขาทุกที่ ต้องเดินขึ้นกันเหนื่อยพอสมควร อากาศที่แสนจะเบาบางทำเอาแต่ละคนหอบไปตาม ๆ กัน แต่มันก็คุ้มค่าครับ เพราะมีรางวัลใหญ่รอเราอยู่ข้างบน นั่นคือทิวทัศน์งาม ๆ แบบ 360 องศา ที่เห็นแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Hemis Monastery

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Thiksey Monastery

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Shey Palace

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

"Nubra Valley" หุบเขาแสนสวย อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวเลห์ก็ต้องไม่พลาด

เลห์-ลาดักห์

          ตามโปรแกรมแล้วเราจะไปค้างกัน 1 คืนครับ ช่วงเช้ามาแวะเที่ยว Diskit Monastery แล้วจึงเดินทางกลับเลห์ นัดกับเมดิประมาณ 8 โมงเช้าเหมือนเดิม แต่วันนี้เค้าพาญาติมาด้วย 1 คนครับ ชื่อนิซา เมดิบอกว่า "ที่พามาด้วยเพราะรู้สึกไม่ค่อยดี" ช่วงนี้หิมะกำลังละลาย เส้นทางบนเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ อาจมีการลื่นไถลหรือติดหล่มได้ตลอดทาง ผมเดาว่าเมดิคงจะกังวลเรื่องนี้อยู่ ก็เลยชวนนิซามาด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้มีเพื่อนช่วยคิดช่วยแก้ไข

          จากตัวเมืองเลห์เราลัดเลาะไปตามสันเขา ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ถนนบางช่วงกว้าง ขับได้สบาย แต่บางช่วงก็แคบซะจนนั่งเกร็งกันไปหมด แต่ในความเสียวมักแลกมาด้วยความสวยเสมอ พวกเราไม่ลืมที่จะกดชัตเตอร์บันทึกความงามนี้ไว้ตลอดเส้นทาง

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          ภาพเทือกเขาหิมาลัยและคาราโครัมสุดแสนยิ่งใหญ่อลังการ เส้นสายของถนนที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ทอดตัวยาวไปราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด ณ ห้วงขณะที่ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถความคิดหนึ่งดังชัดขึ้นมาในหัว....โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเรามันแค่ฝุ่นผง ยิ่งเมื่อเทียบระยะเวลาที่เราเกิดมาบนโลกนี้กับเทือกเขามหึมาที่อยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว มนุษย์ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่ตัวเองคิดเลย ทั้งชีวิตของเรามันเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของเส้นเวลา ปัญหาอะไรที่รุมเร้าอยู่ ทั้งการงาน ความรัก หนี้สิน หรืออะไรก็ตามแต่ ณ ตอนนั้นผมปลงมันได้ทุกอย่าง แล้วบอกกับตัวเองว่าชีวิตคนเรามันก็เท่านี้ จะไปเครียดอะไรมากมาย เจออุปสรรคปัญหาอะไรก็แก้ไขและยอมรับกันไป ก็เหมือนกับที่เรากำลังไต่เขาอยู่เนี่ยแหละ ถ้าทางมันชันนักก็ค่อยเป็นค่อยไป อาจจะช้าหน่อย เหนื่อยหน่อย แต่เดี๋ยวเราก็จะผ่านมันไปได้เอง

          ไม่นานนักถนนแห้ง ๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นก็เปลี่ยนเป็นดินโคลนเฉอะแฉะเต็มไปหมด รถเราเริ่มปัดไปปัดมาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการขึ้นดอยสูงตอนหน้าฝน ทางทั้งชันและลื่น ระหว่างทางเรายังเจอซากรถที่ตกลงไปกองเป็นเศษเหล็กอยู่ด้านล่าง บรรยากาศในรถไร้ซึ่งเสียงเพลงและบทสนทนาใด ๆ ทุกคนลุ้นไปกับการเข้าโค้งของเมดิ มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น ทั้งรถพยาบาลติดหล่ม นักท่องเที่ยวต้องลงมาช่วยกันเข็น ส่วนรถเราเองก็ติดหล่มถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกได้รถกวาดหิมะที่ทำงานอยู่แถวนั้นช่วยไว้ ครั้งที่ 2 เราต้องลงไปเข็นกันเอง การออกแรงในที่ที่ออกซิเจนเบาบางแบบนี้ ยิ่งทำให้เหนื่อยมาก สุดท้ายเราต้องรอคอยความช่วยเหลือจากรถที่ผ่านไปมา เหตุการณ์ทั้งหมดกินเวลารวมกันไปหลายชั่วโมง

เลห์-ลาดักห์

          ในเส้นทางที่ยากลำบาก ในสถานการณ์ที่คับขัน บางครั้งก็มีรอยยิ้มและเรื่องราวดี ๆ ซ่อนอยู่

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          Khardungla Pass จุดที่สูงที่สุดของเส้นทางระหว่างนูบร้ากับเลห์ เป็นจุดแวะพักและทำ Permit นักท่องเที่ยว โดยที่ไกด์ของเราจะเป็นคนทำเรื่องให้หมดครับ

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          แม่น้ำ Shyok เส้นเลือดใหญ่สีเขียวที่หล่อเลี้ยงคนนูบร้ามาช้านาน

          พวกเราถึง Nubra กันตอนใกล้ค่ำ แวะเข้าไปเช็กอินที่ Hotel Sten-Del ที่ซุกหัวนอนในคืนนี้ บรรยากาศดี ห้องสะอาด มีดาดฟ้า ใครชอบล่าแสงดาวสามารถขึ้นไปถ่ายได้สบาย แต่ลมแรงหน่อยครับ ควรเตรียมเครื่องกันหนาวขึ้นไปให้พร้อม

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          Sand Dunes ทะเลทรายน้อยกลางหุบเขา มีลำธารเล็ก ๆ จากแม่น้ำ Shyok ไหลผ่าน ขับออกไปจากตัวหมู่บ้านประมาณครึ่งชั่วโมง มีวินอูฐมาคอยบริการนักท่องเที่ยวด้วย

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          Good Morning Nubra อรุณสวัสดิ์นูบร้า

          ส่วนที่ดีที่สุดของการตื่นเช้าคือการได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ จนไปถึงคนเฒ่าคนแก่ ได้พูดคุย กล่าวคำทักทายเป็นภาษาท้องถิ่น แลกเปลี่ยนรอยยิ้มกัน ผู้คนยิ้มแย้มเป็นมิตร กับหมู่บ้านเล็ก ๆ แสนสงบงาม โอบล้อมด้วยขุนเขาและทิวทัศน์สวย ๆ แบบนี้ ทั้งชีวิตเราจะมีโอกาสได้พบเจอกี่ครั้งกันเชียว

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          "Jullay" (อ่านว่า จู-เล) คำทักทายภาษาท้องถิ่น แปลว่า สวัสดีหรือลาก่อน ใช้ได้ทุกช่วงเวลา และเมื่อไหร่ที่เราพูดออกไปสิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเสมอ

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          เสียงร้องเพลงเป็นภาษาท้องถิ่นของชาวนาดังกังวานไปทั่วหุบเขา Nubra Velley ในตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกแล้ว

          ผมมีทริคเล็ก ๆ มาแนะนำครับ ใครอยากได้ภาพชาวบ้านกับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ให้ตื่นแต่เช้าแล้วไปนั่งรอที่ปั๊มน้ำเลยครับ ผมสังเกตว่าแทบทุกบ้านจะต้องถือถังออกมาต่อคิวกันรองน้ำ และคนในหมู่บ้านก็จะใช้บริเวณรอบ ๆ ปั๊มน้ำนี่แหละครับเป็นที่พบปะพูดคุยกันในตอนเช้า

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์


Diskit Monastery

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          Pangong Lake ขุนเขา สายน้ำ ผืนฟ้า และดาวล้านดวง

          กับบางสถานที่ไม่ว่าจะทำยังไงเราก็ไม่สามารถเก็บความงามของสถานที่นั้น ๆ กลับมาได้ทั้งหมด คำพูดนี้ใช้ได้จริงกับที่นี่ครับ "ทะเลสาบปันกอง"

          เส้นทางสู่ปันกอง

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          ช่วงที่พวกเราเดินทางมานี้น้ำในทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็งอยู่ ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เวลาตอนนี้มีเหลือเฟือให้พวกเราทั้ง 4 คน แยกย้ายกันเดินออกไปหามุมสงบของตัวเอง

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          ระหว่างรอเก็บแสงเย็น ผมลองเดินไปดูกระโจมตรงแถว ๆ ตีนเขา ในบรรดากระโจมกลุ่มนั้นมีอยู่ 1 หลังที่น่าสนใจที่สุด ผ้ากระโจมเป็นสีน้ำตาล ดูเก่าและโทรมมาก มีข้าวของวางกระจัดกระจายเต็มไปหมด มองดูแล้วอย่างกับว่าเจ้าของอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเดือน ๆ ผมเจอคุณป้าคนหนึ่งกำลังนำขนสัตว์มาพันเป็นด้าย คุยกันจนเมื่อยมือก็ยังไม่รู้เรื่อง ได้แต่ยิ้มให้กัน ชี้นู่นชี้นี่ สักพักก็มีกลุ่มคนประมาณเกือบ 20 คน เดินล้อมวงเข้ามาที่ผม บ้างก็เข้ามาจับมือ จับตัว บ้างก็ขอดูรูปในกล้อง พวกเค้าคุยกัน อมยิ้มและชี้มาที่ผม ดูตื่นเต้นเหมือนเห็นผมเป็นของแปลก

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          และแล้วก็มีชายคนหนึ่งในกลุ่ม น่าจะพูดอังกฤษได้อยู่คนเดียว เอ่ยปากทักผมขึ้นมา พอคุยกันถึงได้รู้ว่าเค้าและเพื่อน ๆ เดินทางมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ระยะทางพอ ๆ กับที่พวกเราเดินทางมาจากเลห์ มาตั้งกระโจมนอนค้างกันริมทะเลสาบอาจจะสัก 4-5 วัน แล้วค่อยกลับ ผมบอกเค้าว่าขอถ่ายภาพหมู่หน่อย เค้าก็ยินดี รีบเรียกเพื่อน ๆ มายืนเรียงกัน ถ่ายเสร็จผมก็เปิดรูปให้ดู ทุกคนก็เข้ามามุงและหัวเราะร่า เราจับมือและอำลากันตรงนั้น

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          คืนนี้เราพักกันที่ Pangong Inn โรงแรมเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ อากาศตอนกลางคืนที่เลห์ว่าหนาวแล้ว ที่นี่หนาวกว่าหลายเท่าครับ ยืนถ่ายดาวกันได้ไม่นานความหนาวก็ทำเอาเราเจ็บนิ้วมือนิ้วเท้าไปหมด เป็นความทรมานที่คุ้มค่าเมื่อแลกกับสิ่งที่ได้เห็น ภาพดาวล้านดวงส่องแสงสว่างเต็มท้องฟ้าเหนือทะเลสาบน้ำแข็ง สวยงามเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นภาพถ่ายหรือตัวหนังสือ

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Lamayuru- Alchi

          Alchi เมืองแห่งสายน้ำและขุนเขา ที่นี่จะเป็นจุดหมายสุดท้ายในทริปนี้ของพวกเรา จากตัวเมืองเลห์ เมดิพาพวกเรามุ่งตรงออกไปทางทิศตะวันตก ผ่านทะเลทรายและเทือกเขาทุรกันดาร ถ้าดูจากแผนที่ Leh กับ Alchi นั้นห่างกันเพียง 60 กม. เดินทางจริง ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงครับ เมดิขับเลยไปเพื่อพาพวกเราไปเที่ยวที่ Lamayuru Monastery หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในลาดักห์กันก่อน จากนั้นถึงค่อยวนกลับมาที่ Alchi ระหว่างทางกลับจะผ่าน "Moonland" ดินแดนโลกพระจันทร์ ภูเขาสีม่วง texture สวย ๆ ตัดกับสีเขียวเทอร์ควอยซ์ของแม่น้ำสินธุ มีให้ชมกันไปตลอดทาง

          ไม่ว่าจะเป็นที่ Nubra Valley, Pangong Lake หรือ Alchi ผมรู้สึกว่าการเดินทางไปค้างเพียงแค่คืนเดียวนี่มันน้อยเกินไปจริง ๆ สำหรับที่สวย ๆ แบบนี้

Lamayuru Monastery

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          ตามปกติมื้อเที่ยงในแต่ละวันเราจะแวะร้านข้าวแกง local ระหว่างทาง ถึงแต่ละคนจะไม่ได้ชื่นชอบอาหารอินเดีย แต่เพื่อเป็นการเข้าให้ถึงวัฒนธรรมการกินของคนที่นี่ มาถึงแล้วมันต้องลองครับ อย่างร้านที่อยู่ระหว่างทางไป Lamayuru ร้านนี้ แม้ลุงแกจะเติมกับตักข้าวให้เต็มที่ แต่ด้วยกลิ่นและรสชาติของอาหาร เลยทำให้พวกเราได้แค่เล็ม ๆ เท่านั้น ผมเองลองแล้วไม่ไหวจริง ๆ เลยต้องโรตีกับน้ำพริกประทังชีวิตเหมือนเดิม

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          พวกเราเดินทางถึง Alchi ราว 4 โมงกว่า เช็กอินที่ Hotel Samdupling เราลงความเห็นกันว่าที่นี่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในทริปแล้ว ห้องสวยโปร่งสบาย วิวดี อาหารอร่อย และที่เยี่ยมที่สุดคือเรื่องการบริการครับ เจ้าของเป็นคุณลุงหน้าตาใจดี ชอบพูดจาติดตลก ชื่อ Mr.Stobdan แกมาดูแลต้อนรับพวกเราด้วยตัวเองเลย เมื่อถึงเวลาสั่งอาหารทุกคนก็ต้องประหลาดใจที่มี "ข้าวต้ม" อยู่ในเมนู Mr.Stobdan เล่าให้ฟังว่ามีนักท่องเที่ยวเอเชียมาพักที่นี่บ่อย ทั้งญี่ปุ่น ไทย จีน ทุกคนจะแฮปปี้กับข้าวต้มมาก เพราะส่วนใหญ่จะเบื่ออาหารท้องถิ่นกันหมด

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Good Morning Alchi

          เช้านี้ที่อัลชิ เป็นเช้าที่อากาศกำลังเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใส ผมเดินขึ้นไปดาดฟ้าของโรงแรมเพื่อมองไปรอบ ๆ เห็น Alchi Choskor Monastery อยู่ห่างไปไม่ไกล เลยลองเดินไปสำรวจดู ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเต็มไปด้วยสีเขียวจากใบของต้น poplar สลับกับสีชมพูของดอกแอปริคอตที่บานสะพรั่งไปทั่วหุบเขา คงเป็นช่วงเวลาที่ Alchi งดงามและมีชีวิตชีวาที่สุดในรอบปี ผมนึกภาพและจินตนาการไปตามคำบอกเล่าของ Mr.Stobdan

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Alchi Choskor Monastery


เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          ราวเกือบ 9 โมง พวกเราเดินออกไปเจอเด็กนักเรียนที่กำลังรวมกลุ่มกันอยู่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน ทุกคนวุ่นอยู่กับการถ่ายภาพเด็ก ๆ อยู่พักใหญ่จนกระทั่งรถโรงเรียนมาถึง ได้เวลาที่พวกเราต้องโบกมือลาเด็ก ๆ และหมู่บ้านที่น่ารักแห่งนี้แล้ว ระหว่างทางกลับเลห์เราจะแวะเที่ยวที่ Likir Monastery และจุดชมวิวแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำซานสการ์และแม่น้ำสินธุ ที่มาบรรจบกันอย่างสวยงาม

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

Likir Monastery

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

เลห์-ลาดักห์

          จุดชมวิวแม่น้ำซานสการ์และแม่น้ำสินธุ

เลห์-ลาดักห์

          ผมกลับถึงเลห์ด้วยความรู้สึกตรงกันข้ามกับตอนที่เพิ่งมาถึง ความสนุกตื่นเต้นที่เคยมีไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว มันเป็นความรู้สึกหวิว ๆ ที่รู้ว่าอีกไม่นาน เราก็จะต้องกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง เข้าใจแล้วล่ะครับว่าทำไมเค้าถึงเรียกที่นี่ว่าสวรรค์หรือดินแดนแห่งความฝันกัน

          คืนสุดท้ายนี้...พวกเราทั้ง 4 คน นั่งพูดคุยและแลกรูปกันดู พูดถึงช่วงเวลาและหัวเราะให้กับเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา

          ถ้าอุปกรณ์บันทึกภาพเป็นสิ่งที่ใช้บันทึกความงามของสถานที่ หัวใจเราก็คงมีหน้าที่บันทึกความรู้สึก และประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับ พวกเราพบว่าความงามของลาดักห์นั้นไม่ใช่แค่ทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา รอยยิ้มของผู้คน และมิตรภาพเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง 9 วัน เป็นอีกความงดงามที่หัวใจของพวกเราสัมผัสได้จากที่นี่

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          เฟซบุ๊ก blue.eyes.photo.graphic

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณเมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก blue.eyes.photo.graphic


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หลงเสน่ห์ หลงรัก เลห์-ลาดักห์ ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ อัปเดตล่าสุด 19 ตุลาคม 2561 เวลา 17:25:17 24,460 อ่าน
TOP