ต้องขอปรบมือดัง ๆ ให้กับเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งเมืองที่ดีที่สุดในโลกจากนิตยสาร ทราเวล แอนด์ เลเซอร์ (Travel+Leisure) มาครอบครองไว้ได้ในปีนี้ ซึ่งเราก็คงไม่ปฏิเสธ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเมืองเกียวโตนั้นไม่ได้งดงามแค่เพียงธรรมชาติ แต่ยังมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของญี่ปุ่นแฝงไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอพาไปเที่ยวเกียวโตกันบ้าง ไปลองส่องดูสิว่าเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง
1. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต
ก่อนที่จะไปเที่ยวในเมืองเกียวโต ก็ต้องมาทำความรู้จักกับเกียวโตให้มากขึ้นอีกสักนิด โดยการเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต ซึ่งจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองเกียวโต ประกอบไปด้วยโซนแกลลอรี่ของงานวิจิตรศิลป์และงานหัตถกรรม, ห้องฉายภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เกียวโต และห้องเก็บภาพยนตร์ ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสีแดงและสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันออกที่ก้าวเข้ามาในญี่ปุ่นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.30 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 500 เยน (ประมาณ 138 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) นักศึกษา 400 เยน (ประมาณ 111 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) และนักเรียนชมฟรี (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
2. ปราสาทนิโจ (Nijo-jo Castle)
ปราสาทนิโจ เป็นโบราณสถานที่สำคัญของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่โชกุน Tokugawa Ieyasu ในช่วงปี ค.ศ. 1542-1616 และยังเป็นที่พักตลอดช่วงการปกครองญี่ปุ่นกว่า 260 ปี ของตระกูลท่านอีกด้วย ปราสาทแห่งนี้ล้อมรอบด้วยคูเมืองและกำแพงหินที่งดงาม มีประตูบานใหญ่ที่หนักอันเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว บริเวณโดยรอบตกแต่งเป็นสวนตามสไตล์ญี่ปุ่น มีทั้งต้นพลัมและต้นเชอร์รี ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะมีดอกเชอร์รีสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน เปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 08.45-17.00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับคนทั่วไป 600 เยน (ประมาณ 166 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
3. วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple)
วัดคิโยมิสึเดระ หรือที่เราเรียกกันว่า "วัดน้ำใส" เป็นวัดที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต ด้วยตั้งอยู่บนภูเขาสูง ที่สามารถมองเห็นเมืองเกียวโตทั้งยามกลางวันและยามกลางคืนได้อย่างงดงาม มีอาคารที่ยื่นตัวออกไปจากหน้าผาด้วยเสาไม้ค้ำยันยาว 13 เมตร มีโครงสร้างอันโดดเด่น หลังคาสร้างขึ้นจากเปลือกไม้ฮิโนะคิ มีลักษณะโค้งไปถึงด้านหลังของระเบียง นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมากราบไหว้ขอพร และชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตกันที่นี่ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน แสงไฟจากตึก อาคารบ้านเรือนในกรุงเกียวโตจะแข่งกันส่องแสงระยิบระยับงดงาม เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับคนทั่วไป 300 เยน (ประมาณ 83 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) และเด็ก 200 เยน (ประมาณ 55 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
4. วัดคินคะคุจิ หรือวัดทอง (Kinkaku-ji Temple)
หากค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโต ชื่อของวัดคินคะคุจิหรือวัดทองก็จะปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ พร้อมกับภาพของปราสาทสีทองที่ตั้งอยู่กลางน้ำ เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของวัดคินคะคุจิ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่จะพลาดไม่ได้ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นที่พักแก่โชกุนอะชิคะงะ โยะชิมิสึ ในช่วงปี ค.ศ. 1358-1409 ซึ่งหลังจากการสละราชอำนาจ ปราสาทแห่งนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นวัดในนิกายเซน โดยมีการทำนุบำรุงให้ยังคงมีสภาพเดิมทุกประการ ภาพของปราสาทสีทองสะท้อนลงสระน้ำใสรอบข้าง และล้อมรอบไปด้วยสวนสวยอันร่มรื่น เป็นสิ่งที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับคนทั่วไป 400 เยน (ประมาณ 111 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) และเด็ก 300 เยน (ประมาณ 83 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
5. วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple)
เดิมที่แห่งนี้เป็นบ้านของตระกูลฟุจิวะระ แล้วได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นวัดพุทธในปี ค.ศ. 1052 โครงสร้างของวัดนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1053 และยังคงรักษาทุกอย่างไว้เหมือนเดิมจนถึงปัจจุบัน ตัวอาคารหอหลักมีลักษณะคล้ายนกกางปีก โดยมีสระน้ำอยู่ด้านหน้าอาคาร ซึ่งหากมองภาพสะท้อนจากผิวน้ำอาคารแห่งนี้ก็จะงดงามในอีกรูปแบบ และภาพความสวยงามนี้ก็ได้ไปปรากฏอยู่บนด้านหลังเหรียญ 10 เยน อีกด้วย วัดเบียวโดอินเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. (ไม่เสียค่าใช้จ่ายหลังจาก 17.15 น.) อัตราค่าเข้าชมสำหรับคนทั่วไป 600 เยน (ประมาณ 166 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
6. อาราชิยาม่า (Arashiyama)
อาราชิยาม่า เป็นพื้นที่ป่าเขาที่อยู่นอกเมืองเกียวโต มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงาม จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเห็นบรรยากาศป่าเขาที่แท้จริงของเกียวโต พื้นที่แห่งนี้ประกอบด้วยภูเขาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้นานาชนิด แม่น้ำไหลเย็น โบราณสถาน และโบราณวัตถุในยุคโบราณของญี่ปุ่น สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอาราชิยาม่าก็คือ "สวนไผ่สีเขียว" ที่ขึ้นเรียงรายเป็นระเบียบ นอกจากนี้พื้นที่แห่งนี้ยังสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และชมดอกเชอร์รีสีชมพูในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานไปรอบ ๆ หรือเลือกที่จะนั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำเพื่อเสพบรรยากาศที่สวยงามก็ได้เช่นกัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
7. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari-taisha Shrine)
ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูล Hata ในช่วงศตวรรษที่ 8 เพื่อถวายแด่เทพเจ้าอินาริหรือเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามายังวัดแห่งนี้ก็คือ ประตูไม้โทริอิ (Torii gates) มากกว่า 5,000 ประตู ตั้งเรียงรายกันเป็นทางยาวไปจนถึงหุบเขาทางด้านหลัง ซึ่งสีแดงสดของมันก็ทำให้เกิดภาพที่งดงาม เป็นสถานที่ที่ช่างภาพมืออาชีพต้องมากดชัตเตอร์กันให้ได้สักครั้ง เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00-18.30 น. (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
8. เกียวโต ทาวเวอร์ (Kyoto Tower)
เกียวโต ทาวเวอร์ เป็นอาคารที่สูงที่สุดในกรุงเกียวโต เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในรูปแบบทันสมัยของเมืองอีกหนึ่งอย่างเลยทีเดียว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองเกียวโตจะเต็มไปด้วยวัดวาอาราม ศาลเจ้า และธรรมชาติ เมื่อมีเกียวโต ทาวเวอร์ จึงทำให้เมืองมีความศิวิไลซ์มากยิ่งขึ้น ตึกแห่งนี้สูงถึง 131 เมตร สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1964 เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความงดงามของเมืองเกียวโตได้ที่ชั้นบนของอาคาร ซึ่งมีความสูงราว 100 เมตร สามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว ซึ่งในวันที่ฟ้าสดใสจะมองเห็นเมืองเกียวโตได้อย่างงดงามทั้งในยามกลางวันและค่ำคืน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ราคาค่าเข้าชมคนละ 750 เยน (ประมาณ 208 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
9. วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji Temple)
วัดเรียวอันจิสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1450 โดยโชกุนโฮะโซะคะวะ คัตสึโมะโตะ มีชื่อเสียงมากในเรื่องสวน ด้วยวัดแห่งนี้รายล้อมไปด้วยสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดเรียกว่า "ฮิระนิวะ" สวนแห่งนี้ไม่มีเนินหรือสระน้ำ มีเพียงทราย กรวด หิน และหญ้าเป็นหย่อม ๆ เป็นการแสดงถึงความเรียบง่ายและความกลมกลืนของหลักปฏิบัติในการนั่งสมาธิแบบเซน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินชมรอบ ๆ วัด พร้อมกับการเสพบรรยากาศที่ร่มรื่น เงียบสงบ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับชีวิตได้ด้วย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. (เดือนมีนาคม-พฤศจิกายน) และตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 500 เยน (ประมาณ 138 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) และเด็ก 300 เยน (ประมาณ 83 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kyoto.travel)
10. ย่านชินเคียวโกคุ (Shinkyogoku Shopping Street)
มาถึงญี่ปุ่นทั้งทีจะให้มาเที่ยววัดอย่างเดียวก็คงไม่ครบรสชาติ มันต้องจับจ่ายใช้สอยเอาเงินออกจากกระเป๋ากันบ้าง ซึ่งในกรุงเกียวโตมีแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งก็คือย่านชินเคียวโกคุ เป็นย่านที่ค่อนข้างคับคั่งไปด้วยผู้คน เพราะมีร้านค้าขายของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ สินค้าเย็บปักถักร้อยสไตล์ญี่ปุ่น ไปจนถึงร้านอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มมากมาย ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่สินค้าราคาถูกเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าแบรนด์เนมดังระดับโลกอีกด้วย ใครที่ต้องการซื้อขนมญี่ปุ่นกลับมาเป็นของฝากก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่เช่นกัน ไปที่นี่ที่เดียวได้ซื้อของครบทุกอย่างแน่นอน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
หากใครมีโอกาสได้ไปสัมผัสเกียวโตสักครั้ง ก็ลองแวะไปเยี่ยมเยียนที่เที่ยวเหล่านี้กันได้ รับรองได้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโตจะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นไปอีกนานเท่านาน