แวะไปท่องเที่ยวหน้าฝน ชมความสวยงามในระยะเริ่มต้นความชุ่มฉ่ำของผืนป่ายามสายฝนโปรยปราย กับ 10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝนสุดมัน
วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวหน้าฝนกัน ก็แหม...ช่วงเวลาที่สายฝนโปรยปรายลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับผืนป่า ถือเป็นช่วงที่นักเดินทางผู้หลงใหลความเขียวขจีของธรรมชาติหลาย ๆ คน อยากออกเดินทางไปสัมผัสกับความงามเหล่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวม 10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน จากทั่วไทยมาแนะนำกัน ลองไปดูว่ามีที่เที่ยวหน้าฝนที่ไหนบ้างให้ได้ไปตะลุยความสดชื่นกันบ้าง โดยเริ่มที่....
1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางการเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีทั้งเส้นทางเดินป่าระยะสั้นและ เส้นทางเดินป่าประเภทท่องไพร โดยสามารถสอบถามรายละเอียดการเดินป่าและติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สำหรับเส้นทางเดินป่าประเภทไม่พักแรม (Hiking trail) มีอยู่ 6 เส้นทาง อยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มีระยะทางตั้งแต่ 1-5 ชั่วโมง ได้แก่
1. เส้นทางดงติ้ว-มอสิงโต ระยะทาง 2 กิโลเมตร ผ่านป่าดงดิบเลียบริมห้วย มีไม้ใหญ่ที่เป็นจุดเด่นคือต้นสมพงขนาดยักษ์ มีพูพอนสูงท่วมหัวคน
2. เส้นทางสายดงติ้ว-หนองผักชี ระยะทาง 4 กิโลเมตร ทางช่วงแรกใช้ทางเดียว-กับเส้นมอสิงโต ผ่านป่าดงดิบที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์ ไปจนไปถึงหอดูสัตว์หนองผักชี
3. เส้นผากล้วยไม้-เหวสุวัต ระยะทาง 3 กิโลเมตร ทางเลียบริมห้วยริมทางมีเห็ดมากมายหลายชนิด อาจได้พบสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ริมน้ำ เช่น กิ้งก่ายักษ์หรือตะกอง และนาก
4. เส้นทางกิโลเมตรที่ 33-หนองผักชี ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ทางผ่านป่าดงดิบที่มีต้นไม้ใหญ่หลายคนโอบ เช่น ไทร, หว้า, กะเพราต้น และเถาวัลย์ มากมายหลายชนิด
5. เส้นทางวังจำปี-หนองผักชี
6. เส้นทางกองแก้ว-เหวสุวัต
ส่วนผู้สนใจเส้นทางเดินป่าระยะไกล (Trekking trail) จะต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนเข้า อีกทั้งเส้นทางนี้ต้องมีการพักแรมในป่าที่ใช้เวลาค้างคืนตั้งแต่ 1-3 คืน ได้แก่
1. เส้นทางเขาสมอปูน ซึ่งเป็นภูเขาหินปูนที่สูง 805 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง บนสันเขาเป็นที่ราบสลับกับ ป่าโปร่ง ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เน้นการเดินทางเพื่อชมดอกไม้ป่า เช่น หงอนไก่, กระดุมเงิน, หญ้าข้าวก่ำ เริ่มต้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ชญ.12 (เนินหอม) เดินไต่ระดับความสูงแล้วลัดเลาะไปตามหน้าผา ผ่านลานสุริยัน, ทุ่งพรหมจรรย์, น้ำตกหินดาด, น้ำตกบังเอิญ, น้ำตกเหวอีอ่ำ และสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ชญ.10 (ประจันตคาม) ใช้เวลาเดินทาง 4 วัน 3 คืน
2. เส้นทางคลองปลากั้ง-น้ำตกวังเหว-รอยเท้าไดโนเสาร์-แก่งหินเพิง เริ่มต้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ชญ.4 (คลองปลากั้ง) ไต่ระดับความสูงขึ้นความสูงขึ้นสันกำแพง จะพบพื้นที่ราบบนหลังแปที่มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่แซมด้วยดอกไม้ป่า กล้วยไม้ป่า ต่อจากนี้ก็จะพบน้ำตกวังเหว ไปตามลำธารประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบรอยเท้าไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อที่ชัดเจนบนโขดหินออกจากป่าดงดิบถึง แก่งหินเพิง ซึ่งสามารถล่องแก่งในระยะ 3 กิโลเมตร มาขึ้นฝั่งที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขญ 9 (ใสใหญ่) ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน
นอกจากนี้ยังมีเช้าไป-เย็นกลับ หรือพักแรม 1 คืนก็ได้ เส้นทางน้ำตกนางรอง–ศูนย์ฝึกอบรมกรมป่าไม้เขาใหญ่ เส้นทางบ้านคลองเดื่อ–เขาแหลม-เหวสุวัต เส้นทางโป่งตาลอง-น้ำตกผาด่านช้าง น้ำตกผามะนาวยักษ์-น้ำตกไทรคู่-น้ำตกผากกระชาย ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เส้นทางกลุ่มน้ำตกในตำบลบุฝ้าย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ระยะทางประมาร 20 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เส้นทางซับใต้เหวกระถิน-เขาสามยอด (สอบถามข้อมูลเพิ่่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งช่ติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 088 756 4940)
2. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
กิ่วแม่ปาน ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับนักเดินป่าทั่วไทยที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสความสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งที่นี่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เชิงนิเวศวิทยาด้วยการชมป่าดิบแบบสมบูรณ์และพื้นที่ป่าถูกทำลาย เพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่า และด้วยทัศนียภาพสวยงามท่ามกลางไอหมอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง จนได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2545
สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแบบสั้นเดินเป็นวงกลม ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเดินที่ผ่านแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ช่วงแรกเป็นป่าดิบชื้น ที่เต็มไปด้วยพันธุ์มอส เฟิร์นนานาชนิด และฝอยลม ซึ่งในช่วงหน้าฝนจะถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวและอากาศที่หนาวเย็น จากนั้นจะผ่านป่าดิบเขาและเข้าสู่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ สุดปลายทางที่ทุ่งหญ้าบนเนินที่ดารดาษด้วยดอกไม้ตามพื้น เช่น หนาดเขาสีขาวเป็นตุ่ม ๆ ส้มแปะ และดอกไม้ป่าสีเหลือง สีม่วง หอขาวอีกหลายชนิด เช่น บัวทองอินทนนท์, ไวโอเล็ต เป็นต้น
เมื่อเข้าใกล้ส่วนหน้าผาจะพบต้นกุหลาบพันปีสีแดงพันธุ์ไม้หายาก
แถมเป็นพระเอกของเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
ซึ่งส่วนใหญ่จะผลิดอกเบ่งบานในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม
จากนั้นวกกลับเข้าสู่ป่าดิบเขาอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่ต้องเดินลงลำห้วยแม่ปาน
แล้วเดินเข้าสู่เขตอุทยานฯ เช่นเดิม
ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน หรืออุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทรศัพท์ 097 984 0466)
ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน หรืออุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทรศัพท์ 097 984 0466)
3. อุทยานแห่งชาติป่าพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวจะใช้เวลาเดินทางเที่ยวเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน กับเส้นทางเดินป่าในช่วงเวลาท่องเที่ยวที่แนะนำคือช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคมของทุกปี (สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติพุเตย โทรศัพท์ 035 446 237)
4. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ในท้องที่อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้น ทางอุทยานได้จัดทำทางเดินเท้าสำหรับเที่ยวชมธรรมชาติในป่าไว้หลายสาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้ชอบเดินป่าสามารถชมธรรมชาติได้ทั่วถึง โดยก่อนการเดินทางทุกครั้งนักท่องเที่ยวจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทราบก่อน เพื่อความปลอดภัย โดยแบ่งเส้นทางออกเป็น 3 เส้น ดังนี้
เส้นทางเดินสายที่ 1 มีระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากทางแยกใกล้ที่ทำการอุทยานฯ โดยระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิด และอาจจะพบสัตว์ป่าหายากหลายชนิดโดยเฉพาะในฤดูฝนจะพบรอยช้างจำนวนมาก เส้นทางนี้วนกลับออกมาสู่บริเวณทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
เส้นทางเดินสายที่ 2 เริ่มจากทางเดินตรงข้ามที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ผ่านป่าเต็งรัง, บ่อดินโป่ง ซึ่งจะมีช้าง, กวาง และสัตว์ป่าอื่น ๆ เข้ามาหากินอยู่เสมอ ซึ่งจะเดินผ่านใจกลางอุทยานฯ และเมื่อเดินไปจนสุดทางจะเป็นสวนสน และเมื่อถึงเนินภูกุ่มข้าวจะเห็นยอดสนในบริเวณสวนสนอยู่ในระดับสายตาเป็นแนว ติดต่อกันกว้าง 360 องศา ทางสายนี้จะไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ นน.4 (ซำบอน) ระยะทางรวมประมาณ 8 กิโลเมตร
และเส้นทางที่ 3 จุดเริ่มต้นอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 800 เมตร เป็นทางเข้าชมป่าสนหรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า "ป่าแปก" สามารถชมต้นสนขึ้นเรียงรายอยู่เป็นระยะ ๆ และอาจจะได้พบช้างป่า กวางป่า เก้ง รวมทั้งรอยเท้าเสือด้วย นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวยังมีเส้นทางเดินป่าระยะไกลอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางพิชิตยอดภูผาจิต ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 15 กิโลเมตร, เส้นทางเที่ยวถ้ำห้วยประหลาด ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 15 กิโลเมตร และ เส้นทางเที่ยวป่าผาล้อม-ผากลอง ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร (สอบถามข้อมูลเเพิ่มเติมได้ที่ อทยานแห่งช่ติน้ำหนาว โทรศัพท์ 081 962 6236)
5. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมือง อำเภอปราณบุรี และอำเภอสามร้อยยอด ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและสวยงาม พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ซึ่งเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติก็มีหลายเส้นทาง ตั้งแต่ระยะทางประมาณ 800 เมตร ถึง 3,000 เมตร เส้นทางไม่สูงชันมากนัก
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kuiburinationalpark.blogspot.com และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี โทรศัพท์ 032 646 292 หรือ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยควรติดต่อผู้นำเที่ยวก่อนล่วงหน้า เพื่อจะอธิบายให้เห็นถึงคุณค่าของพันธุ์ไม้นานาพรรณที่มีประโยชน์ทั้งคนและสัตว์ป่า
6. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย-ลาว สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจของที่นี่คือ "ลานสนสามใบภูสอยดาว" เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 1,000 กว่าไร่ เป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาวที่มีพื้นที่เป็นลานสนสามใบ จะเป็นเนินสูงต่ำสลับกันไป
สำหรับเส้นการเดินทางไปเที่ยวลานสนสามใบภูสอยดาวจะต้องเดินทางเท้าจากน้ำตกภูสอยดาวริมเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1268 จากจุดเริ่มต้นสู่ยอดภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง โดยระหว่างทางเดินจะเห็นสภาพป่าที่สมบูรณ์และสวยงาม ซึ่งยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวคือช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี
ส่วนบริเวณกลางทุ่งหญ้า มีดอกไม้ป่าขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เช่น ดอกหงอนนาค (ดอกสีม่วง), ดอกสร้อยสุวรรณา (ดอกสีเหลือง) และดอกหญ้ารากหอม (ดอกสีม่วง) ส่วนในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิต่ำประมาณ 1-5 องศาเซลเซียส โดยมีดอกกระดุมเงิน, กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลสีแดง นอกจากนี้ยังมี "น้ำตกสายทิพย์" เป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงประมาณ 5-10 เมตร มีชั้น 7 ชั้น ซึ่งในฤดูฝนน้ำจะไหลแรงมองดูสวยงามมากและมีน้ำไหลตลอด สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมาก จึงมีมอสสีเขียวขึ้นปกคลุมทั่วไปตามก้อนหินริมน้ำ ช่วยสร้างความงามให้ยิ่งมากขึ้นไปอีก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทรศัพท์ 095 629 9528, 091 024 7633
7. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง กับเส้นทางการเดินป่าที่น่าสนใจ เช่น ป่าผลัดใบหรือป่าเบญจพรรณ, ป่าดิบแล้ง, ป่าดิบเขา และป่าที่โดดเด่นที่สุดบนภูหลวง คือป่าสนสองใบ, สนสามใบ และทุ่งหญ้าตามพื้นที่ราบ เนินเขา และลานหิน
สำหรับเส้นทางเดินสำหรับศึกษาธรรมชาติบนภูหลวงนั้นจะเป็นเส้นทางเดินต่อเนื่องกัน
โดยเริ่มจาก "โหล่นมน" ซึ่งเป็นบริเวณที่พักนักท่องเที่ยว ผ่านป่าดงดิบ
ลำห้วยป่าสนสามใบ และดอกไม้สลับทุ่งหญ้าระยะทางประมาณ 2.3 กิโลเมตร ถึง
"โหล่นสาวแยงคิง" จากนั้นไปเป็นเส้นทางเดินไปยัง "โหล่นหินแอ่วขัน"
ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านลานดอกไม้ป่าหลายชนิด
ก่อนจะเดินทางไปสู่ลานหินโหล่นแต้ ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร
สถานที่สำคัญในการค้นพบกุหลาบขาว และกล้วยไม้ป่าต่าง ๆ
แถมบริเวณนี้ยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ของภูหอ, ภูกระดึง, ภูยองภู
และภูขวางอีกด้วย
ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง หรือ เว็บไซต์ phuluang.net โทรศัพท์ 042 801 955
8. อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่านทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง หรือ เว็บไซต์ phuluang.net โทรศัพท์ 042 801 955
สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2551 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติภาคเหนือ ตั้งอยู่ในตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน และ 8 อำเภอในจังหวัดน่าน คืออำเภอเฉลิมพระเกียรติ, อำเภอท่าวังผา, อำเภอปัว, อำเภอเชียงกลาง, อำเภอทุ่งช้าง, อำเภอบ่อเกลือ, อำเภอสันติสุข และอำเภอแม่จริม สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ ได้แก่ ชมพูภูคา จัดไว้ 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางแรกคือศึกษาธรรมชาติดอกชมพูภูคา มีทั้งเส้นรอบใหญ่ระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง และเส้นทางรอบเล็กระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งจะพบพันธุ์ไม้ที่หายากและพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่น สมุนไพร เป็นต้น
เส้นทางที่ 2 คือการเดินทางชมป่าดึกดำบรรพ์ (ดอยดงหญ้าหวาย) ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชั่วโมง เป็นแหล่งดูนก
ที่มีนกไต่ไม้สีสวยที่พบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยนกชนิดต่าง ๆ
และผีเสื้อนานาพันธุ์ด้วย (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โทรศัพท์ 054 731 623)
9. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จังหวัดเลย
จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก
อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์การสู้รบในอดีต
ที่ยังคงเหลือร่อยรอยให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาอีกด้วย
สภาพโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนปกคลุมไปด้วยป่าไม้ 3 ชนิด คือ
ป่าเต็งรัง, ป่าดิบเขา และป่าสนเขา
สำหรับเส้นทางเดินป่าของที่นี่น่าสนใจตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและด้านประวัติศาสตร์
ส่วนเส้นทางการเดินป่าของที่นี่มีลักษณะเดินเป็นวงรอบ มีดอกไม้ป่าสวยงามผลิดอกชูช่อต้อนรับฤดูฝนอย่างสวยงาม และสามารถชมความงามของดอกกุหลาบขาวซึ่งจะบานพร้อมกันในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน จากนั้นจะเดินทางไปบริเวณลานหินปุ่มและลานหินแตก เพื่อชมความสวยงามแปลกตาของลานหินเอาใจผู้ที่สนใจด้านธรณีวิทยา และปิดท้ายด้วยการเดินเท้าไปชมน้ำตกหมันแดง ซึ่งถือเป็นทริปเดินป่าเขตร้อนที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน ก็สามารถชมชื่นชมความหลากหลายทางธรรมชาติ และความสวยงามได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 081 596 5977)
10. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์
1. เส้นทางศึกษาป่าเบญจพรรณและสัตว์ป่า ที่จะพบสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ออกมาหากิน รวมทั้งสามารถชมพันธุ์ดอกไม้ป่าหายาก
2. เส้นทางเที่ยวชมทุ่งนางพญา ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นา ประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นทุ่งหญ้าที่แวดล้อมด้วยป่าสนสองใบสลับกับป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง รวมทั้งสามารถชมกล้วยไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ต้นสน เช่น เอื้องชะนีและเอื้องคำปากไก่ ซึ่งออกดอกในฤดูร้อน
3. เส้นทางแก่งวังน้ำเย็น ห่างจากที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นาประมาณ 7 กิโลเมตร เส้นทางเดียวกับทุ่งโนนสน แต่จะแยกทางเข้าไปอีก 500 เมตร ซึ่งระหว่างเส้นทางเดินจะพบสภาพป่าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากทุ่งหญ้า เป็นป่าสนและป่าเบญจพรรณ นอกจากนี้ยังสามารถชมความสวยงามของ แก่งวังน้ำเย็น แก่งหินขนาดใหญ่ยาวหลายร้อยเมตร อีกทั้งยังเป็นสถานที่ค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดและผีเสื้อหายาก เช่น ผีเสื้อถุงทองป่าสูง ผีเสื้อหนอนคืบสไบแดง และนกนานาชนิด (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทรศัพท์ 088 756 4940)
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่เพื่อน ๆ สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ในช่วงฤดูฝน ว่าแล้วอย่ารอช้าลองเลือกสักเส้นทางแล้วแพ็กกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวให้ใจเย็นฉ่ำกันดีกว่า
หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, , เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้า , เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง