เรียกได้ว่า "ฮ่องกง" ยังได้รับความนิยมเสมอในการออกเดินทางไปท่องโลกกว้าง อาจเพราะเดินทางสะดวก ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานจนเกินไป มีแหล่งช้อปปิ้ง มีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ รอต้อนรับอยู่มากมาย รวมถึงตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรม ประเพณีวัฒนธรรม และอาหารการกินที่น่าลิ้มลอง ทั้งหมดนี้คือเหตุผลเพียงเล็กน้อยที่ทำให้ใครหลายคนอยากไปเที่ยวฮ่องกง เอาเป็นว่าลองตามบันทึกการเดินทางของ คุณคุมะง่วงนอน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปตะลุยเที่ยวฮ่องกงกันดีกว่า
+++++++++++++++
"แก...อยากไปเที่ยวฮ่องกง""ฮ่องกงมันมีอะไรอะแก ?"
"นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไร"
ก่อนตัดสินใจไปเที่ยวฮ่องกงเจอคำถามที่ว่า "ฮ่องกงมีอะไรให้เที่ยว" ... "ฮ่องกง...มีอะไรอะ" ... "ไปทำไมอะ มันมีอะไรเหรอ"
เอาจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่าฮ่องกงมีอะไร นอกจากที่ช้อปปิ้ง ช้อปปิ้ง และช้อปปิ้ง ก่อนเดินทางเราก็หาข้อมูลจาก Google อ่านประวัติศาสตร์ฮ่องกง เฮ้ย ! ไม่ขนาดนั้น อ่านข้อมูลของฮ่องกง อ่านรีวิวเกือบทุกอัน หลัก ๆ ก็หาข้อมูลจากพันทิป (ต้องขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่รีวิวเกี่ยวกับฮ่องกงนะคะ เราได้ข้อมูลมาเยอะมากจริง ๆ ^^) หาข้อมูลไป หาข้อมูลมา...ฮ่องกงแอบชิคอะ ไม่ได้มีแค่แหล่งช้อปปิ้งนะ คิดได้อย่างนั้นก็ไปหลอกล่อเพื่อนให้เป็น Buddy ร่วมเดินทาง เพื่อนก็ว่านอนสอนง่าย "ไป ๆ แกไป จองตั๋วเลย" ตกลงกันได้
เราได้วันเดินทางคือวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมานี้เอง แบ่งงานกับเพื่อนว่าใครทำอะไร ยังกับทำ thesis จบแหนะ ฮ่า ๆ
ด้วยความที่เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ Journey ชอบเล่ายาว ๆ เฟื้อย ๆ ชอบขีด ๆ เขียน ๆ เพื่อน ๆ หลายคนก็บอก "แกไปแล้วมาทำรีวิวให้ด้วย" ... "แกไปแล้วมาเล่าด้วยนะ" ... "เดี๋ยวฉันถามข้อมูลกับแกนะ" เราขี้เกียจเล่าหลายรอบทำรีวิวซะเลยก็แล้วกันนะ จะได้อ่านเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันถ้วนหน้า ฮ่า ๆ มา....เริ่มการเดินทางกันเลยดีกว่า
เราเจอตั๋วโปรโมชั่นของ Cathay Pacific ด้วยความที่ Cathay ติด Top สายการบินที่เริดหรูบริการดีเยี่ยมเลยนะ แถมเจอตั๋วโปรฯ กดจองรัว ๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้ราคาโปรโมชั่นที่ 6,900 บาทถ้วน เพื่อนเรารับหน้าที่ซื้อตั๋ว Disneyland, Sky100 จาก Agency ไทย ได้ราคา Disneyland 1,860 บาท Sky100 480 บาท (ส่วนนองปิงเล่าแล้วน้ำตาจะไหล เราซื้อตั๋วจากไทยไปในราคา 800 บาท แต่ไม่ได้นั่ง เขาปิดปรับปรุง ฮือออออออ ก็เลยขายต่อแบบลดราคาไป ขอไม่นำราคานี้มาคิดในทริปนะคะ) มัดจำค่าที่พักส่วนแรกจ่ายผ่าน PayPal ไป 1,540 บาท (ส่วนที่เหลือไปจ่ายที่ฮ่องกง 2,247 บาท อันนี้เราคิดรวมในราคาเงินที่แลกไปเลย แต่มาแจงรายละเอียดให้เฉย ๆ ค่ะ) เงินที่แลกไป 12,600 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน 6,900 บาท
ค่าตั๋ว Disneyland 1,860 บาท
ค่าตั๋ว Sky100 480 บาท
ค่ามัดจำค่าที่พัก 1,540 บาท
เงินที่แลกไป 12,600 บาท (รวมในค่าที่พักอีกครึ่งหนึ่งที่ไปจ่ายที่ฮ่องกง 2,247 บาท)
รวมเป็นเงินทั้งหมด 23,380 บาทถ้วน ไม่มีรูดบัตรเครดิตเพิ่มค่ะ
สำหรับ Guide Book เที่ยวเราทำขึ้นมาเอง โดยได้ไอเดียจากเพื่อน เพื่อนบอกว่า "แก ๆ ทำประมาณนี้ ทำเหมือนที่ฉันเคยทำตอนไปสิงคโปร์" หน้าตา Guide Book ฉบับทำมือก็เลยได้มาหน้าตาแบบนี้ (ใครสนใจขอได้นะคะ ไม่หวงเลยแม้แต่น้อย) แต่เราก็ไม่ได้ไปเที่ยวตาม Guide Book ทำมือทั้งหมด บางที่ก็ไม่ได้ไป เนื่องด้วยเราไปช่วงหน้าฝน ตั๋วเครื่องบินราคารับได้ก็จริง แต่ก็ต้องแลกกับบางสถานที่เที่ยวที่อยากไป แต่ไม่ได้ไป เช่น มาเก๊า เป็นต้น เพราะพายุเข้า ฝนตก ถ้าเราไปมาเก๊ากลัวลำบาก ต่างบ้านต่างเมืองด้วย ถามว่าเสียดายไหม ? ก็เสียดายนะคะได้เดินทางทั้งทีแต่ไม่ได้ไป แต่ถ้าอันไหนที่มันลำบากมากจนเกินไปเราก็ทำใจและยอมรับ ค่อย ๆ แก้ปัญหาไป และที่สำคัญเราต้องดูแลตัวเราเองให้ดีก่อนเป็นอันดับแรกเลย ^^
รีวิวที่พักฮ่องกง : ที่พักแสนสบายใน Hong Kong
แล้วก็เพจเราเอง : www.facebook.com/kidananjournaljourney
ไฟลท์บินของเราเช้าตรู่มาก 06.40 น. มาถึงสนามบินกันตั้งแต่ตี 4 ตอนเรียนขยันกันแบบนี้ไหมลูก ?? ฮ่า ๆๆ Check in เรียบร้อย ตอนแรกจะเดินทางไปกัน 3 คน แต่เพื่อนคนหนึ่งติดธุระกะทันหันก็เลยยกเลิกไป เหลือไปกันแค่สองคน สองสาวเล่าเรื่อง...เย่ ! ตอน Check in เราก็คุยกับเจ้าหน้าที่เรื่องขอเงินคืนกรณีเดินทางไม่ได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นตั๋วโปรโมชั่นต้องคุยกับสำนักงานใหญ่อีกที T__T เหมือนจะไม่ได้เงินคืนเลย แล้วเราก็อยากนั่งติดหน้าต่าง อยากได้วิวก้อนเมฆสวย ๆ มโนมาเต็ม ปรากฏเต็มครับอดนั่งเลย
ผ่าน ตม. มาเรียบร้อยง่ายดาย เข้า Gate สวย ๆ ไปรอ Boarding Pass
ได้เวลาเดินทางกันแล้ว อดนั่งริมหน้าต่าง ได้นั่งตรงกลางเลย เครื่องบินขาไปเป็น Airbus A330-300 ที่นั่งก็โอเค ไม่แคบ กำลังพอดี มีจอทีวีให้ดู ฟังเพลงด้วย เพลงก็ค่อนข้างอัพเดทใหม่พอสมควรเลย
บินขึ้นมาได้สักพักพี่แอร์คนสวยเริ่มแจกอาหาร แอร์คนไทยก็มีนะคะ อุ่นใจมาก ๆๆ เลย เราเลือกเมนูเป็นออมเล็ต หน้าตาแบบนี้ อาหารก็โอเคใช้ได้เลย
บินอยู่บนฟ้าสองชั่วโมงกว่า ๆ ก็ได้เวลา Landing แล้ว ขาไปตกหลุมอากาศบ่อยนิดหน่อย และคุณกัปตัน Land ไม่ค่อยนิ่ม แต่ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ นกยักษ์ลำนี้แหละที่พามาถึงฮ่องกงโดยปลอดภัย ขอบคุณนะครับ
ถึงสนามบินฮ่องกงแล้วก็เดินออกมาเลย ตามป้ายเลย Immigration ใครปวดเข้าห้องน้ำระหว่างทางเดินมีห้องน้ำฮะ ไม่ต้องเป็นห่วง เช่นเราเป็นต้น ลงเครื่องปุ๊บวิ่งหาห้องน้ำก่อนเลย ฮ่า ๆ
ผ่าน ตม. มาได้สบาย ๆๆ เขาแค่ถามว่ามาทำอะไร อยู่กี่วัน มองหน้าแล้วก็ปั๊มให้เลย ไร้ปัญหา เข้าไปรับกระเป๋าแบบสบาย ๆ ได้เลย อ้อสนามบินมี Wi-Fi ฟรีให้นะคะ ไม่ต้องห่วงเลยลงเครื่องปุ๊บติดต่อกลับที่บ้านได้เลย
แต่ก่อนจะมารับกระเป๋า Buddy เราจ้า นางเล่นมิวสิควิดีโอเพลงแรก "หมวกหายยยยยย" คือตอนจะเข้า ตม. อะค่ะ เขาให้พวกเราถอดหมวกออกแล้วก็ไม่รู้เพื่อนไปทำตกที่ไหน เดินตามหากันให้วุ่น ไปขอความช่วยเหลือจาก ตม. จีน เขาก็บอก "ไม่ได้ พวกเธอทำหายที่ไหนฉันจะไปรู้เหรอ" โอ๊ยยยยยยย ตัดความสัมพันธ์กันจังเลยค่ะพี่ ตม. ขา ช่วยเพื่อนหนูก็ไม่ได้ ปรากฏว่าพวกเราก็เดินหากันแถว ๆ นั้นแต่ไม่เจอ เพื่อนก็เซ็งรับประทานตั้งแต่ถึงฮ่องกงเลย ได้แต่ปลอบใจกันเบา ๆ ไปซื้อเอาใหม่ก็ได้เนอะเธอ
ดราม่าเพลงหมวกหายกันเสร็จก็รับกระเป๋าเรียบร้อย เดินออกมาตามป้าย To City เลยค่ะ สิ่งแรกที่เราทำคือไปซื้อซิมเพื่อเล่นอินเทอร์เน็ต พอเดินออกมาตอนแรกเราหลงไป หลงมา เลยไปถาม information ถามหาร้าน 1010 เพื่อซื้อซิมอินเทอร์เน็ต รู้แบบนี้ไปถามตั้งแต่แรกไม่ต้องเดินหลงให้เสียเวลา
ร้านนี้พอเดินออกมาปุ๊บให้ตรง ๆ ไปเรื่อย ๆ ผ่านลิฟต์ไปก็จะเจอร้านเลยค่ะ อยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามเยื้อง ๆ กันก็จะเป็น Customer Service Centre/Train ticket เอาไว้ซื้อบัตรปลาหมึกต่อไป
ร้าน 1010 เขาถามเราว่าจะอยู่กี่วัน เราก็บอกว่า 4 วัน เขาเลยแนะนำให้ ราคา 118 HKD เราก็เลยซื้อเลย คนขายที่นี่ หน้าตาดี อาตี๋จีน ฮ่า ๆ
ซื้อซิมอินเทอร์เน็ตปุ๊บเดินออกมาเยื้อง ๆ กันก็จะเจอ Customer Service Centre/Train ticket ซื้อบัตร Octopus กันบัตรมหัศจรรย์ ราคาอยู่ที่ 150 HKD ราคาบัตรมัดจำ 50 HKD อีก 100 เป็นเงินในบัตรค่ะ เราจะได้เงิน 50 HKD คืน ในวันกลับที่เราเอามาคืนที่สนามบินค่ะ แต่เราอยู่แค่ 4 วัน อยู่ไม่เต็มกำหนดจำนวน เหมือนเคยได้ยินว่าต้องอยู่ 3 เดือน ถึงจะได้เงินเต็ม 50 HKD เราได้คืนมา 47 HKD ข้อมูลตรงนี้ไม่แน่ใจ รบกวนผู้รู้แจ้งอีกทีนะคะ ^^
ซื้อบัตรปลาหมึกแล้วเราเลือกเข้าเมืองโดย Airport Express คุณสมบัติของบัตรปลาหมึกคืออะไร ? ทำไมถึงเป็นบัตรมหัศจรรย์กันนะ ? ใช้เป็นบัตรเติมเงินเดินทางโดย MTR รถบัส, ซื้อของใน 7-11, ใช้ซื้อตั๋ว The Peak, ซื้อของใน circle k ก็ได้
สำหรับที่พัก...การเดินทางเข้าที่พักเรารีวิวไว้แล้ว pantip.com/topic/33673898 ตามนี้เลยค่ะ
พอเข้าที่พักเรียบร้อยพักผ่อนสักครู่แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ แต่เราตื่นตาตื่นใจกับตึกที่อยู่ติด ๆ กัน บ้านคนฮ่องกงจะเป็นตึกติด ๆ กัน อย่างเราอยู่ฝั่งตรงข้ามก็จะมองเห็นอีกฝั่งหมดเลย ตลอดทริปที่อยู่ฮ่องกงการแอบมองเพื่อนบ้านก็เลยกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเราไปเรียบร้อย ฮ่า ๆ
ส่องเพื่อนบ้านเสร็จเพื่อนเราก็บอกว่า "เธอ ๆ ไปเที่ยวกันได้แล้วล่ะ" สถานที่เที่ยวที่แรก "วัดหว่องไท่ซิน" หรือ "วัดหวังต้าเซียน"
การเดินทางไปลงสถานี Wong Tai sin (สีเขียว) Exit B3 เดินออกมาจ๊ะเอ๋กับป้ายนี้ แล้วจะไปทางไหนหว่า อ่านก็ไม่ออก ! เพื่อนเลยบอก "เธอ ๆ ทางขวามะ ดูน่าจะเป็นไปได้ เห็นอาม่ากลุ่มนั้นไป ตามอาม่า ๆ" เพื่อนบอกแบบนั้น โอเคไปกันเลยตามอาม่าไป เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัดแน่นอน
เย่ ! มาถึงจนได้ ขอสักภาพให้กับ Buddy พ่วงตำแหน่งนางแบบและช่างภาพประจำทริป สร้างแลนด์มาร์กว่ามาถึงแล้วนะ วัดฮ่องกงที่มีคนไทยเยอะที่สุด
ตอนยกกล้องเห็นมุมนี้...เจ๋งงงงงงง (คิดเอาเอง) เป็นความงามแบบจีน ๆ ซ่อนอยู่ในตึก
มองด้านบนของวัดก็จะเห็นแบบนี้
บรรยากาศภายในวัด
เอามั่ง ๆ สักรูป...สร้างแลนด์มาร์ก !!!
แล้วก็มาไหว้ขอพรเทพเจ้าแห่งความรัก
ภายในวัดมีสถานที่ให้เดินเที่ยว เดินชมเยอะมาก ๆ แต่ช่วงเราไปเป็นหน้าฝนค่ะ ใช่เลยฝนมา ตกแป๊บเดียวก็หยุด เราก็เลยรีบเดินทางไปยังที่ถัดไปต่อ เดินออกจากวัดไป Subway ก็เจอป้ายแบบนี้ ฉากหลังเป็นตึก มันชิค ๆ ดีนะ (คิดเอาเองอีกแล้ว)
สถานที่ถัดไปก็คือ Nan Lian Garden การเดินทางไปลง MTR Diamond Hill Exit C2 (สีเขียว) แล้วเดินตามป้าย สองที่นี้จะอยู่ตรงข้ามกัน
พอออกทางออก C2 ปุ๊บก็เดินตามป้ายเลย มีป้ายบอกทางตลอดไม่หลงแน่นอนค่ะ เดินมาก็จะเจอ Nan Lian Garden เราชอบมากกกกกกกก บรรยากาศดีมาก มองไปบนฟ้าก็ครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตก แต่โชคดีที่ไม่ตก เลยใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ ๆ อ้อเข้าฟรีนะคะไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย
เขียวชอุ่ม สดชื่นนนนนนนนนนนนนนนนน
เดินมา ๆ ก็มาจ๊ะเอ๋กับตรงนี้...เจแปนมาก นึกว่าอยู่เกียวโต สวยมากอะ เป็นความงามที่ลงตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งสวย ๆ สดชื่น ๆ แบบนี้ซ่อนอยู่ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องสูง ๆ ดูในรูป ในรีวิว ไม่คิดว่าจะสวยแบบนี้ พอมาเจอของจริง ลมพัดเย็น สบาย ๆ อากาศดี สดชื่น มันได้ฟีลลิ่งจริง ๆ ค่ะ
อีกหนึ่งมุมมอง
พอเดินขึ้นบันไดมาจากตรงนี้มองลงไป โอ้โห !!! สวยอะ...ชอบ แล้วถ้าเราเดินต่อไปก็จะข้ามไปฝั่งตรงข้าม ไปยัง Chi Lin Nunnery ได้เลย ไม่ต้องเดินออกประตูข้ามถนนข้างล่าง เพราะด้านบนจะมีสะพานให้ข้ามเชื่อมถึงกันได้เลย
พอข้ามมาเสร็จปุ๊บก็จะเจอกับ Chi Lin Nunnery อันนี้ก็สวยยยยยยยยยยยยยย นี่สินะวัฒนธรรมฮ่องกง ความเป็นสถาปัตยกรรมฮ่องกง ด้านหลังเป็นภูเขา รายล้อมไปด้วยตึกสูง ๆ แหม...มันช่างกลมกล่อมเข้ากันได้ดีจริง ๆ
หลังจากชื่นชมกับความงามของสถาปัตยกรรมฮ่องกงไปแล้วก็เดินกลับค่ะ หิววววววว เดินกลับไปทางเดิม ไปห้าง Hollywood Plaza ระหว่างทางก็เจอ Taxi ฮ่องกงในตำนาน ที่เห็นในหนังฮ่องกงเห็นของจริงแล้วนะ
เดิน ๆ เข้าห้างตามหา Foodrepublic แล้วเดินตามป้ายเลยค่ะ มาฝากห้องที่นี่ก็แล้วกัน ทานตั้งแต่อยู่บนเครื่อง ลงเครื่องมายังไม่ได้ทานอะไรเลย
เราสั่งอะไรมากินก็ไม่รู้ ชี้ ๆ ดูตามรูปตามเมนู คงจะเหมือนก๋วยเตี๋ยวล่ะมั้ง เดาเอาเอง ฮ่า ๆๆ ก็โอเคพอไหว รับได้
หนังท้องตึงแล้วก็เดิน ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ช้อปปิ้งอะไร เดินผ่านเขาประกวดร้องเพลงกันพอดี ถ้าไม่เกรงใจนี่ เราคงกระโดดขึ้นเวทีโชว์เพลงไทยสักเพลงสองเพลงแล้วล่ะ...เหรอ ? ฮ่า ๆๆ อ้อการเข้าห้างเรากับเพื่อนจะเข้าห้างเพื่อไปเข้าห้องน้ำนะคะ ไม่ค่อยเน้นช้อปปิ้งกัน
จากนั้นเราก็กลับที่พักเพราะมีนัดกับเพื่อนฮ่องกง เรามีเพื่อนเป็นคนเกาหลี เพื่อนเกาหลีมีเพื่อนฮ่องกงอีกที เพื่อนเกาหลีพอรู้ว่าเราจะไปฮ่องกงก็เลยแนะนำเพื่อนฮ่องกงให้อีกที งงไหม ? ฮ่า ๆๆ นัดเจอเพื่อนที่ MTR เดี๋ยวเพื่อนจะพาไปดู Symphony of Lights
เพื่อนฮ่องกงพาไปดู Symphony of Lights อากาศก็กำลังดีแต่คนแน่นเลย เรามาช้าเกินไป ตอนแนะนำตึกต่าง ๆ เราก็ฟังไม่ออกเลย เพราะมันเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง ยืนงง...อะไรวะ ?? แต่ได้เพื่อนฮ่องกงเป็นล่ามเล่าให้ฟัง ชี้ ๆ ให้ดู แต่ก็งง ๆ ไม่เข้าใจอยู่ดี ฮ่า ๆๆ เห็นแต่ไฟวิบ ๆ วับ ๆ มองดูฝั่งตรงข้ามยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบ เอา Feel นี้ก็แล้วกัน แต่ภาพเบลอไปหน่อยค่ะ ไม่มีขาตั้งกล้อง
การเดินทางไปลงสถานี MTR Tsim Sha Tsui (สีแดง) Exit J แล้วเดินตามป้ายค่ะ มีป้ายบอกทางตลอดเลยค่ะ
พอดู Symphony of Lights จะไปต่อกันที่ Temple Street Night Market แต่เพื่อนฮ่องกงพาเดินค่ะ เพื่อนก็ถามว่าจะเดินไปหรือจะไป MTR ถ้าไป MTR ก็ต้องไปเดินต่อใน MTR ซึ่งก็ยาวเฟื้อยพอ ๆ กัน ก็เลยคุยกันว่าเอายังไงดี เลยตัดสินใจเดินไป คุยกันไป ชมบรรยากาศกันไปดีกว่า เรามารู้ทีหลังว่า Symphony of Lights มันอยู่หลังที่พักเรานี่เอง แหม...ให้เดินอ้อมตั้งไกล รู้ตอนเดินกับเพื่อนฮ่องกงจะไป Temple Street Night Market นี้แหละ ฮ่า ๆ
เดิน ๆ ไปตามทางถนน Nathan เพื่อนฮ่องกงชี้ให้ดูร้านวาฟเฟิลที่ดังและขายดี เราและเพื่อนคนไทยมองหน้ากัน...อยากลอง เพื่อนฮ่องกงก็เลยพาไปจัดให้เรียบร้อย อร่อยมาก อันนี้พิกัดเราบอกไม่ได้เลยเพราะเพื่อนฮ่องกงพาเดินอะ
เดินไป ๆ ผ่านร้านอาหารไทยด้วย เพื่อนฮ่องกงบอกอาหารไทยที่นี่แพงมากเลยนะ
Circle K เหมือน 7-11
เลือกร้านอาหารแบบ Street Food กันอยู่นาน เพื่อนเช็กราคาแต่ละร้าน ฮ่า ๆๆ ก็เลยได้ร้านนี้ อินดี้แบบสุด ๆ ฟีลลิ่งฮ่องกงมาเต็ม กลิ่นน้องแอลนี่มาเต็มมมมมมม Peak ขั้นสุด เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย มันใช่เลย !! นี่สิฮ่องกงแท้ของจริง ! ฮ่า ๆๆ
เพื่อนสั่งอาหารมาให้ทาน หน้าตาเป็นแบบนี้ รสชาติก็พอไหว แต่ไม่ได้อร่อยมาก พอกินได้ วิถีฮ่องกงกินยังไงวิถีไทยก็กินได้แบบนั้น ฮ่า ๆ
ของคาวเสร็จต่อด้วยของหวาน เพื่อนฮ่องกงแนะนำร้านนี้ บอกว่าขึ้นชื่อเด็ดสะระตี่ คนเยอะมาก คนก็เยอะจริง ๆ ค่ะ แน่นร้านเลย ต้องต่อคิวแต่ว่าแป๊บเดียวก็ได้ทานแล้ว ชื่อร้านและชื่อเมนูเราว่ามันเท่ดี ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้ อิอิ
เพื่อนฮ่องกงสั่งมาให้ทาน เขาบอกอร่อย ๆ แต่พอเข้าปากเด็กไทยสองนางเท่านั้นแหละ หันมองหน้ากัน เธอออออออออออ เธอว่ามันอร่อยไหม ? เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ เรามองตาแล้วก็รู้ใจกัน ฮ่า ๆ มันอาจจะอร่อยสำหรับคนฮ่องกงแต่มันไม่ค่อยถูกปากสำหรับเด็กไทยอย่างเรา มันเป็นรสชาติยังไงก็ไม่รู้ค่ะ บอกไม่ถูกเลย ฮ่า ๆๆ แต่เราเน้น Feeling ฮ่องกงมาเต็ม เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ก็ทานของหวานตามเจ้าภาพฮ่องกงไป
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจรับประทานของหวานแล้ว เรากับเพื่อนฮ่องกงก็แยกย้ายกันกลับ เพื่อนมาเทคแคร์เราได้แค่วันเดียววันที่เหลือเรากับเพื่อนคนไทยต้องลุยกันเอาเอง มันเป็นการเดินทางอีกแบบหนึ่งที่มีเจ้าบ้านมาต้อนรับ เราชอบนะคะ ชอบเพราะได้เห็นสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมของเขาจริง ๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน แชร์ไอเดีย เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้กันฟัง มุ้งมิ้งสนุกดีค่ะ
เพื่อนฮ่องกงชอบเมืองไทยมาก แล้วอีกสองสัปดาห์ถัดมาเพื่อนฮ่องกงก็บินมาไทย เราก็ไปเทคแคร์เพื่อนเรียบร้อยจนอีกฝ่ายประทับใจให้สิบดาวเลย เพื่อนบอกว่าตอนเราไปฮ่องกงไม่ได้พาเราไปร้านอาหารดี ๆ หรู ๆ เลย เอาไว้ไปใหม่เพื่อนจะซ่อมให้ แถมแฟนของเพื่อนฮ่องกงบอกว่าจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้เราด้วยนะ ถ้าตั๋วเครื่องบินฟรีเนี่ยเราไปแน่นอน ฮ่า ๆ
เริ่มต้นการเดินทางวันที่สอง ตอนแรกเรามีแพลนจะไป The Peak ต่อจาก Chi Lin Nunnery แต่ฝนดันกระหน่ำลงมาซะนี่ มาเก๊าก็ไม่ได้ไปก็เลยมานั่งวางแผนกันใหม่ว่าจะไปไหนต่อดี ตกลงกันอยู่นานค่อนคืน ได้ข้อสรุปว่าจะไป The Peak ต่อด้วย Avenue of Star ตามหาฝ่ามือเฉินหลง แล้วก็เดินเล่น Harbour City แถวที่พักก็แล้วกัน
ตอนเช้ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเจอร้านอาหารใกล้ ๆ ที่พัก เมนูมีภาษาอังกฤษมีรูปให้ด้วย ใช่เลยค่ะ ไม่ยากเลย อยากกินอันไหนชี้เลย ๆๆ ราคาก็ไม่แพงมาก ประมาณ 33-39 HKD เราก็สั่งมาหน้าตาแบบนี้ โอเคเลยค่ะอร่อยดีเหมือนกัน
เรากับเพื่อนนั่งทานข้าวไปสักพักก็มีหนุ่มฮ่องกงมานั่งร่วมโต๊ะด้วย เราก็เลยคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติของคนฮ่องกง ที่เวลาไปร้านอาหารแล้วนั่งโต๊ะเดียวกัน บ้านเราก็มีนะคะแต่ก็เจอไม่ค่อยบ่อย ในเช้าวันนั้นเราก็เลยมีเพื่อนร่วมโต๊ะเป็นหนุ่มฮ่องกงไปโดยปริยาย
ทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางถ่ายรูปเล่น ๆ ไปเรื่อย ๆ เห็นป้ายมันสวยดีก็เลยถ่ายรูปมา
ปะ...เราไปต่อกันที่ The Peak ดีกว่า ก่อนที่ฝนฟ้าจะคะนองกระจายเป็นหย่อม ๆ การเดินทางไป The Peak ไปลงสถานี Central (สีแดง) Exit J2 โผล่ขึ้นมาก็จะเจอสวน Charter Garden แบบนี้ มองเห็นตึกดาบเดินตรงไปเลยค่ะ ข้ามสวนไปเลย มีป้ายบอกทางตลอดไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางเลย
เดินผ่านตึกสวย ๆ มีป้ายบอกทางตลอด จะเดินเร็ว ๆ ก็ได้ หรือจะทอดน่องเดินถ่ายรูปไปชิล ๆ แบบเราก็ได้
เดินไป ๆ ทางก็ชันขึ้น ๆ โห ! นึกว่าอยู่เกาหลีซะอีกนะเนี่ย
เจออีกแล้ว Taxi ในตำนานหนังฮ่องกง ด้านหลังพี่ Taxi เป็นตึกสูง ๆ มีน้ำพุอยู่ตรงกลางก็จะเจอ Peak Tram ไปนั่งรถรางกันค่ะ
เจอแล้วไปต่อคิวซื้อตั๋วขึ้นรถรางกัน เรามีบัตรปลาหมึกอยู่ในมือ เราซื้อบัตร Peak Tram & Sky Terrace 423 ในราคา 83 HKD
ตอนนั่งรถรางขาขึ้นที่นั่งเต็มค่ะ เราได้ยืนโอ้โห O_O สูงขึ้น ๆ ชันขึ้น ๆ อยากยกกล้องมาเก็บภาพ แต่สภาพไม่อำนวย แต่ลูกทัวร์ทั้งหมดอื้อหือกันเป็นแทบ ๆ สวยค่ะ และก็ตื่นเต้นดีด้วย ฮ่า ๆ พอมาถึง The Peak เท่านั้นแหละลมเย็นสบายยยยยยยยย มองเห็นวิวของฮ่องกงหมดเลย ฟ้าไม่ค่อยเปิดมีเมฆครึ้ม ๆ แต่โชคดีที่ฝนยังไม่มา
เราใช้เวลาเดินดื่มด่ำกับความงามของฮ่องกง บวกกับเสียงคุยกันฟรุ้งฟริ้งของสาวเกาหลี ฟังออกประมาณว่าพี่คะ ๆ มาถ่ายรูปเร็ว ๆ สิคะ พี่อะ จริง ๆๆ เลยยยยยยย นึกถึงซีรีส์เกาหลีที่พากย์ไทยนะคะ เสียงเป็นแบบนั้นเลย ฮ่า ๆ บน The Peak จะมีที่ให้เขียนบอกรัก ระบายความในใจ หรืออยากเขียนอะไรเขียนได้หมดเลยค่ะ แต่เราไม่ได้เขียน เพราะจะไปแทรกตรงกลางระหว่างนักท่องเที่ยวหลาย ๆ ท่านก็ดูยากลำบากมาก เต็มแน่นเลย ไม่มีที่ว่างสำหรับเราเลย
จากนั้นสักพักฝนฟ้าเริ่มคะนองกระจาย จ้ำอ้าวสิคะงานนี้ เรากลับไปที่พักก่อนเนื่องจากจะไป Avenue of Star ต่อ เพราะอยู่ข้างหลังที่พักเรานี่เองนะ เมื่อวานเดินอ้อมโลกอยู่ตั้งนาน ขากลับบน MTR ที่นั่ง Priority Seat น่ารักมุ้งมิ้งจังเลย เรานั่งจาก MTR Central ไปลง Tsim Sha Tsui (สีแดง) Exit A1 ค่ะ ที่พักเราอยู่ย่าน Tsim Sha Tsui เลย
เรากลับมาที่พักเพื่อมากรอกน้ำ ใช่ค่ะเราหิ้วน้ำมาจากไทยสองขวด แล้วก็แบกขวดน้ำไทยนี้แหละเที่ยวตลอด 4 วัน ที่อยู่ในฮ่องกง น้ำที่นู่นขวดเท่านี้ราคาประมาณ 7-8 HKD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30.24-34.56 บาท นักเดินทางงบน้อยอย่างเราก็เลยหิ้วน้ำจากไทยไปเลยดีกว่า น้ำขวดนี้มาทิ้งอีกทีตอนถึงสนามบินจะกลับไทย ใครจะเอาวิธีนี้ไปใช้เราก็ไม่หวงนะคะ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
กรอกน้ำเสร็จฝนหยุดแล้วด้วย ลุยต่อกันเลย เราเดินเลียบ Haiphong Road หน้าที่พัก เดินไปเรื่อย ๆ จนถึง Canton road ซ้ายมือจะเป็น 1881 Heritage ขวามือจะเป็น Harbour City ระหว่างทางก็จะเจอตู้ไปรษณีย์น่ารัก ๆ ด้วยนะ
เจอ 1881 Heritage แวะเข้าไปดูหน่อยดีกว่า ในนี้จะมีนาฬิกายี่ห้อ Patek Philippe เพื่อนฮ่องกงบอกว่ายี่ห้อนี้แพงมากกกกกกกก เงินเดือนนางทั้งปีก็ซื้อนาฬิกายี่ห้อนี้ไม่ได้นะ
ถ่ายรูป ทอดน่อง เจอนั่นเจอนี่เสร็จก็ได้เวลาไปต่อ ตรงหัวมุมจะมีแยกแบบนี้ให้เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ
เราติดไฟแดงอยู่สักพักมีรถหรูสองคันมาจอด โอ้ว ! เลือกเอาเลยค่ะ อยากได้คันไหนเลือกเลย เพื่อนฮ่องกงก็เล่าให้ฟัง (อีกแล้ว) ว่าคนฮ่องกงใช้รถแบรนด์ยุโรปเป็นเรื่องปกติ เช่น เบนซ์ พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน และรถเบนซ์ถือเป็นรถรุ่นปกติธรรมดามากสำหรับคนฮ่องกง และใครมีรถใช้นี่ถือว่าฐานะดีมาก ๆ เลยค่ะ
เดินไป ๆ เราจะชอบป้ายบนถนนมาก มีเขียนคำว่า Look Right, Look Left ประมาณว่ามองทางขวา มองทางซ้ายก่อนข้ามถนน เผื่อมีรถวิ่งมานะคะทุกคน
เดินไป ๆ ก็จะเจอ Hong Kong Museum of Art ที่เรามาดู Symphony of Light เมื่อคืน วันนี้เราจะมาตามหาฝ่ามือเฉินหลงกันนะ
บรรยากาศตอนกลางวันนี่เย็นสบายดีค่ะ วันนี้โชคดีไม่ร้อน ฝนก็หยุดแล้ว ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ชิลกันมากกกกกกกกก เอ๊ะเรายังไม่มีรูปคู่กับเพื่อนเลย ไม่มีขาตั้งกล้องด้วย วิธีทำทำยังไง ? ไป Excuse Me สาวเกาหลีข้าง ๆ ช่วยถ่ายรูปให้สิคะ ฮ่า ๆๆ เขาก็ใจดียินดีถ่ายรูปให้ แล้วก็ออกมาดังภาพนี้...ขอบคุณนะคะ
เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบเลย นักท่องเที่ยวก็มีพอสมควรแต่เราก็สามารถแทรกตัวได้ มุดหามุมถ่ายรูปได้สบาย ๆ ค่ะ
เดิน ๆ ตามหาเฉินหลงอยู่ไหน ๆ เอ๊ะไม่ใช่ เอ๊ะเจอหรือยัง เจอแล้ววววววว Mission Complete ฮ่า ๆ
เจอฝ่ามือเฉินหลงล่ะ...สบายใจ เย็นพอดีเลยไปหาอะไรทานกันดีกว่า แต่ฝนตก วิธีหลบฝนฮ่องกงของเราก็คือเสื้อกันฝน ฮ่า ๆๆ เดินเจอคนฮ่องกงไม่เห็นมีใครใช้นะคะ มีแต่ถือร่ม เด็กไทยสองนางใส่เสื้อกันฝนมาเลยจ้า มันเป็นเทรนด์ใหม่นะคะ มีแต่คนมอง ฮ่า ๆๆๆ
เรามา Dinner ใต้แสงเทียน ใต้แสงไฟต่างหาก มา Dinner กันที่ Food Republic ที่อยู่ชั้นใต้ดิน ตรงข้ามกับ Harbour City เราสั่งข้าวหน้าเป็ดมาทานกัน อร่อยแต่กัดหนังไม่ขาด เหนียวเกิ๊น ฮ่า ๆๆ
อีกเมนูบะหมี่อะไรสักอย่าง ก็อร่อยดีค่ะ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 40-55 HKD
รับประทานของคาวเสร็จแล้วอยากจะตบท้ายด้วยของหวาน เห็นมี Moomin Cafe อยู่ใน Harbour City ฝั่งตรงข้ามนี้เอง ปะ...ไปดูกันสักหน่อย พิกัดอยู่ที่ โซน LCX ชั้น 3 ฝั่ง Ocean Terminal ห้าง Harbour City
Harbour City เป็นห้างที่ใหญ่เว่อร์วังอลังการมาก เราหลงแน่นอน วิ่งตรงเข้าไปหา information ก่อนเลย เดินไป ๆ หลง ก็ถามพนักงานขายแถวนั้น ถามหมดเลยค่ะ ฮ่า ๆ และแล้วก็มาเจอจนได้ Moomin Cafe เราเปิดดูเมนู...แพงอะ เห็นมีราคารับได้ก็เป็นกาแฟ หาโกโก้ไม่เจอ หรือเธอไม่มีเราก็ไม่แน่ใจ แต่ด้วยความที่ไม่กินกาแฟกันทั้งคู่ แต่อยากจะชิค ๆ คูล ๆ ลองสั่งมาแก้วหนึ่งแล้วหารสอง ถ่ายรูปสวย ๆ Moomin เชียวนะ เดินไปถามพนักงาน เขาบอกว่าต้องสั่งหนึ่งคนต่อหนึ่งแก้วนะครับ T_T ก็เราอยากจะสั่งแก้วเดียวแต่ทานด้วยกันสองคนอะ ส่วนของหวานอย่างอื่นแพงเกินไปสำหรับนักเดินทางงบน้อยอย่างเรา ฮ่า ๆ ไม่กินก็ได้เดินคอตกออกมาจากร้าน มาถ่ายรูปกับป้ายหน้าร้านก็ได้ ฮิฮิ
หลังจากที่อกหักจาก Moomin Cafe แล้วก็พากันเดินกลับที่พัก กินลมชมวิวฮ่องกงยามค่ำคืนไปด้วย ถ่ายรูปเก็บความทรงจำไปด้วย Haiphong Road ยามค่ำคืน บอกลาวันที่สองที่ฮ่องกงอย่างสวยงาม
วันที่สามแล้วนะเนี่ย ขอพื้นที่เล็ก ๆ ให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ไป Hong Kong Disneyland กัน !! วันนี้แพลนตอนเช้าจะไปนองปิง บ่ายมาจะไป Disneyland เราเช็กก่อนซื้อตั๋วกระเช้านองปิงจากไทยแล้วว่าช่วงที่เราเดินทางมานั้นไม่ได้ปิดปรับปรุง แต่อาจจะไม่ได้เช็กอีกรอบ พอมาถึงเขายังปิดปรับปรุงอยู่ เพราะดูจากป้ายปิดปรับปรุงจะมีรอยแก้ คือเอาเอากระดาษมาแปะทับวันที่ตรงไวนิล (เพื่อนเราสังเกตเห็น นางช่างสังเกตมากกกกกก) อันที่จริงนั่งบัสขึ้นไปก็ได้ แต่กลัวจะไม่ได้ไปเป็นเด็กโข่งใน Disneyland นาน ก็เลยเปลี่ยนแผน (อีกแล้ว) การเดินทางมีความเสี่ยง ผู้เดินทางควรศึกษาข้อมูลดี ๆ ก่อนเดินทาง แพลนวันที่ 3 ก็เลยไป Disneyland ต่อด้วย Sky100 ส่วนนองปิงจะลากกระเป๋ามาฝากไว้ในล็อกเกอร์ที่ City Gate Outlet ในวันพรุ่งนี้ แล้วก็ไปสนามบินเลย
ลงจากที่พักมาปุ๊บก็จะมาเจอ Nathan Road หน้าที่พักเราเลย
ลงไป MTR Tsim Tsha Tsui กัน มาสอนวิธีการเติมเงินบัตรปลาหมึกกันดีกว่าค่ะ วิธีใช้ก็ง่ายแสนง่าย เสียบบัตร ชิมครีม แล้วก็จุ่มนม อ้าวผิด ๆ ไม่ใช่โอรีโอ ลืม ๆ ฮ่า ๆ มา ๆ เสียบบัตรค่ะ ตรงช่องเสียบบัตรใส่ตามลูกศรเลย แล้วก็เอาเงินเข้าไปตรงช่องใส่เงิน ระบบจะทำการเติมเงินให้คุณโดยอัตโนมัติ จากนั้นกดบัตรออกเรียบร้อย ! แค่นี้เองค่ะ
เรานั่งจากสถานี Tsim Tsha Tsui ไปลงสถานี Tung Chung (สีส้ม) Exit B
แพลนตอนแรกอย่างที่เราบอก เราจะไปนองปิงก่อนแต่ดันปิดปรับปรุง ก็เลยเปลี่ยนแผนกันที่ City Gate Outlet นั่นแหละค่ะ ตกลงกันได้ว่าจะไป Disneyland แทน ก็เลยหาข้าวกินกัน
จะที่ไหนถ้าไม่ Food Republic ฮ่า ๆ ฝากท้องไว้ที่นี่ตลอดเลย เข้ามาในห้าง City Gate Outlet ชั้นสามเลยค่ะ ตามป้ายเลย
เราสั่งข้าวมันไก่มาทาน คลุกเคล้ากับบรรยากาศด้านนอก ข้าวมันไก่ว่าธรรมดาแต่เพิ่มอรรถรสจากวิวข้างนอก อะหยวน ๆ ค่ะพอรับได้
อิ่มแล้วเดินทางต่อไป ไปต่อกันที่ MTR Tung Chung-Sunny Bay (สีชมพู)-Disneyland โอ๊ย ! รถไฟมุ้งมิ้งเชียว น่ารักสุด ๆ
แถมเข้ามาด้านใน...มิกกี้เม้าส์ซารังจังงงงงงงง น่ารัก
บนรถไฟเจอเด็กเกาหลี น่ารักมาก ออมมาก็ใจดีค่ะ เราโบกมืออันยองให้น้องก็ได้มาตามภาพที่เห็นเลย
โบกไม้โบกมือให้น้องสักพักก็มาถึงแล้ว สวัสดีค่ะ Hong Kong Disneyland
มิกกี้เม้าส์ของซารังจังงงงงงงงงงงง
ต่อคิวเล่นเครื่องเล่นก็เจอหนูน้อยฮ่องกง...น่ารัก พ่อกับแม่ก็ใจดี
เรากับเพื่อนก็เล่นเกือบหมดทุกอย่าง ทั้งเบา ๆ แบบอันนี้
และโหด ๆ แบบอันนี้ โหยพีคมากกกกกกกก กรี๊ดจนไม่มีเสียง มันส์มากกกกกกกค่ะ
เล่นเหนื่อย เพื่อนบอกเธอต้องกินไอศกรีมมะม่วงนะ เห็นเขารีวิวว่าเด็ด ตามหาไอศกรีมมะม่วงกัน เย่ ! เจอแล้วอันละ 37 HKD อร่อยจริง ๆๆ ค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ใน Disneyland นานพอสมควร เดินเล่นไป เล่นมา เล่นเครื่องเล่น แล้วก็มาทันขบวนพาเหรด สามสี่ขบวนเกือบสุดท้าย ฮ่า ๆๆๆ เอ๊ะ ! มาเจอปราสาท คุณคะคุณหลอกดาวววววววววว ทำไมคะดาวทำอะไรผิดคะคุณ
ใน Disneyland จะเจอเด็ก ๆ แต่งตัวเป็นตัวการ์ตูนต่าง ๆ อย่างสาวน้อยคนนี้...เอลซ่ามากับคุณแม่และคุณยาย น่ารักมาก ๆ
เดินกันจนทั่วแล้วได้เวลาไปต่อ พอดีกับฝนตั้งเค้าอีกแล้ว เมฆหมอกไม่แคล้วครอบคลุมครึ้มไป เราต้องลาจาก Disneyland กันแล้วล่ะ ก่อนจากกันเพื่อนฉันบอกว่า เธอไปตามหาแพนเค้กมิกกี้เม้าส์ อะไรนะเธอ ? แพนเค้กมิกกี้เม้าส์อะเธอ จะเป็นรูปมิกกี้เม้าส์เลย เดิน ๆ ไปเจออยู่ทางออก ราคา 50 HKD หารสองจ้า กินกันคนละครึ่งหน้ามิกกี้เม้าส์ อร่อยยยยยยย อร่อยจริง ๆ กลมกล่อมค่ะ ใครมา Disneyland ห้ามพลาดเลยนะคะ
บอกลา Disneyland แล้วไปต่อกันที่ Sky100 การเดินทางไปลงสถานี Kowloon Exit C1 จะเจอห้าง Elements เดินตามป้าย Sky100 ได้เลยค่ะ
มีป้ายบอกตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ
มาถึงแล้ว...เราซื้อตั๋วมาจากไทยยื่นให้พนักงานได้เลย ต้อนรับดีมาก
เข้าลิฟต์ไปหวืดเดียวถึงเลย
ช่วงที่เรากลับจาก Disneyland มีพายุเข้า สงสัยเราอยู่ใน MTR ตลอดเลยไม่รู้ว่าข้างนอกมีอะไร มารู้อีกที ตอนเพื่อนฮ่องกงส่งข้อความมาบอกมีพายุนะ แต่เรามาถึง Sky100 แล้วพอดี ขาวโพลนมองไม่เห็นอะไรเลย หมดกันจะมาชมความงามแบบ 360 องศา ของฮ่องกง
ขนาดมีพายุยังสวย มองเห็นทุกมุมในฮ่องกงเป็นแบบขาวโพลน ถ้าไม่มีพายุคงจะสวยกว่านี้แน่ ๆ
Sky100 ฮ่องกง อยู่ที่อันดับ 7 ของตึกที่สูงที่สุดในโลก
หลังจากชมบรรยากาศ 360 องศา แบบขาวโพลนแล้วได้เวลากลับที่พักไปพักผ่อนกัน เพราะต้องเก็บของ Check Out ในวันรุ่งขึ้น พอไปถึงสถานี Tsim Tsha Tsui เราแยกกับเพื่อน ให้เพื่อนกลับที่พักไปก่อน เราจะไปซื้อของที่ร้าน Sasa นิดหน่อย เราเลือกมาเดินเล่นแถว Cameron Road ฝั่งตรงข้ามใกล้ที่พัก ในวันฝนปรอย ๆ โอ๊ยแบบเหมือนนางเอก MV ซะไม่มี ฮ่า ๆๆ ผ่านไปอีกแล้วสำหรับวันเกือบสุดท้ายในฮ่องกง มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอดเวลา
วันสุดท้ายแล้ว ไปไหว้พระขอพรก่อนกลับบ้านกัน เราเก็บกระเป๋าแล้ว Check Out จากที่พัก แต่ขอฝากของเอาไว้ก่อน ไป Repulse Bay ก่อน ค่อยกลับมาเอากระเป๋า แล้วก็ลากกระเป๋าไปนองปิง ต่อด้วยไปสนามบินค่ะ
MTR วันนี้แน่นสุด ๆ ต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยชูป้าย Stop ไม่ให้คนขึ้นรถไฟแน่นจนเกินไป
การเดินทางไป Repulse Bay ไปลงสถานี Central Exit A แล้วก็จะเจอตึก Exchange Square พอเราไปถึง เย็นตึ้บเลย มีแต่ตึกเต็มไปหมด เจอเป้าหมายเป็นสาวสุดสวย อาหมวยหุ่นดี นางเริดดดดด วิ่งตรงเข้าไปถามทาง เราถามว่าตึก Exchange Square คือตึกไหน เขาตอบกลับมาว่าตึก Exchange Square อยู่ตรงข้ามเลย คุณเดินข้ามสะพานไปก็จะเป็นตึก Exchange Square แต่ว่ามันไม่มีอะไรนะคะ มันเป็นแค่ตึกเฉย ๆ คุณจะไปทำไมเหรอคะ ? เราก็เลยบอกเขาว่าเราจะไป Repulse Bay จะไปขึ้นรถบัสค่ะ คุณพี่คนสวยก็เลยตอบกลับมาอีกว่า อ้อไปชั้นล่างเลยนะคะ จะมีรถบัสไป Repulse Bay นางชิค ชอบนาง เพื่อนเรานี่แบบ เธอออออออออ นางเก๋อะ หุ่นดีมาก ใจดีด้วย ภาษาเป๊ะ เริดดดดดด
หลังจากเคลิ้มกับสาวฮ่องกงชิค ๆ ไปพักใหญ่ ๆ ก็เดินทางกันต่อเถอะนะ สะพานนี้แหละที่สาวฮ่องกงคนสวยคนนั้นบอก เดินข้ามไปเลยค่ะ
เดิน ๆ ไปก็จะเจอป้ายให้ลงไปชั้นล่าง มี Bus อยู่ด้านล่าง
เดินลงไปก็จะเจอป้ายนี้สะดุดตาสะดุดใจ มาถูกทางแล้ว รถเมล์ที่จะไปถึง Repulse Bay มีสาย 6 6A 6X แต่สาย 260 จะเป็น Direct เลย เราก็เลือกขึ้นสายนี้แหละ 260
ตอนขึ้นรถเมล์ก็แตะบัตรปลาหมึก เลือกที่นั่งได้ตามใจฉัน เนื่องจากคนไม่เยอะ ถ่ายรูป ชมวิว ไปสองข้างทาง ตื่นตาตื่นใจจะกลับวันนี้แล้ว ต้องสูดกลิ่นอายฮ่องกงให้ได้มากที่สุด ฮ่า ๆ
นั่งรถเมล์มาได้ประมาณ 30-45 นาที ก็ถึง Repulse Bay แล้วให้สังเกตตึกที่มีช่องโหว่เป็นรูตรงกลาง เห็นตึกนี้แล้วเตรียมกดกริ่งลงได้เลยค่ะ อ้อตอนลงแตะบัตรปลาหมึกด้วยนะคะ เราลืม ลุงคนขับตะโกนเรียกมาแตะบัตร อายเลยยยยยยยย ฮ่า ๆๆ
พอลงรถเมล์มาเท่านั้นแหละ Buddy คนเดิมอุทานว่า เฮ้ย ! เธอ หมวกฉันหาย เอาอีกแล้วนางเล่น MV หมวกหายรอบที่ 2 เพื่อนบอกว่าลืมไว้บนรถ ด้วยความที่ไม่ได้นั่งข้างกันเพราะต่างฝ่ายอยากนั่งติดหน้าต่าง ก็เลยไม่ได้สังเกตเลยว่าเธอทำหมวกหายไปตอนไหน เดินไป บ่นไป ฮ่า ๆๆ เราก็ไม่รู้จะช่วยหายังไง ได้แต่ปลอบใจกันว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปซื้อใหม่กัน สรุปตอนนี้เพื่อนเราเล่น MV เพลงหมวกหายไปสองใบถ้วน !
ปลอบอกปลอบใจกันเสร็จ จากนั้นก็เดินลงบันไดมาเดินเลียบชายหาดเลย เดินไปสักพักก็จะเจอองค์เจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าแห่งความรักแล้ว
Repulse Bay หาดทรายรูปจันทร์เสี้ยว จัดว่าเป็นหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง จะมีวัด Tin Hua มีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เทพเจ้าหยุดโหล่ว (เทพเจ้าแห่งความรัก) ถือว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดีมาก ๆ ของฮ่องกง จะมีสะพานต่ออายุ หากได้ข้ามสะพานนี้เชื่อกันว่าข้ามครั้งหนึ่งแล้วจะอายุยืนขึ้นอีก 3 ปี
แต่ข้ามสะพานแห่งนี้มีข้อแม้ว่าข้ามไปแล้วห้ามข้ามกลับ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นลดอายุลงมา ต้องเดินข้ามไปแล้วเดิมอ้อมใต้สะพานกลับมาอีกทางหนึ่ง เราตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาขอพรให้เป็นสิริมงคล
บรรยากาศดีมาก ๆ ด้วย ไม่มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ลมพัดเย็นสบาย เพื่อนเราหมวกหายบรรยากาศก็ช่วยบรรเทาอาการเศร้าไปได้เยอะเลย ฮ่า ๆ
บรรยากาศโดยรอบ
ได้เวลาเดินทางต่อแล้วล่ะ ขากลับเรานั่งรถเมล์สาย 6A อยากจะเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลี นั่งบัสเบาะหลังสุดเลยจ้า
ภาพถ่ายของ Repulse Bay บนรถบัสสาย 6A
นี่ยังกับฉากหนังอาชญากรรมฮ่องกง ฉากโจรกรรมเพชร โจรกำลังไล่ล่าตามมาแล้ว ฮ่า ๆๆ เราถ่ายจากหลังรถน่าจะแถว ๆ Wanchai
เรากดกริ่งลงแถว ๆ Central เพื่อกลับไปยังที่พักไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็ไปที่นองปิงที่เดิม การเดินทางก็เหมือนเดิมค่ะ ไปลงสถานี Tung Chung (สีส้ม) Exit B แล้วก็ลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ชั้นใต้ดิน แต่ฝากต้องเสียเงินนะคะ เราจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร รบกวนผู้รู้แจ้งอีกทีนะคะ
ปรากฏว่าล็อกเกอร์เต็มหมดเลยทุกชั้น ซึ่งจะมีล็อกเกอร์ให้ฝากกระเป๋าอยู่ 2 ชั้น ชั้นใต้ดินล่างสุด B2 และ อีกชั้น B1 ถัดขึ้นมา เราสองคนลงไปชั้นล่างสุดปรากฏล็อกเกอร์ใหญ่เต็มหมด ขึ้นมาอีกชั้นก็เต็มเหมือนกัน เราเลยไปถามลุงจีนที่อยู่บริการแลกเงินว่ามีล็อกเกอร์ที่ชั้นอื่นอีกไหม เราก็ถามดี ๆ ยิ้มให้ แต่โดนลุงแกตะคอกใส่ว่าชั้นล่าง ๆ ลงไปชั้นล่าง เราก็บอกว่าลงไปชั้นล่างแล้วก็เลยขึ้นมาชั้นนี้ มีชั้นอื่นอีกไหมคะ? ลุงแกก็มาเต็มเลยจ้า ตะคอกหนักกว่าเดิม ชั้นล่าง ๆๆๆ ลุงคะทำไมใจร้ายกับหนูจังเลย โอเคล่างก็ล่าง เราก็สติหลุดรีบเดินหนี พร้อมสบถเป็นคำหยาบเบา ๆ นิดหน่อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนเราดังลั่น ฮ่า ๆๆๆ แล้วเพื่อนเราก็บอกว่า "เธอ ๆ ชั้นว่ามันคงจะมีแค่นั้นล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ลากกระเป๋ากันเต็ม เขาน่าจะทำเป็นที่ฝากกระเป๋าแบบ Full Option ไปเลยนะ ดูดิคนลากกระเป๋าเต็มเลย คงได้เงินไม่น้อย" ฮ่า ๆ แต่เอ๊ะ ! เราก็ยังสงสัยสรุปว่าลุงไม่เข้าใจเรา หรือเราไม่เข้าใจลุงกันแน่
พอไม่มีที่ฝากกระเป๋าก็เลยตัดสินใจไม่ไปกันเลย ตั้งใจจะมาขึ้นกระเช้าก็ไม่ได้ขึ้น ถ้างั้นก็ไม่ไปล่ะ หาข้าวกินที่ Food Republic เหมือนเดิม แล้วก็เดินดูของในห้างไปก็แล้วกัน เดินเจอนั่นเจอนี่ในห้างไป เพื่อนเราก็ได้ถอยหมวกใหม่แล้ว เย่ ๆๆๆๆๆ
ใกล้ถึงเวลา Check in เราก็ต้องไปที่สนามบินกันแล้วล่ะ ก็เดินทางจาก Tung Chung ไป Airport Express ได้เลย หัวใจเต้นตึก ตึก ตึกรามบ้านช่อง ระหว่างทางไป Airport Express
ถึงสนามบินแล้ว ลงจาก Airport Express ปุ๊บก็มีรถเข็นมาจอดให้บริการถึงที่แบบนี้เลย น่ารักมาก
แล้วจู่ ๆ เราก็ได้รับข้อความจากสายการบิน Cathay Pacific ว่าเลื่อนไฟลท์บิน !!! ไฟลท์บินจริง ๆ คือ 21.40 น. แต่ไฟลท์ดีเลย์ไปถึง 22.45 น. เราใจไม่ค่อยดีก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่า Check in ไว้รอได้เลย แล้วเจ้าหน้าที่เขาให้เลือกว่าจะบินไฟลท์เดิมที่ดีเลย์หรือเปลี่ยนมาบินเร็วขึ้น ก็เลยเปลี่ยนเวลาบินเร็วขึ้นเป็น 20.10 น. เลือกที่นั่งได้ด้วย ขากลับได้นั่งข้างหน้าต่างด้วยนะ แต่ ! เป็นตอนกลางคืนจะเห็นอะไรล่ะ ? ฮ่า ๆๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่สายการบิน Cathay Pacific ด้วยนะคะ บริการทุกระดับประทับใจเด็กไทยจริง ๆ ค่ะ
พอเปลี่ยนเวลาได้ วิ่งเข้า Gate แทบไม่ทัน อีก 20 นาที จะ Boarding จะหา Gate เจอไหม ? สองนางจากไทยก็วิ่งกันอุตลุดเลยจ๊ะ ขากลับเรานั่ง Airbus A330-300 (333) เหมือนจะลำใหญ่กว่าตอนขามา
บินขึ้นบนฟ้าได้สักพักพี่แอร์คนสวยก็เสิร์ฟอาหาร เราเลือกเป็นพาสต้า...อร่อยเลยล่ะ ชอบๆ
กินอิ่มเราก็นั่งฟังเพลงให้เข้ากับบรรยากาศจะกลับบ้านซะหน่อย จัดเลย Come back home ของ 2NE1 แล้วก็ถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณฮ่องกงที่ทำให้มีช่วงเวลาดี ๆ ทั้งสนุก เหนื่อย มันส์ ฮา ครบรส
ขอบคุณ Buddy ที่ผจญภัยไปด้วยกัน ได้เรียนรู้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไว้ออกทริปกันอีกนะจ๊ะ
การเดินทางทำให้เราได้รู้จักวางแผน มีสติ ควบคุมอารมณ์ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราชอบเดินทางก็เพราะแบบนี้ เพราะ....การเดินทางทำให้เราโตขึ้น ออกเดินทางกันเถอะ !!
ขอบคุณที่ติดตามและอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอให้มีความสุขกันทุกคนนะคะ สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณคุมะง่วงนอน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Kidanan\'s Journal Journey