1. ท่ามหาราช
จากท่าเรือที่ใช้เพื่อการขนส่งทางน้ำสู่คอมมูนิตี้มอลล์สุดเก๋ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่จะให้คนกรุงได้ไปสูดอากาศหายใจ ผ่อนคลายอารมณ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชมความงดงามของคุ้งแม่น้ำยามค่ำคืนที่ส่องสะท้อนแสงสีทองของวัดวาอารามและอาคารบ้านเรือน ซึ่งเปิดไฟส่องสว่างแข่งกับแสงดาวที่สวยงามบนฟากฟ้า โดยโครงการท่ามหาราชอยู่ภายใต้แนวความคิด Riverside Eatery, Urban Oasis, Art & Culture Market ลักษณะของอาคารเป็นแบบเปิดโล่ง ออกแบบให้คงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นเกาะรัตนโกสินทร์ ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สุดชิคมากมาย จะมาเดินเล่นชมบรรยากาศหรือนั่งทานอาหารริมแม่น้ำ ก็ทำให้เวลาในวันหยุดของคุณมีค่ายิ่งขึ้นได้เช่นกัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thamaharaj.com)
2. คลองบางหลวง
ไม่ต้องไปไกลกรุงก็สามารถสัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านริมน้ำได้ จากแม่น้ำเจ้าพระยานั่งเรือหางยาวเลี้ยวเข้าสู่คลองดาวคะนอง คลองบางขุนเทียน คลองด่าน แล้วเลี้ยวอีกครั้งเข้าสู่คลองบางหลวง ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนริมน้ำ นักท่องเที่ยวจะได้ย้อนวัยไปในอดีตด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน ทั้งการขายของบนเรือ ร้านค้าริมน้ำที่ยังคงขายขนมแบบโบราณ วัดวาอารามที่สำคัญ อาทิ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร วัดไทร วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร เป็นต้น แล้วจึงไปดื่มด่ำกับงานศิลป์ที่บ้านศิลปิน ซึ่งจะมีการแสดงหุ่นละครเล็กให้ได้ชมฟรีเวลา 14.00 น. ของทุกวัน ยกเว้นวันพุธ นอกจากนี้ยังสามารถเดินเล่นในชุมชน ทานผัดไทยโบราณ ดื่มกาแฟโบราณ นั่งวาดภาพระบายสี เลือกซื้อโปสการ์ด ฯลฯ กันได้อีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ บ้านศิลปิน โทรศัพท์ 02-868 5279, 02-868 5279 หรือจะไปนั่งเรือเที่ยวคลองบางกอกน้อย สัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตของวันวานก็ได้เหมือนกัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ททท.)
3. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
สุขได้ง่าย ๆ ด้วยการนั่งเรือชิล ๆ ไปตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วมาขึ้นที่เรือของเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ แหล่งศูนย์รวมความสุขริมแม่น้ำเจ้าพระยาสไตล์โคโรเนียล เพียบพร้อมไปด้วยร้านค้ากว่า 1,500 ร้าน ซึ่งจำหน่ายทั้งของที่ระลึก เครื่องประดับ เสื้อผ้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ฯลฯ และร้านอาหารอีกกว่า 40 ร้าน มีทั้งร้านอาหารไทย ร้านอาหารฟิวชั่น ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารอิตาลี และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากจะได้เดินทอดน่องเสพบรรยากาศโกดังเก่าแล้ว ยังสามารถที่จะชื่นชมเมืองกรุงฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้จากชิงช้าสวรรค์ยักษ์ ซึ่งมีความสูงจากพื้นดินถึง 60 เมตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โทรศัพท์ 02-108-4488 (ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaiasiatique.com)
4. ดิ เอ็มควอเทียร์
ถ้าไม่อยากออกไปเผชิญกับแดดที่ร้อนจนตัวจะละลาย ก็สามารถไปเดินตากแอร์เย็น ๆ กันได้ที่ห้างสรรพสินค้าสุดหรูแห่งใหม่ใจกลางกรุงอย่างห้างดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งมีร้านค้า ร้านอาหารจากแบรนด์ดังมาเปิดตัวที่นี่มากมาย อาทิ Louis Vuiton, Marc Jacobs, Jimmy Choo, Prada, Calvin Klein, Coach, Chanel, Saint Laurent, Dior เป็นต้น เมื่อเดินช้อปปิ้งกันอย่างจุใจแล้วก็ต้องหาของอร่อยใส่ท้องกันสักหน่อย ซึ่งศูนย์การค้าแห่งนี้ก็เป็นแหล่งรวมร้านอาหารขึ้นชื่อมากมายเช่นกัน (ติดตามได้ที่ 10 เมนูอร่อยท้าให้ลองที่ The EmQuartier) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-269-1000 (ขอขอบคุณข้อมูลจาก : theemdistrict.com)
5. ไหว้พระที่วัดและสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ
คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จึงทำให้ในเมืองไทยมีวัดวาอารามต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งวัดที่สำคัญของประเทศไทยและเป็นที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย สามารถไปเคารพสักการะ ไหว้เพื่อขอพรหรือเพื่อเสริมสิริมงคลแก่ตัวเอง วัดและสถานที่สำคัญ อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) วัดอรุณราชวราราม ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อเสือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเล่งเน่ยยี่ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นต้น ใครสะดวกเดินทางไปที่ไหน จะไหว้สักกี่วัด ก็เลือกกันได้เลย
โลกแห่งเทคโนโลยีอันทันสมัยทำให้เราห่างไกลจากอดีตมากยิ่งขึ้น แต่คนเมืองใหญ่ก็ยังหวนรำลึกถึงกลิ่นอายของวันวาน นั่นจึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแนวพื้นบ้านอย่างตลาดน้ำกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งในกรุงเทพฯ ก็มีตลาดน้ำหลายแห่งให้ได้ไปเดินเที่ยว ชิมอาหารพื้นบ้าน ช้อปปิ้งของที่ระลึกแนวโบราณ อาทิ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำขวัญเรียม หรือตลาดน้ำพระยาสุเรนทร์ ฯลฯ ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นต่างก็มีของดีของเด็ดแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการขายอาหารพื้นบ้านที่มีสูตรดั้งเดิม หรือสินค้าแฮนด์เมดให้ได้หวนรำลึกถึงวันวานกันอย่างจุใจ
7. เที่ยวพิพิธภัณฑ์
ถ้าต้องการการท่องเที่ยวที่ได้ความรู้ไปด้วย การแบ่งเวลายามว่างไปเดินพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย ซึ่งในกรุงเทพฯ มีพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ มากมายหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย, อาร์ท อิน พาราไดซ์ (กรุงเทพฯ), มิวเซียมสยาม, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, วังสวนผักกาด, พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย, พิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศ, นิทรรศน์รัตนโกสินทร์, พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ, บ้านจิม ทอมป์สัน ฯลฯ ซึ่งการเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินและความรู้เพิ่มเติมแล้ว ยังได้เที่ยวแบบทั้งครอบครัวอีกด้วย
อีกหนึ่งความสนุกสนานที่สามารถเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว ภายในสวนสยามมีเครื่องเล่นต่าง ๆ มากมาย มีทั้งหมด 5 โซน คือ 1. สวนน้ำ มีสไลเดอร์ สระว่ายน้ำ และกิจกรรมทางน้ำอย่างครบครัน 2. เอ็กซ์โซน เต็มไปด้วยเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว 3. แฟมิลี่เวิลด์ มีเครื่องเล่นและกิจกรรมที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว 4. แฟนตาซีโซน เป็นโซนที่จะเติมเต็มจินตนาการ และ 5. สมอลล์โซน รวบรวมเครื่องเล่นที่เหมาะสำหรับเด็ก ภายในสวนสยามยังมีบริการร้านค้า ร้านอาหาร การบริการนวดไทย ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย สอบถามราคาบัตรและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-919-7200 (ขอขอบคุณข้อมูลจาก : siamparkcity.com)
9. เยาวราช
ย่านเยาวราชเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจในการไปใช้วันหยุดที่นี่ เพราะมีทั้งแหล่งช้อปปิ้งและไหว้พระมากมาย ซึ่งถ้าหากต้องการเสริมดวงเสริมบารมี ชาวไทยเชื้อสายจีนในละแวกนี้แนะนำให้ไปไหว้พระขอพรกันที่วัดเล่งเน่ยยี่ แต่ถ้าต้องการแบบพุทธก็เดินลัดเลาะไปยังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธทศพลญาณหรือหลวงพ่อโต เมื่อทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยเสร็จเรียบร้อย ก็สามารถไปเดินช้อปปิ้งได้ที่ตลาดสำเพ็งและพาหุรัด ซึ่งมีสินค้าราคาถูกให้ได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ ในช่วงเย็นยังมีร้านอาหารรสชาติอร่อยมากมายให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย (ตะลุยเยาวราชตอนค่ำ ตระเวนหาของกินร้านอร่อย)