ช่วงหน้าฝนที่ใคร ๆ ก็ขยาดความเปียกแฉะ แต่รู้หรือไม่ว่าช่วงนี้นี่แหละที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย และเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ไม่ต้องไปแย่งชิง เบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ อีกด้วย เป็นช่วงที่ป่าเขาจะดูอุดมสมบูรณ์ เขียวขจี ดอกไม้ผลิบาน อากาศไม่ร้อนจนเกินไป และถ้าหากไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวไหนดี มาดูกันทางนี้ เพราะเรามี 10 ตัวเลือกดี ๆ ให้ได้หนีไปเที่ยวหน้าฝนมาฝากกัน ถ้ามีใจให้กับสายฝนก็ไปชมกันได้เลย
1. สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ณ อำเภอสวนผึ้ง ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งคนกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมไปถึงชาวต่างชาติด้วย จากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นเราก็จะได้พบเห็นภาพของภูเขาสูงสลับซับซ้อนที่มีหมอกคลอเคลียอยู่ตามยอดไม้และยอดเขากันแล้ว เสน่ห์ของสวนผึ้งก็คือสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีอากาศเย็นสบายไปจนถึงหนาวเย็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้ หลังจากฝนตกทุกครั้ง สายหมอกสีขาวนวลก็มักจะโผล่ออกมาหยอกล้อกับต้นไม้ ดอกไม้บนภูผา ซึ่งสีขาวของสายหมอกก็จะตัดกับความเขียวขจีของป่าไม้ และสีสันของดอกไม้หน้าฝน เป็นความปะทับใจที่นักท่องเที่ยวจะได้รับกลับบ้านอย่างแน่นอน
สถานที่ท่องเที่ยวภายในอำเภอสวนผึ้งมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โบราณสถาน สวนสนุก ฯลฯ ซึ่งทุกสิ่งล้วนสร้างความสนุกสนานและความสุขให้กับนักท่องเที่ยวได้ครบทุกรูปแบบ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ น้ำตกเก้าชั้น เขากระโจม โป่งยุบ บ้านเทียนหอม ธารน้ำร้อนบ่อคลึง The Scenery Resort & Farm เป็นต้น มีที่พักมากมายไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปพักผ่อนค้างคืน มีหลากหลายแบบและราคา
2. อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ภาพจาก nimon/shutterstock.com
หลงใหลไปกับความเรียบง่ายและความงดงามของชุมชนแบบดั้งเดิมของอัมพวา ลิ้มรสอาหารพื้นบ้านรสเลิศและบ้านเรือนริมน้ำอันเงียบสงบ เลือกซื้ออาหารแบบบ้าน ๆ ผัก และผลไม้สด ๆ จากชาวบ้านที่พายเรือมาขายในตลาดน้ำอัมพวา ในช่วงเย็นย่ำนักท่องเที่ยวนิยมที่จะมาฝากท้องกันที่ตลาดน้ำแห่งนี้ เพราะมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายให้ได้เลือกซื้อ เลือกทาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารแบบโบราณที่ชาวบ้านในท้องถิ่นทำแล้วนำมาขาย อาหารที่น่าสนใจ เช่น หมี่กรอบ ไอศกรีมกะทิสด ไอศกรีมผลไม้ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ไก่ย่าง ขนมไทยพื้นบ้าน กาแฟโบราณ ผัดไทย เป็นต้น ยิ่งในฤดูกาลที่มีเม็ดฝนโปรยปราย อากาศจะเย็นสบาย บริสุทธิ์และสดชื่น พืชพรรณต่าง ๆ เขียวขจี ดอกไม้กำลังดอกออก ออกผลอย่างสวยงาม เหมาะที่จะหนีไอร้อนระอุจากกรุงเทพฯ ไปพักผ่อน ชุมชนริมคลองอัมพวา ได้รับรางวัลชมเชย (Honourable Mention) จากการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก แห่งองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2550 ถือเป็นสิ่งที่การันตีว่าชุมชนแห่งนี้น่ามาเที่ยวชมมากแค่ไหน
การท่องเที่ยวในอัมพวาสามารถเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น หากใครต้องการที่จะไปพักผ่อนแบบค้างคืน อัมพวาก็มีที่พักมากมายไว้รองรับ มีหลากหลายแบบ แต่ถ้าต้องการสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านจริง ๆ แนะนะให้พักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน เพราะบางแห่งนั้นจะมีสวนผลไม้ให้ได้เดินเที่ยวชม อีกทั้งมีการเตรียมอาหารแบบพื้นบ้านให้ด้วย
3. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี
ภาพจาก topten22photo/shutterstock.com
หน้าฝนที่มีน้ำมากมายเช่นนี้ ต้องไปพลาดที่จะไปทำกิจกรรมทางสายน้ำสุดมันกับการล่องแก่ง ซึ่งไม่ต้องไปไกลจากกรุงเทพฯ ก็สามารถที่จะไปสนุกสนานกับการล่องแก่งได้ที่ แก่งหินเพิง อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี อันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลักษณะของแก่งหินเพิงจะเป็นลำน้ำขนาดใหญ่ เป็นชั้นหินทราย น้ำจากต้นน้ำลำธารบนภูเขาจะไหลลงมาตามแก่ง ซึ่งมีลักษณะลดหลั่นกันลงไป และจะมีน้ำไหลมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับการนั่งเรือยางผจญภัยไปตามแก่งต่าง ๆ มีระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยการล่องแก่งจะผ่านแก่งต่าง ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง, แก่งวังหนามล้อม, แก่งวังบอน, แก่งลูกเสือ, แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า เรือยางหนึ่งลำสามารถนั่งได้ 8-10 คน ถ้าไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถเหมาลำได้เลยการล่องแก่งหินเพิง นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อกับผู้ประกอบการได้โดยตรง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก เลขที่ 182/88 หมู่ 1 ถนนสุวรรณศร ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก โทรศัพท์ 0 3731 2282, 0 3731 2284
4. เมืองเก่าอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง กับระยะทางประมาณ 76 กิโลเมตร เราก็จะได้พักผ่อนหย่อนใจกับความงดงามของโบราณสถานในยุคอยุธยากันแล้ว เป็นทริปที่สามารถเที่ยวได้ภายใน 1 วัน เหมาะสำหรับการพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรัก นอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องราวของเมืองเก่าแก่แห่งนี้แล้ว ยังได้ทำบุญไหว้พระขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวที่เมื่อไปถึงอยุธยาแล้วไม่ควรพลาด เช่น วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง (วัดหลวงพ่อโต) วัดมงคลบพิตร วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดไชยวัฒนาราม เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขี่จักรยานท่องเที่ยวได้รอบ ๆ เมือง หรือจะนั่งรถสามล้อหัวกบเพื่อการชมเมืองก็ได้เช่นกัน การล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว หากมีเวลาสามารถอยู่ได้จนถึงตอนกลางคืน คุณจะได้เห็นเมืองเก่าแห่งนี้เป็นสีทองสว่างไสว เพราะตามวัดต่าง ๆ จะเปิดไฟส่องไปยังโบราณสถาน เกิดเป็นภาพที่งดงาม น่าประทับใจอย่างยิ่ง
และเมื่อไปถึงถิ่นอยุธยา ต้องลิ้มลองก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ซึ่งมีน้ำซุปหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเส้นเหนียวนุ่มและใส่เครื่องแบบจัดเต็ม แล้วตามกันด้วยของหวานอย่างโรตีสายไหม ที่มีความอร่อยไม่เหมือนที่ไหนในเมืองไทย หรือจะเป็นกุ้งแม่น้ำเผาก็เข้าทีนะ
5. ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ
ในช่วงที่ฝนชุ่มฉ่ำ เป็นช่วงเวลาทองแห่งการชมดอกไม้ป่า โดยเฉพาะดอกกระเจียว ซึ่งจะมีมากในอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติไทรงาม จังหวัดชัยภูมิ ดอกกระเจียวหลายพันดอกจะพร้อมใจกันออกดอกชูช่อสีชมพูหวานมาหยอกล้อล่อสายลมและสายหมอกสีขาวกันในช่วงที่มีฝนตก จะขึ้นโดยรอบป่าของอุทยานฯ ตัดกับสีเขียวของหญ้าเพ็กที่ขึ้นอยู่บนพื้นดิน เป็นภาพที่สดชื่นและสวยงามอย่างเหลือเชื่อ ภายในอุทยานฯ จะมีทางเดินให้ได้เดินชมดอกกระเจียวอย่างใกล้ชิด และนอกจากดอกกระเจียวแล้วยังมีดอกไม้ป่าชนิดอื่น ๆ พืชพรรณต่าง ๆ และสัตว์ป่าให้ได้ชมและศึกษาอีกด้วย
และในปี 2558 นี้ เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคม ณ อุทยาน แห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ มีกิจกรรมที่น่าสนในอื่น ๆ อาทิ การชมวิวสุดแผ่นดิน เดินชมลานหินงาม เก็บภาพความสวยงามของทุ่งบัวสวรรค์ การจัดนิทรรศการต่าง ๆ และการจำหน่ายสินค้า OTOP เป็นต้น
6. เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หนีจากเมืองกรุงที่วุ่นวายไปนอนแพรับลมเย็น ๆ เล่นน้ำใส ๆ ให้หายเหนื่อยกันบ้างดีกว่า ซึ่งเขื่อนรัชชประภาก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เพราะในช่วงหน้าฝน จะมีปริมาณน้ำมากและอากาศจะสดชื่น มีสายหมอกคลอเคลียทั้งบนสายน้ำและยอดเขา
เขื่อนรัชชประภา มีลักษณะเป็นเขื่อนที่กักเก็บน้ำเพื่อการใช้ประโยชน์ ทั้งในด้านการชลประทานและการผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดใกล้เคียง ภายในเขื่อนร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ มีภูเขาหินปูนรูปร่างสวยงาม อยู่ท่ามกลางน้ำใสสีเขียวมรกต มีความงดงามจนได้ชื่อว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” และในบริเวณเขื่อนก็มีที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ที่พักของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่พักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แพของชาวบ้าน เป็นต้น
7. เชียงคาน จังหวัดเลย
สัมผัสวิถีชีวิตของชาวไทยในอำเภอเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่ทั้งเรียบง่ายและเงียบสงบ นอนเกสท์เฮาส์ในเรือนเก่า ฟังเสียงเรือหางยาวยามเช้าและเสียงสวดมนต์จากฝั่งลาวที่ลอยข้ามมายังฝั่งไทย ใส่บาตรข้าวเหนียวในรุ่งสางกับพ่อเฒ่า แม่เฒ่า เดินเล่นยามเช้า ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมแม่น้ำโขง ใช้ชีวิตให้ช้าลงอย่างมีคุณค่า บนถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เรียกว่าถนนคนเดินเชียงคาน ประกอบไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟน่ารัก ๆ โฮมสเตย์ เกสท์เฮาส์ ร้านนวด ร้านอาหารพื้นเมือง ฯลฯ
นอกจากนี้ภายในอำเภอเชียงคานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น แก่งคุดคู้ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน จุดชมวิวภูทอก จิตรกรรมฝาผนังวัดศรีคูณเมือง ถ้ำวัดผาแบ่น น้ำตกตาดซ้อ ศูนย์วัฒนธรรมไทดำบ้านนาป่าหนาด ศูนย์วัฒนธรรมผีขนน้ำบ้านนาซ่าว พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ น้ำพุธรรมชาติ โครงการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯลฯ สอบถามรายละเอียดและเส้นทางการเดินทางได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย โทรศัพท์ 0 4281 2812, 0 4281 1405
8. เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานฯ แห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่มากถึง 1,353,471.53 ไร่ หรือ 2,165.55 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตครอบคลุม 11 อำเภอ ของ 4 จังหวัด คือ อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เพียบพร้อมไปด้วยป่าเขา แหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ พืชและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด มีอากาศที่บริสุทธิ์และธรรมชาติที่สวยงาม ลักษณะภูมิประเทศและอากาศของเขาใหญ่ เหมาะแก่ปลูกพืชที่ต้องการอากาศเย็น นั่นจึงทำให้มีไร่องุ่นที่มีคุณภาพอยู่บริเวณรอบ ๆ อุทยานฯ ไล่ไปจนถึงฝั่งอำเภอวังน้ำเขียว
ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายให้ได้ไปเที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็น ไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์ สวนดอกไม้ The Bloom เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม สวนสนุก Life Park ดาษดา แกลลอรี่ (จังหวัดปราจีนบุรี) ตลาดน้ำเขาใหญ่ ปาลิโอ สวนซ่อนศิลป์ เป็นต้น ซึ่งรอบ ๆ อุทยานฯ ก็มีที่พักมากมายหลากหลายสไตล์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียดข้อมูลและเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 08 6092 6529, 08 60926531 และ 0 3735 6033
9. ทุ่งดอกหงอนนาค ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
ใครที่รักดอกไม้ต้องไม่พลาดกับทุ่งดอกหงอนนาค ดอกไม้ป่าสีชมพูม่วง ที่จะบานสะพรั่งในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคมของทุกปี ละลานตาไปรอบ ๆ บริเวณป่าสน จนได้ฉายานามว่า ทะเลดอกไม้ในป่าสน หลังจากที่ฝนตกจนชุ่มฉ่ำป่า ดอกหงอนนาคก็จะค่อย ๆ ออกดอกชูช่อ แข่งกันบานสะพรั่ง อวดโฉมแก่นักเดินทาง พร้อมกับสายหมอกที่คลอเคลียอยู่บนพื้นดินและยอดไม้ ภายใต้อากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี
นอกจากนี้เส้นทางเดินป่าแห่งภูสอยดาวยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมาย ด้วยตลอดเส้นทางนั้นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีดอกไม้ป่า ต้นไม้นานาพรรณ สัตว์ป่าให้ได้แวะชมตลอดเส้นทาง เช่น เอื้องหมายนา ลิลลี่ป่า ลิ้นมังกร กระดุมเงิน ว่านไก่แดง และผืนหมกที่ปกคลุมป่าสนสามใบ เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53110 โทรศัพท์ 0 5543 6001-2
10. อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอทองผาภูมิ มีความหลากหลายของธรรมชาติค่อนข้างมาก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นพื้นที่มรดกโลก มีสถานท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อน นอนแพ ทานปลาน้ำจืด ได้ที่ทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม เข้าไปเที่ยวชมยังอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยว เช่น เนินช้างศึก จุดชมวิวกูดดอย ดอยต่องปะแล น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ฯลฯ ให้ได้เที่ยวชม
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปถ่ายรูปและชมวิวได้ที่เนินช้างศึก ซึ่งในวันที่ท้องฟ้าสดใสจะสามารถมองเห็นชายแดนพม่า รวมถึงทะเลอันดามันได้อย่างชัดเจน ในจุดนี้ยังสามารถนอนกางเต็นท์และชมดาวได้อีกด้วย หมู่บ้านปิล็อกเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความเงียบสงบ มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เหมาะแก่การพักผ่อน และในจุดนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางพิชิต "เขาช้างเผือก" ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีความสูงอยู่ที่ 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางแบบผจญภัย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 08 1382 0359 หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี 14 ถนนแสงชูโต ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000 โทรศัพท์ 0 3451 1200, 0 3451 2500, 0 3462 3691
เห็นแนวทางแบบนี้แล้ว พอจะมีไอเดียเริ่มที่จะวางแผนออกไปซุกซนในช่วงฤดูฝนกันแล้วใช่ไหม หน้าฝนนี้ก็อย่าปล่อยให้สายฝนต้องคอยเหงา ออกไปเดินย่ำดิน สูดกลิ่นอายของสายฝนกันดีกว่า เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขมากขึ้นแล้ว
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
และ suratthani.go.th