
หากพูดถึงที่เที่ยวของคนรักสัตว์แล้ว เชื่อว่าหมู่บ้านจิ้งจอกและเกาะแมวคงอยู่ในลิสต์นั้นด้วย เพราะความน่ารักน่าหยิกของสัตว์ต่างสายพันธุ์สองชนิดนี้ที่ดูเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว แถมความขี้อ้อนของมันยังทำให้เราหลงเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจึงขอเอาใจคนที่อยากเดินทางไปเที่ยว หมู่บ้านจิ้งจอก Zao Fox Village และ เกาะแมว ทาชิโระจิมะ (Tashirojima) ด้วยการหยิบยกรีวิวของ คุณชาวโป สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เดินทางไปเยือนหมู่บ้านจิ้งจอกและเกาะแมว ทาชิโระจิมะ มาก่อนหน้านี้ เผื่อใครอยากสัมผัสความน่ารักของสัตว์เหล่านี้ด้วยตนเอง และนอกจากภาพสวย ๆ ของพวกมันแล้ว ยังมีเกร็ดดี ๆ เกี่ยวกับการเดินทางมาฝากกันด้วยค่ะ
จากกระทู้ก่อนหน้าของเรา ที่ลืมกล้องไว้ในร้านราเมนที่ Ikebukuro และได้รับการช่วยเหลืออย่างมากจากชาว Pantip http://pantip.com/topic/33439115 ตอนนี้เราได้กล้องคืนแล้วค่ะ และต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษ กับ Login เหล่านี้ด้วยนะคะ
คุณ 1790353 ที่ช่วย Search ให้จนเจอร้าน ทั้งๆ ที่ความเป็นไปได้ มันมีได้น้อยมาก
คุณ Kitakaze ที่ช่วยเป็นธุระโทรถามร้านให้ และจะช่วยรับกล้องให้ด้วย (แต่เราเกรงใจมาก ๆ เพราะคุณ Kitakaze ไม่ได้อยู่ที่ย่านนั้น)
คุณหลอกดาว ที่หลังไมค์อาสาไปเอากล้องให้ เนื่องจากจะเดินทางไปในย่านที่เราลืมกล้องไว้และต้องขอบคุณร้าน Asahi ที่ได้เก็บกล้องไว้ให้เราด้วยค่ะ << อันนี้ไม่รู้จะติดต่อร้านได้ยังไง ถ้ามีช่องทางในการขอบคุณร้านนี้ได้ รบกวนช่วยบอกเราด้วยนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ เลยจริง ๆ ค่ะ
และเพื่อเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจที่เราพอจะทำได้ ขออนุญาตรีวิววิธีการเดินทางไป ค่าใช้จ่าย และบรรยากาศโดยรวมเผื่อมีท่านไหนสนใจจะไป หรือดูแล้วคิดว่าน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ จะได้มีข้อมูลการตัดสินใจดีขึ้นค่ะ
ก่อนหน้าที่จะไปเราก็ได้หาข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ มาก่อน ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับคนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแบบเราก็ต้องขอบคุณที่ข้อมูลเหล่านี้ ทำให้เราเดินทางง่ายขึ้น แม้จะอ่านอะไรบ้านเมืองเขาไม่ออกเลย ว่าแล้ว...ไปกันเลยดีกว่าค่ะ
เตรียมตัวเดินทางจากไทย
ก่อนหน้านี้จะมีแชร์เรื่องหมู่บ้านหมาจิ้งจอก Zao Fox Village กันมาก เช่น http://www.boredpanda.com/zao-fox-village-japan/

เราเองก็สนใจ และเนื่องจากเป็นทาสแมวอย่างเหนียวแน่น ก็เลยคิดว่า หากเดินทางไป Sendai มีโอกาสได้เก็บทั้งสองที่ เลยคิดว่าทริปนี้ 6 วัน จะแพลนการเดินทางคร่าว ๆ ไว้ตามนี้
Day 1 : ถึง Narita ประมาณเที่ยง แล้วต่อชินคันเซ็นไป Sendai ต่อเลย
Day 2 : ช่วงเช้าไปเกาะแมวเหมียว (Tashirojima 田代島) เนื่องจากไปวันแรก ๆ แรงยังดี ช่วงเย็นเดินเที่ยวใน Sendai
Day 3 : ช่วงเช้าไปหมู่บ้านจิ้งจอก (Zao Fox Village 蔵王キツネ村) ช่วงบ่ายหาที่ท่องเที่ยวใน Sendai
Day 4-Day 6 : กลับไปโตเกียว เที่ยวและ Shopping และกลับไทย
*จากประสบการณ์ของเรา เวลาหาข้อมูลใช้ภาษาญี่ปุ่น Search จะได้ข้อมูลที่เยอะกว่ามาก แล้วค่อยแปลอากู๋เอา ถึงจะแปลตลก ๆ แต่ก็ยังพออ่านรู้เรื่องค่ะ
นี่เป็นไฟล์รายละเอียดที่เราทำไว้ เผื่อใครอยากเอาไปปรับ https://drive.google.com/file/d/0B6H7xgcmOkrudFBzWkljMDNRLTA/view?usp=sharing
เราใช้ www.hyperdia.com ในการหาข้อมูลเดินทาง ซึ่งสะดวกมาก ๆ และรถมาตามเวลาเป๊ะ ๆ ยากหน่อยคือบางทีรถจอดรอก่อนเวลาออก เราก็ไม่รู้ว่านั่นคือเรารถที่เราต้องขึ้น เพราะเขาประกาศก็ฟังไม่ออก ทำให้พลาดการเดินทางไปเกาะแมวตามแพลนแรกที่เราตั้งใจไว้ (ไปเก็บเอาวันอื่นแทน)
สิ่งที่เราว่าจำเป็นก่อนมาที่นี่มาก ๆ คือ
1. SIM ญี่ปุ่น เราซื้อจากเมืองไทย ใช้ 6 วัน 800 บาทไทย พอเข้าเน็ตได้ ชีวิตดีขึ้นเยอะ เพราะใช้ Google map กับ Hyperdia บ่อยมาก ๆ
2. Powerbank อันนี้ไม่มีเวลาซื้อที่ไทย เลยมาสอยที่ JP ก็ดีได้ของ Sony มา
3. เสื้อหนาวอย่างหนาและผ้าพันคอ เราไม่รู้ว่าเซนไดหนาวกว่าโตเกียว เห็นจะเป็นฤดูใบไม้ผลิเลยคิดว่าไม่หนาวมาก เอาเข้าจริงหนาวซะปากเขียว ต้องมาหาซื้อเสื้อหนาวแบบหนา ๆ เอาที่นี่ เปลืองตังค์และที่ในกระเป๋าอีก

เมื่อถึง JP ตอนแรก กะว่าจะไม่ซื้อ JR Pass เพราะกลัวจะไม่คุ้ม แต่ดูแล้วมีบัตรประเภท 5 days ของ JR EAST PASS ราคา 22,000 Yen ซึ่งสามารถใช้กับทางที่ไปเซนไดได้ แล้วนั่งคำนวณดูแล้วจาก Tokyo-Sendai-Tokyo แถมได้นั่ง N’EX แค่นี้ก็ได้ค่าตั๋วคืนแล้ว เลยเข้าไปซื้อที่สถานีใน Narita ซึ่งพนักงานก็น่ารักมาก ๆ พูดภาษาอังกฤษได้โอเค และได้ช่วยเหลือเป็นอย่างดี โดยเราบอกว่า I want to go Sendai พนักงานก็ช่วยจอง N’EX เข้าเมืองและจอง Shinkansen ที่จะไปเซนไดไว้ให้เลย
ตั๋ว N\'EX และ Shinkansen ที่พนักงานจัดการให้

รถไฟ N\'EX

นั่งสบาย วิวสวย กิน Bento เพลิน ๆ ในชินกันเซ็น

**ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ เราเข้าใจว่าเขานับห้าวันแบบไม่ต่อเนื่อง เช่น เราไปหกวัน มีหนึ่งวันที่เราไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟ เขาก็เว้นไว้ ดังนั้นถ้าจะแพลนให้ประหยัดที่สุด คือ เก็บห้าวัน ไว้ใช้กับรถที่เดินทางไกล ๆ เช่น Shinkansen อะไรแบบนี้จะดีกว่า วันไหนเดินทางน้อยก็เว้นการใช้ JR PASS
การเดินทาง Zao Fox Village

จริง ๆ เราไม่ได้ไปเรียงตามโปรแกรมที่วางไว้ เพราะว่ามีพลาดเที่ยวรถบ้างอะไรบ้าง เลยต้องมาเปลี่ยนแผนกันรายวัน แต่ก็ได้ไปเกาะแมวและหมู่บ้านจิ้งจอกตามที่ตั้งใจไว้ในทริปนี้ค่ะ มาเริ่มที่หมู่บ้านจิ้งจอกกันเลย
เราอ่านข้อมูลจากพวก Trip Advisor และของฝรั่งเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากยังไม่เห็นรีวิวภาษาไทย ซึ่งอ่านในเว็บก็มีทั้งคอมเม้นท์ว่าดี น่ารัก กับคอมเม้นท์ว่าไม่ดี ไม่น่าพลาดไปอะไรแบบนี้ ตัวเราเองถ้าให้พูดตรง ๆ ก็แบบว่า...เออ แอบจุกหน่อย ๆ นะ เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางแพงเอาเรื่อง (ต้องนั่ง Taxi ไป 3,800+3,760 YEN) เราว่ามันน่าไปแหละ สำหรับคนไม่เคยมา แต่ถ้ามาเป็นครั้งที่สองอะไรแบบนี้ต้องคิดนาน ๆ เพราะแพงอะ
ข้อมูลที่เราค้นหาก่อนเดินทาง
http://www.tripadvisor.com/Attraction_Review-g1023408-d7388189-Reviews-Miyagi_Zao_Fox_Village-Shiroishi_Miyagi_Prefecture_Tohoku.html
http://en.japantravel.com/view/zao-fox-village
http://www12.plala.or.jp/zao-fox/index.html
แต่โชคดีสำหรับคนที่จะไปหลังจากนี้ ในเว็บ http://www12.plala.or.jp/zao-fox/index.html เขาบอกว่ามีรถจากสถานี Shiroishi-Zao (คนละสถานีกับ Shiroishi นะ) ค่าใช้จ่าย 2000 Yen เอง ใครที่ไปมาแล้ว ช่วยมารีวิวด้วยก็ดีนะว่าโอเคไหม
วิธีการเดินทางของเราคือ จาก Sendai แล้วนั่ง JR มาลงสถานี Shiroishi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้น จะมี Taxi จอดรออยู่หน้าสถานีเลย บริการก็สุภาพตามสไตล์คน JP ซึ่งใช้เวลาเดินทางมาถึงประมาณ 20 นาที ท่ามกลางหิมะเบา ๆ ขาไป 3,800 Yen ขามารับกลับ 3,760 Yen





ข้างบนลมแรงมาก หิมะขาว ๆ เต็มหัว ไอ้เราก็เตรียมตัวไม่ดี ไม่รู้ว่าบนเขาจะหนาวกว่าข้างล่างขนาดนี้ กลับไปนี่ขาเป็นผื่นแพ้เลย เหมือนโดนอากาศเย็นกัด ถ้าไปฤดูอื่น คงจะเดินดูหมาได้ชิลกว่านี้
พวกนี้เป็นภาพที่เราเก็บมาได้ มีอีกเยอะค่ะ แต่จะซ้ำ ๆ กัน ลงให้เห็นบรรยากาศเนอะ
หมาขาวนอนกลิ้งเกลือก

ตัวนี้เป็น Silver Fox ฉลาดมาก เราตั้งชื่อเองว่าหูเดียว

ตัวนี้น่าจะจิ้งจอกหิมะ

ตัวนี้ให้ชื่อ น้องเบี้ยว ชอบเดินมาร้องหงิง ๆ ใกล้ๆ ขอขนม

มีจิ้งจอกเยอะ แต่สถานที่ไม่ใหญ่นะ ไม่น่าจะถึงไร่ เดินไม่นานก็ทั่วแล้ว เพราะอย่างนั้นถ้าใครคาดหวังจะเห็นเหมือนภาพสวย ๆ ในอินเทอร์เน็ตอาจจะต้องเผื่อใจ


หูเดียวนี่ตามตลอด อยากเอากลับบ้านมาก

พอเริ่มคุ้น (กินไปเยอะแล้วนิ) ก็เริ่มกล้าเข้ามาใกล้ ๆ คน

ผมนวดขาให้พี่ครับ

ออกมาตอนสิบโมง (ทนหนาวไม่ไหวละ) เริ่มมีลูกค้าคนอื่นมาแล้ว แอบดีใจว่าเออเรามาจังหวะดีแหะ เขามีที่นั่งรอ Taxi มารับกลับ ก็ช่วยซื้อของที่ระลึกเล็กน้อย แล้วก็เจอเจ้าแพะน้อยนี้ ตัวนิ่ม ๆ มากเลย อุ่นด้วย

ที่ให้นั่งรอ ถ้าจิบชาอุ่น ๆ คงเข้ากัน (ไม่กล้าขอ...ฮ่า ๆๆๆๆ)

จากนั้นก็นั่ง Taxi กลับไปที่สถานี Shiroishi ใกล้เที่ยงพอดี เลยว่าจะหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับไป Sendai
ขอแอบแถมร้านนี้ให้หน่อย ชื่อร้าน 長寿庵 อร่อยมาก ๆ เราไปหยิบ Guide Book ที่สถานี Shiroishi JR แล้วเห็นว่าไม่ไกลจากสถานีและดูน่าอร่อย ประทับใจมาก ๆ อร่อยจริง กินไม่เหลือเลย [อยู่เล่มนี้หน้า 19 ให้เอาไปด้วยถ้าจะกินเมนูในภาพมีส่วนลด พนักงานจะตัดคูปองจากหนังสือ]

ในรูปเทียบกับของจริง




การเดินทางไปเกาะแมว
เนื่องจากพลาดเที่ยวรถจาก Sendai ไป Ishinomaki (รอบเช้ามีเที่ยวเดียว ซึ่งถ้าตกรอบเช้าไปก็ไปเกาะแมวไม่ได้แล้ว ไม่มีเรือ)

วันนี้เลยมารอที่สถานีตั้งแต่ยังไม่หกโมง ก็นั่งเพลิน ๆ ไปที่ Ishinomaki แล้วต่อ Taxi ไปท่าเรือ Ajishimaline คือ ได้ข้อมูลจากเว็บคุณคนนี้ http://t-tan.exteen.com/20120704/106-1-08-8211-tashirojima แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าภาษาญี่ปุ่นระดับ 0 แบบเราจะนั่งรถบัสแล้วรอดไหม เลยเอาวิธีที่ปลอดภัยสุดดีกว่า เจอค่า Taxi ไป 1,120 Yen แอบรู้สึกว่าลุงคนขับแกพาอ้อม ๆ ยังไงไม่รู้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้

ที่ Ishinomaki เป็นบ้านเกิดของนักเขียนการ์ตูนคนดัง เขาก็เลยจะมีพวกหุ่น ๆ พวกนี้เต็มเมือง

ด้านหน้าท่าเรือจะมีน้องเหมียวคนดัง (มั้ง...อ่านไม่ออก) นอนอาบแดดเรียกแขกอยู่ จับ ๆ นางก็เฉย ๆ นะเลียตัวต่อไป แต่ไม่เฟรนด์ลี่เท่าไร

อันนี้เป็นรูปนางออกสื่อ

อ่านจากในเว็บเขาให้ไปด้วยเรือ Mermaid ที่ค่าใช้จ่ายน่าจะถูกกว่า แต่ตอนที่เรามา เขาบอกเหมือนว่า ตอนนี้มีเรืออยู่ลำเดียว คือ Blue Liner (ไม่รู้ว่าไม่มี Mermaid แล้วหรือแค่ช่วงนี้) ซึ่งทำให้ค่าเรือแพงขึ้นเกือบเท่า 2,460 Yen ไป-กลับ และเวลาก็คิดว่าไม่ค่อยโอเคด้วย คือ จะกลับถึงฝั่งบ่ายสาม ซึ่งทำให้แพลนที่เราวางไว้ตอนแรกก็ต้องงดไป
ตารางเดินเรือ Blue Liner ให้พนักงานช่วย Hi-Light ไว้ว่าเราต้องลงที่ไหนกี่โมง

อันนี้ตั๋วเรือ ใช้กดจากตู้เอาเท่านั้น (แน่นอน...ให้พนักงานกดให้เพราะอ่านไม่ออก) เพราะอย่างนั้นเตรียมแบงก์ไปด้วย แบงก์ใหญ่ใช้ไม่ได้อีก

ตัวเรือ Blue Liner



นั่งงีบไปสักชั่วโมง เรือจะมาจอดก่อนที่ท่า Odomori คือเขามีประกาศแต่ฟังไม่ออกหรอก เห็นฝรั่งที่ดูหน้าแล้วทาสแมวแน่นอน ลงไปท่านี้ อาศัยถามลุงนั่งใกล้ ๆ ว่า Tashirojima ลุงก็พยักหน้าว่าใช่อันนี้ ๆ แต่พอเราพูดอีกคำ Nitoda ลุงก็ส่ายหัว เลยลุ้นนิด ๆ ว่าเฮ้ยเสี่ยงไปลงอีกอันดีไหม ก็โชคดีที่อันต่อไปคือ Nitoda จริง ๆ ต้องขอบคุณที่เรือญี่ปุ่นตรงตามเวลาเป๊ะ ๆ เลยช่วยเราตรงนี้ได้ว่าเวลาไหน เรือจะลงที่ไหน
ตอนจะถึงท่าเรือ Nitoda

เจ้าบ้านมาต้อนรับที่ท่า Nitoda

ที่ทางในเกาะแมว

นี่คือแผนที่เกาะที่ไปเอามาจาก http://pixshark.com/tashirojima-map.htm แล้วเพิ่มจุดที่เราได้เดินทางไป เราจะเดินตรงทางเดินกลางและด้านขวา ๆ ของแผนที่ (ทางสีเทา) อีกส่วนที่ยังเดินไม่ถึง (ทางสีเหลือง) คิดว่า น่าจะเป็นแนวธรรมชาติ ป่า ๆ ลองคำนวณเวลาดูแล้ว ขาสั้นๆ แบบเราถ้าไปแล้วจะเสี่ยงที่จะเดินมาขึ้นเรือไม่ทัน (ซึ่งก็ตัดสินใจถูกต้องจริง ๆ) เพราะเดินเยอะมาก ทางราบไม่เท่าไร อีตอนขึ้นทางชันนี่เอาซะเมื่อยขา ยังโชคดีที่ใส่ผ้าใบพื้นหนา ๆ ไป เลยไม่ปวดฝ่าเท้ามาก
แก๊งท่าเรือ Nitoda

เราซื้ออาหารแมวเม็ดไปด้วยถุงประมาณครึ่งกิโลกรัม ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ เขาจะมีป้ายแปะแอบ ๆ ว่าห้ามให้อาหารกลางถนน (เพราะแมวจะอันตรายถ้ามีรถมา)

น้องเอามาแค่นี้เหรอ (พี่แมวบอก)

ขอหนูด้วยนะ

ไหน ๆ มีอะไรมากินอีก

หน้าทรงนี้กันหมด ซาลาเปาชัด ๆ

เมื่อทัพแมวไล่ตาม

ศาลเจ้าแมว กลางเกาะ


เจอนักเลงเฝ้าศาล ตัวนี้โหด ตบขนมปังมื้อกลางวันเราเป็นรู (จะแย่งกิน)

ไอ้อ้วนเอ๊ย

บ๊ายบายลูกพี่

ที่เหลือนอกจากนั้นเป็นป่า แอบกลัวนิดๆ เพราะไม่มีคนเลย ยังดีที่เย็นเลยเดินได้

ด้านท่าเรือ Odomori จะเงียบกว่ามาก แมวก็น้อยกว่า

วัดร้างใกล้ ๆ ท่าเรือ Odomori นับบันไดได้ 103 ขั้น (เมื่อยใช้ได้)


ชายหาดสีดำ สงบมาก

ตรงนี้จะเป็นทางแยกไป Manga Island

ส่วน Manga Island เงียบมากกกกกก




ประเทศนี้มีแต่ของน่ารัก

เราไปเกาะแมววันพฤหัสบดีคนมาเที่ยวไม่เยอะนะ ดูจากคนลงที่ท่าเรือทั้งสองท่าไม่น่าเกิน 20 คน คือ บอกไว้เลยว่าถ้าไม่คลั่งไคล้แมวจริงอาจเซ็งได้ คือ แมวมันก็เยอะนะ แต่เราจินตนาการมากกว่านั้นอะ แล้วทั้งเกาะ มันก็ไม่มีอะไร เป็นบ้านเงียบ ๆ อีก 70% เป็นป่า ถ้าแนะนำคือให้ลงท่า Nitoda ยังดูมีอะไรให้ดูมากกว่า ท่า Odomori นี่แบบไม่มีอะไรเลยนะ แมวก็น้อยกว่า แล้วเหมือนเจอคนบนเกาะ ที่ท่า Odomori เขาทำท่าบอกว่าห้ามให้อาหารแมว เราเลยคิดว่าแมวในส่วนนั้นน่าจะเป็นแมวที่เขาเลี้ยง เลยไม่ได้ให้อาหารแมวด้านนั้น มาให้ที่ฟาก Nitoda อย่างเดียว
*** แต่ยังไงมันก็เป็นที่ที่คนรักแมวจะต้องไปปักหมุดสักครั้งในชีวิต...ว่าไหม
ขอจบการรีวิว ไปด้วยดอกไอริส นาร์ซิสซัส ในเกาะแมวค่ะ

แหะ ๆ จิ้งจอกดูเรียบร้อยจริง ยังไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้คน แต่เราก็ไม่กล้าจับตรง ๆ เหมือนกันค่ะ กลัวโดนกัด (ทางสวนสัตว์ก็มีป้ายเตือนว่าไม่ให้จับ ไม่รู้ว่าเคยมีเคสโดนกัดหรือเปล่า)
แต่เจ้าแมวนี่จะว่าไปแมวที่เกาะนี่ออกแนวขาโหด ตัวไหนเชื่องให้จับจะมาถูขาเลย ส่วนตัวไหนไม่คุ้นคนเวลายื่นมือเข้าไปจะเดินหนี (แต่เราก็ได้แผลมาเล็กน้อย จากแมวมาเกี่ยวมือจะเอาอาหารเพิ่ม...คุณพี่แมวเล่นไม่หดเล็บเลย)
อันนี้โดนแมวบุกรุก ปีนตัวค่ะ ภาพเลยหลุดโฟกัสหน่อย

เพิ่งเอารูปมาดูอีกทีหนึ่ง เพิ่งรู้ว่าเราโดนเจ้าอ้วนจอมโหดสะกดรอยตามตั้งแต่เดินเข้ามาในเกาะแล้วค่ะ



ก็เจ้าตัวนี้ (ที่เข้ามาสอบสวนว่าเรามีอะไรกินบ้าง)

อันนี้ก็เป็นพี่หูม้วนจอมโหดอีกตัว (ตบแมวด้วยกันเอง)

เหมือนยากุซ่าที่มีรอยสัก+แผล เป็นที่หน้ายังไงบอกไม่ถูก

อันนี้เดินวกกลับมาที่ร้านขายของชำ (ร้าง) ก็เจอพี่เขาอีกรอบค่ะ



ยืนนานแล้วครับ !!!

เมื่อไรจะโยนมาให้เราล่ะ

อย่าแซงคิวสิ

ขอสองครับ

ขอขนมให้ทางนี้บ้าง

บนเกาะ สัญญาณอินเทอร์เน็ตน่าจะถึงเป็นบางจุดค่ะ คือ เราลองกด Facebook ได้บริเวณท่าเรือนิโทดะ แต่พอเข้าไปใน ๆ ก็ใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้ แต่ว่า GPS ใช้ได้ตลอดทั้งเกาะนะคะ เลยไม่แน่ใจว่าเป็นที่โทรศัพท์หรือที่อะไร


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณชาวโป สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม