ถ้าจะเอ่ยถึงจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมบริเวณชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ชื่อของ "สงขลา" คงจะพุ่งมาเป็นอันดับแรก เพราะในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย เดินทางมาเยี่ยมเยือนและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อาจเพราะที่นี่มีมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น รวมถึงมีขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่ามาสัมผัส (ดูเพิ่มเติมได้ที่ สงขลา) วันนี้เราเลยจะพาตามบันทึกการเดินทางของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยว "สงขลา" แวะ "หาดใหญ่" ก่อนจะข้ามแดนไปเยือน "ปีนัง" เมืองเก่ามากเสน่ห์ที่น่าไปสัมผัส เอาเป็นว่าไปเที่ยวเมืองเก่าหลากวัฒนธรรม 2 ประเทศ ขอบเขตแดนใต้กันดีกว่าค่ะ
สวัสดีเพื่อน ๆ ที่มีหัวใจรักการท่องเที่ยว
"ก่อนเริ่มกระทู้ในฐานะนักเดินทางคนหนึ่ง ผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เนปาล และหวังว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลายโดยไว และไม่มียอดผู้เสียชีวิตมากขึ้นไปกว่าเดิม #PrayforNepal"
เมื่อปลายปีที่แล้วผมได้พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวแบบแบ็คแพ็ก ซึ่งเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของพ่อกับแม่ผม ประเทศที่เรา 3 คนเดินทางไปนั้น คือ พม่า ผ่านมาไม่กี่เดือนหลังตรุษจีนผมได้มีโอกาสร่วมงานกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคใต้ และได้ชวนพ่อกับแม่มาเที่ยวต่างประเทศ (ใกล้ ๆ) อีกครั้ง ทริปนี้จึงบังเกิดขึ้น
2 เมืองเก่าแก่ 2 ประเทศ ที่มีชายแดนติดกัน เดินทางไปเที่ยวได้ง่าย ๆ หลากวัฒนธรรม หลากเชื้อชาติ แต่เต็มไปด้วยความสงบ นึกออกไหมครับว่าคือที่ไหน ^^ “หาดใหญ่-ปีนัง เยือนถิ่นเมืองเก่า ดินแดน 2 ประเทศ”
ป.ล. สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการติดตาม หรือสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
ป.ล. 2 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรีวิว ถ้าถูกใจ ชอบใจ ขอกำลังใจคนทำรีวิวด้วยนะครับ ^^
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพในทริปนี้
- Nikon D600
- Lens : Tamron 17-50 f/2.8 , Nikkor 10-24 ,Tamron 70-300 VC
สำหรับการแบกเป้เที่ยวของผม กระแสที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ชื่นชอบในรีวิวแบกเป้เที่ยวของผม ผมจึงได้รวบรวมรีวิวเก่า ๆ กลัวใครตกหล่นอันไหนไปยังไม่ได้อ่าน หรือจะนำข้อมูลไปใช้ในการเดินทางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ เผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็นในการหาข้อมูลไปยังสถานที่ต่าง ๆ ^^
ฝรั่งเศส-ปารีส Mont st. Michel : http://pantip.com/topic/33319524
เกาหลีใต้-ขับรถเที่ยวเกาะเชจู : http://pantip.com/topic/32937739
เกาหลีใต้- ใบไม้เปลี่ยนสี : http://pantip.com/topic/32840953
ฮ่องกง-มาเก๊า : http://pantip.com/topic/32446067
มาเลเซีย- เกาะเรดัง : http://pantip.com/topic/32380326
ญี่ปุ่น -Snow wall : http://pantip.com/topic/32177499
ญี่ปุ่น-Tokyo : http://pantip.com/topic/31802867
กัมพูชา-นครวัด นครธม : http://pantip.com/topic/32078871
พม่า-ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์ : http://pantip.com/topic/31886778
จีน-เฟิ่งหวง จางเจียเจี้ย : http://pantip.com/topic/31709657
อินเดีย-ทัชมาฮาล : http://pantip.com/topic/30834433
อินเดีย- โกลกัตต้า : http://pantip.com/topic/30750280
เวียดนาม- ฮานอย ซาปา : http://pantip.com/topic/30066171
เริ่มต้นการเดินทางที่สนามบินดอนเมือง ทริปนี้ผมได้รับ Sponsor จากสายการบินนกแอร์ เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่กันเลย
ลำที่ผมนั่งในวันนี้ใหม่กิ๊ก เมื่อเครื่องขึ้นไปได้สักพักมีเสียงประกาศว่าลำนี้สามารถใช้ Free Wi-Fi ได้ด้วย ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะช้าไปนิด แต่ก็ยังพอกล้อมแกล้มเปิดโน่นนี่ได้บ้าง
ขามาจากกรุงเทพฯ แนะนำว่าให้เลือกที่นั่งฝั่งขวาของเครื่องบิน เพราะก่อนเครื่องจะลงจอด จะได้เห็นวิวสะพานเปรมฯ ทอดยาวไปยังเกาะยอ อีกทั้งภูเขาและสายหมอกยามเช้าที่แสดงให้เห็นว่าหาดใหญ่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่พอสมควร
ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ ๆ ก็ได้มาถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่แล้วครับ
เพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง ผมเลือกเช่ารถของ AVIS ที่ตั้งอยู่ตรงด้านหน้าประตูทางออกหลังจากรับสัมภาระ
หาดใหญ่-สงขลา เด่นทั้งในเรื่องอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และวัฒนธรรมคนพื้นเมืองที่แตกต่างกันออกไป ผมขอพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวก่อน ส่วนเรื่องอาหารจะตามมาในทีหลัง เดียวรวบยอดให้เลยครับ ไม่พลาดแน่นอน ^^ จากหาดใหญ่ขับรถมาสงขลาใช้เวลาประมาณ 45 นาที สถานที่แรกที่ผมจะพามาเที่ยว คือ เขาตังกวน
เขาตังกวน มีทางขึ้นไป 2 ทาง ทางหนึ่งคือบันไดหลายร้อยขั้น อีกทางคือลิฟต์ ซึ่งเสียคนละ 30 บาท (ไป-กลับ) แน่นอนครับผมเลือกทางลิฟต์ 555+
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนจะพบกับประภาคารขนาดใหญ่ที่สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจดีย์พระธาตุ พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของสงขลามีการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง แห่งนี้
ด้านบนนี้ยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของสงขลาที่สามารถมองเห็นเมือง 2 น้ำ ได้โดยรอบ ทั้งทะเลสาบสงขลา ที่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในไทย กับอีกด้านเป็นทะเลอ่าวไทย
จากลานพระเจดีย์หลวงมีทางเดินลงบันไดมายังศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจากพลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440
ลงมาจากเขาตังกวน ขับรถมาไม่ไกล ผมจะพามาเยือนถิ่นเมืองเก่าของสงขลา มาดูวิถีชุมชน การใช้ชีวิตของชุมชนแถวนี้
ย่านเมืองเก่าสงขลา ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม เป็นถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของชาวสงขลา ผ่านมุมมองทางสถาปัตยกรรมและความเป็นอยู่ของชุมชนละแวกนี้
หับ โห้ หิ้น ตึกแดงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใครที่ผ่านมาแถวนี้จะต้องหยุดถ่ายรูปกันซักแชะสองแชะเป็นแน่
ถ้าให้เดินครบถนนทั้ง 3 สาย ผมว่าพ่อกับแม่ผมคงเดินไม่ไหวแน่นอน ที่เมืองเก่าสงขลาเหมือนรู้ความต้องการในใจของผม ที่ทางเทศบาลจังหวัดได้จัดรถรางวิ่งวนชุมชนเมืองเก่าสงขลาพร้อมทั้งไปหาดสมิหลาด้านนอกอีกด้วย โดยมีมัคคุเทศก์ให้ความรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่ผมพูดมานั้นฟรี !!! นะครับ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและตารางเวลารถรางได้ที่ ด้านข้างบ้านพัก ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ใกล้ ๆ กำแพงเมืองเก่าสงขลา
ระหว่างทางที่รถรางวิ่ง ชาวบ้านละแวกชุมชนเมืองเก่านั้นต่างโบกไม้โบกมือแสดงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราตลอดทาง
รถรางจะมาจอดให้ลงเดินบริเวณวงเวียนหาดชลาทัศน์ วงเวียนแห่งนี้เป็นรูปคนนั่งอ่านหนังสือเพื่อให้คนไทยได้เห็นถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ จากตรงนี้สามารถเดินไปยังหาดสมิหลาผ่านแหลมสมิหลาได้เพราะระยะทางไม่ไกล
หาดสมิหลา อีกหนึ่งจุดเด่นของจังหวัดสงขลา ที่มีรูปปั้นนางเงือก ผมเคยมาถ่ายรูปที่นี่ตั้งแต่สมัยยังเด็ก ๆ 15 ปี ผ่านไปหลาย ๆ อย่างยังคงเหมือนเดิม ^^
รถรางจะจอดให้ถ่ายรูปชิ้นส่วนของพญานาคทั้ง 3 ส่วน เริ่มที่ส่วนหาง ส่วนสะดือ และส่วนหัวพญานาค จากนั้นจบทริปรถรางกลับมาส่งยังจุดขึ้นรถที่เดิม ใช้เวลานั่งรถรางประมาณ 45 นาที
ลงจากรถรางเดินย้อนมาทางกำแพงเมืองเก่า ฝั่งตรงข้ามมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลาตั้งอยู่ ที่นี่สามารถเข้าไปชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา เป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในเมืองสงขลา ตรงข้ามกำแพงเมืองจังหวัดสงขลา เป็นโบราณสถานของชาติ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้และของประเทศไทย
อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมยุโรป พื้นที่โดยรอบอาคารเป็นสนามหญ้าและสวนมีกำแพงโค้งแบบจีนล้อมรอบ
ไหน ๆ ก็อยู่เที่ยวที่สงขลาเมืองเก่าถึงเย็นค่ำกันแล้ว อยู่รอเดินถนนคนเดินสงขลาอีกสักนิดจะเป็นอะไรไป
ถนนคนเดินเมืองเก่าสงขลา ตั้งอยู่ด้านหน้ากำแพงเมืองเก่า บริเวณถนนจะนะ เริ่มประมาณ 17.00-22.00 น. มีทุกคืนวันศุกร์และวันเสาร์
โซนแรกจะขายอาหาร พ่อค้าแม่ค้าที่นี่พร้อมใจใส่เสื้อสีเขียวลายดอกเหมือนกันทุกคน ดูกลมเกลียวสามัคคีดีจริง ๆ
ที่สะดุดตาคงเป็นร้านนี้ที่นำรถสองแถวมาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร 2 ชั้น ชั้นบนปรุงแล้วส่งมายังชั้นล่างให้กับแขกที่นั่งอยู่ในรถโยสารคันนี้ ถือเป็นไอเดียที่ดี เก๋ไก๋ไปอีกแบบ
โซนด้านในเป็นสินค้าเครื่องใช้และของฝากต่าง ๆ จะตั้งร้านอยู่ริมกำแพงเมืองเก่า
มีเด็ก ๆ มาหารายได้โดยการเชิดหนังตะลุง สัญลักษณ์ของทางภาคใต้กันด้วย เดินได้สักพักเรา 3 คน ก็ตีรถกลับเข้ามาพักที่หาดใหญ่ จบทริปวันแรกเที่ยวตัวเมืองสงขลาสนุกสนานกันไป
เริ่มต้นเช้าวันนี้ผมพามาเที่ยวใกล้ ๆ หาดใหญ่อีก 1 ที่ เกาะยอ เป็นเกาะหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง มีฐานะเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ตัวเกาะมีพื้นที่ทั้งหมด 15 ตารางกิโลเมตร ประชากรเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
จากหาดใหญ่ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ข้ามสะพานเปรมฯ ช่วงแรกก็มาถึงเกาะยอ มาที่นี่อย่าลืมมาสักการะพระนอนองค์ใหญ่ ที่วัดแหลมพ้อ ด้วยนะครับ
ด้านหลังวัดยังเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นสะพานเปรมฯ ช่วงแรกที่เราขับรถผ่านมา รวมถึงกระชังของชาวบ้านเกาะยอที่ทำไว้ดักปลา จะเห็นได้ในบริเวณนี้ค่อนข้างมาก
แต่ถ้าอยากเห็นสะพานเปรมฯ มุมสูงวิวสวย ๆ คงต้องแวะมาที่นี่ พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณคดีศึกษา ที่นี่จะเสียค่าเข้าชมคนละ 100 บาท ด้านในจะมีประวัติความเป็นมาของเมืองสงขลาให้ได้ชมกัน หรือจะขึ้นบนจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์รอบเมืองสงขลา 360 องศา และเห็นสะพานเปรมฯ ในช่วงที่ 2 ที่ข้ามไปยังเมืองสงขลาในมุมสูงอีกด้วย ถือได้ว่ามุมนี้เป็นวิวที่สวยงามมาก ๆ มุมหนึ่ง
เที่ยวสงขลาก็แล้ว เที่ยวเกาะยอก็แล้ว ต่อไปผมจะพาไปเที่ยวในหาดใหญ่กันบ้าง เดิมทีคุณพ่อผมเป็นคนหาดใหญ่ แต่ไม่ได้มาที่นี่ประมาณ 10 ปี ในมุมมองของเขา 10 ปีที่หาดใหญ่เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งรถยนต์ที่มากขึ้น สถานที่ สิ่งก่อสร้าง ห้างร้านต่าง ๆ ก็มากขึ้นตาม ๆ กัน
กระเช้าหาดใหญ่ ต้องขึ้นไปยังยอดเขาคอหงส์ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะ ทางค่อนข้างชันเล็กน้อย แต่ถนนหนทางถือว่าดีพอสมควร
กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย เป็นเส้นทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคอหงส์ ที่มองเห็นไกล ๆ นั้นคือ พระพุทธมงคลมหาราช
จุดขึ้นกระเช้าสามารถขึ้นได้ 2 จุด ทั้งจากสถานีที่ 1 พระพุทธมงคลมหาราช และสถานีที่ 2 ท้าวมหาพรหม ซึ่ง 2 สถานีนี้มีระยะทางห่างกันประมาณ 535 เมตร
ค่ากระเช้าคนละ 100 บาท (ไป-กลับ) ใช้เวลาประมาณ 10 นาที วิ่งด้วยความเร็วที่ไม่เร็วมากนัก สามารถชมทิวทัศน์อันงดงามได้ระหว่างทาง ถ้าวันไหนที่มีลมแรงหรือฝนตกหนัก ๆ กระเช้านี้จะปิดไม่ให้คนขึ้นครับ
มาถึงสถานีปลายทาง สถานีพระพุทธมงคลมหาราช วันนี้ฟ้าใสอากาศดีสุด ๆ ช่วงเย็น ๆ ยังสามารถมองเห็นพระจันทร์บนท้องฟ้าได้เลย เคลียร์มาก ๆ ^^
บริเวณด้านบนสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ตัวเมืองหาดใหญ่ได้โดยรอบ และยังมองเห็นมัสยิดกลาง ที่เหล่านักถ่ายภาพหลาย ๆ คนชอบไปแชะภาพช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่นั่นกัน
ตลาดน้ำคลองแห เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของภาคใต้ แม้เป็นตลาดน้ำเกิดใหม่แต่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ตั้งอยู่ที่ท่าน้ำวัดคลองแห ตำบลคลองแห นอกตัวเมืองหาดใหญ่ไปเล็กน้อย
เปิดตลาดในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 - 20.00 น. สามารถซื้อหาของฝากกลับบ้านหรือจะนั่งรับประทานที่ตลาดน้ำตามสะดวก โดยทางตลาดน้ำได้รณรงค์ให้ใช้ภาชนะใส่อาหารจำพวก กะลา กระบอกไม้ไผ่ หม้อดินเผา ที่ไม่เป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อม
มีอาหารพื้นบ้านหลากหลายทั้งอาหารไทย มุสลิม รวมทั้งผลไม้ และสินค้าพื้นเมืองนานาชนิด มีเรือพายหลายลำพายมาจอดเรียงรายให้บริการริมท่าน้ำวัดคลองแหอย่างเป็นระเบียบ และมีร้านค้าที่ริมฝั่งมากมายให้เดินเลือกชมอย่างเพลิดเพลิน
อาหาร : หาดใหญ่-สงขลา
ก่อนจะข้ามไปปีนัง ผมขอพูดถึงเรื่องอาหารการกินของหาดใหญ่และสงขลาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หาดใหญ่และสงขลาได้รับวัฒนธรรมอันหลากหลายทั้งจากจีน มาเลเซีย และของไทยเราเอง ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยนานาของกิน พูดง่าย ๆ คือแทบจะ 24 ชั่วโมง มีของกินให้เลือกทาน มีร้านค้าไว้รองรับ ถ้าได้ไปเที่ยวที่นี่ รับรองมีน้ำหนักเพิ่มทุกคน ^^ เริ่มที่มื้อเช้า ผู้คนส่วนใหญ่นิยมทานติ่มซำ และที่หาดใหญ่มีติ่มซำอยู่หลายร้าน
โชคดี แต่เตี้ยม
พิกัดร้าน สามารถ Search หาได้จาก Google Map
เปิดทุกวัน เวลา 06.00-11.00 น. และ 17.00-23.00 น.
นอกจากเมนูติ่มซำอันหลากหลาย ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องบักกุ๊ดเต๋สูตรเด็ดประจำร้านที่ใครมาก็ต้องลิ้มลอง
กุ๊กชัยติ่มซำ
พิกัดร้าน สามารถ Search หาได้จาก Google Map
เปิดทุกวัน เวลา 06.00-13.00 น.
นอกจากเมนูติ่มซำอันหลากหลาย ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องราดหน้าหัวปลาและกระเพาะปลาน้ำแดง เป๋าฮื้อ สูตรเด็ดประจำร้าน
ไก่ทอดเดชา
จะมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็น สามารถฝากท้องไว้กับไก่ทอดร้านนี้ได้ ไก่ทอดหาดใหญ่ อาหารขึ้นชื่อของหาดใหญ่
แต่เจ้าประจำที่ผมทานตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่ยังไม่มีสาชา เป็นแค่ร้านรถเข็นธรรมดา จนตอนนี้เปิดแล้ว 3 สาขา ทั่วหาดใหญ่ คงเป็นเจ้าไหนไม่ได้นอกจาก ไก่ทอดเดชา สูตรเด็ดทางร้านอยู่ที่หอมเจียว ที่ไปทีไรผมต้องซื้อเพิ่มแล้วทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ แค่พูดก็น้ำลายไหลแล้วครับ ><
ร้านข้าวต้มนายยาว
ร้านดั้งเดิมที่เปิดขายมาหลายปี จุดเด่นร้านนี้นอกจากรสชาติของอาหารยังเป็นวิธีการคิดเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ ที่คิดเงินเป็นหลักหมื่นหลักแสน แต่อย่าตกใจไปเพราะเค้าคิดแบบรวมเศษสตางค์เข้าไปด้วยครับ ^^
ร้านข้าวต้มรถแดง
พิกัดร้านนี้หาไม่ยาก อยู่ตรงข้ามตลาดกิมหยง เป็นรถกระบะสีแดงตั้งริมฟุตปาธ เปิดขาย 20.00 น. แต่สามารถเข้ามานั่งสั่งออร์เดอร์ได้ตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป พอสองทุ่มถึงจะเริ่มเสิร์ฟชามแรก รสชาติข้าวต้มร้านนี้เป็นเอกลักษณ์น้ำจะเป็นน้ำพะโล้เข้มข้นและกลมกล่อม
ข้าวสตู เกียดฟั่ง
ถ้าแวะมาสงขลาแล้วไม่ได้ทานข้าวสตูเหมือนมาไม่ถึง ข้าวสตูเอกลักษณ์เมืองสงขลา แต่ถ้าร้านที่ขึ้นชื่อและก่อตั้งมานานคงเป็นร้านเกียดฟั่งร้านนี้ และร้านนี้มีซาลาเปาลูกใหญ่ เริ่มขายตอน 11.00 น. ด้วยนะ รสชาติซาลาเปาจัมโบ้ แป้งนุ่ม ไส้ทะลัก ทานคู่กับข้าวสตู ฟินได้ใจจริง ๆ ^^
เช้าวันรุ่งขึ้นผมกับพ่อและแม่จะนั่งรถตู้ข้ามไปยังเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ผมได้จองรถตู้ล่วงหน้าผ่านทาง K S T Travel เจ้าประจำที่ชาว BP เลือกใช้ โดยมีรถตู้ออกจากหาดใหญ่ 3 เวลา 09.30 น., 12.30 น. และ 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทย) และมีรถตู้ออกจากปีนัง 4 เวลา 05.00 น., 08.00 น., 12.00 น. และ 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซีย) ค่าโดยสาร ขาเดียว 400 บาท ไป-กลับ 750 บาท ต่อคน ผู้เดินทางต้องเตรียม Passport ที่ยังไม่หมดอายุไปด้วย
รถตู้จะผ่านด่านสะเดาให้นักท่องเที่ยวลงไปประทับ Passport แล้วกลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ผมจองที่พักผ่าน Agoda ชื่อที่พัก Decoupage เป็นแนว Homestay ห้องที่ผมจองเป็นแบบ 3 เตียง ตกคืนละ 1,000 บาท www.agoda.com จุดเด่นของที่พักแห่งนี้ คือ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า จอร์จทาวน์ ของเมืองปีนัง สามารถเดินไปชมภาพเขียนริมกำแพงได้เลยจากที่พักไม่ไกล ตอนจองรถตู้เราแจ้งทางรถตู้เพื่อนัดเวลาให้มารับ-ส่งบริเวณที่พักได้เลยครับ
หลังจากเช็กอินเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย มื้อแรกในปีนังพวกเราทานหมี่โกเล้ง ร้านนี้ที่พักเป็นคนนำเสนอ ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไร ร้านเป็นรถเข็น ตั้งอยู่หัวมุมถนนแถวที่พัก แต่พอได้ลองรสชาติแล้วอร่อยเหาะเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าร้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีรสชาติดีทีเด็ดจริง ๆ
ทานคาวแล้วต้องทานหวานต่อ ผมพาพ่อแม่มาทานกาแฟร้านนี้ Coffee on the Table จุดเด่นร้านนี้คือกาแฟ 3D Arts มีรูปร่างเป็นแมว หมี สุนัข ตามที่ลูกค้าต้องการ พอกาแฟมาเสิร์ฟ ผมนี่...แทบไม่กล้าทานเลยครับ มันน่ารักเหลือเกิน ส่วนรสชาติพอใช้ได้ ถ้าเทียบกับความเก๋ไก๋ถือว่าให้ผ่านครับ ^^
ศิลปะบนผนังกำแพง ถือเป็นเอกลักษณ์ในย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์แห่งนี้ มีทั้งภาพวาดลวดลายต่าง ๆ และ ศิลปะเหล็กดัดที่มีลวดลายต่าง ๆ สวยงามแตกต่างกันไป มีให้พบเห็นตามซอกซอยในละแวกเมืองเก่านี้
ที่นี่มีจักรยานให้เช่าทั้งแบบครอบครัว แบบช่วยกันปั่น 2 คน 3 คน หรือแบบฉายเดี่ยวคนเดียวปั่นเล่นชิล ๆ มีให้เลือกหลากหลายแบบ
เย็นวันนี้ผมจะพาไปขึ้น Penang Hill ยอดเขาสูง ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์เมืองปีนังได้อย่างงดงาม สามารถเดินมาขึ้นรถบริเวณท่าเรือ Jetty Point นั่งรถเมล์สาย 204 ไปจนสุดสาย คนละ 2 RM
รถเมล์จะมาจอดสุดสายด้านหน้าทางขึ้น Penang Hill เราสามารถขึ้นไปด้านบนโดยการนั่งรถราง คนละ 30 RM (ไป-กลับ) รถรางจะวิ่งเฉียงขึ้นทำมุมประมาณ 45 องศา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงด้านบนยอดเขา Penang Hill
ด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองปีนังได้อย่างงดงาม แสงไฟตามบ้านเมืองเปิดสว่างไสว
ขากลับนั่งรถรางลงมาแล้วรถรถเมล์สายเดิม สาย 204 ไปลงสุดสายที่ท่าเรือ Jetty Point แล้วเดินกลับไปยังที่พัก จบทริปวันแรกในปีนังครับ ^^
อาหารเช้าที่ปีนังมีติ่มซำด้วยนะครับ
ทั้งของคาว ของหวาน มีหลากหลายเมนูให้เลือก รวมถึงโจ๊กรสชาติเด็ดของทางร้าน ที่ปีนังจะมีทั้งคนแขกและคนจีนอาศัยอยู่รวมกัน แต่ถึงแม้ว่าจะคนละเชื้อชาติแต่สามารถอยู่รวมกันอย่างสงบได้ เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมาก ๆ ครับ
ตึกในย่านนี้ถ้าลองค่อย ๆ เดินดูจะรู้สึกว่าคล้ายคลึงกับตึกเก่าย่านภูเก็ต ใช่ครับ เพราะที่นี่ได้รับอิทธิพลการสร้างตึกรูปทรงสไตล์ชิโนโปรตุกีส จะเห็นได้ว่ารูปทรงต่าง ๆ มีทั้งแนวยุโรปปนกับจีนหลากสีสัน
มีภาพวาดริมผนังกำแพงให้ถ่ายรูปแล้วอัพลง FB และ IG อย่างไม่ขาดสาย
เมื่อมาเที่ยวเมืองเก่าจอร์จทาวน์ อย่าลืมขอแผนที่จากที่พักเพื่อออกเดินตามหารูปภาพริมกำแพงที่ขึ้นชื่อ เสมือนว่ากำลังตามล่าหา RC เล่นเกมกับผองเพื่อน ^^
ภาพบน Kids on Bicycle ภาพล่าง Old Motorcycle
ภาพบน Boy on Chair ภาพล่าง Children on the Swing
มีหลากหลายมุม มีหลากหลายรูป ถ้ามากันกับเดอะแก๊งรับรองถ่ายรูป อัพ แชร์ สนุกสนานกันไป ^^
ฝีมือแม่ผมในการถ่ายรูปนี่ใช่ย่อยเลยนะครับ สลับกันถ่าย ผมถ่ายรูปแม่ แม่ถ่ายรูปผม ส่วนพ่อของผมขอยืนหลบแดดไม่อยากเข้าเฟรม ฮ่า ๆ ๆ
ช่วงเวลาสนุกสนานได้หมดลง ถึงเวลานัดรถตู้มารับเพื่อเดินทางกลับหาดใหญ่ และเตรียมขึ้นเครื่องที่สนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันนี้
มาถึงสนามบินเช็กอิน คืนรถเช่า และเตรียมเข้าเกท ขากลับไม่มี Free Wi-Fi บนเครื่องบินแหะ ฮ่า ๆๆๆ ทั้งขาไปและขากลับไฟลท์ผมไม่โดนดีเลย์เลยครับ
หาดใหญ่ในมุมมองของผม เป็นเมืองที่เจริญทางด้านการค้า และเจริญกว่าตัวเมืองสงขลาอีกด้วย แต่ความเจริญเหล่านี้ไม่ได้ทำให้วิถีความเป็นอยู่ของคนที่นี่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม 15 ปี ที่ผมไม่ได้มาหาดใหญ่ ต่างกันแค่ความเจริญ สิ่งปลูกสร้าง รถราที่มากขึ้น แต่ผุ้คนล้วนจิตใจดีและเป็นมิตรอยู่เสมอมา
ปีนัง เมืองที่มีขอบเขตชายแดนไม่ไกลจากไทย สามารถเดินทางข้ามไปได้ทางรถยนต์ ทางเครื่องบิน เมืองนี้จะคล้ายหาดใหญ่ตรงที่มีหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาอยู่อาศัย ทั้งจีน แขก มาเลเซีย ทุกคนต่างอยู่กันได้อย่างสงบและทำให้ปีนังเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวไม่แพ้ไปจากหาดใหญ่ของไทยเราเลย ^^
ท้ายนี้ผมขอขอบคุณ สายการบิน NokAir ที่สนับสนุนตั๋วเดินทาง บินตรงจากดอนเมืองถึงหาดใหญ่ ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ที่ร่วมไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ถึงแม้ว่าคราวนี้ไม่ต้องบินไกล แค่นั่งรถข้ามแดนก็ตาม ขอบคุณคนหาดใหญ่และปีนัง ที่คอยช่วยเหลือ บอกทาง ทุกคนล้วนมีน้ำใจ ถึงแม้จะคนละเชื้อชาติ คนละวัฒนธรรมก็ตาม แต่ความมีน้ำใจและอัธยาศัยที่เป็นมิตรไม่จางหายไปเลย...
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง Message Pantip หรือในเพจของผมได้ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวเที่ยวหาดใหญ่-ปีนัง จนจบ แล้วอย่าลืมมาสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ
"เยือนถิ่นเมืองเก่า หาดใหญ่-ปีนัง"
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto