เมืองตรังมีอะไรดี ๆ รออยู่มากมาย และเราได้รวบรวมข้อน่ารู้ สิ่งที่น่าสนใจในเมืองตรังที่จะมากระตุ้นให้คนไทยอยากออกไปเยือนตรัง ซึ่งจะดึงดูดคุณได้มากแค่ไหน ไปชมกันเลย
1. เมืองแห่งหมูย่างหอมกรุ่น
กลิ่นหมูย่างหอมฟุ้ง ตลบอบอวลขึ้นจมูกทันทีเมื่อพูดถึงหมูย่างเมืองตรัง ซึ่งความอร่อยของมันก็เป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศ ด้วยมีรสชาติที่หวานหอม กลมกล่อม กรอบนอกนุ่มใน ตามแบบต้นตำรับสูตรกวางตุ้ง กัดเข้าไปหนึ่งคำจะหวานอยู่ที่ปลายลิ้น นุ่มละมุนอยู่ในปาก ไม่เหนียว ไม่มีกลิ่นคาว ไม่ต้องกินคู่กับน้ำจิ้ม ถ้าใครได้ลองต้องติดใจแน่นอน ร้านที่เป็นตำนานแห่งหมูย่างเมืองตรังมีอยู่หลายร้าน อาทิ ร้านโกเภา ร้านบัวบก พงษ์โอชา เป็นต้น ในทุก ๆ ปี จังหวัดตรังจะจัดเทศกาลหมูย่างเมืองตรังประมาณกลางปี โดยจะจำหน่ายหมูย่างในราคาพิเศษ พร้อมกับสินค้า OTOP แห่งเมืองตรัง
2. มีร้านติ่มซำอร่อยระดับตำนาน
เมืองตรังเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน เพราะในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นเมืองท่าแห่งการค้าขาย จึงทำให้มีการหลั่งไหลเข้ามาของคนจีนจำนวนไม่น้อย มีทั้งมาแบบไป-กลับ และมาตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ในเมืองตรัง นั่นจึงทำให้วัฒนธรรมการกินแบบชาวจีนได้เข้ามาสู่เมืองตรังด้วย โดยเฉพาะติ่มซำ อาหารว่างคำเล็ก ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะมื้อเช้าของชาวตรังไปเสียแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีร้านติ่มซำดั้งเดิมหลายร้าน อาทิ ร้านเรือนไทยติ่มซำ ร้านพงษ์โอชา ร้านเลตรัง เป็นต้น แต่ละร้านก็มีรสชาติและเมนูที่แตกต่างกันไป แต่รับรองได้เลยว่าความอร่อยและความหลากหลายไม่ได้แพ้ร้านอาหารดังในประเทศจีนแน่นอน
3. มีรถตุ๊ก ๆ หัวกบโบราณหลงเหลืออยู่
รถตุ๊ก ๆ หัวกบ เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดตรัง เพราะมีเพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้นในเมืองไทยที่มีรถโดยสารเป็นรถเก่าแก่แบบนี้ รถตุ๊ก ๆ หัวกบเป็นรถกระบะสามล้อขนาดเล็ก นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี เจ้ากบตัวนี้ไม่เหมือนกับรถตุ๊ก ๆ แห่งดินแดนสยามก็ตรงที่คันบังคับพวงมาลัยจะเป็นเหมือนรถยนต์ทั่วไป มีหลังคาสำหรับผู้โดยสาร เหมาะสำหรับการขับขี่ในตัวเมืองตรัง เพราะลักษณะภูมิศาสตร์ในเขตเมืองตรังนั้นจะเป็นลอนลูกฟูก จึงจำเป็นต้องใช้รถขนาดเล็ก สามารถไปตามตรอกซอกซอยแคบ ๆ ในเมืองได้อย่างง่ายดาย สามารถเช่าเหมาเพื่อการท่องเที่ยวรอบเมืองตรังได้ ตกลงราคากับเจ้าของรถได้เลย ถ้าอยากมีโอกาสได้สัมผัสรถตุ๊ก ๆ ในตำนานอย่างเจ้าหัวกบ ก็ต้องเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเมืองตรังกันแล้ว
4. สถานีรถไฟสถานีสุดท้ายของสายใต้ สถานีกันตัง
การเดินทางมายังจังหวัดตรังสามารถมาได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ เครื่องบิน เรือ และรถไฟ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังตรังด้วยรถไฟเป็นการเดินทางที่ง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว สถานีกันตังถือเป็นสถานีสุดท้ายในเส้นทางรถไฟสายอันดามัน เปิดทำการมามากกว่า 100 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 เพื่อใช้เป็นช่องทางในการขนส่งสินค้ากับต่างประเทศ ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสีเหลือง มีสถาปัตยกรรมในแบบรัชกาลที่ 6 คือ มุมเสามีลวดลายไม้ฉลุ มีมุขยื่นประดับด้านหน้า ประตูบานเฟี้ยม มีพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ไว้เพื่อเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับสถานีรถไฟกันตัง และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์
5. มีชายหาดในถ้ำเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย...ถ้ำมรกต
ถ้ำมรกตคือความงดงามที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลตรัง บนเกาะมุก ความงดงามตระการตาของถ้ำมรกตไม่ได้จะเข้าไปชมกันง่าย ๆ ต้องลอยคอผ่านปากทางเข้าถ้ำที่เป็นโพรงเล็ก ๆ เข้าไป ระยะทางประมาณ 80 เมตร ภายในถ้ำไม่ได้มืดทึบน่ากลัวเหมือนถ้ำทั่วไป เพราะด้านบนเปิดโล่ง ที่สำคัญมีชายหาดเล็ก ๆ พร้อมกับน้ำทะเลสีเขียวมรกตที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเกิดเป็นประกายระยิบระยับงดงามจับตายิ่งนัก สามารถเล่นน้ำได้ในบริเวณชายหาด บางวันที่นักท่องเที่ยวน้อย ๆ จะเงียบสงบ เหมาะแก่การนอนอาบแดดพักผ่อนมาก ๆ ซึ่งการที่จะได้เข้าไปชมความสวยงามของถ้ำมรกตก็ต้องอาศัยดวงกันสักเล็กน้อย เพราะถ้าหากน้ำขึ้นสูงก็จะไม่สามารถเข้าไปในถ้ำได้ จึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด สามารถเช่าเรือเพื่อการไปเที่ยวเกาะมุกและถ้ำมรกตได้ที่ท่าเรือปากเมง อำเภอสิเกา
6. สถานที่จัดงานแต่งงานใต้ทะเลสุดโรแมนติก
พิธีวิวาห์ใต้สมุทรแห่งจังหวัดตรัง ได้สร้างตำนานความรักให้แก่คู่รักมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เริ่มต้นจากคู่หนุ่มสาวนักดำน้ำที่หลงใหลในเสน่ห์แห่งใต้ท้องทะเลตรัง เมื่อความรักสุกงอมจึงตัดสินใจใช้ท้องทะเลของตรังเป็นสถานที่จัดงานวิวาห์สุดโรแมนติกจนโด่งดังไปทั่วโลก ทางจังหวัดตรังจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงาน ภาครัฐต่าง ๆ เพื่อต่อยอดงานวิวาห์ใต้สมุทรให้ถือกำเนิดเรื่อยมา มีการจัดงานในทุก ๆ ปี ในช่วงวันวาเลนไทน์ มีคู่รักมากมายเข้าร่วมพิธีนี้
7. มีโบสถ์เก่าแก่เกือบร้อยปี
คริสตจักรตรัง สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่เรียบร่าย ได้รับการปรับปรุงมาหลายครั้ง แต่เมื่อปี พ.ศ. 2550 มีการปรับปรุงมากที่สุด ปัจจุบันเราจึงได้เห็นโบสถ์หลังนี้มีสีเหลืองสดใส มีหอระฆัง 3 ชั้น ภายในปูพื้นด้วยหินอ่อน เพดานประดับตกแต่งด้วยโคมไฟระย้า และพัดลมเพดานสไตล์เก่าแก่ หน้าต่างทรงโค้ง เปิดรับแสงสว่างจากภายนอกได้อย่างดี รอบข้างมีสวนร่มรื่น เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากตัวเมืองตรัง
8. ถิ่นขนมเปี๊ยะหอมกรอบอร่อย ขนมเปี๊ยะซอย 9
ใครที่หลงรักขนมเปี๊ยะเข้าหัวใจต้องไม่พลาดที่จะไปลิ้มลองขนมเปี๊ยะเจ้าดังแห่งเมืองตรัง ขนมเปี๊ยะซอย 9 ดีด้วยรสชาติ สด สะอาด ปลอดภัยไม่ใส่สารกันบูด ตัวแป้งจะกรอบนอก นุ่มละมุนลิ้น ไม่หนา แต่อัดเต็มไปด้วยหลากหลายไส้ ได้แก่ เผือกหอมไข่เค็ม ทุเรียนไข่เค็ม ถั่วแดงไข่เค็ม พุทราจีนไข่เค็ม ชาเขียวไข่เค็ม เม็ดบัว งาดำ แต่ที่นิยมมากที่สุดคือไส้เผือกหอมไข่เค็ม กินคู่กับน้ำชาร้อน ๆ อร่อยจนหยุดไม่ได้เลยทีเดียว
9. ขนมเค้กเมืองตรัง ความนุ่มที่น่าลิ้มลอง
เค้กก้อนกลม ๆ มีรูตรงกลาง เนื้อฟูนุ่ม กลิ่นหอมเย้ายวนชวนหม่ำกับน้ำชาร้อน ๆ ถือเป็นของกินพื้นเมืองอันลือชื่ออีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดหากมาเยือนเมืองตรัง ซึ่งในทุก ๆ ปีจะมีการจัดงานเทศกาลขนมเค้ก จังหวัดตรัง ขึ้นเป็นประจำ โดยภายในงานมีการจำหน่ายขนมเค้กราคาพิเศษ สินค้า OTOP จังหวัดตรัง และขบวนพาเหรดแฟนซี การประกวด และการแสดงบนเวที/ดนตรีอีกมากมาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของเมืองตรัง
10. เกาะกระดาน หาดทรายขาว น้ำทะเลใส
เกาะกระดาน เป็นเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่สวยงามที่สุดของจังหวัดตรัง ด้วยมีน้ำทะเลสีฟ้าใสจนสามารถมองเห็นปะการังใต้น้ำได้ มีหาดทรายขาวนุ่มละเอียด ตัดกับสีของน้ำทะเลอย่างโดดเด่น มีเนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ ซึ่ง 5 ใน 6 ส่วนของเกาะนั้นเป็นความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ที่เหลือเอกชนรับกรรมสิทธิ์ไปดูแลจัดการ นักท่องเที่ยวมักเลือกที่จะมาชื่นชมท้องทะเลตรังกันที่เกาะแห่งนี้ เพราะธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่สมบูรณ์บริเวณรอบ ๆ เกาะ สามารถดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้อย่างง่ายดาย มีฝูงปลาหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ยลโฉมกัน นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีเกาะรอกที่สามารถดำน้ำตื้นได้อย่างสวยงามอีกด้วย
11. เทศกาลกินเจที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยเชื้อสายจีน
จังหวัดตรัง เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก นั่นจึงทำให้ประเพณีถือศีลกินเจเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวตรัง มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่สืบทอดต่อกันมามากกว่า 150 ปี โดยจะเริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 จนถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี เป็นเวลาทั้งหมด 9 วัน 9 คืน โดยจะมีศาลเจ้า 2 แห่งที่เป็นสถานที่สำคัญในการประกอบพิธี คือ ศาลเจ้าพ่อหมื่นรามและศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ย ในช่วงเทศกาลกินเจ ชาวตรังจะร่วมกันถือศีล รับประทานอาหารที่ไม่มีการเบียดเบียนสัตว์ นุ่งขาวห่มขาว มีการแสดงพลุไฟ การแสดงมังกร และการประกอบพิธีต่าง ๆ ตามประเพณีจีน
12. รู้ยัง ! ยางพาราต้นแรกของประเทศไทยอยู่ที่ตรังนะ
ต้นยางพาราต้นแรกในประเทศไทยตั้งอยู่ในจังหวัดตรัง โดยตั้งอยู่ริมถนนก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอกันตัง หน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง โดยเป็นต้นยางรุ่นแรกที่ พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี เจ้าเมืองตรัง ได้นำมาปลูกไว้เพื่อบุกเบิกอาชีพสวนยางพาราของชาวตรัง เมื่อปี พ.ศ. 2442 และยังคงหยัดยืนจนถึงปัจจุบันนี้
13. ลอดท้องมังกร ณ ถ้ำเลเขากอบ
"เลใต้ภูเขา ลอดยาวสุดลี้ น้ำรอบคีรี ที่นี่ถ้ำเลเขากอบ" ... นี่เป็นคำจำกัดความของ "ถ้ำเลเขากอบ" หนึ่งใน Unseen Thailand ของประเทศไทย แม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดให้ผู้คนทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ เดินทางแวะเวียนมาท่องเที่ยวไม่ขาดสาย เพราะความเชื่อที่ว่า “การได้ลอดผ่านท้องมังกรจะเป็นสิริมงคล” ซึ่งถ้ำเลเขากอบเป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านและไหลล้อมรอบภูเขาอันเป็นที่ตั้งของถ้ำ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามและคงความสมบูรณ์ปรากฏให้เห็นตลอดทาง ตามเวิ้งถ้ำหรือโถงถ้ำต่าง ๆ สามารถเดินชมได้ เช่น ถ้ำเจ้าสาว ถ้ำรากไทร ถ้ำคนธรรพ์ เป็นต้น จุดเด่นของถ้ำเลเขากอบอีกอย่างหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้นและประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว คือการนอนราบขนานไปกับเรือแล้วลอดผ่านส่วนที่มีเพดานถ้ำต่ำที่สุด เรียกว่า ถ้ำลอด กล่าวกันว่าการได้ลอดผ่านจุดนี้เปรียบเสมือนการได้ลอดท้องมังกร
จริง ๆ แล้วจังหวัดตรังยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ต้องลองออกไปสัมผัสเมืองตรังกันดูสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรัก ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง โทรศัพท์ 075 215 867 หรือ เฟซบุ๊ก TAT Trang ททท.สำนักงานตรัง
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
, mots.go.th, railway.co.th, trangchurch.org และ jesadatechnikmuseum.com