ถ้าจะเอ่ยถึงเกาะที่เงียบสงบ ทว่ายังงดงามไปด้วยธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิมแล้วละก็ ชื่อของ "เกาะพยาม" จังหวัดระนอง จะต้องติดในอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน วันนี้เราเลยจะพาตามบันทึกการเดินทางของ คุณ Starlight Moonlight สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวเกาะพยามกันในระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ก็สามารถไปสัมผัสกับความเงียบสงบแห่งท้องทะเลอันดามันเหนือกันได้แล้ว อ๊ะ ๆ แต่ก่อนอื่นมาทักทายทำความรู้จักกับเกาะพยามกันสักนิดค่ะ
เกาะพยาม ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นเกาะใหญ่หนึ่งในสองเกาะของทะเลระนอง (อีกเกาะหนึ่งคือเกาะช้างที่มีขนาดใหญ่สุดของระนอง) บนเกาะพยาม มีชุมชนดั้งเดิม คือ ชุมชนชาวมอแกน (ชาวเล) ที่วันนี้ยังคงอาชีพประมงพื้นบ้าน จับสัตว์น้ำในละแวกใกล้เคียงเกาะ เนื่องจากทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความสมบูรณ์อยู่ ซึ่งบนจะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งให้ได้ไปเยือน เช่น วัดเกาะพยาม ที่มีโบสถ์กลางทะเลบนหลังคาประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางลีลาหันหน้าออกสู่ทะเล, อ่าวหินขาว ที่มีก้อนหินสีขาวก้อนใหญ่ตั้งเด่นอยู่ริมทะเล และเป็นที่ตั้งของ "ศาลพ่อตา หินขาว" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านที่นี่ให้ความเคารพนับถือ และอ่าวใหญ่ที่มีลักษณะเป็นเวิ้งโค้งอ่าวยาวราว 4 กิโลเมตร ยามน้ำลดจะมองเห็นหาดทรายอันกว้างใหญ่ ค่อย ๆ ลาดเทลงสู่ทะเล ฯลฯ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ เกาะพยาม) เอาล่ะพอรู้จักเกาะพยามกันบ้างแล้ว ก็ถึงเวลาไปลั้ลลากันสักที...
ทริปนี้ที่ "เกาะพยาม"
ทริปนี้เดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ระนอง ด้วยบริการรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ รอบ 20.30 น. ถึง บขส. ระนอง ก็เกือบ ๆ 6 โมงเช้าพอดี มีเพื่อนเดินทางร่วมอีกหนึ่งคน แต่มาจากสงขลา ถือว่านัดเจอกันคนละครึ่งทาง...มั้ง
นั่งรถมาเกือบ 9 ชั่วโมง ถึง บขส. ระนอง ก็จะมีสามล้อรอรับผู้โดยสารที่จะไปตามเกาะต่าง ๆ คือเกาะสองฝั่งพม่า และเกาะช้าง เกาะพยามฝั่งระนอง ดูป้ายท้ายรถดี ๆ โชคดีที่มีคนไปเกาะพยามเยอะ เลยไม่ต้องเหมารถไป คุณลุงคนขับคิดราคา 50 บาทต่อคน
มาถึงท่าเรือข้ามไปเกาะพยาม จริง ๆ ต้องไปขึ้นเรือที่สะพานปลา แต่คุณลุงคนขับสามล้อพามาท่าเรือของบริษัทเรือเลย ตอนแรกกะนั่งเรือเฟอร์รี่ชิล ๆ แต่เราดันไปถึงเช้าเอง ซึ่งเรือเฟอร์รี่รอบแรกคือ 9 โมง ส่วนสปีดโบ๊ทรอบแรกคือ 7 โมง เราไม่อยากเสียเวลารอที่ท่าเลยต้องเลือกเรือสปีดโบ๊ทไปเลย
เรือเฟอร์รี่ : ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ราคา 200 บาท
สปีดโบ๊ท : ใช้เวลา 40 นาที ราคา 350 บาท ถ้าซื้อไป-กลับเลยเหลือ 600 เท่านั้นจ้า
40 นาทีผ่านไป พระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว มาถึงเกาะพยามสักที
ตรงจุดของท่าเรือ คือ ฝั่งอ่าวแม่หม้าย และไม่ไกลกันนั้นเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทชื่อดังของเกาะพยามนั่นเอง
เตรียมเดินเข้าฝั่งเกาะกันเลยยยยยย แดดร้อนจริง ๆ
ถ่ายสักหน่อยเดี๋ยวว่ามาไม่ถึง ที่เกาะพยามนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวฝรั่งมากกว่า แต่คนงานบนเกาะจะเป็นเพื่อนบ้านชาวพม่านะจ๊ะ
การเดินทางบนเกาะที่นี่จะใช้มอเตอร์ไซค์เป็นหลัก ยังไม่มีการตัดถนนที่พอจะให้รถยนต์วิ่งได้ ดังนั้นการเช่ามอเตอร์ไซค์ที่นี่จึงจำเป็น มีให้เลือกเช่าบริเวณท่าเรือ ทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและออโต้ แต่ด้วยความแมนของเราต้องแบบธรรมดาสิถึงจะมัน 150 บาทต่อวัน น้ำมันขวดละ 50 บาท
แว้นสู่ที่พักของเรา หนทางไม่ลำบาก ที่พักอยู่ฝั่งอ่าวใหญ่ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะ และเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกกันสินะ
ถึงแล้ว เราพักกันที่นี่ King Paradise Payam Resort
ด้วยความที่มาถึงเช้ามากยังไม่ถึงเวลาเช็กอินและห้องเต็ม เจ้าของเลยให้พักผ่อนที่ล็อบบี้ได้ตามสบาย
จองห้องพักเป็นแบบ Bungalow Sea View ห้องพัดลม คืนละ 1,300 บาท ปั่นไฟฟ้าใช้ 12 ชั่วโมง ไม่ถูกไม่แพง ได้วิวติดหาดเลย
มีเรือคายัคบริการด้วยนะ
หลังจากได้เข้าห้องพัก อาบน้ำแต่งตัวให้สดชื่นก็ถึงเวลาเที่ยวรอบเกาะ จุดแรกที่ต้องมาเลย คือ วัดเกาะพยาม อยู่ห่างจากฝั่งท่าเรือไม่มาก มีองค์หลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่
และพระอุโบสถกลางน้ำ ซึ่งตอนแรกไม่กล้าเข้าไปเพราะเกรงว่าจะเป็นที่เฉพาะสำหรับพระสงฆ์ โชคดีที่เจอหลวงพี่ ท่านเลยบอกว่าเข้าไปได้
ออกจากวัดเกาะพยาม เราจะไปรีสอร์ทที่สวยที่สุดของที่นี่กัน
Blue Sky Resort เข้ามาที่นี่แล้วจะพบว่าแขกที่มาพักที่นี่จะเป็นคนไทยเสียส่วนใหญ่ บรรยากาศดี เหมาะแก่การฮันนีมูนมาก และเพื่อไม่เป็นการไปรบกวนแขกของรีสอร์ทเราจึงเดินเล่นแค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น
ออกจาก Blue Sky แว้นมอเตอร์ไซค์มาต่อกันที่อ่าวกวางปีป อยู่ทางตอนเหนือของเกาะเป็นทางลาดชัน มีร้านอาหารและที่พักบริการเช่นกัน แต่เงียบสงบกว่าหาดด้านอื่นมาก
เสียดายทริปนี้ไม่ได้ไปอ่าวเขาควาย เนื่องจากเพื่อนร่วมทางเริ่มบ่นว่าร้อนและเหนื่อย จึงต้องแว้นกลับที่พักไปซะอย่างนั้น นั่งชิลริมหาดอ่าวใหญ่ก็ได้ อ่าวใหญ่มีชายหาดที่กว้างมาก คลื่นไม่แรง ลงเล่นน้ำได้สบาย มีริ้วทรายที่แปลกตาเวลาน้ำลง
หันกลับมาทางที่พักเราบ้าง พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว
มีหมาทะเลด้วยนะ วิ่งเก่งมาก
นั่งชิลริมหาด ฟังเพลง ดูพระอาทิตย์ตก บอกลาวันนี้ไปพร้อมกัน
ตื่นเช้ามาก็ออกมาเดินเล่นหน้าหาดอีกครั้ง ท้องฟ้าแจ่มใสสุด ๆ
เดินมาเรื่อย ๆ ตรงนี้เป็นที่พักชื่อ Cede Resort
มีหมาทะเลด้วยนะ วิ่งเก่งมาก
นั่งชิลริมหาด ฟังเพลง ดูพระอาทิตย์ตก บอกลาวันนี้ไปพร้อมกัน
ตื่นเช้ามาก็ออกมาเดินเล่นหน้าหาดอีกครั้ง ท้องฟ้าแจ่มใสสุด ๆ
เดินมาเรื่อย ๆ ตรงนี้เป็นที่พักชื่อ Cede Resort
ใกล้ถึงเวลาบอกลา แม้จะมีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน แต่ที่เกาะพยามนี้เหมาะสำหรับที่จะหลีกหนีความวุ่นวายจริง ๆ
ขากลับโทรแจ้งเรือที่จองไว้ รอบ 16.00 น. มาถึงก่อนเวลา คืนมอเตอร์ไซค์เรียบร้อย เตรียมกลับเข้าฝั่งสินะ คืนเดียวก็เที่ยวได้ ไว้จะกลับมาอีกนะ
เมื่อถึงฝั่งเวลาประมาณ 5 โมงเย็น แต่รถทัวร์กลับกรุงเทพฯ รอบ 2 ทุ่มครึ่ง ใช้เวลาที่เหลือไปเดินเล่นหาของกินตัวเมือง ก่อนที่เพื่อนร่วมเดินทางจะมาส่งที่ออฟฟิศของสมบัติทัวร์ ถึงกรุงเทพฯ ราว ๆ ตี 5 กลับบ้านนอนสักงีบ และอาบน้ำไปทำงานต่อ 55
ส่งท้ายด้วยรูปรถทัวร์ขากลับละกัน
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ
รถทัวร์ VIP 32 สมบัติทัวร์ จองผ่านเว็บขาไป 519 บาท
สองแถวไปท่าเรือ 50 บาท
สปีดโบ๊ทไป-กลับ 600 บาท
เช่ามอเตอร์ไซค์+เติมน้ำมัน 200 บาท
ที่พัก 1 คืน 1,300 บาท
รถทัวร์ขากลับ 519 บาท
ค่าอาหาร 3 มื้อ คิดไปมื้อละ 250 = 750 บาท
รวม = 3,938 บาท
ฝากเนื้อฝากตัวสำหรับกระทู้รีวิว ขอบคุณที่เข้ามารับชมค่ะ^^
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Starlight Moonlight สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม