เที่ยวกาญจนบุรี เที่ยวแลนด์มาร์กและชุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ พร้อมตามล่าหาร้านอาหารอร่อยมีสถานทที่ไหนที่ไม่ควรพลาดบ้างตามไปชมกันเลย
เชื่อว่าเพื่อนหลายคนอาจจะเคยไป
เที่ยวกาญจนบุรีกันแน่นอน แต่พอพูดถึงจังหวัดอาจจะกว้างไปนิด วันนี้กระปุกดอทคอมเลยถือโอกาศดีชวนเพื่อน ๆ แวะไปเที่ยวเมืองกาญจน์แบบ one day trip กับ
โครงการดี ๆ จากคลื่น 93 Cool Fahrenheit กับทริป อิ๊งค์ eat all around ปี 5 ตอน หนีกรุง ที่พาผู้โชคดีออกทริป ไปเที่ยวอิ่มอร่อยที่เมืองกาจณ์ พูดถึงขนาดนี้แล้ว เพื่อน ๆ หลายคนคงเริ่มสนใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นลองออกเดินทางตามล่าหาเมนูอร่อยพร้อม ๆ กันดีกว่าจ้า
เริ่มต้นการเดินทางออกจากกรุงเทพฯ
ตั้งแต่เช้าตรู่มุ่งหน้าสู่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี สักประมาณสาย ๆ
เราก็ถึงที่หมายที่แรกนั่นก็คือ
"วัดถ้ำเสือ"
เมื่อมาถึงที่วัดเพื่อน ๆ
ก็จะได้พบทางเลือกสำหรับการเดินทางขึ้นไปสักการะพระพุทธรูปบนยอดเขาซึ่งแบ่ง
เป็น สองอย่างให่เลือกคือ นั่งรถรางขึ้น และเดินขึ้นบันไดกว่า 100 ขั้น
สำหรับวัดถ้ำเสือ ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของอำเภอท่าม่วง
ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงท่ามกลางทุ่งนาขนาดกว้างใหญ่
และชมความสูงเด่นเป็นสง่าของพระพุทธรูปปางประทานพร
ที่ทั้งใหญ่และสวยงามด้วยการตกแต่งกระเบื้องโมเสคสีทองทั่วทั้งองค์
ทางด้านซ้ายคือพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท
องค์พระเจดีย์ขนาดใหญ่ที่บนยอดชั้นบนสุดของเจดีย์ได้ประดิษฐานพระบรม
สารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากอินเดีย
ส่วนบริเวณทางลงด้านล่างเป็นถ้ำขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาซึ่งภายใน
ถ้ำมีการประดิษฐานพระประจำวันเกิด และจำหน่ายวัตถุมงคล
นอกจากนี้บริเวณโดยรอบของวัดยังเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถชมวิวได้อย่างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอีกด้วย
หลังจากไหว้พระเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเที่ยงพอดิบพอดี เราจึงแวะไปตามรอยร้านอร่อยกันที่
"ร้านอาหารธรรมชาติ" ที่การันตรีความอร่อยโดย
หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ กูรูอาหารชื่อดังของไทย ที่ควงคู่มากับสองดีเจแห่งคลื่น
93 Cool Fahrenheit กับดีเจขวัญ และดีเจนิค ซึ่งตัวร้านตั้งอยู่ท่ามกลางสวนขนาดใหญ่
ส่วนที่นั่งด้านในร้านมีการออกแบบให้เป็นเพิงเล็ก ๆ
สามารถชมวิวด้านหลังร้านกับบรรยากาศชิล ๆ ติดแม่น้ำได้เป็นอย่างดี
ส่วนเมนูอร่อยที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงร้าน ได้แก่...
ไก่กระทอก ไก่บ้านเนื้อนุ่มที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี น้ำมาทอดด้วยไฟแรง ๆ ได้ความกรอบนอกนุ่มในเป็นอย่างดี
และไข่เจียวฟูใส่ใบตำลึง พร้อมปิดท้ายด้วยขนมหวานไข่หงษ์
เรียกได้ว่าแต่ละเมนูที่พูดมานี้จะต้องถูกใจเพื่อน ๆ อย่างแน่นอน
และใครที่อยากอิ่มอร่อยก็สามารถแวะมาที่ร้านธรรมชาติกันได้ที่เลขที่ 33/11
หมู่1 ซอยแควริเวอร์ไซด์ ถนนแสงชูโต ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง
จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3465 3091, 08 5295 5833 หรือ
เฟซบุ๊ก สวนอาหารธรรมชาติ
หลังจากที่ท้องอิ่มเราก็ออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อเพื่อชมอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว คือ
"สะพานข้ามแม่น้ำแคว" ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขามห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข
323 ประมาณ 4 กิโลเมตรแยกซ้ายประมาณ 400
เมตรเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งสร้างขึ้นสมัยสงคราม
โลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร
ได้แก่ทหารอังกฤษอเมริกันออสเตรเลียฮอลันดาและนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700
คนและกรรมกรชาวจีนญวนชวามลายูไทยพม่าอินเดียอีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟ
สายยุทธศาสตร์เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่าซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะ
ต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้นการสร้างสะพานและทางรถไฟ
สายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลน
อาหารทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง
สะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน
โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง
หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม
พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487
ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง
รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ. 2489
จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มีการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
อีกด้วย
ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
ที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
ซึ่งบริเวณสองฝั่งของแม่น้ำ ก็เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย
รวมทั้งมีการเนรมิตรริมน้ำให้เป็นร้านอาหารบรรยากาศดี
ส่วนบริเวณใต้สะพานยังจัดเป็นหย่อมขนาดเล็กสร้างวิวทัวทัศน์ที่สวยงามให้กับ
สะพานอีกด้วย
สำหรับเพื่อน ๆ
ที่สนใจแวะเดินทางไปท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
การรถไฟแห่งประเทศไทยโทรศัพท์ 1690 หรือ 0 2621 8701-9 หรือ เว็บไซต์
railway.co.th และ
tourismthailand.org/สะพานข้ามแม่น้ำแคว
หลังจากที่เราเที่ยวกันเสร็จทริปสำคัญที่พลาดไม่ได้ก็ คือ
ของฝากซึ่งวันนี้เราขอแนะนำขนมของฝากที่ถูกดัดแปลงในสไตล์ฟิวชั่นน่ากิน
นั่นก็คือ ขนมทองม้วน กันที่ร้าน virgincoco
ซึ่งสร้างความโดดเด่นของท้องม้วนด้วยการนำมาชุบช็อกโกแลต, คาราเมล
รวมทั้งดัดแปลงให้เป็นรูปร่างน่ากินมายิ่งขึ้น ได้แก่ Cocoroll, Cocoroll
dip, เกล็ดทองม้วนหรือ Coco Cup คลุกช็อกโกแลต, Coco Waffle
สอดไส้ช็อกโกแลต และ Cocofruit dip เป็นต้น
เรียกได้ว่าแต่ละเมนูอร่อยถูกปากจนเกินห้ามใจกันเลยทีเดียว
สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่เลขที่ 19/99 หมู่ 9 ตำบลปากแพรก
อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เว็บไซต์
virgincoco.com หรือ
เฟซบุ๊ก Virgincoco
ส่วนอีกร้านก็คือ ร้านวุ้นเส้นท่าเรือ
ที่ไม่ได้มีเพียงวุ้นเส้นที่ผลิตจากถั่วเขียว 100 % เท่านั้น
เพราะที่นี่เต็มไปด้วยของฝากมากมายที่ขึ้นชื่ออย่าง ปลาส้ม
และขนมซ่าหริ่มชาววังของโรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 240 หมู่
4 อาคาร บริเวณศูนย์ขายของฝากโรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ ถนนแสงชูโตใหม่
ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง โทรศัพท์ 0 3461 2465-7
และมาปิดท้ายมื้อเย็นกันที่ร้านอร่อยอีกร้านอาหารเจ้ณี
ร้านอาหารเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อของเมนูเผ็ดร้อน
เพราะเน้นการปรุงด้วยพริกกะเหรี่ยง
ซึ่งตัวร้านเป็นร้านธรรมดาเป็นที่นั่งโซนพัดลมทั้งหมดแต่เรื่องความอร่อยของ
อาหารนั้นการันตรีแน่นอน ส่วนเมนูแนะนำที่พลาดไม่ได้ของร้าน คือ
ฉูฉี่ปลาคังกด,
แกงป่าไก่บ้าน
ผัดวุ้นเส้น และผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นต้น
สำหรับเพื่อน ๆ
ที่สนใจเข้ามาฝากท้องไว้ที่ร้านสามารถติดต่อสามารถรายละเอียดได้ที่
ร้านอาหารเจ้ณี เลขที่ 333/7 หมู่ 4 ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3464 7449, 08 9820 7711
เรียกได้ว่าถือ
เป็นอีกหนึ่งทริปท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ
สามารถวางแผนไปกันได้
เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นานเหมาะสำหรับพาครอบครัวไปเที่ยวเบา ๆ
พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารเลิศรสจากร้านชื่อดังอีกด้วย ขอขอบคุณ