ประสบการณ์แบ็คแพ็กเที่ยวญี่ปุ่น 16 วัน แบบตะลุยด้วยตัวเอง

ญี่ปุ่น
ประสบการณ์แบ็คแพ็กเที่ยวญี่ปุ่น 16 วัน แบบตะลุยด้วยตัวเอง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ eOn05 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก EOn Srirung ถ่ายภาพโดย คุณ Kumphon Auewasinthorn

          "ญี่ปุ่น" ประเทศที่มีเสน่ห์ความน่าสนใจอยู่มากมาย ทั้งอาหารการกิน ความเป็นอยู่ ประเพณี วัฒนธรรม รวมถึงธรรมชาติที่งดงาม อีกทั้งปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น (เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556) จึงทำให้มีนักเดินทางชาวไทยจำนวนไม่น้อย ออกเดินทางลัดฟ้าไปเยือนดินแดนอาทิตย์อุทัย เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศความแปลกใหม่สักครั้ง เหมือนกับ คุณ eOn05 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เดินทางไปตะลอนเที่ยวญี่ปุ่นแบบแบ็คแพ็กเที่ยวเอง 16 วัน แต่จะไปเที่ยวที่ไหนและพบเจอกับอะไรบ้าง ตามเข้าไปดูกันเลยค่ะ ^^



          สวัสดีค่ะ ^^ เราอยากมาเล่าประสบการณ์แบ็คแพ็กไปเที่ยวญี่ปุ่น 16 วัน แบบตะลุยด้วยตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ครั้งแรก ถ้าพิมพ์ยาวไปอาจจะลงไปดูแค่รูปก็ได้นะคะ แหะ ๆ ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยน้ำพักน้ำแรงการแบกเลนส์และขาตั้งกล้องตะลอน ๆ ของคุณแฟนค่ะ เห็นช่วงนี้คนรู้จักไปกันเยอะมากเลยเกิดอยากจะระลึกความหลัง และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เตรียมตัวจะไปไม่มากก็น้อยนะคะ มีคนมาถามเราเกี่ยวกับการเดินทางเองค่อนข้างมากเหมือนกัน แล้วเราก็ชอบตอบคำถาม สนุกจริง ๆ ^^

          สมาชิกมีเรากับคุณแฟนรวม 2 คนค่ะ (เกินกว่านี้มองไม่เห็นด้วยตา) เนื่องจากจองตั๋วล่วงหน้าค่อนข้างนาน จองเดือนมีนาคมไปพฤษภาคมเลยมีเวลาหาข้อมูลเยอะมาก พอได้ตั๋วแล้วก็รีบจองโรงแรม เราแนะนำพวกเว็บช่วยจองโรงแรมนะคะ เพราะเราจะหาตำแหน่งและรายละเอียดของโรงแรม รีวิวต่าง ๆ โดยเฉพาะความสะอาด ระยะทางจากรถไฟฟ้าถึงตัวโรงแรมได้สะดวกมาก ๆ และราคาก็ค่อนข้างดี ถ้าจองล่วงหน้านานหน่อย แนะนำเพื่อน ๆ ว่าศึกษาให้ดีก่อนจองโรงแรมนะคะ ง่าย ๆ คือที่โตเกียวจองที่เดียวไปเลยเอาให้ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากที่สุด ส่วนตัวเราคือเดินให้น้อยที่สุดถ้าไม่จำเป็น เพราะมันกินพลังงานมาก ๆ อันนี้ปกติ และอย่างโอซาก้า เกียวโต นาระ ฮิโรชิม่า แถบ ๆ คันไซ ให้จองโรงแรมที่ใดที่หนึ่งไปเลย เพราะเรามี JR PASS นั่งชินคันเซนไปกลับได้สบาย ๆ จองหลายที่แบกสัมภาระเหนื่อย กว่าจะเช็กอินหรือเช็กเอาท์ฝากกระเป๋าด้วย

          เมืองที่เราไปมี...โตเกียว, คาวากูชิโกะ (ฟูจิ), โอซาก้า และเกียวโต โดยเราจะแปะแพลนเราให้ดูเลยนะคะ แต่พอไปถึงก็มีปรับ ๆ บ้างแต่ถือว่าน้อยมาก เพราะเราก็เอาแพลนมาให้คนใน Pantip ช่วยตรวจเหมือนกัน เอิ๊ก ๆๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          (เดินทางวันที่ 13-29 พฤษภาคม 2557) เริ่มกันเลย ๆๆ Good Bye Bangkok…

ญี่ปุ่น

          วันแรกไปถึงโตเกียวค่ะ

          ในที่สุดก็ถึงสนามบินนาริตะ ก่อนอื่นเลยเราก็หาข้อมูลไว้แล้วว่าเราจะอยู่โตเกียวแค่คืนห่นึง แล้วคืนถัดไปเราจะไปพักคาวากูชิโกะเลย เดินทางย้ายที่พักค่อนข้างมาก ทำให้เราคิดว่ากระเป๋าใบเท่าบ้านไม่น่าจะสามารถจะเดินทางขึ้นรถไฟต่อรถบัสได้อย่างสะดวก เราจึงตัดสินใจว่าจะส่งกระเป๋าใหญ่ไปโอซาก้าเลย แล้วเก็บเสื้อผ้าบางส่วนไว้ในเป้เพื่อเที่ยวใน 2 วันแรก เราจึงต้องคัดสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ไว้ในเป้ติดตัว แล้วส่งกระเป๋าไปโรงแรมที่โอซาก้าก่อนเลย ด้วยบริการ YAMATO แมวดำ คิดราคาตามขนาดกระเป๋าจ้า จะมีเคาน์เตอร์รับฝากอยู่ที่สนามบินเลย เนื่องด้วยความบ้านนอก พอถึงสนามบินอากาศมันก็อบอ้าวพอประมาณ เรามีเช็กอุณหภูมิไปนะ แต่ก็กึ่ง ๆ 10 ปลาย ๆ 20 ต้น ๆ คิดว่าไม่หนาวหรอก โยนเสื้อหนาวทั้งหมดลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ส่งไปโอซก้าเลยจ้า

          แล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟของ SKY LINE เข้าเมืองโตเกียวไปพักคืนแรกที่อิเขะบุคุโระ ตื่นเต้นจริง ๆ บอกพนักงานเลยนะคะว่าเราจะไปที่ไหน พนักงานจะยื่นตั๋วให้เรา 2 ใบ ใบใหญ่ ๆ สำหรับนั่งเข้าเมือง ใบเล็กคือเราต้องเปลี่ยนสายนั่งต่อไปสถานีอิเขบุคุโระ ซึ่งตอนเข้าต้องเสียบบัตรพร้อมกันไปเลยนะคะ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้เหยียบพื้นดินญี่ปุ่นเลยนะคะ มีรถไฟต่อออกไปอย่างสะดวกสบาย ทำให้ยังไม่ได้เผชิญอากาศที่แท้จริง

ญี่ปุ่น

          เมื่อได้สัมผัสอากาศเมืองถึงสถานีอิเขะบุคุโระแล้วนั้น ก็โอ้ว...หนาว คือหนาวแบบทนได้ แต่ก็หนาว...จากนั้นก็เช็กอินที่โรงแรม อันนี้พักคืนเดียวนะคะ แล้วก็ออกไปตามลายแทงแรก ราเมงในตำนาน เดินหาด้วย GPS จาก Apps Google นี่แหละค่ะ แนะนำว่าถ้าใช้เก่ง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก ๆๆ เลยนะคะ ถึงจะงง ๆ บ้างแต่ถ้าไม่มีนี่อดกินชัวร์ และที่นี่ก็อร่อยมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามสเต็ปญี่ปุ่นคือต้องต่อแถวเลยค่ะ  อร่อยจนถึงผักเครื่องเคียง เอาจริง ๆ เป็นคนชอบกินราเมงมาก ยังไม่เจอที่ไทยอร่อยเท่านี้เลย เฉียด ๆ อย่างมาก..ไม่เชื่อขอท้าให้ไปลองจริง ๆ จากใจ

          ร้าน MUTEKIYA

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นกลับโรงแรม ห้องเล็กแต่โชคดีพอเหมาะกับสัดส่วนตัวเอง 555 ห้องน้ำเปิดไปตกใจ ไหนโถส้วม หาไปหามา อ้ออ่างน้ำเลื่อนได้มันครอบอยู่ สมมติเราจะอาบน้ำก็เลื่อนมาครอบโถส้วมไว้ พอจะใช้ก็ลากออกมา ทุกอณูมีค่าจริง ๆ (ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้...ลืม แง๊ ๆๆ) และสติดับวูบไปตั้งแต่สองทุ่มเพราะว่าไม่ได้นอนบนเครื่องเลย นอนไม่หลับ เราบินถึงตอนบ่าย 2 แหะ ๆ กว่าจะเข้าเมืองก็ 4 โมงเย็นแล้ว (เอาเวลาคืนแรกของฉันคืนมา)

ญี่ปุ่น

          จบวันแรกไปแบบเบา ๆ พองาม เพราะสติหายไปเร็วมากเลยค่ะ

          วันที่ 2 Ghibli Museum-Kawaguchiko

          เช้าวันที่ 2 จ้า วันที่ครึ่งเช้าต้องออกไป Studio Ghibli Museum (เนื่องจากว่าในช่วงที่กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งเขาปิดปรับปรุงพอดี) ที่ต้องเบียดแพลนเข้าไปให้ได้เพราะที่นี่เป็นความใฝ่ฝันของเราจริง ๆ ค่ะ อ้อ...ตั๋วซื้อที่ LAWSON นะคะยากนิดหนึ่ง เราฝากคนรู้จักซื้อ หรือจะไปลุยเองก็ไม่ว่ากัน ตั๋วนี้เราได้คนรู้จักใจดีซื้อให้ แต่เรามีโอกาสได้ไปซื้อตั๋วโดราเอมอนเอง ลุยมาแล้ว...ถึงกับต้องคุยไลน์พร้อมกับถ่ายภาพประกอบให้พี่ที่อ่านญี่ปุ่นได้ในไทยช่วยทีเดียว หืดขึ้นคอ ขอความช่วยเหลือจากพนักงานแอบยากจริง ๆ เพราะตอนนั้นไปซื้อที่โอซาก้า แล้วเขาคือแบบ...ช่วยแต่เหมือนไม่ช่วย เข้าใจไหมคะ คือสื่อภาษากันยากลำบากแท้ คือพูดโดราเอมอนเขางงมากจริง ๆ มีเพื่อนเคยรู้จักเขาถึงกะต้องร้องเพลง อั๊ง อัง อัง...พนักงานถึงจะอ๋อ

ญี่ปุ่น

          รถบัสมาแล้ว...น่ารัก

ญี่ปุ่น

          โทโทโร่นั่งขายตั๋ว...หลอก

ญี่ปุ่น

          Ghibli Museum ตกแต่งได้น่ารักจริง ๆ ใส่ใจทุกรายละเอียด เรื่องดัง ๆ ก็เช่น Spirited Always เรื่องนี่โด่งดังชนะออสการ์ สาขาแอนิเมชั่น มาแล้วนะคะ และ Totoro ที่เป็นสัญลักษณ์ของสตูดิโอนี้ แล้วก็เรื่องสุสานหิ่งห้อย ที่เรียกน้ำตาคนดูมานักต่อนัก ก่อนมาที่นี่ควรดูหนังของจิบลิให้ได้มากที่สุดนะคะ ไม่เช่นนั้นจะไม่ค่อยอินมาก เพราะจะมีตัวละครในเรื่องแทรกอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ

          ข้างในก็ห้ามถ่ายรูปจ้า ถ่ายได้แต่รอบนอก

ญี่ปุ่น

          เราก็ต้องทำเวลามาก ที่เด็ด ๆ คือเราลองไปกินโรงอาหารของที่นี่ คือน่ารักมากกกกก มีที่นั่งให้ต่อแถว และเราทำภารกิจโดยการรีบมากินตั้งแต่เปิด เราก็สั่งอะไรไม่รู้ งง ๆ งวย ๆ ไป ได้มาเป็นซุปข้าวต้มกับขนมปังทอดไส้หมู พอมาปั๊บเราชิมซุปละแบบ โอ๊ย...ไม่ไหว ไม่ถูกกับรสชาตินี้เลย เหมือนเราดูเมนูผิด เราเห็นแต่หมูทอด ๆ อะไรสักอย่างก็เลยสั่ง ส่วนขนงปังหมูทอดที่ว่าอร่อยมากกกกกกกก แต่ที่ช็อกคือตอนเดินไปจ่ายตังค์ พนักงานยกถาดซุปมาแล้วทำหน้าตื่นตกใจว่า You don’t like the soup ???  ฮือ ๆ รู้สึกผิด...ก็เลยตอบไปว่า I like this one ละชี้ไปที่จานขนมปัง 55555555

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ไปหมดอยู่ในร้านขายของฝากเกือบ 1 ชั่วโมง ฮ่า ๆๆ กลัวว่าชาตินี้ในญี่ปุ่นจะไม่ได้ซื้ออีกแล้ว แต่พอวันหลัง ๆ มาเที่ยวโตเกียวข้างนอก....เพียบบบบบบ

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นก็มาขึ้นรถบัสเพื่อไปคาวากูชิโกะ สวดมนต์ภาวนาขอให้ได้เห็นเจ้าฟูจิซังเถอะ...เพี้ยง ๆๆๆ พอมาถึงปั๊บ ลงจากรถขอช็อกตายหนึ่งสลบ หนาวมาก ๆๆๆๆ จำได้ไหมเราส่งเสื้อหนาวไปโอซาก้าแล้ว คือคนรอบข้างใส่เสื้อหนาวกันหนาเชียว

ญี่ปุ่น

          และก็มีรถจากโรงแรมมารับไป ระหว่างทางก็ถามคนขับรถว่าไหนฟูจิ เขาก็บอกว่าอยู่ด้านหลัง...ฮืออออออ หลังเมฆ ฮือ ๆๆๆๆๆๆ ไม่เห็นเลยยยยยย T____T เศร้าใจเบา ๆ แต่ยังมีหวังถึงวันพรุ่งนี้

ญี่ปุ่น

          ถึงที่พักแล้ววววว งบประมาณหมดไปกับที่พักคืนนี้กว่าครึ่ง...ตามราคาจองในเว็บเขาว่าจาก 12,000 บาท เหลือ 7,000 บาท คงเพราะอยู่ในช่วงโลว์ค่ะ

ญี่ปุ่น

          ในตู้เสื้อผ้าเขาก็มีชุดให้เปลี่ยน มีไซส์ให้เลือก 3-4 ไซส์จ้า บอกเลยต้องเปิดคลิปดูตอนใส่ ไม่รู้วิธีจริง ๆ 55

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          และแล้วก็มาถึงอาหารมื้อไฮโซที่สุดในทริป แต่...เยอะไปนะ ล้างจานเหนื่อยไหม

          มีอย่างละนิดอย่างละหน่อย ที่เห็นหม้อตรงกลางเป็นชาบู ๆ เขาจะให้เลือกอาหารตั้งแต่จองที่พักแล้วค่ะ ด้านข้าง ๆ เป็นข้าวแนว ๆ ทรงเครื่อง พอเรามานั่งเขาก็มาจุดไฟให้แล้วบอกว่าห้ามเปิดก่อน 30 นาที เราเห็นโต๊ะข้าง ๆ เปิดมาดู พนักตกใจรีบวิ่งมาห้ามใหญ่เลย ระหว่างนั้นเราก็กินอย่างอื่น ๆ จนครบ 30 นาที อิ่มแล้วจ้า...อุ่ยข้าวล่ะ...ฮือ ๆๆ ประสบการณ์เลวร้ายจากสตูดิโอจิบลิ คือเวลากินไม่หมดเขาดูจะเสียใจอย่างยิ่ง ผลักภาระให้คุณแฟนทันทีค่ะ

ญี่ปุ่น

          และแล้วก็ออกไปเดินเล่น ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว...พอเดินออกมาทันใดนั้น คุณแฟนก็พูดขึ้นมา โอ้ ! ฟูจิ...เราก็ฮะ ไหน ๆๆๆ ละก็มอง ๆ ชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งเป็นเงา ๆ แล้วก็ตื่นเต้น โอ้ว ๆๆๆ นี้ฟูจิเหรอ ใหญ่มาก ๆ ว้าว ๆๆ แฟนตบหัวหนึ่งทีแล้วบอกว่าฝั่งนี้....(เรามองผิดชี้มั่วไปที่ภูเขาดำ ๆ ลูกไหนไม่รู้อยู่ใกล้ ๆ ใหญ่ ๆ หน่อย 55555555)

ญี่ปุ่น

         หลังจากนั้นก็กลับมาที่ห้อง เขาก็ปูที่นอนให้อย่างดีตามสไตล์ญี่ปุ่น...อาย ไม่บอกก่อน ของจากเป้นี่กระจุยกระจาย

ญี่ปุ่น

          คืนนี้นอนด้วยวิวฟูจิสวยงามฝันดีค่ะ

ญี่ปุ่น

          แถมอีกภาพที่แฟนเราต้านลมหนาวแบกขากล้องออกไปเก็บภาพมาค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          วันที่ 3 Shibazakura-Chureito...and go to OSAKA

          ตื่นมาตอนเช้าก็เห็นฟูจิซังชัดเจนเต็มตา สวยงามสมคำร่ำลือ ถึงจะติดใจตอนกลางคืนมากกว่าแต่ตอนกลางวันก็สวยมากจริง ๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ไปเทศกาลชิบะซากุระ นั่งรถทัวร์ไป ไปถึงโมโหมากเพราะหนาวมากกกกกกก 5555 โวยวายอยากกลับ รีบเดินรีบกลับนะ...ถึงกะเอา Pocket Wi-Fi มาถือแปะหน้าแปะมือ ให้ความอบอุ่นทุกส่วนในร่างกาย  พอดีคุณแฟนเป็นคนบ้ากล้อง 555 คือเขาชอบถ่ายนะไม่ได้ชอบโดนถ่าย เลยต้องให้เวลาเขาถ่ายรูปให้สมใจ แบกขาตั้งและเลนส์มาเพียบ เรานี้เป็นลูกมือได้แล้วเวลาเปลี่ยนเลนส์ ออกจะหงุดหงิดเบา ๆ เพราะเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แต่พอเห็นภาพก็หยุดบ่น และมันจะมีจุดที่คนไปรวมตัวตั้งขากล้องถ่ายฟูจิ ทำให้ช่วงตรงนั้นอุ่นมากกกกกกกกกก และเราก็ไปซื้อกาแฟร้อน นมร้อนมาถือไว้ เราเลยสามารถต่อชีวิตที่นี่ได้อีกหน่อย (ป.ล. พยายามเดินหาร้านขายเสื้อกันหนาวแล้วแต่ไม่มีจริง ๆ มันเป็นนอกเมืองมาก ๆๆๆๆ)

ญี่ปุ่น

          ช่วงนี้ฟูจิซังโผล่มาทักทายแบบอาย ๆ

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาทางออกจะไปขึ้นรถบัสกลับ ก็เจอร้านขายเสื้อ ชีวิตเรามักเป็นเช่นนี้เสมอ บอกเลย !!! อันนี้เก็บภาพระหว่างทางจ้า

ญี่ปุ่น

          และที่สุดท้ายที่จะไปในคาวากูชิโกะ ก็คือ เจดีย์แดง แอบเป็นสถานที่ลับ ๆ เล็ก ๆ เพราะมันนั่งออกไปแบบชนบทกว่าเดิมเลย เป็นสถานีเล็ก ๆ มาก ๆ ที่ตั๋วยังใช้วิธีเจาะอยู่เลย

ญี่ปุ่น

          ฟูจิเป็นพระเอกอยู่ที่นี่ ทุกอย่างเลยมีแต่ฟูจิ ๆๆ น่ารักกกกกก

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็เดินตามลายแทงไปจ้า เดินผ่านบ้านคนเล็ก ๆ น่ารักมากมาย รถก็เล็ก ๆ น่ารักสุด ๆ มีต้นไม้คล้าย ๆ ต้นบอนไซยักษ์แต่ก็ยังดูเล็ก ๆ น่ารักมาก คูน้ำ ไร่เล็ก ๆ ฟินมากเลย หนาวแต่มีแดด ทำให้อบอุ่น ทุกอย่างเล็ก ๆ ดูเหมาะกับส่วนสูงเรามากจึงชอบเป็นพิเศษ เดินไปถึงปั๊บ โอ้วมายกอด...บันได !!!! มองละท้อ สละเรือทันที บอกคุณแฟนว่าบาย...รออยู่นี้นะ ลาก่อน อยากขึ้นไปถ่ายรูปใช่ไหม ไม่เป็นไรรอได้ ๆ เชิญตามสบาย แต่คุณแฟนไม่ยอม เลยตบตีตกลงกันได้ว่าให้คุณแฟนเดินนำไปก่อนเลย เราขอเดิน ๆ พักๆ ดีกว่า ก็ตามนั้นค่อย ๆ ไต่ ๆ ขึ้นไป นั่งพักเป็นระยะ จนจุดหนึ่งสูงมากแล้ว พอจะนั่งพัก หันกลับมาเท่านั้นแหละ โอ้โห ! วิวที่คุ้มค่าแห่งการปีนบันได ฟูจิยิ้มตอนรับเราจริง ๆ สวยมาก ๆๆๆๆ ตัดกับขอบต้นไม้ และด้านล่างมีบ้านเมืองเล็ก ๆ ฟินมาก ๆๆๆๆๆๆ มันเป็นที่ที่เหนื่อยแต่คุ้ม

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่ Osaka เมืองแห่งคนใจดี (เขาว่าอย่างนั้น ^^) นั่งรถบัสไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดแล้วก็ใช้ JR PASS จองตั๋วชินคันเซนไปโลด จองที่นั่งไว้ก่อนจะดีมากนะคะ มันจะมีตู้ Reserve และ non-reserve จะได้มีที่นั่งแน่นอนไม่ต้องไปยืนเอาดาบหน้า และก็ที่สำคัญ !! ข้าวกล่องรถไฟในตำนานนนนนนนน เก็บมานานใช่ไหม เย็นชืดขนาดนี้ ขอบอกเลย...อย่าเอาความอร่อยเป็นหลัก มันเรียกว่ากินได้ แต่ถ้าจะกินแก้เคล็ดเก๋ ๆ ก็แบ่ง ๆ กันเถอะ รสชาติไม่ได้เลิศเลอ แต่ได้ฟิล ฟิลที่แบบต้องกินระวัง ๆ เดี๋ยวซอสเลอะคนข้าง ๆ (ป.ล. ด้วยที่เราเลือกไม่เก่งเองหรือเปล่าไม่แน่ใจนะ ถ้าบางคนที่เคยกินแล้วอร่อยต้องกราบขออภัยจ้า ชีวิตเรามักเลือกอาหารผิดเสมอ T_T)

ญี่ปุ่น

          *วิธีใช้ตั๋ว JR PASS คือ เอาตั๋วที่เราซื้อจากเมืองไทยแพ็กเกจซองยาว ๆ เนี่ยแหละ ไปแลกเป็นกระดาษแข็ง ๆ ที่สถานีใหญ่ ๆ ได้ เช่น ชินจุกุ โตเกียว แล้วก็ระบุวันที่เริ่มใช้นับไป 7 วัน ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนวันที่ใช้วันแรกนะคะ ใช้วันไหนก็บอกเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าได้เลย อย่างเราไปเปลี่ยนวันแรกที่ถึงโตเกียว ระบุใช้จริงถัดไปอีก 2 วันจ้า

          ถึงแล้วววววว อ้อ...ตลอดทางเรามีชีวิตรอดด้วย Pocket Wi-Fi  และ Hyperdia กู้โลกนะคะ ฝึกใช้ก่อนไป เวลาที่นี่เป๊ะมาก ๆ เป๊ะจนสามารถเป็นรหัสขบวนที่ถูกต้องได้เลย รหัสง่าย ๆ สำหรับนั่งชินคันเซนคือดูเลขชานชาลาให้ถูก แล้วก็เลขตู้โบกี้ แล้วก็ไปก่อนเวลาบนตั๋วสัก 15-20 นาทีนะคะ เวลาที่ระบุคือเวลาที่รถไฟวิ่งออกจากชานชาลา มันจะมาถึงก่อนแค่ไม่กี่นาทีแล้วช่วงนั้นแหละต้องเอาตัวเองขึ้นรถไฟให้ได้เลย ถ้ามาช้าแล้วไม่แน่ใจว่าเข้าถูกตู้หรือเปล่า ก็วิ่งเข้าตู้ไหนก็ได้ก่อนเลย แล้วไปเดินหาตู้ที่ถูกเอา แต่แนะนำให้มาก่อนแล้วต่อแถวตู้ที่ระบุไว้นะคะ สำหรับคนจองที่นั่ง ส่วนรถไฟทั่วไปก็ต้องดูชื่อสถานีให้แม่น ส่วนใหญ่ที่ชานชาลาจะบอกว่ากำลังวิ่งไปทางไหน ก็เช็กให้ดี เวลาจาก Hyperdia ก็เป๊ะมาก แต่เริ่มสัมผัสได้ว่าถ้าเวลาไม่เป๊ะขนาดนี้รถไฟที่นี่ชนกันมันแน่นอนค่ะ

          ถึงโอซาก้าแล้วเราก็เก็บของพักผ่อนจ้า กว่าเราจะถึงก็ค่ำ ๆ แล้ว เดินหาของกินแถวโรงแรม ให้ตายเหอะไข่เฉย ๆ ยังอร่อย อร่อยมาก ๆ เลย เหมือนเป็นร้านอาหาร 24 ชั่วโมงของที่นี่ แต่เด็ดจริง

          ป.ล. เราได้ลองใช้ตู้กดซื้ออาหารครั้งแรกที่นี่ด้วย ตื่นเต้นมาก คนญี่ปุ่นคงมองแล้วแบบบ้านนอก 2 ตัวนี้ตื่นเต้นอะไร

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็กลับห้องพัก เตรียมไปเที่ยวเกียวโตให้ขาระเบิดกันเลยจ้า

          วันที่ 4 Let’s go to KYOTO

          เช้าวันต่อมาก็เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่เกียวโตเลย นั่งชินคันเซนไปประมาน 20-30 นาที จากที่เราศึกษาหาข้อมูลถ้าจะเที่ยวเกียวโตให้ทั่วแบบไม่ใช่ทัวร์ชะโงก ควรใช้เวลา 2 วันนะคะ แต่เราไปได้วันเดียว เราเลยเลือกโซนที่อยู่ล่าง ๆ คือแถบวัดคิโยมิสึ (วันน้ำใส) ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (เสาแดง ๆ) และย่านกิออน

ญี่ปุ่น

          วันนี้เราตั้งใจว่าจะมาแต่งชุดยูคาตะหรือกิโมโนเพื่อให้ได้ฟิล ที่เช่าคือแถว ๆ หน้าวัดคิโยมิสึค่ะ เดินหา ๆ เอาเลยแต่ร้านนี้ดีประทับใจเลย พกตากล้องมาด้วยแบบนี้แล้วต้องเอาให้คุ้ม ตั๋วเข้าวัดคิโยมิสึจ้า เขาบอกว่าให้เก็บเอาไว้เป็นเครื่องรางได้ด้วย

ญี่ปุ่น

          เราเช่าสุดใหญ่แบบเต็มสตรีมเลย ตกแล้วประมาน 1,800 บาท สนุกมากตรงที่เขาให้เลือกทุกสิ่งมาประกอบร่างเอง เริ่มจากผ้าผืนใหญ่สุดที่เป็นลายห่อตัวเราชัด ๆ เขามีห้องให้เดินหยิบเลือกเลย เรียงกันมากมาย เราก็เลือกผ้าอันดับแรก แล้วก็ผ้าซับในไม่รู้เรียกอะไร ต่อด้วยผ้าที่คาดๆเอว เชือกมัด กระเป๋า รองเท้า และมีถุงเท้าให้ ที่ตื้นตันกว่านั้นคือมีช่างทำผมให้ มี 3 แบบให้เลือก หรือจะเอาแบบที่พกมาเองในมือถือก็ได้ เพิ่มเงินเล็กน้อย เราก็เลือก ๆ ชิ้นส่วนประกอบร่างไป พอหลัง ๆ มีพนักงานมาช่วย เราเลือกบางอย่างคงผิดแปลกไป เขาทำหน้าตกตะลึงแล้วก็หยิบอันที่มันโอเคเข้าชุดกว่าให้เรา 555 อายจุงเบย...

          หลังจากนั้นก็นั่งรอเรียกชื่อเพื่อไปทำผมและแต่งตัว เขาไล่ไปฉี่ก่อนที่จะมาแต่งตัวด้วย และก็แนะนำเพื่อน ๆ ไว้เลยว่าอย่ากินน้ำเยอะ ไม่สามารถแกะมาฉี่ได้เพราะทับแล้วทับอีกเป็นสิบ ๆ ชั้นเลย แบบหายใจไม่ได้…คิดว่าเดี๋ยว 2-3 ชั่วโมง คงมาถอดแน่ ๆ แต่หลังจากแต่งชุดเสร็จแล้วก็จ่ายตังค์ตอนท้าย ทำให้มีพลังที่จะอยู่ได้ยาวนานทั้งวันเลยทีเดียว

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          และเราก็เดินที่วัดน้ำใสจนครบ ก็คิดว่าอยากไปถ่ายรูปที่เสาแดงมาก ๆ ฉากต้องสวยแน่ ๆ เลย แต่เขาให้กลับมาคืนชุดให้ทัน 1 ทุ่ม คือเราเช่าชุดแล้วสามารถแต่งเดินได้ทั้งเมืองหรือทั้งวันเลยนะคะ เราก็ลงทุนนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า เพราะสถานีรถไฟห่างกับวัดน้ำใสพอสมควร ก็จัดไป...พอลงจากรถก็เป็นคนมารยาทดีปิดประตูแท็กซี่ไปเต็มแรง เขารีบโบกมือทำหน้าแบบยิ้มเล็ก ๆ ว่า หยุดนะมันปิดอัตโนมัติ ในใจคงแบบบ้านนอกจัง 5555 แล้วประตูก็ปิดตามแรงเหวี่ยงของมือแล้วไปชะลอตอนใกล้ ๆ ปิดสนิทช้า ๆ แบบมารยาทดี

          ป.ล. ค่าแท็กซี่...ต้องรวยและ...ด้วยนะ เข็ดแล้วจ้า เราจำไม่ได้แบบแน่ชัด แต่ก็ช็อกเบา ๆ แต่ไม่เป็นไรเพิ่งวันแรก ๆ เงินยังพอมี…เดี๋ยวหลัง ๆ รู้กัน

ญี่ปุ่น

          มาถึงศาลเจ้าฟูจิมิอินาริแล้ว เคยอ่านมาเขาว่าศาลเจ้าก็คือศาลเจ้าไม่ใช่วัด...อืมเข้าใจแค่นั้นแหละจ้า แต่ศาลเจ้าไม่ใช่วัดนะ เข้าใจใช่ไหมคะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ก่อนเข้าวัดและศาลเจ้าทุกที่จะมีกระบวยให้ล้างมือนะคะ แต่จะมีสเต็ปที่ถูกต้องด้วย แล้วก็ไปโยนเหรียญ สั่นกระดิ่งขอพรจ้า 

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          เดินถ่ายรูปไปเรื่อย เดินไปตามเสา เขาว่าสำหรับคนที่ทำธุรกิจค้าขายจะมาอธิษฐานกันที่นี่ และเมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จก็จะมาสร้างเสาไว้ ทำให้เสาที่นี่ต่อเรียงกันเยอะมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็เดินลอดไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งจะมีจุดวัดใจว่าคุณจะไปต่อหรือตกรอบฮะ จุด ๆ นั้นคือเท้าแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว ใส่ชุดแล้วต้องใส่รองเท้าเป็นเกี๊ยะด้วยเลยไม่ไหว และด้วยความที่เท้าพังแต่ต้องกลับไปคืนชุดประกอบกับช็อกกับค่าแท็กซี่ขามา เลยนั่งรถไฟกลับไปวัดน้ำใสจ้า จากนั้นก็เดินเล่นหน้าวัดน้ำใส ถ่ายรูปอึดใจสุดท้ายแล้วก็คืนชุด นี่หรือสวรรค์...ตัวเบาหวิวววววววววว

ญี่ปุ่น

          และก็เดินไปย่านกิออน เปิด GPS ดู โอ้วไม่ไกล ๆ........ไม่จริง...ไกล แต่ได้รูปฉากสวย ๆ ก็คุ้มค่า

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นก็เดินไปตามลายแทงร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ของทอดอร่อยมาก ๆๆ ถึงจะเดินหลง 1 ชั่วโมง เกือบถอดใจ แต่เรื่องของกินเราไม่มียอมแพ้ หลังจากนั้นก็นั่งชินคันเซนกลับโอซาก้า พักผ่อนตามอัธยาศัย นอนแบบดับวูบเลยจ้า

          วันที่ 5 ~O S A K A~

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ตะลุยโอซาก้าวันแรกก็ไปตามห้างและย่านดังเลย บอกเลยว่าแหล่งช้อปปิ้งเขามีทุกซอกทุกมุมจริง ๆ ใครแพ้ของจุกจิกน่ารัก ๆ ตัวการ์ตูนนี่หมดตูดได้ง่าย ๆ ทีเดียวเชียว เรานี่หันเป็นนกฮูกตลอดทาง คือมองจนลับสายตา แต่ไม่ซื้อก็ได้ยังต้องอยู่อีกหลายวัน...และก็ไปเดินย่านดังนัมบะ ชินไซบาชิ มันจะเป็นทางเดินช้อปปิ้งยาว ๆ ต่อกันเลย ยาวมาก ๆๆ เราชอบการตกแต่งร้านแถวนี้มากเลย ดูแบบงัดไม้เด็ดออกมากันหมด

ญี่ปุ่น

          ร้านนี้หน้าคุ้นจัง

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ที่สำคัญคือไปหาพี่กูลิโกะจ้า

ญี่ปุ่น

          กินปู 2 ชิ้น 700 เยน จำราคาขึ้นใจแต่ก็หวานมากกกกกก ไม่ต้องจิ้มมมมมมม

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ตามธรรมเนียมการไปเที่ยวกับคุณแฟนเราคือชอบสะสมบัตรสตาร์บัคส์ของเมืองนั้น ๆ โอซาก้านี่สวยงามมาก ๆ ชอบ ๆ แล้วก็ที่สำคัญคือเรามักจะชอบนั่งพักเขียนไดอารี่หรือความรู้สึก ณ ช่วงนั้น เราเลยตกลงที่จะซื้อเครื่องพริ้นท์รูปแบบโพราลอยมาแปะลงไดอารี่และก็แบ่ง ๆ กันเขียน แล้วก็เก็บทุกสิ่งอย่าง เช่น ทิชชู กระดาษห่อกล่องข้าว ที่รองแก้วน้ำ บลา ๆๆๆ ซึ่งบางอย่างคนที่นั้นอ่านจะเรียกว่าขยะก็เป็นได้ แต่เราก็เก็บมาหมดเลย มันเป็นความทรงจำสนุก ๆ นะคะ ถึงตอนนี้ก็อยู่ในลังที่เก็บของแต่วันหนึ่งถ้าเอาออกมามองคงเจอปลวก เย้ย ! คงเป็นไทม์แมชชีนให้เราได้อย่างดีเลย ตอนแรกเราก็ทำกันจริงจังมาก แปะกันสวยงาม เขียนกุ๊กกิ๊กน่ารัก จนวันหลัง ๆ มีอะไรก็ยัด ๆๆ ลงไป หนาเป็นปึก ๆ ไม่ได้เขียนแล้ว ฮ่า ๆๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          กิจกรรมเก็บตกของเรา คือ เราพกสมุดเล่มเล็ก ๆ ไปด้วย ทุก ๆ สถานีจะมีตัวปั๊มประจำสถานีด้วยนะคะ เราเก็บมาจนหมดเล่มเลย สนุก ๆ เหมือนมิชชั่นเล็ก ๆ ระหว่างทริป

ญี่ปุ่น

          วันนี้เราก็เดินเล่นทั้งวันค่ะ กินสิ่งที่เขาบอกว่าต้องมากินเมื่อมาโอซาก้า

          1. ทาโกะยากิ : อร่อยมาก ๆ เลย ที่ไทยจะเป็นแป้ง ๆ ใช่ไหมคะ ตามร้านทาโกยากิปลอม 3 ชิ้น ก็อิ่มแล้ว ที่นี่คนเดียวทั้งถาดยังได้ คือมันเป็นแป้งกรอบรอบนอกแล้วด้านในก็จะเป็นน้ำซุป ๆ ชุ่มออกมา อร่อยมาก ๆเลย

          2. โอโคโนมิยากิ : อร่อยค่ะ แต่ที่ไทยก็ยังมีร้านรสชาติใกล้เคียง

          มีอีก 2 อย่าง เป็นพวกทอด ๆ กับอะไรสักอย่างเราลืมค่ะ ขออภัย...T/\\T

ญี่ปุ่น

          วันที่ 6 Sea Life KAIYUKAN

          วันถัดมาเรายังเที่ยวอยู่ที่โอซาก้า คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ใหญ่โตมโหฬารดี แต่ที่ไทยก็พอมีแถว ๆพัทยาใหญ่ไม่เท่าแต่ก็หลากหลายอยู่นะคะ เจอเด็กทัศนศึกษาด้วยน่ารักสมคำร่ำลือเด็กญี่ปุ่น แบบฉบับชินจัง แล้วก็เจอพี่คู่นั้นที่เจอที่ฟูจิ...แปลกดีนะคะ คนไทยไปเจอที่นั้นแบบไม่ได้นัดหมายถึง 2 ครั้ง แถมยังไม่ใช่ที่เล็ก ๆ ซะด้วย (จริง ๆ เจอเขาอีกครั้งที่วัดอาซากุสะตอนเข้าโตเกียว อะเมซิ่งไทยแลนด์จริง ๆ) ซื้อตัวก่อนเลย มันมีแบบซื้อพร้อมขึ้น Tempozan Ferris Wheel หรือชิงช้าสวรรค์ใหญ่บิ๊กบึ้มค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          Hi... เล่นเอาสะดุ้งแต่น่ารัก

ญี่ปุ่น

          อันนี้เป็นความกว้างของกระจกตู้ปลา หนามากกกกกกกก

ญี่ปุ่น

          แล้วก็พระเอกของที่นี่ค่ะ อยากให้ดูเทียบสเกลเวลาถ่ายรูปนี่ยากตรงที่จริง ๆ มันตัวใหญ่มาก แต่พอถ่ายแบบตัวปลาเฉย ๆ จะนึกว่าตัวเล็ก เลยพยายามถ่ายเทียบสเกลมาดูค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ตัวนี้น่ารักมาก นอนแทะน้ำแข็งเหมือนหมาเลย แล้วสักพักมันก็หันมามองตาแป๊ว

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นก็ออกมาที่ Tempozan Ferris Wheel อยู่ข้าง ๆ กันเลยจ้า

ญี่ปุ่น

          ห้องที่เป็นกระจกใส 360 องศา จะมีอยู่ประมาน 4 ห้อง เท่านั้นนะคะ ที่เหลือทึบ มันจะมีให้ต่อแถวแยก ส่วนใหญ่คนก็จะไปรอแถวนั้นกันค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ออกมาเดินย่านดังแถบโอซาก้าอีกครั้ง ที่นี่ตู้จับตุ๊กตาเยอะมาก ๆๆๆ และก็หลายรูปแบบมาก ๆ ก็จัดไปสักครั้ง อยู่เมืองไทยไม่เคยมีโชคแต่มาที่นี่หยอดไป 2 เหรียญเท่านั้น ได้ฟิกเกอร์ไฮโซราคาแพง...คุณแฟนนี่ยิ้มหน้าบานกว่าเดิมด้านละ 2 นิ้วทีเดียว และก็ไม่เพียงแค่นั้น จับได้ต่อเนื่องในเหรียญเดียว เป็นตุ๊กตาไมค์จากเรื่อง Monster Inc. เริ่มรู้สึกว่านี่แหละคือที่ของเรา...เหรอ

ญี่ปุ่น

          ชะแวบ...มาอยู่ในมือซะดี ๆ

ญี่ปุ่น

          บ้าเห่อถ่ายรูปฮะ

ญี่ปุ่น

          ส่วนตัวนี้ก็ฝีมือคุณแฟนเช่นกัน ประเด็นคือตอนเห็นคุณแฟนวางทำตำแหน่งมือจับแล้วแบบโวยวาย เฮ้ย...จะจับอะไรเนี่ยเปลืองเหรียญ ปรากฏจับได้เลยจ้า ดีใจมากกกก...ปนเงิบบบบบ 555555

          แล้วก็กลับที่พักหมดไปอีกหนึ่งวันอย่างอารมณ์ดีเพราะได้จับตุ๊กตาได้ ^^

ญี่ปุ่น

          ป.ล. ถ้าใครหมั่นไส้เกินจะบอกว่าชีวิตดาร์ค ๆ หลังจากนี้ก็มีนะคะ

          วันที่ 7 Universal Studios Japan

ญี่ปุ่น

          Universal Studios Japan จ้า มีป้ายกำลังสร้างแฮร์รี่ พอตเตอร์ ให้เจ็บใจเล่น ฮือ ๆๆๆ เรามาวันนี้คนค่อนข้างน้อย อาจจะเพราะมีพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตกเย็น ๆ มั้งคะ แต่เวิร์คมาก เราได้เล่นสไปเดอร์แมนแบบไม่ต้องต่อคิวเลย เพราะว่าตอนเราเดินเข้าไปเราเจอกลุ่มเด็กญี่ปุ่นวิ่งกรูไปทีหนึ่ง ด้วยสัญชาติญาณดิบค่ะ เรากับคุณแฟนวิ่งตาม ฮ่า ๆๆ นำไปสู่สไปเดอร์แมนตอนเพิ่งเปิด อิอิ เลยได้เล่นเลย

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          สนุกมาก ๆๆๆๆ ประทับใจเจ๊มาก สวนสนุกนอกประเทศครั้งแรก...นี่ฉันเกิดแต่ที่ใดมา เครื่องเล่นที่สนุกและมีเรื่องราวขนาดนี้มีด้วยรึ คือเราบ้านนอกมากจริง ๆ นะคะ ไม่เคยไปเล่นที่ไหนนอกประเทศเลย ฮ่า ๆ ชอบมากเลยค่ะ ส่วนเครื่องอื่น ๆ พอได้เล่นสไปเดอร์แมนแล้ว ที่อื่นงิดเลยค่ะ สมควรเก็บไว้เป็นทีเด็ด เป็นชุดฟินาเล่อย่างยิ่ง แต่ก็ประทับใจนะคะ ไม่คิดว่าเครื่องเล่นต่าง ๆ จะมีธีมได้ขนาดนี้ มันเหมือนบวกโชว์ไปด้วยเลยค่ะ แต่บางอย่างเราก็เบื่อไปเลยเพราะว่าเราฟังญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง เขาไม่ค่อยอินกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไรจริง ๆ ค่ะ หาภาษาอังกฤษยากมากเลย

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          อันนี้ขาไก่งวงใหญ่มาก...เค็มและคาว

ญี่ปุ่น

          ไปโดนฮัลโหล คิตตี้ หลอกมา นางเสียงสูงปรี๊ดดด น่าจะคุยกับค้างคาวรู้เรื่อง รูปนี้คุณแฟนบอกห้ามโพสต์ ๆ แต่เสียใจด้วยถ่ายมาแพงขอนิดหนึ่ง พูดแล้วยังงง ๆ ทำไมอยู่ดี ๆ เสียตังค์นะ

ญี่ปุ่น

          ตอนเย็นแล้ว...หนาวเพราะฝนตก ไฟสวยดีค่ะ

ญี่ปุ่น

          โดยรวมถือว่าตื่นเต้นและใหม่มากสำหรับเราค่ะ เล็กกว่าที่คิดเล็กน้อยหรือเพราะคนน้อยเราเดินวนได้หลายรอบอยู่ 5555 แต่เดี๋ยวเรามีสวนสนุกอีก 2 ที่ คือ Disneyland และ  Disney Sea ค่ะ

          ป.ล. การท่องเที่ยวยาวนานทำให้ได้รับรู้ว่ารีบเที่ยวก่อนแก่นะคะ.......ร้องไห้

          วันที่ 8 Sumiyoshi Taisha-Osaka castle-BACK TO TOKYO !

          วันนี้เราเที่ยวโอซาก้าวันสุดท้ายค่ะ

ญี่ปุ่น

          รถอะไรหล่อจัง

ญี่ปุ่น

          รออยู่บนชานชาลา

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ถึง วัดสุมิโยชิ ไทฉะ เป็นวัดที่ขอพรเกี่ยวกับเรื่องค้าขายค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ส่วนที่เด่น ๆ คือตรงนี้เรียกสะพานกลองค่ะ เพราะเป็นสะพานที่โค้งมาก เมื่อมองสะท้อนกับน้ำก็จะเป็นทรงกลมเหมือนกลองค่ะ เราจะเห็นมุมนี้ก็เมื่อเดินออกนะคะ ขาเข้าเราจะข้ามสะพานนี้เป็นสะพานแรก

ญี่ปุ่น

          ที่นี่บรรยากาศดีจริง ๆ ค่ะ คนน้อยมาก ๆๆ ได้ซึมซับเต็มที่ โชคดีของการเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นค่ะ ของถูก ที่พักถูก ตั๋วถูก คนน้อยประหลาดใจ

          เดินทางต่อไปที่ปราสาทโอซาก้า ด้านนอกสวยงามตามแบบฉบับ แต่เราค่อนข้างเฉย ๆ กับด้านในนะคะ เพราะด้านในมันเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่โดนบูรณะใหม่เรียบร้อยแล้ว ซื้อตั๋วด้านหน้าแล้วก็เข้าไปเลย ลิฟต์จะขึ้นไปถึงชั้นบนก่อน แต่ถ้าขึ้นถึงบนสุดที่จะไปมองวิวต้องขึ้นบันไดไปอีกค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          จากนั้นก็เดินวนลงมาดูประวัติความเป็นมาต่าง ๆ ค่ะ คล้ายเวลาไปทัศนศึกษาเลย ส่วนความสนุกของเราคือ ล่าตัวปั๊ม อิอิ เราใช้เวลาที่นี่ไม่นานค่ะ

          ป.ล. นานตอนหาทางเดินมาจากรถไฟ ไกลพอควร แง๊ ๆๆ

ญี่ปุ่น

          แล้วก็เดินทางเข้าโตเกียวจ้า ชินคันเซน...บรื๊นนนนนนนนนน

ญี่ปุ่น

          หมดของวันนี้ค่ะ ก่อนหน้านี้เรามาจองตั๋วชินคันเซนเข้าโตเกียว ตอนเราจองที่นั่งเราบอกเขาว่าเรามีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย เขาเลยให้ที่นั่งที่อยู่หลังสุดของตู้โบกี้ เพราะจะมีที่ว่างไว้วางกระเป๋าได้เลย แต่ว่าจริง ๆ เราเพิ่งรู้ตอนขึ้นว่ามันจะมีที่วางกระเป๋าใบใหญ่ตรงประตูของทุกโบกี้อยู่แล้วจ้า

ญี่ปุ่น

          วันที่ 9 TokyoSkyTree-Asakusa-Ueno-Akihabara

          วันนี้ออกเดินทางไปโตเกียวสกายทรีค่ะ ไปค่อนข้างเช้ามาก ๆ เพิ่งจะเปิด ตอนไปถึงพนักงานต้อนรับเยอะมาก ก็ถามเราว่าจองมาหรือยัง เราก็ตกใจ อุ๊ย...ต้องจองด้วยเหรอ แต่พอบอกไม่ได้จองเขาก็เชิญเราเดินเข้าไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ ซึ่งกว่าจะเดินไปถึงก็ผ่านห้องที่ต่อคิว ซึ่งเป็นห้องใหญ่ ๆ แต่มีเสากั้นคิวเหมือนเวลาไปซื้อตั๋วหนัง ขดแบบเยอะมากกกกก คือขดเต็มห้อง 2 ห้องใหญ่ ๆ แต่เวลานั้นยังไม่มีคนมาต่อเยอะ ก็โอ้ว !กั้นขนาดนี้เลยหรอ คนจะเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

ญี่ปุ่น

          จากนั้นก็ไปขึ้นลิฟต์ใหญ่ ๆ และแล้วก็หูอื้อ...ขึ้นเร็วจัง....ถึงแล้วจ้า

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          พอขึ้นไปชมเสร็จกลับลงมา...พระเจ้า ! คนต่อแถวเต็มทุกห้องเลย น่ากลัวมาก โชคดีที่มาเช้า ขอเตือนเพื่อน ๆ นะคะ จะไป Tokyo Sky Tree ไปเช้า ๆ เวลาเปิดเลย จะได้ไม่เสียเวลาต่อแถว ยาวมากจริง ๆ ในตอนสาย ๆ ตอนเราลงมาเสร็จก็ลงมาเดินช้อปปิ้งกินข้าวในตึกด้านล่างต่อ ซึ่งร้านขายของน่ารักเยอะมาก โดยเฉพาะร้าน Totoro จากสตูดิโอ Ghibli แล้วที่พิเศษกว่านั้น คือ ไม่ว่าจะซื้อของหรือกินข้าวร้านไหนเขาก็จะมีแถมเข็มกลัดน่ารัก ๆ ให้ หรือถ้าซื้อของเยอะพอประมาณเขาก็จะมีของแถมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียบเลย เราได้มาเต็มเลย...ประทับใจค่ะ

ญี่ปุ่น

          มีแต่เงามาฝาก ^^ Tokyo Sky Tree

ญี่ปุ่น

          จากนั้นก็ไปต่อกันที่วัดอาซากุสะหรือโคมแดงใหญ่ ๆ มาก ๆ อันโด่งดัง ที่ต้องไปถ่ายรูปเช็กอินกัน ขอบอกเลยว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ใครไปต้องเข้าไปไหว้แล้วก็เซียมซีด้วยนะคะ แม่นมาก ๆ มีภาษาอังกฤษแปลให้ในใบค่ะ เขาว่าเซียมซีจะทำนายถึง 3 เดือน ซึ่งสำหรับเราเหตุการณ์มันเป๊ะจนหน้าตกใจทีเดียว แหะ ๆ สำหรับคนที่คิดว่าทายเรื่องดี ๆ ก็เก็บไว้นะคะ ส่วนคนไหนได้ใบไม่ค่อยดีเขาจะมีเสาให้ผูกเพื่อนำไปสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ให้ค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แถวนี้มีร้านของกินอร่อย ๆ และต้นตำรับเพียบค่ะ เพราะแต่ก่อนย่านไหนที่เป็นวัดจะเป็นแหล่งยอดฮิตค่ะ

ญี่ปุ่น

          ไปต่อที่ย่าน UENO เราคิดว่าเหมือนคล้าย ๆ สำเพ็งบ้านเรานะ คือไม่เหมือนซะทีเดียวเพราะไม่ได้ขายส่ง แต่ฟิลลิ่งมันจีน ๆ บอกไม่ถูก ฮ่า ๆๆ แต่อาหารจะถูก ๆ มีข้าวหน้าปลาดิบให้เลือกเยอะมาก แล้วก็มีพวกใบชาเขียวขาย ร้านของฝากพวกคิทแคทชาเขียวที่ถูกมาก ๆ หาได้ที่นี่เลยจ้า แต่ก็จะมีร้านอาหารดี ๆ พวกซูชิหมุนอยู่ อร่อยทีเดียว โดยส่วนตัวเลยนะคะขอแนะนำว่าพวกซูชิ 100 เยน จะไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เราเจอลูกกระจั๊วไต่อยู่ตรงแก้วน้ำในร้านที่เราไปกินด้วย แต่พวกซูชิที่คิดราคาตามสีของจานจะดีขึ้นมาอีกมาก เพิ่มตังค์อีกนิดหน่อยกินของดี ๆ เลยดีกว่านะ (ความเห็นส่วนตัวนะคะ)

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          สุดท้ายของวันนี้ก็ไปย่านอากิฮาบาระค่ะ เดินเข้าไปอย่าได้หยุด อ้อ...ลืมเล่า ตามคำร่ำลือเลยจ้า พยากรณ์อากาศที่นี่แม่นจริง ๆ วันนี้เขาบอกว่าฝนจะตกตอนบ่าย 3 เราก็ยังคุยกับคุณแฟนว่าจะบ่าย 3 แล้ว คอยดูนะจะตกไหม บ่าย 3 ปุ๊บ แหมะ ๆๆๆ  แต่ก็แป๊บเดียวจ้า

          ถึงแล้ว...สงสัยว่าตอนเที่ยวยังมีพลังอยู่ได้เช่นไร รีวิวอย่างเดียวเริ่มจะหมดแรง 555555555

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ขอพูดถึงเรื่องตู้จับตุ๊กตาหรือตู้เขี่ย ตู้ดึง ตู้แทง มีหมดจ้า นอกจากเราได้ฟิกเกอร์จากที่โอซาก้าและตุ๊กตาไมค์จากเรื่อง Monster inc. แล้ว มาถึงที่นี่จึงมีกำลังใจอย่างมหาศาล ตู้ที่นี่ดวง 50% ฝีมือ 50% จริง ๆ นะ คือเราได้เยอะมาก ๆ จากที่ไทยไม่เคยได้เลย วิธีเล่นคือต้องคิดวิธีที่คนอื่นจะไม่ทำ จริงนะ ๆ เขายกหัวเรายกก้นอะไรแบบนี้ เราไม่แน่ใจว่าจะอธิบายยังไง แต่ง่าย ๆ คือคิดวิธีที่คิดว่าคนอื่นจะไม่ทำ เราทำแล้วเกือบจะได้ทุกรอบ แล้วก็ต้องแพลนว่าบางครั้งเหรียญเดียวมันเอาไม่อยู่แน่ ๆ ต้องเผื่อว่าสัก 5 เหรียญเนี่ยแหละ แต่คุ้มนะคะ เราได้กระทะริลัคคุมะเทฟลอนพร้อมฝาแก้วอย่างดีให้คุณแม่ชื่นชม หรืออีกอย่างคือจะมีคนที่เกือบได้แล้วถอดใจ เดิน ๆ หาเลย ร้านมันเยอะมาก ลองเล็งว่าอันนี้แหละ จะได้แล้วแต่เหมือนคนก่อนหน้านี้เขาเสียมาเยอะเลยไม่เอาแล้ว ก็จัดต่อ อันนี้ประหยัดเหรียญเรา ฮ่า ๆๆๆ
ทั้งหมดที่เราได้คือตุ๊กตากระต่ายฮา ๆ, กระทะริลัคคุมะ, ถุงเท้าโทโทโร่ ปิดท้ายด้วยหมอนหน้าจิ้งจอกจากอากิฮาบาระนะคะ แล้วก็ได้ไปกินข้าวที่ Gundum café ค่ะ

          ได้ฝาแฝด :B

ญี่ปุ่น

          วันที่ 10 Tokyo Disney Land~~~~

          ดิสนีย์แลนด์ ^____^

ญี่ปุ่น

          วิ่งไปกด Fast Pass แล้วก็ต่อแถวที่ Monster Inc. ก่อนเลย หลังจากนั้นก็แวะกินข้าว โรงอาหารทุกที่มีธีมหมดเลยน่ารักมาก

          ก็ขอบอกไว้เลยไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาแค่ไหน คนก็มหาศาลมาก ๆๆ อยู่ดี ที่นี่จะเน้นครอบครัวมาก ๆ คือรถเข็นเด็กจอดเรียงกันเป็นมอเตอร์ไซค์เลย แบบเยอะมาก ๆๆ เด็กประเทศนี้โชคดีจริง ๆ ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเด็กมาก ๆ เลยนะคะ ทุกอย่างเขาจะเน้นที่พัฒนาเด็ก ๆ ของเล่นของใช้ ชุดเสื้อผ้า แทบจะทุกยี่ห้อจะมีชั้นแยกของเด็กให้ แล้วก็บัตรส่วนลดต่าง ๆ พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เยอะมากจริง ๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ส่วนเครื่องเล่นก็สนุกแบบว่าไม่เคยเล่นมาก่อน คือเราบ้านนอกจริง ๆ เลยตื่นเต้นกับสิ่งภายนอกง่าย ฮ่า ๆๆ แบบว่าสนุกง่าย แต่ก็สนุกจริง ๆ นะคะ เราชอบความที่เข้าใส่ใจกับรายละเอียดในทุก ๆ เรื่องเลย ต้องมาสัมผัส อิอิ ขนาดพนักงานแคชเชียร์เขาเห็นเราถือของเยอะ เราซื้อของเขาชิ้นเล็กนิดเดียวเขาเอาถุงใหญ่มาให้เราใส่ของทั้งหมดเลย จะได้ไม่อุรังอุตัง...(ตึ่งโป๊ะ) เราปลื้มเลย ฮ่า ๆๆ หรือเขาสงสารก็ไม่แน่ใจ แล้วก็ถึงเวลาซื้อของฝากที่ดิสนีย์แลนด์ เราซื้อกี่ชิ้นเจาจะนับถุงตามจำนวนชิ้นรวมมากับถุงใบใหญ่ให้เราเลย เหมือนคิดว่าเราต้องซื้อไปฝากใครแน่ ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ที่นี่นะคะ เป็นกันเกือบทุกร้านเลย จะถามว่าเราจะเอาถุงกี่ใบ ใส่ใจจริงๆ

          แล้วก็มาถึงช่วงเวลาพาเหรดกลางคืน สวยงามและหนาวจนไข้ขึ้นแต่เจ๊ยังสู้

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          หมดสติหลังจากดูพาเหรดท้าลมหนาว...ตั้งหลักแป๊บก่อนลุยเฮือกสุดท้าย

ญี่ปุ่น

          พลังมาจากไหนไม่รู้วูบหนึ่งเพื่อ Fast Pass ใบสุดท้ายกับ Buzz Lightyear สนุกมากกกกกก

ญี่ปุ่น

          ก่อนกลับอีกสักหน่อย มาถึงที่นี่ต้องซื้อพร็อพ จะอินมาก 55 ใครไม่ใส่กลายเป็นประหลาดไปเลย ทุกคนจัดเต็มกันมากเลย ที่สำคัญคือแค่นั่งรถไฟมาก็รู้แล้วว่าขบวนไหนจะไปดิสนีย์แลนด์ พ่อแม่ให้ลูก ๆ พกกระป๋องป๊อปคอร์นมาจากบ้านกันเลยทีเดียว แต่เป็นกระป๋องที่เคยมาซื้อที่นี่นะคะ เอามาเติมได้แบบราคาถูก อิอิ

ญี่ปุ่น

          แล้วก็อำลาไปด้วยภาพรูปปั้นคุณลุงวอลต์ ดิสนีย์ ผู้เป็นต้นกำเนิดจินตนาการทั้งมวลค่ะ ^^ (เราเกิดวันเดียวกะเขาด้วย ขออวด ๆ)

ญี่ปุ่น

          วันที่ 11 Tsukiji-Ginza-Odiba

          วันนี้เราไปตลาดปลาสิคึจิค่ะ แต่ตื่นไม่เช้ามาก แบบตี 5 ไปต่อแถวไม่ไหว เพื่อน ๆ อย่าลืมเซฟพลังงานขานะคะ แนะนำว่าไปยาว ๆ ต้องมีวันตื่นสายบ้าง วันพักขาบ้าง อย่าบ้าระห่ำเดิน ๆ ไม่อย่างนั้นถึงใจเราสู้แต่ร่างกายเราแพ้แล้วจ้า พกสเปรย์นวดไปด้วยนะคะ ฉีดนวดก่อนนอนเวิร์คมากค่ะ ต่อ ๆ เราไปถึงตลาดปลาปั๊บ พระเจ้าร้านซูชิไดในตำนานคนต่อยาวมาก ๆๆ ไปหลายช่วงฟุตบาท เราเลยพ่ายแพ้ขอทำเวลาด้วยการกินร้านใกล้ ๆ ร้านอื่นแทน ซึ่งก็ถือว่าเด็ดมาก ๆ แล้ว อร่อยมากเลย ราคาไม่แพงมาแต่คุณภาพจัดเต็มจริง ๆ ขอเรียกว่าร้านผู้พ่ายแพ้ (คิว) ซึ่งใจจริงอยากจะบอกว่าเท่านี้ก็อร่อยมากแล้วนะคะ แต่ถ้าได้ไปลองร้านเทพจริง ๆ อาจจะถอนคำพูด

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ได้ที่นั่งประจันหน้าเลย

ญี่ปุ่น

          มาแล้ว...ไม่อยากอิ่มเลยจริง ๆ อยากกินแล้วอ้วก กินแล้วอ้วก คือหมายถึงจะได้กินอีกรอบ 5555

ญี่ปุ่น

          อ้อ...เปลี่ยนใจละ กินไปเรื่อย ๆ คงหมดตูด ร้านนี้ก็น่ากิน

ญี่ปุ่น

          ไอศกรีม...มาที่นี่เราแทบจะกินไอศกรีมเช็กอินสถานที่เลยค่ะ รสชาติเยอะมาก ๆ แต่ที่เยอะสุดต้องขอยกให้เกียวโต โอซาก้า ไม่รู้ทำไมเราเจอรสชาติเยอะกว่าโตเกียวมาก ๆๆๆ เด็ด ๆ ที่ยังจำไม่ลืมคือรส Salt Milk ค่ะ

ญี่ปุ่น

          จากนั้นเราก็ไม่ต่อที่ย่านกินซ่าค่ะ วันนี้วันอาทิตย์เขาจะมีปิดถนนให้คนมาเดินช้อปปิ้ง นั่งจิบกาแฟกันกลางถนนเลยทีเดียว

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ถนนเส้นนี้จะมีแบรนด์ดังหรู ๆ มาเปิดมากมาย ซึ่งเราไม่อินเท่าไรก็เลยไปอยู่ที่ Uniqlo เกือบ 2 ชั่วโมง เพราะเป็นตึกมีถึง 9 ชั้น ซื้อกันไม่หวั่นไม่ไหว จนได้กล่องทิชชูเป็นของแถมมา 2 กล่อง ภูมิใจจริง ๆ

ญี่ปุ่น

          มองจากบนตึกยูนิโคล่ค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          จากนั้นเราก็ไป Odaiba เมืองแห่งอนาคตจ้า นั่งรถไฟไปเป็นสายที่ไม่ค่อยคุ้นเคย ตั๋วเป็นสีฟ้าน่ารักทีเดียวเชียว

ญี่ปุ่น

          รถไฟพิเศษมากตรงที่หน้าสุดและหลังสุดของขบวนไม่มีคนขับ เราก็ไม่รู้ว่าใครขับ...หรือว่า....พอ คือมันจะเป็นกระจกใสให้ผู้โดยสารได้นั่งมองรางเสมือนขับเองเลย เจ๋งมากเลย เป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่ของคนบ้านนอกอย่างเราจริง ๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ตอนขากลับไม่มีคนเลย นั่งเต็ม ๆ ฟิ้วววว

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          วิธีเซ็นเซอร์หน้าด้วยการทำภาพดำค่ะ อยากอวดแต่ไม่อยากอาย 555

ญี่ปุ่น

          แล้วเราก็ได้ไปถ่ายภาพคลาสสิกแห่งเมืองโอไดบะ คือ หุ่นยนต์กันดั้มยักษ์สเกล 1:1 

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นก็ไปกินร้านอาหาร One Piece ไปถึงก็คนน้อยนิดหนึ่งอาจจะเพราะค่ำแล้ว เมนูอาหารก็ได้คอนเซ็ปต์กับการ์ตูนดีนะคะ ชอบ ๆ ส่วนรสชาติอาหารก็ค่อนข้างได้มาตรฐานญี่ปุ่น คือ ไม่แย่ อร่อยดี แต่ไม่ได้อร่อยมาก แล้วสวยงาม ใส่ใจ ในระหว่างที่กินอยู่มีคนแต่งตัวเป็นพ่อครัวในการ์ตูนออกมามีการพูดจาตามบทบาทเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็เปิดให้ถ่ายรูปด้วย ซึ่งฟังไม่รู้เรื่องเลย ญี่ปุ่นล้วน

ญี่ปุ่น

          เมนูน่ารักตามคอนเซ็ปต์สุด ๆ

ญี่ปุ่น

          ช่วงหลังสมองไปแล้วค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          คนขวาคือนักแสดงที่เล่าฟังค่ะ

ญี่ปุ่น

          แล้วก็กลับที่พักนอนหลับฝันดี ฝันถึงเรื่องว่าจะแบกของกลับไทยอย่างไร เริ่มสะสมมามากมาย..เราจะเปิดเผยภาพกันในตอนสุดท้าย

          ป.ล. แม่บ้านที่นี่อารมณ์ดีค่ะ กลับมาที่ห้องเขาห่มผ้าให้น้องกระต่ายเราด้วย

ญี่ปุ่น

          วันที่ 12 Shibuya-Shinjuku-Harajuku

          วันนี้ตะลุยย่านดัง คือ ชิบุย่า ชินจุกุ ฮาราจุกุ เราสามารถนั่งรถไฟสาย Yamanote Line ของ JR ได้ทั่วเลยจ้า ที่นี่โดยส่วนตัวเราค่อนข้างเฉย ๆ นะคะ หรืออาจจะเริ่มเหนื่อยมาก แล้วในเมืองก็ร้อนเชียว คนก็เยอะ และจากประสบการณ์คือเราเจออาหารไม่อร่อยตอนเช้า มันเลยค่อนข้างเซ็งไปทั้งวัน เจอแต่ไม่อร่อยทั้งวันเลย แถมไปกินเครปชื่อดังที่ฮาราจุกุก็ไม่อร่อยเลย เจอของโปรดชานมไข่มุกต่อแถวซะนาน กินไป โห ! ชิดซ้ายไปเลย ต้องกลับไทยกินล้างปาก ฮือ ๆ ค่อนข้างผิดหวัง ไปญี่ปุ่นก็มีโซนดาร์คนะคะ สังเกตว่าวันนี้รูปน้อย มั้ง 5555 อากาศร้อนอารมณ์ก็เปลี่ยนทีเดียวเชียว

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          จุดถ่ายภาพ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          มุมน่ารักก็มีนะคะ

ญี่ปุ่น

          ต้องฮาราจุกุเท่านั้น

ญี่ปุ่น

          หน้าตาก่อนชิมคือโลภมาก...เลยช็อกหนัก

ญี่ปุ่น

          ชะแวบ...ตู้มีอยู่ทุกมุมเมือง..ของเด็ดฝากคุณม๊า...ปลื้มมากกว่าของซื้อฝากค่ะ

ญี่ปุ่น

          จบทริปวันที่ด้วยความดาร์ค 80% 5555 ร่างกายเราช่วงนี้ขาไปแล้วด้วยค่ะ รีบกลับไปพักขาเตรียมลุยที่เหลือดีกว่า

ญี่ปุ่น

          วันที่ 13 Doraemon-Ameyogo-Akihabara

          อั๊ง อัง อัง โตะเต้มาดาอิคึชิ โดราเอ มะอึนน...วันนี้ไปพิพิธภัณฑ์คุณแฟน เอ๊ย โดราเอมอน...กลมเหมือนกัน...แค่ยังไม่ฟ้า ชื่อจริงคือ Fujiko•F•Fujio Museum นะคะ เรา ๆ จะเรียกติดปากว่าไปโดเรมอน เพราะฉะนั้นถ้าจะไปซื้อตั๋วที่ LAWSON ด้วยตัวเองให้จำชื่อหลังนะคะ ไม่อย่างนั้นก็ร้องเพลงโดราเอมอนได้อยู่ ที่นี่ก็เด็กเพียบ ก่อนอื่นเลยเดินเข้าไปเขาก็แจกคล้าย ๆ วอตำรวจ ให้เดินไปตามห้อง ซึ่งเวลากดเบอร์ตามรายละเอียดที่แปะอยู่ตามห้องอยู่ก็มี English Version อธิบายความเป็นมาต่าง ๆ สนใจตรงไหนก็กดได้เลย ซึ่งเราหิวเลยรีบ ๆ เดิน ดูแต่รูปแล้วก็ลุยไปชั้นของกินเป้าหมายหลักของเราเลยจ้า ก็จะมีบัตรคิวให้รอ ซึ่งก็แปลกนะคะที่ญี่ปุ่นนี่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยใช้บัตรคิวกันเลย อยากกินก็รอต่อแถวยาว ๆ เฟื้อย ๆ ลูกเดียว มีที่แรกที่เราเพิ่งเจอ ก็นึกได้ว่าเออว่ะทำไมไม่ใช้บัตรคิว หรือเพื่อให้ได้บรรยากาศความยากลำบากเพื่อสร้างคุณค่าของสิ่งที่รอ...เราคิดเยอะไปเนอะ 55555

ญี่ปุ่น

          ขอยืนยันคอนเฟิร์มว่าผู้หญิงญี่ปุ่นตัวเล็ก ๆ กินจุมากก บะหมี่เยอะมากเรากินแทบไม่หมด เจอเด็กหญิงข้างโต๊ะตัวเล็ก ๆ ซูดดดดเรียบบ ที่นี่คงใช้พลังงานเดินกันเยอะจริง ๆ กินเท่าไรก็ไม่อ้วน เราน้ำหนักลดกลับมาเลยทั้ง ๆ ที่กินเยอะมากกกกกกก

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          จากนั้นก็ออกมาด้านบนมีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมากเลย ต่อคิวถ่ายกันนิด ๆ หน่อย ๆ สนุกดีค่ะ

ญี่ปุ่น

          อันนี้เด็กโข่ง...

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          อร่อยค่ะ ไส้เยอะมาก...

ญี่ปุ่น

          ได้ของฝากแล้ว...เพลินสุด

ญี่ปุ่น

          หลังจากนี้เราเปลี่ยนแพลนเล็กน้อยกลับไปเดินย่าน UENO และ AKIHABARA รู้สึกยังอยากเดินอีก เวลาเริ่มเหลือ ๆ จ้า เจอร้านเด็ดอยู่ UENO อร่อยมากเลย ที่เราเคยบอกว่าถ้าจะกินให้กินที่เขาคิดราคาตามสีจานดีกว่านะคะ เราว่าแบบ 100 yen รสชาติคล้ายบุฟเฟ่ต์บ้านเราอะค่ะ หรือเราเจอแต่ 100 yen แย่ ๆ ก็ไม่แน่ใจ

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นก็กลับห้องพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ วันพรุ่งนี้จะเป็นวันพักของเรา คือเดินย่านชิล ๆ เพื่อเตรียมตัวปิดท้ายทริปด้วย Disney Sea ค่ะ

          วันที่ 14 Tokyo Tower-Roppongi-Imperial Palace

          วันนี้เราค่อนข้างเป็นวันพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เราจะไปปิดทริปด้วย Disney Sea เราจึงค่อยข้างเก็บพลังงาน เราไปโตเกียวทาวเวอร์แต่เราไม่ได้ขึ้นไปนะคะ เพราะเราไปโตเกียวสกายทรีมาแล้ว เลยคิดว่าแวะไปทักทายสวัสดีเล็กน้อยสักหน่อยก็เพียงพอ โอ้ว...เห็นระยะทางแล้วอยากถอยหลังกลับขึ้นรถไฟ

ญี่ปุ่น

          แต่ป้ายมันบอกให้ออกไป...ขอโทษค่ะรูปน้อยต้องพยายาม 55555555

ญี่ปุ่น

          แถมดอกไม้ริมทาง

ญี่ปุ่น

          ถึงแล้วก็แวะเข้าไปใต้ตึกกินข้าวกินขนมแพนเค้กหน้าตาธรรมดาแต่อร่อยมาก รูปไม่มีเพราะกินหมด...และเพิ่งนึกได้ แหะ ๆๆๆ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          กลับ...ขากลับมีทางใหม่ให้เดินกลับด้วย...ขามาจะเดินออก ๆ ริมถนนค่ะ

ญี่ปุ่น

          ต่อด้วยย่านรบปงหงิ จะมีโด่งดังในเรื่องศิลปะ แต่แกลลอรี่ที่เราจะไปดูปิดจ้า จดจำไว้นะใจเจ้าเอย ส่วนใหญ่หลาย ๆ ที่จะปิดวันจันทร์ นั่งจ๋อยค่ะ...ปิดให้หมดเลย

ญี่ปุ่น

          เดินออกมาผ่านย่านไหนก็พร้อมเพรียงกันปิดจริง ๆ ค่ะ

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ต่อด้วยพระราชวังอิมพีเรียล เดินไกลแต่บรรยากาศดีมากค่ะ เดินเรื่อย ๆ แถวนี้ตึกเยอะเลย ไม่เหมือนมุมอื่น ๆ ในโตเกียวที่เคยเจอมา เหมือนย่านธุรกิจค่ะ มีรถหาเสียงหรือรถประท้วงอยู่ตรงใกล้ ๆ สถานีโตเกียวด้วย แล้วก็มีคนแจกทิชชูเพียบ ทุกคนดูเร่งรีบกันไปหมดเลยค่ะ แต่รูปนี้พ้นออกมาจากจุดนั้นแล้วค่ะ

ญี่ปุ่น

          แต่ตรงนี้จะโดดเด่นออกมาจากรอบ ๆ เลยค่ะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          ถึงแล้วค่ะ อากาศดี ทำอะไรก็อารมณ์ดีค่ะ 555

ญี่ปุ่น

          หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปลงที่สถานีโตเกียวใหญ่โตหรูหรา แหล่งช้อปปิ้งใต้ดินเพลิ๊นเพลิน อำลาไปด้วยด้วยภาพสยองขวัญค่ะ...รื้อออกมาเพราะจะเริ่มเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับเผื่อว่าพรุ่งนี้กลับดึกค่ะ

ญี่ปุ่น

          แล้วก็เตรียมตัวไปตะลุยอำลาทริปพรุ่งด้วย Tokyo Disney Sea

          วันที่ 15 Tokyo Disney Sea

          เกือบจะอำลาJapan แล้ว...ปิดท้ายงาม ๆ ด้วย Disney Sea กันดีกว่าค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็น Sea แล้วแน่นอนค่ะอยู่ติดทะเลแล้วก็เหมือนเกาะ ๆ น้ำล้อมรอบเลยทีเดียว ที่นี่ 10 เต็ม 10 ค่ะ สำหรับเรานะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          เครื่องเล่นสนุกถูกใจเลอค่าด้วยการต่อแถวและแย่งชิงด้วยบัตร Fast Pass วิธีไปเหมือนกับดิสนีย์แลนด์ แต่จะต้องซื้อตั๋วรถไฟของที่นั่นนั่งต่อไป มันจะวนรอบดิสนีย์รีสอร์ทเลยจ้า สวยงามน่ารักบิ๊วอารมณ์ได้ดีมาก ๆ เลย เราขอบอกเลยว่าค่อนข้างประทับใจที่นี่มาก ๆ สวยงาม ดูใหม่กว่าดิสนีย์แลนด์และค่อนข้างเหมาะสำหรับวัยรุ่น คู่รัก กลุ่มแก๊งค์มากกว่า เพราะมีเครื่องเล่นที่เหมาะมากกว่า ทุกเครื่องเล่นที่ต่อแถว เราชอบมากเพราะเขาจะมีบอกเวลาไว้เลยว่าเครื่องเล่นนี้ต่อแถวประมาณกี่นาที ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะเผื่อ ๆ ให้อยู่แล้ว จะได้เล่นเร็วกว่าที่เขาเขียนเล็กน้อย แล้วก็ระหว่างที่ต่อแถวมิใช่ราวเล็กขึ้นสนิมกั้นธรรมดานะคะ ที่นี่เค้าจะมีธีมและห้องบิ๊วอารมณ์ก่อนเล่นเครื่องเล่นนั้น ๆ ตลอดทาง เจ๋งมากเลย ที่เจ๋งกว่านั้นคือเหมือนจะใกล้แต่ก็ไม่ใกล้สักที ผ่านหลายห้องมาก ๆ ขดไม่รู้กี่ห้องอยู่ด้านใน ฮือ ๆๆ ไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี ที่น่าประทับใจคือคนญี่ปุ่นไม่มีมายืนกดมือถือนะคะ เขาจะคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ ตลอดทาง มาคู่คุยคู่มาแก๊งค์คุยแก๊งค์ ไม่มีจ้องมือถือเลย จนเราก็คิดได้ว่ามากับใครก็ใส่ใจแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับคนนั้นดีกว่า แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไป มันได้อะไรมากกว่าการต่อแถวจริง ๆ นะจ๊ะ

          ถึงแล้ว ๆ Woody สวัสดีท่านนายอำเภอ

ญี่ปุ่น

          เริ่มการต่อแถว..คนมากมายแต่ในห้องที่ต่อก็เต็มไปด้วยฉากสุดอลังการ

ญี่ปุ่น

          แต่ก็เป็นชั่วโมงแล้ว สติแตกกกกกกกกกก

ญี่ปุ่น

          อั้ยยะ...ถึงคิวแล้ว

ญี่ปุ่น

          ฮ่า ๆๆๆ ดู Score ซะก่อน

ญี่ปุ่น

          หลอก...เราแพ้อะ..แต่แม่นกว่านับไหม ป.ล. คุณบีเว่อร์คือเทียบจากฟันเรามาให้เหรอ

ญี่ปุ่น

          หิวแล้วหาโรงอาหารสักที่ดีกว่า เพื่อนเราบอกว่าแกงกะหรี่อร่อย ต้องมาจัด ๆๆ

ญี่ปุ่น

          อร่อยมากจริง ๆๆๆ นะ พิกัดอยู่ที่เมืองอะลาดินนะคะ

ญี่ปุ่น

          พาเดินชมบรรยากาศรอบ ๆ นะคะ สวยงามมากกกกกกก

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แวบไปเมืองบาดาล

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็ถึงเวลาโชว์ใหญ่ ๆ มันจะมีโชว์กลางน้ำรอบบ่าย ๆ ซึ่งเราเกือบดูไม่ทัน แหะ ๆ แล้วก็รอบกลางคืนซึ่งพลาดไม่ได้มากก ๆๆ มีการแสดงอลังการ ยิงพลุสวยงามมาก ๆๆๆๆๆ ประมาณค่ำ ๆ ซึ่งถ้าเล่นจนเหนื่อยแล้วก็พักขาจับจองวิวดี ๆ เตรียมดูโชว์ได้เลย สังเกตได้จากคนญี่ปุ่นจะเริ่มเอาผ้าหรือเสื่อมาปูวางจองพื้นที่กัน ซึ่งเป็นปกติของที่นี่เลยจะมีเจ้าหน้าที่บอกว่านั่งได้ถึงตรงไหน มีการบอกวิธีการเตรียมตัวดู ห้ามใส่หมวกสูง ๆ ห้ามถือกล้องสูง ๆ อะไรประมาณนี้ด้วย เขาค่อนข้างเคารพสิทธิกันมาก ๆ เลยจ้า

          บรรยากาศกลางคืนนะคะ

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          หลังจากโชว์จบเราก็ไปเล่นเครื่องเล่นที่กด Fast Pass ได้ตอน 3 ทุ่ม ชื่อ Tower of Terror ก็อยากให้ได้ลอง

ญี่ปุ่น

          หลังจากถ่ายรูปจนพอใจเสร็จนั้นก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ ไม่ต้องห่วงนะคะ ร้านขายของฝากมันดักเราจนถึงลมหายใจสุดท้ายของที่นั่น จนเราคิดว่าเรารอดแล้ว พ้นมาแล้ว ยังมีร้านสุดท้ายให้เดินแวะไปเสียตังค์ได้อีก ปลื้มมากจริง ๆ อยากจะร้องไห้

          อำลา Disney Sea ไปด้วยภาพนี้นะคะ โดดกันจนไส้ติ่งจะแตกเลย...รักวิวที่นี่มาก ๆ ค่ะ

ญี่ปุ่น

          เราชอบที่นี่มาก ๆ เลยค่ะ ย้ำอีกครั้ง ^^
         
          วันสุดท้ายแล้วค่ะ

          ใจหายจริง ๆ แต่ทริปนี้ก็ยาวนานพอที่จะกลับบ้านแล้วล่ะเนอะ ตอนเช้าเรามีแวะไปอากิฮาบาระอีกรอบค่ะ จับมันเข้าไปตุ๊กตา ได้เพิ่มมา 1 ชิ้น กับถุงเท้าอีก 1 คู่

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          แล้วก็กลับห้องมามีเตรียมแพ็กของตั้งแต่เมื่อคืน ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำเช่นไร เราก็เลยไปขอซื้อกล่องลังที่แฟมิลี่มาร์ท แต่เขาให้มาฟรี ๆ ดีใจมาก ๆ เหมือนเอาขยะออกไปจากร้านหน่อย แต่พอมาแพ็กแล้วขาดกล่องบางไป เราคิดว่าถ้าถึงไทยนี่เละเป็นแน่แท้ เลยลงไปซื้อกล่องที่โรงแรมหนาดีมาก ตอนแรกก็ซื้อมากล่องเดียว คิดหรือว่าจะพอ...ก็เลยเป็น 2 กล่อง ใช้สมองทั้งหมดแพ็กมันให้ดูเรียบร้อยและขนง่ายที่สุด

ญี่ปุ่น

          ตอนเราขนเราก็ไม่ได้คิดอะไรแค่รู้ว่าหนักมาก ๆๆ แต่แล้วพอเราถึงเวลาไปถึงรถไฟแล้ววางกองรวมกันอีกครั้ง เราก็ตกใจมากจริง ๆ คงเป็นเหมือนเวลาบ้านไฟไหม้แล้วแบกตุ่มน้ำหนีได้ อันนี้สารบางอย่างคงหลั่งออกมาคล้ายคลึงกันว่าต้องเอากลับให้หมดนะ จะทิ้งชิ้นใดชิ้นหนึ่งไว้ไม่ได้ ถ้าสงสัยว่าเราเดินทางจากรถไฟฟ้าไปสนามบินยังไง เราก็ขอบอกเลยว่าความสะดวกสบายของที่นี่ คือ รถไฟฟ้าทุกสถานีจะมีลิฟต์ซ่อนอยู่สักประตู ก็เดินหาเอา เพราะเราไม่สามารถขึ้นบันไดธรรมดาหรือบันไดเลื่อนได้เลย ก็เดินอ้อมโลกไปมา ใจสู้มากจริง ๆ ณ จุดนั้น 


ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

          และแล้วก็ขึ้นเครื่องบินออกทะยานสู่กรุงเทพฯ สิ่งสุดท้ายที่เราประทับใจมากที่สุดคือภาพนี้ค่ะ

ญี่ปุ่น

          ฟูจิซังมาส่งทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย ^^

          สุดท้ายจริง ๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ จะดูแต่รูปก็ไม่เป็นไร^^ พูดคุยสอบถามกันได้นะคะ ใจจริงเราอยากลงพิกัดต่าง ๆ และการเดินทางให้ละเอียดเลย แต่เนื่องด้วยว่ามันเยอะมากแล้ว..เราเล่าเรื่องในนี้ครั้งแรกกว่าจะเสร็จก็เล่นไปหลายวันอยู่ ไว้รอบหน้าเราจะลองมาเล่าดูอีกครั้งนะคะ ^^

ขอสรุปค่าเสียหายอีกทีตรงนี้นะ เราขอแยกเป็นส่วนที่จำเป็นและไม่จำเป็นให้เลยดีกว่า เพราะนิสัยการช้อปปิ้งและกินแต่ละคนเหมือนกัน

          ส่วนที่จำเป็นในทริปของเรานะคะ

          ค่าตั๋ว 18,000 Delta Air Line กระเป๋าโหลดได้คนละ 2 ใบ ใบละ 19 กก. [= 18,000 บาท]

          ค่าโรงแรม คืนละ 1,200-1,500 บาท ค่ะ ยกเว้นที่ฟูจิ 7,000 บาท ค่ะ  [= 26,600 บาท]

          ตั๋วสวนสนุก 3 ที่ค่ะ Universal, Disneyland และ Disney sea [= 6000 บาท] (ราคาโดยประมาณตามค่าเงินนะ)

          ตั๋ว JR PASS 8,500 บาทค่ะ (ราคาปกติอยู่ที่ประมาน 9,500 บาท แต่เดี๋ยวนี้ตามงานท่องเที่ยวต่าง ๆ จะได้ราคาดีค่ะ) = 8,500 บาท

          ค่าเดินทางอื่น ๆ ที่นี่หนักเหมือนกันนะคะ

          ตั๋ว Subway one day 1,000 yen ถ้าบวกสาย JR เพิ่มจะเป็น 1,500 Yen วันหนึ่งก็เฉลี่ยค่าเดินทางประมาณเท่านี้ค่ะ แต่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าวางแผนเดินทางแบบไหน มีออกนอกเมืองไหม และพวกบัตร 1day pass) เราเฉลี่ยเป็นวันละ 1,500 yen นะ (ซึ่งคร่าวมาก ๆ ต้องดูแผนการเที่ยว) [= 7,000 บาท]

          ส่วนเรื่องการกินเราขอเฉลี่ยต่อมื้อตามนี้นะ

          ต่ำว่า 700 yen ถือว่ากินราคาถูกแล้ว พวกเซเว่นฯ หรือร้านอาหารหยอดเหรียญ 700-1,000 yen ถือว่าราคามืออาหารปกติของที่นี่ มากกว่า 1,000 yen ค่อนข้างแพง จะเป็นอาหารดี ๆ หน่อยค่ะ

          ป.ล. อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัวในทริปนะคะ ถ้าเป็นเมืองอื่น ช่วงอื่น ๆ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เราเฉลี่ย 1,000  yen ต่อมื้อไปเลยนะคะ 3 มื้อต่อวัน บางทีถูกกว่าแต่เราก็กินจุกจิก ไอศกรีม บลา ๆๆ [=13,500 บาท]

          *****ยอดรวมทั้งหมดของทริปนี้ ไม่รวมช้อปปิ้งทั้งปวงบวกลบประมาณ 80,000 บาท โดยเฉลี่ยต่อ 1 คนนะคะ*****

          ส่วนช้อปปิ้งตามกำลังศรัทธาเลยจ้า




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประสบการณ์แบ็คแพ็กเที่ยวญี่ปุ่น 16 วัน แบบตะลุยด้วยตัวเอง อัปเดตล่าสุด 25 พฤศจิกายน 2557 เวลา 14:27:30 21,623 อ่าน
TOP
x close