เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
น้ำมันรั่ว ระยอง ทำปลาตายเกยตื้นเพียบ ! นักวิชาการ ระบุ หากครบ 1 สัปดาห์ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ สัตว์ทะเลได้รับผลกระทบแน่ ชี้ระยะยาวสัตว์ทะเลอาจจะเป็นหมัน ขณะที่ กรมควบคุมมลพิษ เผย ใช้สารกำจัดคราบน้ำมันไป 3.2 หมื่นลิตรแล้ว
วันนี้ (30 กรกฎาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการกำจัดคราบน้ำมันที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่พบสัตว์ทะเลตายเกยตื้นริมหาดเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าเป็นปลาหางเหลืองและหอยตัวโตหนักเกือบกิโลกรัม ซึ่งทางผู้เกี่ยวข้องได้นำไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดแล้ว
ทางด้าน นางสาวพรศรี มิ่งขวัญ ผอ.ส่วนแหล่งน้ำทะเล สำนักจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ทางกรมควบคุมมลพิษได้ประสานให้จัดทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในเรื่องการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน ซึ่งเราก็คาดการณ์ถูกต้องว่าคราบน้ำมันจะไหลไปที่เกาะเสม็ด และทางเราก็ได้แจ้งเตือนไปแล้ว 4 ครั้ง แต่คงเป็นเหตุสุดวิสัยที่ทาง บริษัท พีทีที โกลบอลฯ ไม่สามารถจำกัดวงล้อมของน้ำมันเอาไว้ได้ เนื่องจากมีปัจจัยอื่นแทรกแซงคือคลื่นลมแรง
นางสาวพรศรี กล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบตั้งแต่เกิดเหตุทาง บริษัท พีทีที โกลบอลฯ ได้รายงานมาว่าใช้สารกำจัดคราบน้ำมันไปแล้ว 3.2 หมื่นลิตร โดยสารที่ใช้คือ Oil SILICON NSTYPE2/3 เป็นสารกำจัดคราบน้ำมัน ที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ อย่างไรก็ตาม การใช้สารจำกัดคราบน้ำมันจะมีประสิทธิภาพในช่วงที่น้ำมันรั่วไหลออกมาจากแหล่งกำเนิดไม่เกิน 48 ชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นน้ำมันจะแปรสภาพ ทั้งนี้ จึงอยากแนะนำว่าไม่ควรใช้สารกำจัดคราบน้ำมันต่อ และควรใช้สารหรือวิธีการอื่นในการกำจัดแทน
ขณะที่ รศ.ดร.สุชนา ชวนิตย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศของทะเลที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ดว่า คราบน้ำมันติดบริเวณชายหาดเมื่อเกาะติดอยู่นาน ก็จะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำประเภทหอยบริเวณโขดหินเป็นอันดับแรก ส่วนคุณภาพของน้ำหากภายใน 1 สัปดาห์ ยังไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิม สัตว์น้ำที่จะได้รับผลกระทบต่อมาก็คือ ปู, ปลา, กุ้ง ในส่วนของปะการังที่ต้องการแสงในการเจริญเติบโต ก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ส่วนกรณีที่ผู้บริโภคกังวลว่าน้ำมันอาจจะตกค้างในอาหารทะเลนั้น ดร.สุชนา กล่าวว่า ถ้าคราบน้ำมันอยู่ในระยะผิวน้ำ โอกาสที่ไปตกค้างในห่วงโซ่อาหารที่เรากินนั้นอาจจะมีน้อย หากน้ำมันอยู่ใต้น้ำโอกาสที่สัตว์น้ำจะสะสมคราบน้ำมันในตัวก็มีเยอะ ทั้งนี้ เมื่อรับประทานอาหารทะเลเหล่านั้นเข้าไป ก็จะได้รับสารเคมีที่อยู่ในน้ำมันด้วย
รศ.ดร.สุชนา ยังกล่าวอีกว่า ผลกระทบอันดับแรกที่เกิดขึ้นกับสัตว์ทะเลคือ สัตว์ทะเลจะเติบโตช้า และเป็นหมัน เช่น ปะการังถ้าไม่ตายเพราะคราบน้ำมันก็จะไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ดังนั้น ภายใต้มาตรการฟื้นฟูระบบนิเวศหลังจากที่จัดการคราบน้ำมันแล้ว จะต้องติดตามผลการฟื้นฟูในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี เพราะระบบนิเวศบางชนิดเติบโตช้า อาทิ ปะการังบางชนิดที่ 1 ปี จะโตแค่ 1 เซนติเมตร ซึ่งหากติดตามแล้ว 1 ปีไม่เห็นผล ก็ต้องติดตามต่อไป เพราะบางประเทศใช้เวลาติดตามผลนานถึง 5 ปีเลยทีเดียว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
