วันหยุดยาวใครที่อยากไปขับรถเที่ยวภาคเหนือ แต่ไม่อยากไปเที่ยวแออัดอยู่ในจังหวัดสุดฮิตอย่างเชียงใหม่...ต้องมาชมทางนี้ค่ะ เรามีอีกหนึ่งเส้นทางดี ๆ มาแนะนำ รับรองได้ว่าคุณจะได้ชมวิวธรรมชาติและเที่ยวชมวัฒนธรรมล้านนาได้อย่างเต็มอิ่มเช่นเดียวกัน เส้นทางนี้ก็คือเส้นทางจังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ และจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งสามารถใช้เวลาเที่ยวได้ภายใน 3 วัน 2 คืน ได้อยู่กับธรรมชาติอย่างพอดี ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป แต่ได้รับความประทับใจอย่างเต็มเปี่ยม...ครั้งนี้เป็นโอกาสดี เอาล่ะ...เมื่อตรวจสอบเครื่องยนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วมุ่งหน้าไปเที่ยวเหนือกับเรากันเลยค่ะ
อิ่มเอมกับบรรยากาศของวัดภูมินทร์จนหนำใจ ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางต่อไปของจังหวัดน่าน นั่นก็คือ "ดอยเสมอดาว" ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งใช้เวลาในการขับรถจากเมืองน่านไปประมาณสองชั่วโมง แม้ว่าระยะทางจะไกลสักนิดแต่รับรองได้ว่าเมื่อคุณมาถึงดอยเสมอดาว คุณจะต้องลืมความเหนื่อยล้าไปเลยทีเดียว ช่วงที่เราไปถึงดอยเสมอดาวเป็นช่วงเที่ยงวันพอดี แต่อากาศบนดอยแห่งนี้กลับเย็นสบาย ลมพัดตลอด กลิ่นหญ้าและป่าเขา ทำให้เราสดชื่นขึ้นอีกเยอะ
ในบริเวณด้านบนดอยจะมีลานกางเต็นท์ของทางอุทยานที่จัดเตรียมพร้อมไว้รองรับนักท่องเที่ยว ส่วนบริเวณด้านบนสุดที่จุดชมวิว จะสามารถมองเห็นภูเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อนไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งแนวของแม่น้ำน่านที่ไหลคดเคี้ยวไปมาในหุบเขา ส่วนทางด้านซ้ายสุดเมื่อมองขึ้นไปเราจะพบกับ "ผาหัวสิงห์" ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้เช่นกัน บริเวณจุดชมวิวนี้ในช่วงเช้าจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้อย่างงดงาม และในยามค่ำคืนยังสามารถมองเห็นดวงดาวนับร้อยนับพันส่องสว่างไสว เหมือนกับว่าแทบจะเอามือไปเอื้อมจับได้ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ...ดอยเสมอดาว
เมื่อ "แพร่" ไม่ใช่เพียงเมืองผ่าน
จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดที่ใครหลายคนมองข้าม เพราะเป็นทางผ่านไปยังจังหวัดสุดฮิตอื่น ๆ ในภาคเหนือ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมืองแพร่นี้มีความน่ารักไม่แพ้เมืองอื่น ๆ ของภาคเหนือเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นทริปขับรถเที่ยวเหนือครั้งนี้เราต้องไม่พลาดเมืองแพร่
สถานที่แรกที่เราจะไปทำความรู้จักกับเมืองแพร่ ก็คือ "วนอุทยานแพะเมืองผี" เพียงแค่ได้ยินชื่อหลายคนอาจจะรู้สึกกลัว แต่ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างชื่อค่ะ แพะเมืองผี ตั้งอยู่ที่ ตำบลน้ำชำ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้าน ๆ ปี แต่เมื่อน้ำฝนชะล้าง กัดเซาะ ทำให้พื้นดินบริเวณนี้เกิดเป็นรูปร่างแปลกสวยงาม และสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ เพราะน้ำฝนและลมจะกัดเซาะตลอด ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ที่ท่องเที่ยวที่ชวนตื่นตาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญอีกด้วย
จากแพะเมืองผี มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองแพร่ค่ะ เราจะชวนคุณไปสัมผัสกับสถาปัตยกรรมบ้านเรือนโบราณที่มีความสวยงามและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองแพร่ นั่นก็คือ "คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่" โดยตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมยุโรป หรือเรียกว่า "ทรงขนมปังขิง" มีใต้ถุนอาคารซึ่งเคยใช้เป็นคุกกักขังนักโทษ แต่ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา ส่วนภายในอาคารด้านบนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ และแม่เจ้าบัวไหล อาทิ เครื่องเรือน โต๊ะเสวย ถ้วยชาม เตียงนอน เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ใครที่สนใจประวัติศาสตร์และของเก่าต้องหลงรักที่นี่แน่นอน (ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก phrae.go.th)
แพร่ เป็นอีกเมืองที่สามารถใช้ชีวิตได้แบบเนิบช้า คุณยังสามารถสัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวล้านนาได้ที่นี่ ในเช้าวันรุ่งขึ้นจึงเป็นโอกาสดีที่เราได้ตื่นเช้ามารับอากาศเย็นสบาย พร้อมทั้งได้ตักบาตรบนเมก ซึ่ง "เมก" ในที่นี้หมายถึงกำแพงเมืองเก่าค่ะ นั่นก็หมายความว่าเราจะไปตักบาตรกันที่บริเวณบนกำแพงเมืองเก่านั่นเอง เป็นการทำบุญให้จิตใจผ่องใส เพื่อการเดินทางที่สนุกสนานของพวกเราค่ะ
หลังจากใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยังอำเภอลอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่สำคัญของจังหวัดแพร่ โดยจุดหมายปลายทางแรก เราไปแวะชมความงดงามของตึกสไตล์บาวาเรียนกันที่ "สถานีรถไฟบ้านปิน" ช่างชาวเยอรมันออกแบบให้ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสีชมพูหวาน มีสไตล์เฟรมเฮ้าส์แบบบาวาเรียน คล้ายกับบ้านเรือนในแคว้นบาวาเรียน ประเทศเยอรมนี พร้อมทั้งผสมผสานให้เข้ากับปั้นหยาแบบไทย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของอำเภอลองที่ห้ามพลาดเด็ดขาด
ต่อจากสถานีรถไฟบ้านปินเราขอไปลิ้มลอง "กาแฟแห่ระเบิด" กันค่ะ อย่าเพิ่งตกใจนะคะ เพราะนั่นเป็นชื่อร้านเท่านั้น ซึ่งที่มาของคำว่าแห่ระเบิดก็มาจากในอดีตเมืองแพร่เคยเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามสงบลง ชาวบ้านในพื้นที่ได้พบกับระเบิด จึงทำการขุดเพื่อนำลูกระเบิดที่ไม่อันตรายไปถวายวัด ซึ่งพอชาวบ้านทราบข่าวก็พากันเดินตามขบวนเกวียนระเบิด คล้ายกับขบวนแห่ จึงเป็นที่มาของคำว่าเมืองแพร่แห่ระเบิด
ร้านกาแฟแห่ระเบิด เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ในอ้อมกอดของต้นไม้ร่มรื่น ตกแต่งอย่างเรียบง่ายในสไตล์พื้นบ้านแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมนูเครื่องดื่มก็มีให้เลือกลิ้มลองมากมาย และยังสร้างสรรค์เครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนใครมาเอาใจลูกค้าอีกด้วย
สถานที่ต่อไปก็คือ "วัดศรีดอนคำ" ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เพื่อไปสักการะ "พระธาตุศรีดอนคำ" ซึ่งภายในนั้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่นี่ยังเป็นสถานที่เก็บระฆังระเบิด อันเป็นที่มาของเรื่องราวเมืองแพร่แห่ระเบิด นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปไม้ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย
เอ...ได้ยินมาว่าผ้าซิ่นตีนจกเมืองลองสวยงามไม่แพ้ใคร เราก็ต้องไปพิสูจน์กันค่ะ รถมาจอดอีกครั้งที่หน้าพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น "โกมลผ้าโบราณ" ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง จังหวัดแพร่ โดยอาจารย์โกมล พานิชพันธ์ ได้รอพวกเราอยู่แล้วค่ะ อาจารย์โกมลเปิดให้เราเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในส่วนแรกนั้นเป็นภาพจำลองภาพจิตรกรรมเวียงต้า และข้าวของเครื่องใช้โบราณ และส่วนด้านในเป็นการจัดแสดงผ้าโบราณเมืองลอง และผ้าซิ่นตีนจกจากแหล่งอื่น ๆ พร้อมทั้งผลงานของอาจารย์โกมลและชาวบ้านในท้องถิ่น
ผ้าซิ่นตีนจกเมืองลองจะมีเอกลักษณ์อยู่ที่ลวดลาย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับลวดลายผ้าซิ่นที่ผู้หญิงในสมัยก่อนสวมใส่ตามแบบในภาพเขียนจิตรกรรมเวียงต้า อันเป็นเครื่องแต่งกายแบบไทยวน (โยนก) นั่นเอง
สิ่งที่ทำให้เด็กยุคใหม่อย่างเราตื่นตาตื่นใจกับที่นี่ ก็คือส่วนการจัดแสดงวัฒนธรรมการแต่งกายผ่านตุ๊กตา โดยอาจารย์โกมลได้ตัดเย็บเสื้อผ้าตามแบบการแต่งกายของสาวชาวเหนือพื้นที่เมืองลองและเมืองอื่น ๆ แล้วมาสวมใส่ให้กับตุ๊กตาบาร์บี้ ซึ่งมีความสวยงามและสามารถทำให้เด็กรุ่นใหม่เข้าถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างดีทีเดียว
ก่อนจะจากเมืองลอง ขอแวะเที่ยวชมอีกหนึ่งสถานที่ค่ะ เรามุ่งหน้ากันไปที่ "วัดสะแล่ง" ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เพื่อสักการะ "พระธาตุชะอูปคำ" ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุมากกว่า 100 ปี พร้อมทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของเก่า และอุโบสถโบราณอายุมากกว่า 100 ปี และชมภูมิทัศน์ของภูเขาและไร่นาข้าวสีเหลืองรอบ ๆ วัด ได้ทั้งทำบุญและชาร์จพลังงานไปในตัวด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองแพร่ ก็คือ "วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี" อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่น โดยผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนา และประเทศอื่น ๆ ได้แก่ พม่า จีน และลาว เมื่อรถเลี้ยวเข้ามายังตัววัดจะพบกับพระนอนตาหวานองค์ใหญ่เป็นจุดดึงดูดสายตา และเมื่อเข้าไปยังบริเวณพระอุโบสถจะพบกับพระบรมธาตุ 30 ทัส ซึ่งมีศิลปะแบบเชียงแสน ตัวพระอุโบสถด้านบนมีศิลปะแบบหลวงพระบาง นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กน้อยอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทำให้วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเมืองแพร่ไปเลยทีเดียว (ขอขอบคุณข้อมูลจาก phrae.go.th)
อิ่มอร่อย พุงกาง @ "อุตรดิตถ์"
จากอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เรามุ่งหน้าไปยังอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ดินแดนที่เคยลี้ลับในอดีต แต่วันนี้ลับแลจะกลายเป็นเมืองที่คุณต้องมาแลด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้ง ด้วยที่แห่งนี้ได้ซ่อนเร้นธรรมชาติอันสวยงาม พร้อมทั้งวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นไว้อย่างดี เราเคยนำเสนอ หลงรัก...ลับแล เที่ยวไปตามท้องเรื่องเขาเล่าว่า... ซึ่งพาไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ ในอำเภอลับแล อาทิ พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล, บ้านโบราณคุณมงคล ราษฎร์สุดใจ, พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล, อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ เป็นต้น
บ้านโบราณคุณมงคล ราษฎร์สุดใจ
แต่คราวนี้เราขอพาไปชมของกินอันเลื่องชื่อของที่นี่กันค่ะ ซึ่งมีทั้งหมี่พันยายหว่าง, เจ้นีย์ของทอดลับแล, ขันโตกลับแล, ข้าวพันผักอินดี้ เป็นต้น
อาหารการกินที่ลับแลยังไม่สามารถเติมเต็มท้องของเราได้ค่ะ เราจึงต้องไปหาของอร่อยรับประทานกันต่อที่ "ไร่องุ่นคานาอัน" ซึ่งช่วงที่เราไปก็เป็นช่วงที่องุ่นกำลังออกผล สามารถเก็บเกี่ยวได้พอดี สิ่งแรกที่เราได้ทานกันก็ต้องเป็นองุ่นสดแน่นอน ทั้งกรอบทั้งหวาน บอกเลยค่ะว่าฟินมาก ! ยังไม่ทันที่ก้นจะหย่อนลงเก้าอี้ เครื่องดื่มสุดฮิตของที่นี่อย่างน้ำองุ่นก็ยื่นมาตรงหน้า เรียกความสดชื่นให้ร่างกายได้โอ่งโต ๆ เลย
นั่งพักพอได้หายเหนื่อยอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ ทั้งสลัดผักสด, ซีซาร์สลัด, สเต๊กปลาแซลมอน, ผักโขมอบชีส, ยำทูน่า, หมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเมนูของหวานอีกเพียบให้ได้เลือกลิ้มลอง เป็นการจบทริปขับรถเที่ยวภาคเหนือที่อิ่มอกอิ่มใจสุด ๆ
การเดินทางครั้งนี้ทำให้เราได้พบเจอกับธรรมชาติและวัฒนธรรมของภาคเหนือในอีกมุมมอง ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คนในเมืองเล็ก ๆ ที่เรียบง่าย สงบ และอบอุ่น ยิ่งไปกว่านั้นมันทำให้เรารู้ว่าการได้เดินออกนอกเส้นทางที่ขีดเส้นไว้ ซึ่งมันอาจจะทำให้เราหลงทาง เสียเวลา หรือหาจุดหมายปลายทางไม่เจอ แต่มันก็ทำให้เราได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทำให้เราเข้มแข็ง และรู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น วันหยุดครั้งต่อไป ก็ลองพิจารณาเส้นทางใน 3 จังหวัดนี้กันนะคะ เราเชื่อว่าคุณต้องยิ้มอิ่มเอมใจ เหมือนที่เรายิ้มแน่นอน :)