x close

ความอลังการแห่งทะเลหมอก สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก


สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ภูทับเบิก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมทะเลหมอกได้อย่างเว่อร์วังอลังการมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ซึ่งจะมีทะเลหมอกโผล่มาให้เห็นแทบจะทุกเช้า จึงทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสวรรค์ย่อม ๆ ของนักท่องเที่ยวไปเลยทีเดียว ใครที่ยังไม่เคยเห็นว่าภูทับเบิกเป็นสวรรค์บนดินที่เราสามารถสัมผัสได้อย่างไร...ต้องมาชมทางนี้ค่ะ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เขาได้เผยโฉมทะเลหมอกบนภูทับเบิกผ่านภาพถ่ายสุดอลังการให้เราได้ชมกัน มันจะสวยงามและน่าทึ่งมากแค่ไหน ตามไปดูกันเลยค่ะ 


สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ย้อนหลังไปในวันที่ 6 กันยายน 2557 หรือเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา มันเป็นความทรงจำที่พิเศษมาก ๆ กับคำนิยามที่ผมเคยให้ไว้ในรีวิวฉบับนั้นว่า "ภ า พ ห ลุ ด จ า ก ส ว ร ร ค์ . . . ไ ฮ ไ ล ท์ ข อ ง ป ล า ย ฝ น" มันเป็นบันทึกการเดินทางในแบบฉบับของผมที่เล่าผ่านภาพ และคำบรรยายที่บอกถึงความรู้สึกในเช้าวันนั้น กับบางอย่างที่ทำให้ผมได้เห็นว่า "ภูเขาและทะเลหมอก" มีความหมายอีกด้านในแบบที่เราอาจจะจินตนาการไปไม่ถึง และไม่ว่าในตอนนี้มันจะเป็นความหมายด้านที่ดี หรือความหมายที่อยู่ตรงกันข้าม แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นที่มาของรีวิวฉบับนี้ "ภาพหลุดจากสวรรค์ ปี 2 @ 6 กันยายน 2558"

          6 กันยายน 2557 เป็นอีกหนึ่งวันที่ทำให้ผมได้เขียนอะไรมากมายลงในสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ ซึ่งทำให้สิ่งที่ผมรักยังคงอยู่ และเติบโตมาถึงทุกวันนี้ จากหนึ่งวัน...สองวัน ผ่านไปหลาย ๆ วัน จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แล้วก็วนกลับมายังจุดที่มันได้เคยเริ่มต้น แล้วบอกว่าครั้งหนึ่งเราเคยรู้สึกแบบไหน และเคยยืนอยู่ที่ใดในโลกใบนี้

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          6 กันยายน 2557 เป็นเรื่องเล่าสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง ซึ่งบางทีเราอาจจะนึกไม่ออกว่าเพราะอะไร หรือทำไมเราถึงได้เริ่มต้นเดินทางในวันนั้น และไม่ว่ามันจะเป็นความหมายแบบไหน สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าความหมายที่อยู่ในตอนนี้

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          6 กันยายน 2557 เป็นความบังเอิญรูปแบบหนึ่งที่ค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นความตั้งใจจนเกิดเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งทำให้เราได้ทำอะไรเพิ่มขึ้น เป็นความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เรามีพลังมากกว่าปกติ และผมอยากจะเรียกมันว่า "แรงบันดาลใจ"

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          6 กันยายน 2557 เป็นนิยามของ "ภูเขาสีเขียว"....ผมไม่รู้ว่าได้หลงรักสิ่งนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่จำความได้ในตอนเด็ก ๆ ผมก็ชอบมองมันในทุก ๆ ครั้งที่ได้นั่งรถผ่านวิวแบบนี้เสมอ และมักจะคิดตามว่าถ้าเราค่อย ๆ ปีนขึ้นไปตามแนวเขาแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะไปถึงด้านบนสุด และตอนที่ยืนอยู่ด้านบนแล้วมองลงมาด้านล่าง มันจะเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน ?

          6 กันยายน 2557 เป็นความพิเศษแบบหนึ่งของ "ทะเลหมอก" มันเหมือนเป็นของขวัญที่มอบให้กับใครบางคนที่มีความพิเศษ เหมือนกับตัวของมันเอง มันเป็นของขวัญที่ผมอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ผมมีความสุขหรือตอนที่ผมเศร้าผมก็อยากจะเห็นมัน


สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          และ 6 กันยายน 2557 เป็นมุมมองของ "ภาพถ่าย" ที่มีองค์ประกอบหลักเป็นสายหมอกขาว มีฉากหลังเป็นเทือกเขาในแบบที่เคยวาดบนกระดาษวาดเขียนเมื่อตอนที่เรายังเด็ก ๆ มันเป็นความทรงจำของภาพในขณะที่ใครบางคนกำลังกลั้นลมหายใจ พร้อม ๆ กับการกดชัตเตอร์เบา ๆ ในตอนนั้น กับช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้ใส่เรื่องราวมากมายไว้ในภาพถ่ายใบนั้นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          จากประสบการณ์ของผมในการเดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวที่ภูทับเบิก นับ 20+ กว่าครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผมได้เห็นอะไรมากมายของที่นี่ ภูเขาที่ผมเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าภูเขา ทะเลหมอกที่ผมเรียกได้หมดใจว่ามันคือทะเลหมอก และอีกหลาย ๆ อย่างที่บอกได้ไม่หมด หลาย ๆ อย่างที่เข้ามาอยู่ในความทรงจำของผม อาจจะเป็นสิ่งที่ผมได้เห็น อาจจะเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกได้หรือได้สัมผัส ทุก ๆ อย่างมันเป็นความทรงจำที่บางทีเราอยากได้แต่ไม่ได้ บางอย่างไม่ได้อยากได้แต่ก็ได้มาบ่อย ๆ นี่ล่ะมั้งเหตุผลที่ทำให้ผมขึ้นมาเที่ยวที่ภูทับเบิกอยู่บ่อย ๆ

          ภูทับเบิกก็เหมือนกับที่อื่น ๆ ที่มีช่วงเวลาที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของมันได้ดีที่สุด และแน่นอนช่วงเวลานั้นก็คือฤดูฝนนั่นเอง ด้วยบรรยากาศของสีเขียวของภูเขา และสีขาว ๆ ของทะเลหมอกที่เกิดขึ้นได้แทบทุกวัน ส่วนหน้าหนาวนั้นโอกาสเจอทะเลหมอกน้อยมากแทบไม่มีเลย หรือถ้ามีก็แบบจาง ๆ ส่วนใครที่ชอบดูกะหล่ำปลีก็จะมีให้ได้เห็นกันตลอดช่วงหน้าฝนเลยครับ เพราะจะมีการปลูกไล่ ๆ เวลากันทำให้มีแปลงกะหล่ำปลีให้ดูตลอดในช่วงฤดูฝน ช่วงเวลาที่กะหล่ำปลีจะสวยจะอยู่ในช่วงมิถุนายน-กลางกรกฎาคม และช่วงสิงหาคม-กลางเดือนกันยายน และช่วงปลายตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ถ้าให้แน่ใจลองโทรไปสอบถามกันก่อนนะครับ จะได้ไม่ผิดหวังเพราะบางปีฝนมาช้ามาไวแตกต่างกันไป

          ติดตามการอัพเดททะเลหมอกรายวันของเขาค้อ + ภูทับเบิกได้ที่ เฟซบุ๊ก ชมรมคนรักเขาค้อ – ภูทับเบิก

          และอีกหนึ่งพื้นที่ของคนรักทะเลหมอกในแบบฉบับของผม

          เฟซบุ๊ก chanomworld

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมเป็นคนที่บ้าทะเลหมอกอย่างมาก ๆ ชอบเดินทางเพื่อที่จะได้ตามหามัน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมากับเส้นทางขุนเขาทั่วเมืองไทยกว่า 100 การเดินทาง มีหลาย ๆ ที่ที่ผมก็ยังไม่เคยได้ไป บางที่ก็ไปแค่ครั้งเดียวแล้วไม่เคยกลับไปอีกเลย แต่บางที่ก็ไปแล้วไปอีก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ปลายฝนปีนี้ก็เหมือนกัน ผมวางแผนกลับมาที่ภูทับเบิกอีกครั้ง โดยเลือกวันครบรอบ 1 ปี นั่นก็คือ 6 กันยายน 2558 โดยก่อนการเดินทาง 7 วัน ผมเฝ้าติดตามข้อมูลสภาพอากาศทั้งเว็บไทยและเว็บนอกเพื่อดูข้อมูลหลาย ๆ อย่าง

          ข้อมูลที่ผมดูเป็นข้อมูลในเรื่องของการลุ้นทะเลหมอก เราทราบมานานแล้วว่าช่วงหน้าฝนมีโอกาสสูงสุด ส่วนตัวเลขที่ใช้นำมาดูเป็นตัวประเมินมีหลัก ๆ ประมาณนี้

          1. ปริมาณน้ำฝนสะสมในช่วง 1-3 วันที่ผ่านมา และปริมาณน้ำฝนรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งสำคัญสุด และโดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนเย็น ๆ ถึงเที่ยงคืนหน่อย ๆ มีผลดีมาก ๆ ต่อการเกิดทะเลหมอก ส่วนฝนที่ตกช่วงบ่าย ต้องดูว่าแสงแดดแรงไหม เมฆปกคลุมแค่ไหน เพราะถ้าร้อน แดดแรง ความชื้นก็หายไปเยอะ

          2. ความเร็วลมที่เหมาะสมจะต้องไม่แรงเกินไป ความเร็วลมทั้งลมปกติ และลมกระโชกควรอยู่ในช่วงไม่เกิน 6 กม./ชม. ทั้งนี้ให้ดูในช่วงตี 1- 6 โมงเช้าเป็นต้นไป

          3. ความชื้นสัมพัทธ์ช่วงหลังเทียงคืน-ตี 5 ค่ายิ่งใกล้ 100 ยิ่งดี

          4. ถ้าอยากได้ฟ้าสวยแสงดี ฟ้าเปิด ควรดูวันที่ประเมินว่ามีเมฆปกคลุมต่ำกว่า 90% ตั้งแต่ช่วงตี 5-7 โมงเช้า

          5. อุณหภูมิช่วงตี 4 ตี 5 ยิ่งต่ำยิ่งดี ในหน้าฝนควรต่ำกว่า 18 องศา เพื่อคงความเป็นละอองน้ำได้ดีกว่าอุณหภูมิที่สูงกว่านี้

          6. แนวทางการประเมินเพื่อน ๆ สามารถดูได้จากเว็บไทย เว็บต่างประเทศ และดูลงลึกเข้าไปในแต่ละที่ มีการประเมินล่วงหน้า 3-7 วัน บางเว็บดูล่วงหน้าได้หลายวัน เช่น ดูในส่วนของหล่มเก่า/เขาค้อ/หล่มสัก พิจารณาร่วมกัน ตามพื้นที่ความสูงและทิศทางของลม รวมทั้งปัจจัยเรื่องของมรสุมพายุเขตร้อน


สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          วันที่ 5 กันยายน 2558 ผมปิดร้านตั้งแต่ตอน 2 ทุ่ม แล้วรีบเข้านอน มันเป็นความรู้สึกที่ยากมากที่จะข่มตาให้หลับในช่วงเวลาที่ผิดเวลาแบบนี้ แล้วผมก็เริ่มนับเลขในใจจนเผลอหลับไปมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ผมขับรถออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน พร้อม ๆ กับใครคนหนึ่งที่ยังไม่เคยได้เห็นทะเลหมอกของที่นี่

          ผมขับรถเข้าเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ในช่วงตอนตี 3 นิด ๆ และไต่ระดับไปเรื่อย ๆ เพื่อขึ้นยอดภูทับเบิก ระหว่างทางผมรู้สึกและสัมผัสได้ถึงบางอย่าง บางอย่างที่คล้าย ๆ กับปี 2557 บรรยากาศช่วงขึ้นภูเต็มไปด้วยความมืดสนิท สองข้างทางเต็มไปด้วยน้ำที่ขังเต็มไปหมด อากาศเย็นราว ๆ 20 องศา ในพื้นราบ และเหมือนว่ามีฝนโปรยเบา ๆ เป็นช่วง ๆ ที่ขับรถขึ้นไป

          แล้วสักพักใหญ่ ๆ ผมก็มาถึงภูทับเบิกในช่วงเวลาตี 4 นิด ๆ อากาศหนาวมาก ๆ เราสองคนรีบไปยังจุดชมวิวหลัก ตรงที่เรียกกันว่า "จุดชมวิว ณ หออุณหภูมิ"

          จากฟ้าที่มืดสนิทมองอะไรไม่ค่อยเห็น ผมได้แต่ลุ้นว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนปีที่แล้ว ยืนรอกันตั้งแต่ยังไม่ตี 5   แล้วสักพักหนึ่งแสงของวันใหม่ ในวันและเดือนเดียวกัน...แต่คนละปี

          มันเป็นความแตกต่างที่บอกเลยว่าปีนี้คนเยอะมาก ๆๆ เต็มพื้นที่จุดชมวิวเลย ดีที่ผมมาจองพื้นที่ตั้งแต่ยังไม่ตี 5 เลยได้จุดดูวิวและจุดถ่ายภาพที่ดีที่สุด

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมดูวิวและถ่ายภาพในจุดชมวิวหลักได้สักพักหนึ่งก็เริ่มทำตามแผนที่วางไว้ นั่นคือเก็บความทรงจำในมุมมองที่มากกว่าปกติ และให้แตกต่างจากปีก่อน

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          จำได้ว่าปีที่แล้วผมเลือกที่จะยืนอยู่ที่เดิม ๆ แล้วก็ถ่ายภาพในมุมเดียวในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          มันเป็นทะเลหมอกที่หนาแน่นมาก ๆ และเหมือนกับว่ามันจะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่เลย คงเป็นเพราะเช้านี้ลมเบามาก และคาดได้ไม่ยากว่าวันนี้ทะเลหมอกจะอยู่กับเราได้นานแน่ ๆ

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          เวลาที่ผมได้เห็นทะเลหมอกแบบนี้ มันคือช่วงเวลาที่ "พิเศษ" มาก ๆ มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเห็นมันบ่อย ๆ มันเป็นความหมายในสิ่งที่ผมอยากสัมผัส หรืออะไรก็ตามที่อยากจะได้เป็นเจ้าของความทรงจำแบบนั้นตลอดไป

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา "ทะเลหมอกสีขาว" แบบนี้จะต้องเข้ามาอยู่ในแผนการเดินทางของผมเสมอ มันทำให้ความหมายของคำว่า "ความพิเศษ" ถูกส่งต่อภายใต้เรื่องราวมากมาย เหมือนที่มันกำลังเกิดขึ้นในวันนี้

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          เวลาได้เห็นทะเลหมอกสีขาวที่ไหนสักที่ มันเป็นเหมือนของขวัญที่มอบให้กับใครบางคนที่มีความพิเศษ  เหมือนกับตัวของมันเอง และมันก็เป็นของขวัญที่ผมอยากได้ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ตาม ?

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          และตอนนี้ผมก็เริ่มเก็บของขวัญที่อยู่บนภูทับเบิกในแบบฉบับของผม ด้วยการเดินลงมาจากจุดชมวิวหลักตรงหอแสดงอุณหภูมิ เพื่อลงมาตรงทางด้านริมขอบผา

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          แสงของเช้าวันนี้ทำงานได้ไม่ถึง 10 นาที ก็ทำให้ละอองน้ำที่เกาะตัวกันแน่นเริ่มคลายตัว และค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น ผมเดาได้เลยว่าทะเลหมอกคงกำลังจะจบลงในไม่ช้านี้

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมค่อย ๆ เดิมเลาะไปริมผาที่อยู่ด้านทิศตะวันออก เพื่อเก็บบรรยากาศในแบบที่ผมชอบ จำได้ว่าปีที่แล้วโซนนี้ยังไม่มีบ้านพักเลย ผ่านมาปีหนึ่งบ้านพักเต็มพื้นที่หมดแล้ว

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          บ้านพักหลังนี้จำชื่อไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร แต่วิวจากระเบียงบ้านมองเห็นวิวชัดมาก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          และเมื่อผมมองไปทางด้านขวาข้าง ๆ ริมผาก็จะเห็นถนนตัวเอส เป็นมุมสูงที่เห็นภูเขาได้สวยอีกมุมหนึ่งเลย

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มทำงานแล้ว หมอกค่อย ๆ ฝ่อตัวลงไปเรื่อย ๆ รู้สึกยังเก็บบรรยากาศ และถ่ายภาพวิวทะเลหมอกยังไม่คุ้มเลย

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมเดินออกมาตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าไปยังริมผาที่อยู่ทางด้านล่างสุด เป็นถนนเส้นเดียวกับที่ผมเอารถไปจอดเมื่อตอนเช้ามืด

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ตรงริมผาด้านนี้มีที่พักเปิดให้บริการ และเป็นจุดกางเต็นท์อีกแห่งหนึ่ง มีจุดชมวิวกลางที่สร้างใหม่ขึ้นมาและมองเห็นวิวทะเลหมอกได้สวยมาก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานพอสมควร เนื่องจากวิวที่ขอบผาโซนนี้ได้ภาพที่มุมออกมาดี มันเป็นมุมสามเหลี่ยม ที่เห็นได้ทั้งทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทิศใต้อย่างลงตัว

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          และตอนนี้ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะทะเลหมอกมันเหมือนกลับมาแน่นขึ้น

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          หมอกหนาขึ้นอย่างชัดเจน แต่อากาศกลับร้อนมาก ๆ รู้สึกแสบหน้าไปหมด ผมเดินกลับมาที่ลานจอดรถตรงไร่ภูทะเลหมอกอีกครั้ง เพื่อเอาเสื้อกันหนาวมาเก็บ

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          แล้วก็ทำเหมือนเดิม ออกไปดูวิวหมอก เก็บบรรยากาศที่สวย ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมเดินวนกลับมาที่บ้านพักริมผาอีกครั้ง มันเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่ผมชอบมาก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งรู้สึกว่าทะเลหมอกผุดขึ้นมาเยอะมากขึ้น ลมเริ่มพัดมาจนกลายเป็นคลื่นทะเลในมหาสมุทรอีกครั้ง

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมเดินมาเรื่อย ๆ มารู้สึกตัวก็เดินมาถึงบ้านพักหลังหนึ่ง เผื่อไว้คราวหน้าถ้าได้มาอีกจะได้เก็บไว้เป็นตัวเลือก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          มันเป็นบ้านพักในจินตนาการมาก ๆ เป็นบ้านพักที่มีระเบียงบ้านที่สามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกในแบบที่ไม่ต้องไปไหนไกล

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          หลังจากนั้นผมเริ่มรู้สึกชักเบื่อด้านนี้แล้ว เราลองไปอีกด้านหนึ่งที่อยู่ใกล้วัดป่าภูทับเบิก มันเป็นแนวชมวิว และมีที่พักคล้าย ๆ กับโซนนี้ แต่จะเห็นมุมมองของทะเลหมอกอีกแบบหนึ่ง

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          จุดชมวิวตรงนี้เป็นบริเวณที่ใกล้กับที่พักที่มีชื่อว่า วิมานหมอกรีสอร์ท มันเป็นมุมที่ผมอยากได้ของวัดป่าภูทับเบิก โดยมีฉากหลังเป็นเมฆสีขาว

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          บ้านพักหลังนี้เป็นที่พักที่ผมเคยมาใช้บริการเมื่อ 1 ปีก่อน แต่เป็นช่วงเดือนสิงหาคม ยังจำได้เลยตอนนั้นฝน และหมอกสวยมาก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          ผมใช้เวลาอยู่ที่จุดถ่ายภาพโซนนี้ราว ๆ 5 นาที เพราะแดดร้อนมาก รู้สึกอิ่มและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก และก็ได้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งออกเดินทางมาจากบ้านตอนเที่ยงคืน ด้วยระยะทาง 500 กิโลเมตร

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          แต่ก่อนกลับผมวนรถขึ้นมาที่จุดชมวิวหลัก ตรงหอแสดงอุณหภูมิอีกครั้ง รู้สึกแปลกใจ และประหลาดใจที่ทะเลหมอกในเช้านี้อยู่นานมาก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          มันเป็นเช้าวันที่ 6 กันยายน 2558 ที่ยังคงความพิเศษในแบบที่เคยเกิดขึ้น ในวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน แต่ห่างกัน 1 ปี จนผมแอบคิดในใจว่า 6 กันยายน 2559 มันจะเป็นความทรงจำแบบไหน แล้วผมจะได้กลับมาที่นี่อีกไหม ??

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          และเมื่อสายลมเริ่มพัดมา ไอแดดเริ่มทำงานมากขึ้น ทุก ๆ อย่างก็กำลังกลับเข้าสู่กระบวนการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และไม่ว่าความพิเศษในแบบที่ผมตามหาที่จะเกิดขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้าจะออกมาเป็นในรูปแบบไหน ? จะแน่นอนหรือไม่แน่นอน ? จะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ? แต่สุดท้ายแล้วมันจะยังคง "งดงามและคงความพิเศษ" อยู่แบบนั้นตลอดไป  

          >>>> อีกหนึ่งพื้นที่ของคนรักภูเขา รักทะเลหมอก by Chanomworld*

          เฟซบุ๊ก chanomworld

สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก

          หมายเหตุ : อนุญาตให้เผยแพร่ได้เฉพาะในเว็บไซต์ Kapook.com เท่านั้น ไม่อนุญาตให้คัดลอกรีวิวไปลงที่อื่น ๆ หรือทุก ๆ กรณีที่เกี่ยวข้องเชิงพาณิชย์ 


 เกาะติดข่าว ภูทับเบิก ทั้งหมดคลิกเลย 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความอลังการแห่งทะเลหมอก สวรรค์บนดินที่ภูทับเบิก อัปเดตล่าสุด 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา 10:41:00 50,427 อ่าน
TOP