10. ประเทศออสเตรเลีย
มันจะดีแค่ไหนที่บ้านเกิดของตัวเองนั้นมีทุกสิ่งอย่างครบถ้วน ซึ่งประเทศออสเตรเลียก็เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา หิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) แนวหน้าผาริมชายฝั่งทะเลอันงดงามเรียกว่า หน้าผาบันด้า (Bunda cliffs) ชายหาดขาวสะอาด (Hyams Beach) ภูเขาหินศักดิ์สิทธิ์อุลูรู (Uluru) ทะเลทรายเกรทวิคตอเรีย อุทยานแห่งชาติกว่า 500 แห่ง ฯลฯ อีกทั้งชีวิตในเมืองใหญ่ยังเรียบง่าย ไม่มีการแข่งขันมากมายเท่ากับเมืองหลวงในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
9. ประเทศนิวซีแลนด์
แม้ว่าประเทศนิวซีแลนด์จะเป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ คนท้องถิ่นมีมิตรไมตรี อยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง นอกจากจะเห็นวิถีของคนเมืองในสไตล์ยุโรปที่เรียบง่ายแล้ว ยังมีวิถีชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองอย่างเผ่าเมารีมาร่วมผสมผสานสร้างสีสันและความสุขให้เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้ด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ โอ๊คแลนด์ (Auckland) ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม (Waitomo Glowworm Caves), เมืองโรโตรัว (Rotorua), ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเมารี, ธารน้ำแข็งฟรานซ์โจเซฟ (Franz Josef Glacier), ธารน้ำแข็งฟ็อกซ์ (Fox Glacier), เมืองควีนสทาวน์ เป็นต้น
8. ประเทศสวีเดน
สวีเดน เป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญของทวีปยุโรป มีวัฒนธรรมอันโดดเด่นและบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์สวยงาม พร้อมกับธรรมชาติที่สวยงาม ภายในเมืองหลวง คือ กรุงสตอกโฮล์ม (Stockholm) ยังเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองริมน้ำ พร้อมทั้งมีแกลลอรี่ สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อคนท้องถิ่นได้อาศัยอยู่ในเมืองที่เงียบสงบเช่นสวีเดน จึงมีความสุขมากกว่าที่ไหน ๆ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตฮิต อาทิ ปราสาทคาลมาร์ (Kalmar Castle), วิหารลูเธอแรน (The Lund Cathedral), เมืองมัลโม (Malmo), พระราชวัง Drottningholm เป็นต้น
7. ประเทศเนเธอร์แลนด์
ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกไม้อย่างทิวลิป ที่สามารถสร้างความสุขให้กับคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยเมืองและหมู่บ้านที่น่ารักมากมาย บ้านเรือนต่าง ๆ ยังมีสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า บางเมืองมีคลองเล็กคลองน้อยให้ได้พายเรือ หรือเส้นทางขี่จักรยาน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและอากาศที่เย็นสบาย พร้อมทั้งร้านค้า ร้านอาหารพื้นเมืองรสชาติเยี่ยมและบรรยากาศดีเลิศไว้ให้ชาวเมืองได้มานั่งทานอาหารเพื่อผ่อนคลายกันอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาทิ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม, สวนดอกไม้เคอเคนฮอฟ, จัตุรัสฟรีทโฮฟ และทุ่งกังหัน Kinderdijk เป็นต้น
6. ประเทศฟินแลนด์
ฟินแลนด์ เป็นประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป มีพื้นที่ประมาณ 338,435 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชาชนเพียงแค่ 5,451,270 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก นั่นจึงทำให้คนฟินแลนด์ได้เสพธรรมชาติอันน่าทึ่งของฟินแลนด์อย่างเต็มที่ แต่ละเมืองเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมไปด้วยพืชพรรณนานาและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด มีทะเลสาบที่ใสสะอาด กว้างใหญ่ บางเมืองสามารถมองเห็นปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้ได้อย่างชัดเจน ในช่วงหน้าร้อนยังมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์จนถึงเที่ยงคืน ส่วนหน้าหนาวประเทศแห่งนี้ก็จะกลายเป็นสถานที่ฮอตฮิตสำหรับการเล่นกีฬาฤดูหนาว และยังเป็นดินแดนต้นกำเนิดของซานตาคลอสด้วย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฟินแลนด์สามารถมอบให้กับผู้คนของเขา แล้วแบบนี้จะไม่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกได้อย่างไร
5. ประเทศแคนาดา
ประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ทางด้านทวีปอเมริกาเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ 9,984,670 ตารางกิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีประชากรเพียงแค่ประมาณ 34,605,346 คน เท่านั้น และด้วยความที่แคนาดาเป็นประเทศที่ใหญ่ จึงทำให้แต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งธรรมชาติที่หลากหลาย คนแคนาดาจึงได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติในทุกรูปแบบ รัฐบาลยังมีการจัดการเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ประชาชนมีรายรับและรายจ่ายที่สมดุล สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างครบครัน ไม่ว่าใครที่ได้ไปเยือนประเทศนี้ ต่างก็ต้องตกหลุมรักแคนาดากันทั้งนั้น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ น้ำตกไนแองการา, อุทยานแห่งชาติแบมฟ์, เทือกเขาร็อกกี้, เกาะวิกตอเรีย, เมืองแวนคูเวอร์, เมืองเยลโลว์ไนฟ์ เป็นต้น
4. ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และสวยงามจนน่าอิจฉามากที่สุด เป็นประเทศที่มีปรากฏการณ์อาทิตย์เที่ยงคืนให้ได้ชื่นชมทุกปี พร้อมทั้งมีแนวเทือกเขาสูงใหญ่และเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติมากมายให้ได้ไปผจญภัย โดยเฉพาะฟยอร์ดต่าง ๆ โดยเฉพาะฟยอร์ดต่าง ๆ ทั้ง Lysefjord, Hardangerfjord, Sognefjord, Naeroyfjord, Geirangerfjord เป็นต้น ที่สร้างสรรค์ทะเลสาบท่ามกลางหน้าผาของภูเขาสูงชันได้อย่างงดงามที่สุด นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้วย
3. ประเทศเดนมาร์ก
ประเทศเดนมาร์ก เป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงทำให้ประเทศนี้อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ พร้อมกับสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่สวยงามมากมาย มีธรรมชาติที่น่าหลงใหลกระจายตัวอยู่รอบ ๆ ประเทศ มีอากาศบริสุทธิ์และบรรยากาศผ่อนคลาย ยิ่งประเทศนี้มีเบียร์คุณภาพเยี่ยมระดับโลก ยิ่งทำให้เดนมาร์กเป็นดินแดนที่โรแมนติกมากขึ้น มันจึงทำให้คนท้องถิ่นเหมือนกับได้พักผ่อนทุกวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปสัมผัสสักครั้งในสวีเดน อาทิ เมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen), สะพาน Oresund, ปราสาท Egeskov เป็นต้น
2. ประเทศไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ เป็นดินแดนที่มีความหนาวเย็นแบบสุดขั้ว มีธรรมชาติอันน่าหลงใหล ทั้งภูเขาไฟ หิมะ แสงเหนือ น้ำตก เส้นทางเดินป่า ทะเลสาบ ฯลฯ เรียกได้ว่ามาเยือนไอซ์แลนด์ที่เดียวได้เที่ยวครบทุกรสชาติ คนท้องถิ่นมีมิตรไมตรี ใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย ไม่มีสิ่งยั่วยุอย่างแหล่งช้อปปิ้งหรือสถานบันเทิงมากมาย จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบ สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่ง อาทิ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall), บ่อน้ำแร่บลู ลากูน, น้ำตก Skogafoss, ภูเขาไฟ Askja เป็นต้น
1. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนปกคลุมอย่างเทือกเขาจุงฟราว หรือทะเลสาบต่าง ๆ อีกทั้งเส้นทางเดินป่าในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ พร้อมกับอากาศที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยังโดดเด่นที่เป็นประเทศที่มีความเงียบสงบ ผู้คนใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย เป็นผู้นำทางด้านการผลิตนาฬิกาที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมทั้งของหวานที่เพิ่มความสุขอย่างช็อกโกแลตอีกด้วย นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้ไปเยือนประเทศแห่งนี้ต่างตกหลุมรัก แล้วแบบนี้จะไม่ยกตำแหน่งให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกของปี 2015 ได้อย่างไร ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในสวิตเซอร์แลนด์ อาทิ ทะเลสาบเจนีวา, ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น, ปราสาทชิยอง (Chillon Castle), เซนต์ มอริตซ์ (St. Moritz), กรุงเจนีวา เป็นต้น
ประเทศไหนเป็นประเทศในดวงใจของคุณบ้างคะ ลองพาตัวเองไปยืนในประเทศเหล่านี้กันดูสักครั้ง รับรองว่าคุณจะได้มุมมองใหม่ ๆ มองโลกใบเดิมเปลี่ยนไป ได้แง่คิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่กว้างมากขึ้น ถ้าไม่เชื่อ...ก็ต้องพิสูจน์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
newzealand.com, holland.com, visitfinland.com, thaiembassy.ca/th, visiticeland.com, visitnorway.com, visitdenmark.com