หมู่บ้าน Cabo Polonio ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ แต่งามได้ใจสุด ๆ

        Cabo Polonio ประเทศอุรุกวัย หมูบ้านเล็ก ๆ ริมชายหาด ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ ไม่มีถนนตัดผ่าน มีเพียงกลุ่มกระท่อมเล็ก ๆ เพียงไม่กี่หลังซึ่งสร้างอยู่บนผืนทรายสีเงินที่ทอดยาวไปจรดมหาสมุทรแอตแลนติก

          เป็นไปได้อย่างไรที่ในโลกนี้ยังมีหมู่บ้านอันงดงาม แต่กลับไม่มีไฟฟ้าและระบบน้ำประปาใช้หลงเหลืออยู่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันแล้วล่ะ เพระาที่หมู่บ้าน Cabo Polonio ซึ่งตั้งอยู่ริมชายหาด ปลายสุดของแหลมที่ยื่นลงไปในมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศอุรุกวัย ที่มีบ้านเรือนมากกว่า 100 หลังคาเรือนที่ไม่มีไฟฟ้า ระบบน้ำประปา หรือแม้แต่ท่อน้ำทิ้ง ให้ชาวโลกต้องไปชะโงกมองหมู่บ้านแห่งนี้กันสักครั้ง

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          หมู่บ้าน Cabo Polonio ถูกแยกออกจากส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้วยแนวกั้นของเนินทรายอันกว้างใหญ่ อันที่จริงหมู่บ้านอยู่ห่างจากถนนหลักของเมืองเพียงแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น แต่กลับไม่มีถนนที่เชื่อมต่อเข้าสู่หมู่บ้านโดยตรง การที่จะเข้าไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ จึงทำได้เพียงการเดินเท้าและใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดใหญ่ฝ่าเนินทรายเข้าไปเท่านั้น

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          บนประภาคารของหมู่บ้านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเล และก้อนหินขนาดใหญ่ 2 ก้อน ซึ่งเป็นอาณานิคมของสิงโตทะเล ที่แห่งนี้คือสถานที่แห่งเดียวในหมู่บ้านที่มีการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีแสงสว่างยามค่ำคืน แต่ก็มีบ้านบางหลังที่สร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แผงเซลล์แสงอาทิตย์ และพลังงานจากลม เพื่อให้เกิดแสงสว่างในช่วงที่แสงอาทิตย์ปิดสวิตช์ตัวเองลง ซึ่งมีน้อยมากนักหากเทียบกับบ้านเรือนอีกกว่าร้อยหลังคาเรือนริมชายหาด

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          ด้วยความที่หมู่บ้าน Cabo Polonio ถูกแบ่งแยกจากความเจริญต่าง ๆ จึงทำให้มันซ่อนความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไว้มากมาย มีหาดทรายที่เงียบสงบ ซึ่งคอยรองรับคลื่นน้ำทะเลที่ซัดสาดมาจากมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสิงโตทะเลเป็นอันดับต้น ๆ ของแอฟริกาใต้เลยทีเดียว และยังมีเนินทรายที่สามารถปลิวอ่อนไหวเคลื่อนย้ายไปตามกระแสลมได้ สามารถพบเห็นปลาวาฬที่มักจะมาหลบภัยอยู่ในน่านน้ำแถบนี้ได้อย่างง่ายดาย

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          ในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน อีกทั้งท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่มืดสนิทที่สุด ก็ทำให้พระจันทร์ส่องแสงเหลืองสุกสกาวได้มากที่สุดบนท้องฟ้าในชายฝั่งอุรุกวัยด้วยเช่นกัน ต้องยกความดีความชอบให้กับการที่ไม่มีไฟฟ้าจากท้องถนนและบ้านเรือน มันจึงทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้

          ในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน จะพบเจอเพียงชาวบ้าน นักวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ และชาวประมงเท่านั้น แต่สำหรับช่วงฤดูร้อนอย่างเดือนมกราคม หมู่บ้านแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะกลุ่มคนสไตล์ฮิปปี้ (Hippie) จากประเทศอาร์เจนตินาและประเทศบราซิล นั่นจึงทำให้มีที่พักและร้านอาหารผุดขึ้นมา แต่ผู้มาเยือนส่วนใหญ่ก็กลับชอบใจการเช่าบ้านของชาวบ้านมากกว่า

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          ในหมู่บ้านมีบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้เชื่อมต่อกับโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้า ที่แห่งเดียวที่จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือได้ ก็คือ ร้านค้ากลางหมู่บ้าน และก็ต่อเมื่อร้านค้าแห่งนี้เปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งชีวิตยามค่ำคืนจะดำเนินไปได้ก็ต้องอาศัยแสงรำไรจากเทียนไข

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          การที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ก็ทำให้ชาวบ้านเรียกร้องถึงความเจริญเหล่านี้ด้วย เพราะพวกเขาประกอบอาชีพประมง จำเป็นต้องมีเครื่องทำความเย็นเพื่อการเก็บรักษาอาหารทะเล แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้มีมนตร์เสน่ห์มาก ๆ เป็นสถานที่ที่จะหลีกหนีจากโลกแห่งความวุ่นวายได้ดีทีเดียว

หมู่บ้าน Cabo Polonio

          ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการที่ไหนสักแห่งในโลกใบนี้เพื่อการปลดปล่อยความคิดและจิตใจ รวมทั้งการพักผ่อนที่แท้จริง หมู่บ้าน Cabo Polonio มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อม และรอคอยการเยี่ยมเยือนของคุณแล้ว ถ้าไม่ก้าวข้ามผ่านเนินทรายเข้าไปตอนนี้ วันหนึ่งที่ไฟฟ้าและความเจริญเข้าถึง คุณจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งหมู่บ้าน Cabo Polonio อีกต่อไป

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจทีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
amusingplanet.com, cabo-polonio.com และ czickontheroad.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หมู่บ้าน Cabo Polonio ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ แต่งามได้ใจสุด ๆ อัปเดตล่าสุด 13 สิงหาคม 2564 เวลา 10:43:50 9,273 อ่าน
TOP
x close