เที่ยวต่างประเทศ พาไปสำรวจชายหาดแปลก ๆ จากมุมต่าง ๆ ของพื้นที่โลก มีทั้งหาดทรายแก้ว หาดทรายสีดำ หรือหาดสีชมพู หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่เรานำมาให้ชมกัน
ชายหาดที่งดงามด้วยทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบและฟาร์มของเหล่าชาวประมง
อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหอยแมลงภู่ หอยนางรม
และกุ้งล็อบสเตอร์จากชายฝั่งปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์
แต่กลับไม่ใช่ชายหาดธรรมดา
เพราะหาดทรายกว่าครึ่งที่เป็นสีแดงเนื่องจากมีธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก
โดยเฉพาะบริเวณ Thunder Cove
ที่สวยงามเกินคำบรรยายด้วยเนินทรายและหาดทรายสีสนิม
2. หาดไฟเฟอร์บิกสเตท (Pfeiffer Beach) เขตบิกเซอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ธรรมชาติที่งดงามของเขตบิกเซอร์เป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วทั้งอเมริกาหลงใหลเส้นทางเลียบชายหาดเส้นนี้ โดยเฉพาะหาด Pfeiffer ที่อยู่ใจกลางของบิกเซอร์ เพราะมีหาดทรายที่เป็นสีม่วงอยู่ทั่วทั้งหาด ซึ่งต้องขอบคุณแร่ Manganese Garnet ที่ทำให้หาดทรายแห่งนี้สวยแปลกและน่าไปสัมผัสที่สุด
3. Hyams Beach ที่เจอร์วิส เบย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย
สวยแค่ไหนไม่รู้ แต่รู้ว่าหาดทรายแห่งนี้เป็นหาดทรายแห่งเดียวของออสเตรเลีย ที่ได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กในหมวดหมู่หาดทรายที่ขาวที่สุด และน้ำทะเลยังใสสะอาดล้อมรอบด้วยป่าไม้เขียวขจี เป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองเผ่าอะบอริจินมานานนับพันปี ถือว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญทางโบราณคดีเลยทีเดียว
4. โบลเดอร์ บีช (Boulders Beach) เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
คงไม่มีชายหาดที่ไหนที่เราจะได้เห็นนกเพนกวินมาเดินเตาะแตะอย่างบนชายหาดนี้
ซึ่งสามารถมองพวกมันได้จากจุดชมวิวที่ทาง Table Mountain National
Park ได้จัดไว้ให้ ทางอุทยาน ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้นกเพนกวิน
เพราะมันอาจจะใช้จะงอยปากอันแหลมคมไล่งับกัดนิ้วคุณขาดออกจากกันได้
และไม่ใช่แค่เพียงการที่มีนกเพนกวินมาเดินเล่นบนชายหาดนี้เท่านั้นที่ทำให้หาดแห่งนี้ไม่เหมือนใคร
แต่ยังรวมไปถึงการเป็นเวิ้งอ่าวที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมาก ๆ
อีกด้วย
5. หาดทรายสีดำ Punaluu Black Sand Beach รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
ทรายสีดำที่อยู่บริเวณ Punaluu Beach ได้ฉีกกฎเกณฑ์ที่ว่าชายหาดต้องเป็นสีขาวออกไปอย่างหมดสิ้น ทรายสีดำที่พบนี้เกิดจากหินบะซอลต์และเศษตะกอนของลาวา ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าตะกอนอื่น ๆ เมื่อมีการพัดพาของคลื่นก็จะนำเอาสิ่งที่มีน้ำหนักเบากว่าออกไป หลงเหลือไว้เพียงทรายสีดำ นั่นจึงทำให้หาดมีสีดำนั่นเอง เป็นความแตกต่างที่งดงามอย่างยิ่ง
6. หาดทรายสีเขียว หาดปาปาโกเลีย (Papakolea Beach) รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
ฮาวายเป็นหมู่เกาะที่มีหาดทรายสวยงามและแปลกตามากมาย และหาดปาปาโกเลีย ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สร้างสรรค์ตัวเองไม่ให้เหมือนใคร ด้วยทรายสีเขียวและหน้าผาหิน ซึ่งดูคล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเอเลี่ยน ผลึกแร่ Olivine ที่มาจากปล่องภูเขาไฟที่อยู่ใกล้เคียงคือสิ่งที่ทำให้ชายหาดมีสีเขียวมะกอก เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง
7. หาดทรายสีชมพู (Pink Sands Beach) เกาะฮาร์เบอร์ ประเทศบาฮามาส
ถ้าหาดทรายสีเขียวและสีดำยังบอกว่าไม่น่าสนใจเท่าไร ก็ลองมานั่งเล่นที่ชายหาดสีชมพูบนเกาะนี้ดูสิ มันอาจจะใช่สำหรับคุณก็ได้ และคุณจะต้องหลงรักกับความนุ่มนิ่มราวกับแป้งของเนื้อทรายสีชมพูนี้อย่างแน่นอน แพลงก์ตอน ฟอร์แรมมินิเฟอรา (foraminifera) อาศัยอยู่รอบเกาะมากมาย และเมื่อมันตายเปลือกของพวกมันซึ่งมีแคลเซียมคาร์บอเนตก็จะถูกพัดพามายังชายฝั่ง สะสมกันเป็นจำนวนมากและปะปนกับทรายสีขาว จึงทำให้หาดทรายกลายเป็นสีชมพู โรแมนติกสุด ๆ ไปเลย
8. หาด Bowling Ball ที่ Schooner Gulch State Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
มีสไตล์เป็นของตัวเองมาก ๆ สำหรับหาด Bowling Ball อันเป็นส่วนหนึ่งของ Schooner Gulch State Beach เพราะไม่เพียงแค่น้ำทะเลสวยใส บรรยากาศงดงามเท่านั้น แต่ยังมีหินที่เป็นทรงกลมคล้าย ๆ ลูกโบว์ลิ่งอยู่ทั่วทั้งชายหาด เมื่อคลื่นซัดสาดกระทบกับก้อนหินเหล่านี้ไม่ว่าจะยามเช้าหรือเย็น มันจะสร้างวงคลื่นที่สวยงามรอบ ๆ ตัวมันเอง เป็นทัศนียภาพที่แปลกตา หาดูที่ไหนไม่ได้ในโลกอีกแล้ว
9. ทางเดินของยักษ์ (Giant\'s causeway) ไอร์แลนด์เหนือ
ธรรมชาติสร้างความน่าอัศจรรย์ให้เราได้เสมอ อย่างหินปูนรูปทรงหกเหลี่ยมที่ตั้งเรียงรายกันมากกว่า 40,000 ต้น บริเวณหาดทางเดินยักษ์นี้ก็เช่นกัน ในตำนานเล่าว่า ฟินน์ แม็กคูล ยักษ์แห่งไอร์แลนด์ ได้สร้างทางเดินนี้ขึ้นมา แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์บอกมามันเกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟ เมื่อประมาณ 60,000 ปีก่อน โดยก่อนภูเขาไฟจะระเบิดมันจะปล่อยลาวาออกมาจนท่วมพื้นดินแล้วเย็นตัวลงจนแข็งตัวไปในที่สุด เมื่อมีลาวาไหลออกมาใหม่ก็จะทับถมพื้นหินบะซอลต์และหดตัวอย่างเชื่องช้า หากแต่สม่ำเสมอ ความกดดันที่เกิดในลาวาที่กำลังเย็นตัวจะกระจายออกไปในอัตราที่เท่ากัน นั่นจึงทำให้เสาหินเกิดเป็นรูปร่างหกเหลี่ยม เจ็ดเหลี่ยม แปดเหลี่ยม อย่างที่เราเห็น
ซึ่งเสาแต่ละต้นมีขนาดกว้างประมาณ 46 เซนติเมตร และสูงประมาณ 1-2 เมตร มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งมีส่วนที่ยื่นลงไปในทะเลประมาณ 150 เมตร ความมหัศจรรย์ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะมีการค้นพบหินลักษณะเดียวกันที่เกาะสแตฟฟา ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าเกิดจากหินภูเขาไฟเช่นกัน
10. หาด Playa de Gulpiyuri รัฐอัสตูเรียส ประเทศสเปน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกับหาดทรายแห่งนี้ที่มีความแปลกอยู่ที่อยู่ห่างจากทะเลมากกว่า 100 เมตร โดยมีความกว้างของชายหาดเพียงแค่ 40 เมตรเท่านั้น นักท่องเที่ยวมากมายต่างให้ความสนใจอยากเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าน้ำที่อยู่ในหาดแห่งนี้จะใช่น้ำที่มาจากทะเลหรือเปล่า แต่ได้มีการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าชายหาดที่เล็กมากแห่งนี้ได้รับน้ำทะเลมาจากอ่าว Biscay ซึ่งไหลผ่านถ้ำใต้ดินเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้ มีแนวคลื่นเล็ก ๆ จากแรงดันน้ำจากอ่าวด้วย มันจึงกลายเป็นชายหาดที่ไม่ได้อยู่ติดกับทะเลที่เดียวในโลก
11. หาด Chandipur อ่าวเบงกอล ประเทศอินเดีย
เป็นหาดที่ต้องร้องเรียกหาน้ำทะเลกันอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าบริเวณชายหาดแห่งนี้น้ำทะเลจะลดระดับไปมากกว่า 1-4 กิโลเมตร จนแทบจะมองไม่เห็นน้ำทะเลกันเลยทีเดียว แต่นั่นก็จะทำให้เราได้พบเจอกับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องน้ำ อาทิ แมงดาทะเล หอยชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งหากคุณเฝ้ารออยู่ตรงนั้นนาน ๆ ก็อาจจะโชคดีได้เห็นน้ำทะเลไหลกลับมาสู่ชายฝั่งอีกครั้ง
12. หาดน้ำร้อน ที่ Coromandel Peninsula ประเทศนิวซีแลนด์
ความร้อนของน้ำทะเลที่สูงถึง 150 องศาเซลเซียส ได้กลายเป็นบ่อแช่น้ำร้อนขนาดใหญ่ให้กับชาวนิวซีแลนด์ หาดน้ำร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อ่าว Mercury กระแสน้ำขึ้นและลงพัดพาน้ำพุร้อนใต้ผืนดินกรองผ่านทรายขึ้นมาผสมผสานกับน้ำทะเลจนเกิดเป็นบ่อน้ำพุธรรมชาติ เป็นสปาที่ให้ประสบการณ์ไม่เหมือนใครจริง ๆ
13. หาดทรายแก้ว เมือง Fort Bragg รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
จากหาดทรายที่เต็มไปด้วยขยะ กลายเป็นหาดทรายแก้วที่สวยงามและทรงเสน่ห์ ก่อนปี ค.ศ. 1960 หาดทรายแห่งนี้เป็นสุสานขยะกองมหึมา ไม่มีใครอยากจะมาเยือน แต่หลังจากการที่ได้ขนย้ายขยะมากมายออกไป ก็ยังคงทิ้งเศษแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อยไว้เต็มชายหาด แต่เมื่อน้ำทะเลกัดเซาะเป็นระยะเวลานาน จากเศษแก้วที่มีความแหลมคมก็กลายเป็นมน กลม สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ เป็นชายหาดที่สวยเจิดจรัสอีกแห่งหนึ่งของโลก
14. Jurassic Coast มณฑลดอร์เซต (Dorset) และ อีสต์ เดวอน ประเทศอังกฤษ
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เพราะเป็นพื้นที่ในการศึกษาธรณีวิทยาที่สำคัญ ทั้งชั้นหินที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ชายหาด ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรักษาอย่างยิ่ง
15. ทะเลสาบโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) สาธารณรัฐไอซ์แลนด์
ถือว่าเป็นชายหาดที่เย็นมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันตั้งที่อยู่ Vatnajokull National Park โดยเป็นส่วนที่อยู่ทางด้านบนของธารน้ำแข็ง Breiamerkurjkull ชายหาดแห่งนี้มีทรายสีดำ มักมีนก Skua มาทำรังอยู่ทั่วทั้งบริเวณนี้ ถ้าหากใครอยากจะว่ายน้ำในทะเลสาบที่สวยงามนี้ ต้องให้คุณถอดเสื้อโค้ทให้ได้ก่อน เพราะแค่อากาศภายนอกยังหนาวจนปากซีด แล้วน้ำในทะเลที่มีก้อนน้ำแข็งลอยเคว้งคว้างมากมายจะเย็นมากแค่ไหนคงไม่ต้องบรรยาย
ชายหาดที่มีความสวยงามมักดึงดูดให้มนุษย์อยากไปเก็บประสบการณ์ดี ๆ กันทั้งนั้น แต่ก็มักจะมีปัญหาตามมาด้วยเช่นกัน นั่นคือการไม่ช่วยกันรักษาความสะอาดรวมไปถึงการทำลายธรรมชาติทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขอเตือนสติกันสักนิด หากอยากมีสถานที่สวย ๆ ให้อยู่กับโลกใบนี้ไปนาน ๆ ก็จงช่วยกันดูแลและรักษา ความสวยงามของธรรมชาติก็จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่านาน
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
fodors.com, roadaffair.com และ boredpanda.com
หาดทราย สายลม และชายทะเล
ล้วนสร้างความเพลิดเพลินและผ่อนคลายให้กับเรามากเลยทีเดียว
แต่เมื่อพูดถึงชายหาดหลายคนมักคิดว่าจะต้องเป็นเนื้อทรายสีขาวหรือน้ำตาลเท่านั้น
แต่มันไม่ใช่เสมอไป
เพราะธรรมชาติเป็นดั่งเทวดาที่คอยเสกสรรให้แตกต่างกันออกไป
โดยมีเอกลักษณ์ของตัวมันเอง วันนี้เราได้รวบรวมหา 15 ชายหาดแปลก ๆ จากมุมไหนของโลกหรือประเทศใดมาให้ชมกัน
1. Thunder Cove รัฐปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์ ประเทศแคนาดา
2. หาดไฟเฟอร์บิกสเตท (Pfeiffer Beach) เขตบิกเซอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ธรรมชาติที่งดงามของเขตบิกเซอร์เป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วทั้งอเมริกาหลงใหลเส้นทางเลียบชายหาดเส้นนี้ โดยเฉพาะหาด Pfeiffer ที่อยู่ใจกลางของบิกเซอร์ เพราะมีหาดทรายที่เป็นสีม่วงอยู่ทั่วทั้งหาด ซึ่งต้องขอบคุณแร่ Manganese Garnet ที่ทำให้หาดทรายแห่งนี้สวยแปลกและน่าไปสัมผัสที่สุด
3. Hyams Beach ที่เจอร์วิส เบย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย
สวยแค่ไหนไม่รู้ แต่รู้ว่าหาดทรายแห่งนี้เป็นหาดทรายแห่งเดียวของออสเตรเลีย ที่ได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กในหมวดหมู่หาดทรายที่ขาวที่สุด และน้ำทะเลยังใสสะอาดล้อมรอบด้วยป่าไม้เขียวขจี เป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองเผ่าอะบอริจินมานานนับพันปี ถือว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญทางโบราณคดีเลยทีเดียว
4. โบลเดอร์ บีช (Boulders Beach) เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
5. หาดทรายสีดำ Punaluu Black Sand Beach รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
ทรายสีดำที่อยู่บริเวณ Punaluu Beach ได้ฉีกกฎเกณฑ์ที่ว่าชายหาดต้องเป็นสีขาวออกไปอย่างหมดสิ้น ทรายสีดำที่พบนี้เกิดจากหินบะซอลต์และเศษตะกอนของลาวา ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าตะกอนอื่น ๆ เมื่อมีการพัดพาของคลื่นก็จะนำเอาสิ่งที่มีน้ำหนักเบากว่าออกไป หลงเหลือไว้เพียงทรายสีดำ นั่นจึงทำให้หาดมีสีดำนั่นเอง เป็นความแตกต่างที่งดงามอย่างยิ่ง
6. หาดทรายสีเขียว หาดปาปาโกเลีย (Papakolea Beach) รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
ฮาวายเป็นหมู่เกาะที่มีหาดทรายสวยงามและแปลกตามากมาย และหาดปาปาโกเลีย ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สร้างสรรค์ตัวเองไม่ให้เหมือนใคร ด้วยทรายสีเขียวและหน้าผาหิน ซึ่งดูคล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเอเลี่ยน ผลึกแร่ Olivine ที่มาจากปล่องภูเขาไฟที่อยู่ใกล้เคียงคือสิ่งที่ทำให้ชายหาดมีสีเขียวมะกอก เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง
7. หาดทรายสีชมพู (Pink Sands Beach) เกาะฮาร์เบอร์ ประเทศบาฮามาส
ถ้าหาดทรายสีเขียวและสีดำยังบอกว่าไม่น่าสนใจเท่าไร ก็ลองมานั่งเล่นที่ชายหาดสีชมพูบนเกาะนี้ดูสิ มันอาจจะใช่สำหรับคุณก็ได้ และคุณจะต้องหลงรักกับความนุ่มนิ่มราวกับแป้งของเนื้อทรายสีชมพูนี้อย่างแน่นอน แพลงก์ตอน ฟอร์แรมมินิเฟอรา (foraminifera) อาศัยอยู่รอบเกาะมากมาย และเมื่อมันตายเปลือกของพวกมันซึ่งมีแคลเซียมคาร์บอเนตก็จะถูกพัดพามายังชายฝั่ง สะสมกันเป็นจำนวนมากและปะปนกับทรายสีขาว จึงทำให้หาดทรายกลายเป็นสีชมพู โรแมนติกสุด ๆ ไปเลย
8. หาด Bowling Ball ที่ Schooner Gulch State Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
มีสไตล์เป็นของตัวเองมาก ๆ สำหรับหาด Bowling Ball อันเป็นส่วนหนึ่งของ Schooner Gulch State Beach เพราะไม่เพียงแค่น้ำทะเลสวยใส บรรยากาศงดงามเท่านั้น แต่ยังมีหินที่เป็นทรงกลมคล้าย ๆ ลูกโบว์ลิ่งอยู่ทั่วทั้งชายหาด เมื่อคลื่นซัดสาดกระทบกับก้อนหินเหล่านี้ไม่ว่าจะยามเช้าหรือเย็น มันจะสร้างวงคลื่นที่สวยงามรอบ ๆ ตัวมันเอง เป็นทัศนียภาพที่แปลกตา หาดูที่ไหนไม่ได้ในโลกอีกแล้ว
9. ทางเดินของยักษ์ (Giant\'s causeway) ไอร์แลนด์เหนือ
ธรรมชาติสร้างความน่าอัศจรรย์ให้เราได้เสมอ อย่างหินปูนรูปทรงหกเหลี่ยมที่ตั้งเรียงรายกันมากกว่า 40,000 ต้น บริเวณหาดทางเดินยักษ์นี้ก็เช่นกัน ในตำนานเล่าว่า ฟินน์ แม็กคูล ยักษ์แห่งไอร์แลนด์ ได้สร้างทางเดินนี้ขึ้นมา แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์บอกมามันเกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟ เมื่อประมาณ 60,000 ปีก่อน โดยก่อนภูเขาไฟจะระเบิดมันจะปล่อยลาวาออกมาจนท่วมพื้นดินแล้วเย็นตัวลงจนแข็งตัวไปในที่สุด เมื่อมีลาวาไหลออกมาใหม่ก็จะทับถมพื้นหินบะซอลต์และหดตัวอย่างเชื่องช้า หากแต่สม่ำเสมอ ความกดดันที่เกิดในลาวาที่กำลังเย็นตัวจะกระจายออกไปในอัตราที่เท่ากัน นั่นจึงทำให้เสาหินเกิดเป็นรูปร่างหกเหลี่ยม เจ็ดเหลี่ยม แปดเหลี่ยม อย่างที่เราเห็น
ซึ่งเสาแต่ละต้นมีขนาดกว้างประมาณ 46 เซนติเมตร และสูงประมาณ 1-2 เมตร มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งมีส่วนที่ยื่นลงไปในทะเลประมาณ 150 เมตร ความมหัศจรรย์ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะมีการค้นพบหินลักษณะเดียวกันที่เกาะสแตฟฟา ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าเกิดจากหินภูเขาไฟเช่นกัน
10. หาด Playa de Gulpiyuri รัฐอัสตูเรียส ประเทศสเปน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกับหาดทรายแห่งนี้ที่มีความแปลกอยู่ที่อยู่ห่างจากทะเลมากกว่า 100 เมตร โดยมีความกว้างของชายหาดเพียงแค่ 40 เมตรเท่านั้น นักท่องเที่ยวมากมายต่างให้ความสนใจอยากเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าน้ำที่อยู่ในหาดแห่งนี้จะใช่น้ำที่มาจากทะเลหรือเปล่า แต่ได้มีการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าชายหาดที่เล็กมากแห่งนี้ได้รับน้ำทะเลมาจากอ่าว Biscay ซึ่งไหลผ่านถ้ำใต้ดินเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้ มีแนวคลื่นเล็ก ๆ จากแรงดันน้ำจากอ่าวด้วย มันจึงกลายเป็นชายหาดที่ไม่ได้อยู่ติดกับทะเลที่เดียวในโลก
11. หาด Chandipur อ่าวเบงกอล ประเทศอินเดีย
เป็นหาดที่ต้องร้องเรียกหาน้ำทะเลกันอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าบริเวณชายหาดแห่งนี้น้ำทะเลจะลดระดับไปมากกว่า 1-4 กิโลเมตร จนแทบจะมองไม่เห็นน้ำทะเลกันเลยทีเดียว แต่นั่นก็จะทำให้เราได้พบเจอกับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องน้ำ อาทิ แมงดาทะเล หอยชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งหากคุณเฝ้ารออยู่ตรงนั้นนาน ๆ ก็อาจจะโชคดีได้เห็นน้ำทะเลไหลกลับมาสู่ชายฝั่งอีกครั้ง
12. หาดน้ำร้อน ที่ Coromandel Peninsula ประเทศนิวซีแลนด์
ความร้อนของน้ำทะเลที่สูงถึง 150 องศาเซลเซียส ได้กลายเป็นบ่อแช่น้ำร้อนขนาดใหญ่ให้กับชาวนิวซีแลนด์ หาดน้ำร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อ่าว Mercury กระแสน้ำขึ้นและลงพัดพาน้ำพุร้อนใต้ผืนดินกรองผ่านทรายขึ้นมาผสมผสานกับน้ำทะเลจนเกิดเป็นบ่อน้ำพุธรรมชาติ เป็นสปาที่ให้ประสบการณ์ไม่เหมือนใครจริง ๆ
13. หาดทรายแก้ว เมือง Fort Bragg รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
จากหาดทรายที่เต็มไปด้วยขยะ กลายเป็นหาดทรายแก้วที่สวยงามและทรงเสน่ห์ ก่อนปี ค.ศ. 1960 หาดทรายแห่งนี้เป็นสุสานขยะกองมหึมา ไม่มีใครอยากจะมาเยือน แต่หลังจากการที่ได้ขนย้ายขยะมากมายออกไป ก็ยังคงทิ้งเศษแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อยไว้เต็มชายหาด แต่เมื่อน้ำทะเลกัดเซาะเป็นระยะเวลานาน จากเศษแก้วที่มีความแหลมคมก็กลายเป็นมน กลม สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ เป็นชายหาดที่สวยเจิดจรัสอีกแห่งหนึ่งของโลก
14. Jurassic Coast มณฑลดอร์เซต (Dorset) และ อีสต์ เดวอน ประเทศอังกฤษ
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เพราะเป็นพื้นที่ในการศึกษาธรณีวิทยาที่สำคัญ ทั้งชั้นหินที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ชายหาด ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรักษาอย่างยิ่ง
15. ทะเลสาบโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) สาธารณรัฐไอซ์แลนด์
ถือว่าเป็นชายหาดที่เย็นมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันตั้งที่อยู่ Vatnajokull National Park โดยเป็นส่วนที่อยู่ทางด้านบนของธารน้ำแข็ง Breiamerkurjkull ชายหาดแห่งนี้มีทรายสีดำ มักมีนก Skua มาทำรังอยู่ทั่วทั้งบริเวณนี้ ถ้าหากใครอยากจะว่ายน้ำในทะเลสาบที่สวยงามนี้ ต้องให้คุณถอดเสื้อโค้ทให้ได้ก่อน เพราะแค่อากาศภายนอกยังหนาวจนปากซีด แล้วน้ำในทะเลที่มีก้อนน้ำแข็งลอยเคว้งคว้างมากมายจะเย็นมากแค่ไหนคงไม่ต้องบรรยาย
ชายหาดที่มีความสวยงามมักดึงดูดให้มนุษย์อยากไปเก็บประสบการณ์ดี ๆ กันทั้งนั้น แต่ก็มักจะมีปัญหาตามมาด้วยเช่นกัน นั่นคือการไม่ช่วยกันรักษาความสะอาดรวมไปถึงการทำลายธรรมชาติทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขอเตือนสติกันสักนิด หากอยากมีสถานที่สวย ๆ ให้อยู่กับโลกใบนี้ไปนาน ๆ ก็จงช่วยกันดูแลและรักษา ความสวยงามของธรรมชาติก็จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่านาน
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
fodors.com, roadaffair.com และ boredpanda.com