เกาะหลีเป๊ะ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดังราวีราว 2 กิโลเมตร บนเกาะมีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด รวมถึงมีแหล่งดำน้ำชมปะการังที่สมบูรณ์ด้วย นอกจากนี้ใกล้ ๆ เกาะหลีเป๊ะยังมีหมู่เกาะใกล้เคียงต่าง ๆ ที่มีความงดงามไม่แพ้กันจนได้รับการขนานนามว่ามัลดีฟส์เมืองไทย (ดูเพิ่มเติมได้ที่ เกาะหลีเป๊ะ) อ๊ะ ๆ แต่ถ้ายังไม่เห็นภาพว่าเกาะหลีเป๊ะงดงามตระการตาขนาดไหน ก็ตามบันทึกการเดินทางของ คุณผู้หญิงมีพิษ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนเกาะหลีเป๊ะ 4 วัน 3 คืน พร้อมกับบอกว่า...ไม่พอจริง ๆ เอาเป็นว่าตามเราไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะกันเลยดีกว่า
หลีเป๊ะในฝัน ...
คำเตือน : รูปเยอะนะคะ ^___^
[Part 1-เตรียมตัว]
เราซื้อแพ็กเกจจาก Baanpun Travel ในงานท่องเที่ยว ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มัดจำแค่ 500 บาท จะได้กระเป๋ากันน้ำมาคนละ 1 ใบ ที่เหลือจ่ายหลังจากคอนเฟิร์มวันที่จะไป และงวดสุดท้ายจ่ายวันเดินทาง
ค่าใช้จ่ายในแพ็กเกจรวมทุกอย่าง (คัดลอกจากโบรชัวร์ของบริษัทตอนซื้อแพ็กเกจ)
ค่ารถตู้รับส่งจากสนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือ
ที่พัก 3 คืน
อาหารรวม 9 มื้อ
Soft Drink และผลไม้
ค่าเรือนำเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ
หน้ากากดำน้ำพร้อมชูชีพ
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
มัคคุเทศก์นำเที่ยวตามรายการ
ค่าประกันภัยการเดินทาง
ไม่รวมแค่ค่าตั๋วเครื่องบินในการเดินทางไปหาดใหญ่และค่าใช้จ่ายส่วนตัว
จองแพ็กเกจเรียบร้อยเปิดปฏิทินตรวจสอบเวลาว่างของทุกคน ตกลงกันว่าเราจะไปกันวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2558 (4 วัน 3 คืน) เรามีสมาชิกร่วมทริป 6 คน 5 คน จะเดินทางด้วยเครื่องบินจากรุงเทพฯ ไปลงหาดใหญ่ จัดแจงจองตั๋วใช้บริการของนกแอร์ทั้งไปและกลับ
เลือกบินไฟลท์เช้าสุดและกลับไฟลท์ดึกสุดเพื่อใช้เวลาให้เต็มที่ อีก 1 คน อยู่ชุมพร ตัดสินใจที่จะเดินทางด้วยรถไฟไทย (ปู๊น..ปู๊น กระฉึก...กระฉึก) ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก เพื่อนกล่าวว่า “ถ้าไม่จำเป็นนี่จะเป็นการเดินทางครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายสำหรับรถไฟไทย” ตามกำหนดการรถไฟจะมาถึงชุมทางหาดใหญ่ ซึ่งจะถึงใกล้เคียงกับพวกเราที่มาจากดอนเมือง
จะมีรถตู้ของบริษัทมารับเราที่สนามบินหาดใหญ่และรับเพื่อนเราที่สถานีรถไฟ จากนั้นถึงไปเจอกันที่ท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล เพื่อให้ทันลงเรือรอบแรก 11.30 น.
(เอานีโมมาเรียกแขก ><")
[Part 2-ออกเดินทาง]
วันที่ 1 :: 13 กุมภาพันธ์ 2558
พวกเราลงเครื่องตอน 07.30 น. โทรหาเพื่อนที่มาด้วยรถไฟ ซึ่งควรจะถึงแล้วว่าอยู่ไหนแล้ว เพื่อนบอกว่า “พัทลุงแล้วแก” อ้าว ! ช้ากว่าตารางนี่ แต่ก็โอเคอีกไม่นานคงถึงหาดใหญ่แล้ว ก็มีการสนทนาในกลุ่มไลน์เรื่อย ๆ แต่ขึ้นชื่อว่ารถไฟไทยไม่เคยทำให้ท่านผิดหวัง ... 8 โมง ก็ยังอยู่พัทลุง 08.30 น. ก็ยังอยู่พัทลุง เอ๊ะ ! ยังไงเนี่ย ก็รีบประสานงานคนขับรถตู้บอกว่า “รอได้แค่ 9 โมงครับ เดี๋ยวผู้โดยสารท่านอื่นตกเรือ” ก็ก้มหน้ารับชะตากรรม รีบหาแผนสอง ทางบริษัทก็ช่วยจัดการเปลี่ยนตั๋วเรือไปหลีเป๊ะของเพื่อนเป็นรอบบ่ายให้ เพราะรอบแรกไม่ทันแน่แล้ว เกือบ 10 โมง เพื่อนถึงชุมทางหาดใหญ่ สอบถามนายสถานีได้ความว่ารางรถไฟหักแถวพัทลุงทำให้ขบวนรถล่าช้า แผนสองก็คือให้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปขึ้นรถตู้ที่หน้าตลาดเกษตร (ค่ามอเตอร์ไซค์ ชุมทางหาดใหญ่-ตลาดเกษตร ประมาณ 100 บาท แล้วแต่ตกลงกับพี่วิน)
ข้อมูลเพิ่มเติม :: ตลาดเกษตร หาดใหญ่ จะมีคิวรถตู้ไปท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล ราคา 100 บาท ถ้าใครจะเดินทางด้วยวิธีนี้แนะนำให้โทรจองก่อน จะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงกับการไม่มีรถไปท่าเรือหรือมีก็อาจจะรอนานมาก
กลับมาที่สมาชิกกลุ่มแรก 5 คน เดินทางต่อด้วยรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง (130 กิโลเมตร)
ใครขับรถไปเองสามารถนำรถไปฝากที่ท่าเรือได้นะ มีป้ายรับฝากรถติดหน้าร้านอยู่หลายเจ้าเลย พิกัดท่าเรือปากบารา : 6.866289, 99.740431
ถึงท่าเรือรถตู้จะพาไปจอดที่หน้าบริษัท พาไปทานมื้อเที่ยง (รวมในแพ็กเกจ) เลือกอาหารจานเดียวได้ 1 จาน กับเครื่องดื่ม 1 แก้ว สัมภาระมีค่าเอาติดตัวไว้ นอกนั้นเจ้าที่หน้าของทางบริษัทจะจัดการให้จนถึงหน้าห้องพักเลย
11.30 น. เรียกขึ้นเรือ มีเสื้อชูชีพพร้อมสำหรับทุกที่นั่ง งีบหลับได้เลย
(น่าจะเป็นท่าเรือเล็กสำรองนะ เพราะวันนั้นมีขบวนเสด็จพอดี)
ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จะมาถึงเกาะไข่
เรือจะจอดให้ลงไปถ่ายรูป ประมาณ 15-20 นาที
นั่งเรือต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงโป๊ะ เราต้องต่อเรือเมล์ เป็นเรือที่ใช้รับส่งนักท่องเที่ยวจากโป๊ะไปรีสอร์ทต่าง ๆ ก็ดีนะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านแถวนั้นด้วย
ทริปนี้เราพักกันที่ Mali Resort ฟินมากบอกเลย
ฟินจนลืมถ่ายรูปรีสอร์ทมาเลย (ดูรูปจากเว็บไซต์รีสอร์ท Mali Resort)บรรยากาศรีสอร์ทจะค่อนข้างแตกต่างกับรีสอร์ทส่วนใหญ่บนหลีเป๊ะ เพราะที่มะลิจะมีสนามหญ้า จะดูเขียว ๆ ชุ่มชื้นหน่อย ดูไม่แห้งแล้ง ไม่ได้รีวิวห้องพักนะ แต่ยืนยันว่าสวยและสบาย เหมาะกับมาพักผ่อนมากจริง ๆ ถ้าใครสนใจลอง Search ดูได้นะ เราเห็นมีคนรีวิว Mali Resort ไว้ละเอียดยิบเลย เรานัดกับไกด์ว่าจะเจอกันตอน 5 โมงเย็น เพื่อไปเดินเล่นถนนคนเดินและทานมื้อเย็น โปรแกรมดำน้ำจะเริ่มวันที่ 2 ของทริป แยกย้ายเข้าไปสำรวจห้องพัก ไฟติดไหม น้ำไหลมไหม แอร์เย็นไหม ฯลฯ พนักงานก็เอากระเป๋ามาส่งถึงหน้าห้องพัก สักพักเพื่อนก็ส่งไลน์มาบอกว่าไปเรือรอบบ่ายครึ่งไม่ได้แล้ว เลื่อนเป็นบ่ายสามครึ่ง
ทางบริษัทจัดแจงหาที่งีบให้เพื่อนเรา รอเรือรอบบ่ายสามครึ่ง ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ พวกเราที่เหลือก็เลยงีบพักผ่อนแล้วตื่นมาเล่นน้ำที่หน้าที่พัก มีปะการังและปลาอยู่บ้าง น้ำใสมาก
ประมาณ 5 โมง เพื่อนก็ไลน์มาบอกว่าถึงโป๊ะแล้ว ในที่สุดสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มก็เดินทางมาถึงหลีเป๊ะ (บ่นอุบเลยจ้า เพื่อนเซ็งรถไฟไทยไปอีกนาน) ใครจะเดินทางไปไหนด้วยรถไฟไทยแนะนำเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยนะ อ้อ แล้วถ้าจะมาหลีเป๊ะเลี่ยงรถไฟได้ก็เลี่ยงเถอะ เพราะการเดินทางข้างหน้าที่รอเราอยู่มันมีตารางเวลาของมัน ถ้าเสียนิดเดียวก็พลาดไปยาวเลย
สมาชิกครบแล้วไปเที่ยวกันต่อ...ถนนคนเดิน
มื้อเย็นวันแรก ที่หลีเป๊ะ
[Part 3-ได้เวลาท่องทะเล]
วันที่ 2 :: 14 กุมภาพันธ์ 2558
แจ้งกับทางบริษัทไว้ว่าจะเอาเป็น Private Trip คือ เรือทั้งลำจะมีแต่กลุ่มเรา จะดำน้ำแต่ละจุดนานเท่าไรก็ได้ เรือจะเป็นคล้าย ๆ เรือหางยาวแต่ลำจะใหญ่กว่าหน่อย
ดำน้ำวันแรก-โซนใน (เกาะหินงาม เกาะยาง หาดทรายขาว อ่าวสอง ร่องน้ำจาบัง)
เกาะหินงาม
ตอนไปไม่ค่อยเห็นกองหินที่ถูกเอามาเรียงสูง ๆ แล้ว ไกด์เล่าว่าขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวไม่เอาหินมาเรียงเพราะว่า
1. พอเรียงสูง ๆ หินตกลงมามีโอกาสแตกและเกิดเหลี่ยมคม อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ
2. พอจะเรียงหินก็ต้องหากินก้อนใหญ่ ๆ มาวางเป็นฐาน ก้อนเล็ก ๆ ก็จะโดนทับไปเรื่อย ๆ เกิดการเคลื่อนย้ายหินมากองอยู่ที่เดียวกัน
ถ้าใครดำน้ำแล้วเหนื่อยไกด์ก็จะมีห่วงยางให้เราเกาะ ตามไกด์ไปเรื่อย ๆ
หาดทรายขาว เกาะราวี
เกาะอาดัง
มื้อเย็นวันที่ 2
[Part 4-ใต้ทะเลสวยขนาดนี้ วันเดียวจะพอได้ยังไง]
วันที่ 3 :: 15 กุมภาพันธ์ 2558
ดำน้ำวันที่สอง-โซนนอก (เกาะหินซ้อน เกาะไม้ไผ่ เกาะรอกลอย อ่าวลิง)
Free Dive กันสนุกสนานมาก
ใครเจออะไรตรงไหนสวยก็ส่งสัญญาณมือชี้ให้ว่ายตาม ๆ กันมา
เม่นทะเล หนามสีขาวแปลกดี
- Sink beneath the surface and you are free - (เคยอ่านเจอประโยคนี้ในอินเทอร์เน็ต เห็นด้วยที่สุด โลกใต้น้ำเป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก ๆ)
พักเที่ยงกินข้าว เจอกองกำลังปูเสฉวน
มื้อเที่ยงของทุกวันที่ออกไปดำน้ำ ไกด์จะเตรียมมาให้พร้อม กับข้าว 2 อย่าง ผลไม้จะเป็นแตงโมและสับปะรด มีน้ำอัดลม น้ำเปล่า ดื่มได้ตลอด (ไม่มีภาพประกอบนะคะลืมถ่าย แหะ ๆ) เติมพลังเรียบร้อยแล้ว ไปดำน้ำกันต่อเลย
เกาะรอกลอย (อ่านว่า รอ-กลอย)
หอยมือเสือ
จุดนี้น้ำใสและไม่ลึกมาก มองเห็นปะการังจากบนเรือได้
น้ำใสมาก เหมือนว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำเลย
จุดนี้ถ่ายรูปกระโดดน้ำกันสนุกเลย
ไกด์ถามว่าเหนื่อยหรือยัง ... ก็เหนื่อยนะแต่ขอดำต่อ ไกด์ก็จัดให้ตามคำเรียกร้อง จุดดำน้ำจุดสุดท้ายแล้วชมภาพกันยาว ๆ
เราโชคดีมากได้เจอปลาไหลมอเรย์ด้วย แต่ว่าอยู่ค่อนข้างลึก ตากล้อง Free Dive ลงไปถ่ายไม่ถึง อดถ่ายภาพมาให้ชม อีกอย่างไกด์บอกว่าอันตรายอย่าเข้าใกล้มาก
เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เผลอนิดเดียวหมดวันอีกแล้ว มื้อเย็นมื้อสุดท้ายของทริปนี้บนเกาะหลีเป๊ะ
(ภาพไม่ค่อยสวยงาม ถ่ายทันแค่นี้ หันมาอีกทีอาหารแหว่งหมดแล้ว)
[Part 5-หมดเวลาสนุกแล้วสิ]
วันที่ 4 :: 16 กุมภาพันธ์ 2558
เมื่อวานเราแจ้งไกด์ว่าจะกลับรอบบ่ายจะได้ใช้เวลาพักผ่อนตอนเช้าเพิ่มหน่อย ไม่ต้องเร่งรีบเก็บสัมภาระเพื่อลงเรือรอบ 8 โมง ตอนทานมื้อเย็นติดต่อกับร้านอาหารไว้ว่าจะตักบาตร เพราะเมื่อวานเพื่อนตื่นเช้ามาถ่ายรูปเห็นพระเดินบิณฑบาต พี่ที่ร้านเล่าให้ฟังว่าบนเกาะมีพระ 6 รูป ประชากรบนเกาะนับถือศาสนาพุทธเพียง 5% พี่เขาเลยบอกว่าจะเตรียมของตักบาตรเผื่อสำหรับพวกเรา 6 คน
ตื่นเช้ามาเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ที่หลีเป๊ะก่อนกลับ วันสุดท้ายแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก 06.40 น. พระก็เดินบิณฑบาตมาถึงบริเวณร้านอาหารพอดี
ตักบาตรเสร็จก็เดินกลับที่พักไปทานมื้อเช้า
เพื่อนอยากคายักเลยไปเดินตามหาที่เช่าคายัก ปรากฏว่าที่รีสอร์ทก็มี...ฟรีอีกต่างหาก ดีนะที่กลับมาถามที่รีสอร์ทก่อน
ประมาณ 11 โมง ไกด์ก็มารับที่รีสอร์ทไปลงเรือกลับท่าเรือปากบารา รถบริษัทก็ไปส่งที่สนามบินหาดใหญ่ แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ อ้อ ! เพื่อนที่อยู่ชุมพรก็กลับขึ้นมากรุงเทพฯ พร้อมกันก่อน แล้วค่อยนั่งเครื่องกลับไปชุมพรนะ ขยาดแล้วจ้ารถไฟไทย ฮ่า ๆ
สรุปค่าใช้จ่าย
แพ็กเกจทัวร์หลีเป๊ะ 4 วัน 3 คืน พักที่ Mali Resort ห้อง Balinese Tropical Villas # 14,500 บาท/คน (ราคาแพ็กเกจขึ้นอยู่กับช่วงที่ไปและจำนวนคนด้วย น่าจะต่อรองได้แล้วแต่กรณี)
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับดอนเมือง-หาดใหญ่ # 2,587 บาท
ข้อเสียของการซื้อแพ็กเกจสำหรับเรามีอยู่แค่อย่างเดียว คือ ราคาอาจจะสูงเมื่อเทียบกับที่หลาย ๆ คนมากันเอง แต่ข้อดีก็มีมากมายจนพวกเรายอมที่จะจ่ายในราคานี้ ที่สำคัญ คือ ความสะดวกสบาย เราแทบไม่ต้องจัดการอะไรเลย และแทบไม่ต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีกเลย (นอกจากค่าโรตีที่ถนนคนเดิน อยู่ 3 วัน กิน 3 วันเลย)
เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ที่ชวนมาเขากลับมาซ้ำอีกบ่อย ๆ 4 วัน 3 คืน ไม่พอจริง ๆ ลากันไปด้วยภาพนี้ละกัน ถ้ามีโอกาสปีหน้าเจอกันใหม่นะหลีเป๊ะ...ติดใจซะแล้วสิ
ขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ ร่วมทริปทุกคน ขอบคุณตากล้องสำหรับรูปภาพสวย ๆ ทุกใบ ขอบคุณ พี่เชน สุดยอดไกด์ของเรา อยากกินอะไรได้กิน อยากไปดำน้ำตรงไหนได้ไป (แอบใส่ Facebook ของบริษัทที่พวกเราซื้อแพ็กเกจ www.facebook.com/BaanpunTravel)
หมายเหตุ
ภาพที่เป็น All rights reserved | Kijjawat Poopong ถ่ายด้วย Nikon D7000 + Dicapac
ภาพที่เป็น All rights reserved | Kijjawat Poopong #vivoxshot ถ่ายด้วย Vivo Xshot
ภาพที่เป็น All rights reserved | Poison Girl ถ่ายด้วย iphone 5S
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมด้วยค่ะ พูดคุยและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณผู้หญิงมีพิษ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม