เที่ยวพังงาหน้าฝน สัมผัสวิถีชีวิตเนิบช้าที่สุขใจ



พังงา
พังงา หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเสมอมา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto

          วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ลงใต้ฝั่งตะวันตกติดทะเลอันดามัน ไปสัมผัสกับจังหวัดที่ได้รับสมญาว่าเป็นดินแดนแห่งป่าเกาะ อีกทั้งยังมีผืนป่าชายเลนหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย มากล้นด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตผู้คนและชุมชนเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก (ดูเพิ่มเติมได้ที่ ททท. พังงา) ใช่แล้วค่ะ ! เรากำลังพูดถึง "พังงา" เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเสมอมา ซึ่งวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวพังงาผ่านบันทึกการเดินทางของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนพังงาช่วงหน้าฝนและบอกเล่าประสบการณ์ดี ๆ ให้เราได้รู้ว่า "พังงาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี" เพราะนอกจากทะเลสวย ๆ แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ไปเยือน

+++++++++++++


          สวัสดีมิตรรักชาว BP รีวิวนี้จะพาไปล่องใต้หน้ามรสุม คงกำลังคิดอยู่ใช่ไหมว่า Neju ไม่บ้าก็เมาแน่ ๆ ไปทะเลช่วงนี้เนี่ย ??? เปล่าครับ ผมแค่จะพาไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แม้ต้องออกแรงลุยหน่อยหนึ่ง ต้องคอยลุ้นว่าฝนจะตกลงมาตอนไหน หรือถ้าตกอยู่ตอนนี้จะหยุดตอนไหน (ผมอยู่ไม่ถึงครึ่งวันก็เลิกตั้งคำถามแล้ว ธรรมชาติสอนให้ผมทำใจและร่าเริงไปเอง) แต่รับรองว่าสนุกอย่าบอกใคร

          ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดมุมมองสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา ในแบบฉบับที่ไม่ใช่เกาะยอดฮิตต่าง ๆ ในแบบที่สามารถเที่ยวได้ในช่วงมรสุม และให้เพื่อน ๆ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วพังงา...สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี พร้อมแล้วก็ออก “ตะลุยพังงาหน้าฝน” กันเลย

          "Let’s go South-Let’s go Phangnga"

          ป.ล. สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามทาง Message Pantip หรือที่

          เฟซบุ๊ก Nejuphoto

          ป.ล. 2 รีวิวนี้เป็น CR ล้วน ๆ ทุกสถานที่ที่ไปนั้นได้ออกค่าใช้จ่ายเอง ทั้งค่าเดินทาง ค่าเข้า และค่าอาหารทุกมื้อในรีวิวนี้ถึงแม้จะได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา แต่สิ่งที่ ททท. สนับสนุนนั้นผมได้แยกลงรีวิวก่อนหน้านี้แล้ว ในเรื่องของการเดินทางเครื่องบินและที่พัก

          ป.ล. 3 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรีวิวถ้าถูกใจ ชอบใจ ขอกำลังใจคนทำรีวิวด้วยนะครับ ^^

          สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพในทริปนี้

          - Nikon D600         
          - Lens : Nikkor 24-70 f/2.8, Nikkor 14-24 f/2.8, Tamron 70-300 VC

          ด้วยความกรุณาจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ได้ให้โอกาสทางผมเข้าร่วมกิจกรรม "ชวนกันเที่ยวใต้ หรือ Let’s go South" โดยจังหวัดที่ไปในครั้งนี้ คือ จังหวัดพังงา ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ ททท. จังหวัดพังงาได้ชวนผมไป และเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นแนวผจญภัย (แต่ปลอดภัย) ในแบบชีวิตวัยคนทำงานอย่างผม สำหรับครั้งแรกที่ไปนั้นผมไปเที่ยวแบบ Eco-Tourism เน้นแนววิถีชีวิต เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ สามารถติดตามอ่านย้อนหลังได้ครับ

          [CR][SR][Neju\'s Travel #6/2014] ++ Let’s go South – "หลงเสน่ห์เมืองพังงา" วิถีชีวิตที่เดินอย่างช้าๆ บนเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่

          โดยในรีวิวนี้รูปแบบนำเสนอผมจะเล่าถึงที่มา (แบบคร่าว ๆ) พร้อมทั้งการเดินทางและค่าใช้จ่ายแต่ละสถานที่ โดยเริ่มที่สถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ในช่วง Low Season กันก่อนเลยครับ



          ตะกั่วป่าเมืองเก่า (Old Town)

          เมืองเล็ก ๆ ที่มองดูเงียบ ๆ แต่เพราะ "ความเงียบ" นี่จึงเป็นเสน่ห์ของที่นี่ ตะกั่วป่าเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นที่รู้จักของชนหลายเชื้อชาติในชื่อ "เมืองตะโกลา" เนื่องจากเป็นเมืองท่าจอดเรือ เป็นศูนย์กลางการค้า และเป็นเส้นทางลัดขนสินค้าข้ามคาบสมุทร ตึกแถวโบราณบริเวณนี้ สันนิษฐานว่าสร้างพร้อมกับเมืองตะกั่วป่า ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างจีนและชิโนโปรตุกีส ซึ่งแม้ตัวอาคารจะทรุดโทรมไปตามกาลเวลาแต่ยังคงคุณค่าแห่งอดีตกาลเอาไว้อย่างเหนียวแน่น







          การเดินทาง : จากเขาหลักมาตามป้ายบอกทางจะพบกับตัวเมืองตะกั่วป่า แต่ถ้ามาในเขตเมืองเก่าจะเลยจากตัวเมืองมาประมาณ 5 กิโลเมตร

          ค่าใช้จ่าย : ไม่มีเสียค่าเข้าชม



          ยังมีร้านตัดผมบรรยากาศเก่า ๆ สุดคลาสสิกแบบนี้ให้เห็นที่ตะกั่วป่า



          ตึกขุนอินทร์ เป็นบ้านอาศัยของ ร.อ.ท. ขุนอินทรคีรี ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอตะกั่วป่า ตึกขุนอินทร์เป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าด้านสถาปัตยกรรม คือ เป็นอาคารรูปทรงชิโนโปรตุกีสประยุกต์ เดิมหลังคามุงด้วยกระเบื้องหลังเต่า ภายหลังตึกแห่งนี้ชำรุดทรุดโทรมลงจึงได้ดำเนินการซ่อมแซมตามรูปเดิม และมุงหลังคาด้วยกระเบื้องลอน ปัจจุบันให้ถ่ายภาพจากด้านนอกเท่านั้นไม่สามารถเข้าไปด้านในได้



          กำแพงค่าย พระยาเสนานุชิต (นุช) ผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่าเป็นผู้สร้างล้อมรอบจวนที่พำนัก เป็นตัวอย่างกำแพงค่ายป้องกันศัตรู ที่ก่อด้วยกรวดทรายผสมปูนล้วน ๆ ไม่ได้ก่ออิฐถือปูนอย่างกำแพงทั่วไป ปัจจุบันกำแพงค่ายเป็นทรัพย์สินของตระกูล ณ นคร





          สะพานเหล็กโคกขนุน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองตะกั่วป่า เคยใช้เป็นฉากภาพยนตร์หลายเรื่อง เคยมีครั้งหนึ่งที่สะพานนี้โดนน้ำท่วมจึงทำให้สะพานชำรุดลง แต่ว่าได้รับการซ่อมแซมจาก คุณชาตา บุญสูง ให้สะพานเหล็กได้อยู่คู่กับตะกั่วป่ามาจนถึงทุกวันนี้



          การเดินทาง : อยู่ระหว่างตัวเมืองตะกั่วป่ากับเมืองเก่าตะกั่วป่า ถ้ามาจากทางตัวเมืองตะกั่วป่าจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ เลยตัวเมืองมาประมาณ 2 กิโลเมตร

          ค่าใช้จ่าย : ไม่มีเสียค่าเข้าชม





          Little Amazon-ล่องเรือชมป่าไทรย้อย 100 ปี คลองสังเหน่ ล่องเรือเที่ยวชมความงาม อิงแอบธรรมชาติรอบตัวไปกับคลองสังเหน่ คลองที่มีต้นสังหลา (ตีนเป็ดน้ำ) ขึ้นอยู่ทั่วไป พร้อมกับชมความงามต้นไทรย้อยอายุกว่า 100 ปี และสัตว์ป่าหายากนานาชนิด เช่น งูปล้องทอง งูเขียว งูเหลือม นกนานาชนิด เรียกได้ว่าที่นี่เป็นอเมซอนเมืองไทยก็ไม่ผิด



          การเดินทาง : อยู่ในตัวอำเภอเมืองตะกั่วป่า เข้าไปถนนข้าง ๆ ที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า จนถึงด้านในจะมีป้ายบอกชัดเจน

          ค่าใช้จ่าย : อัตราค่าบริการ คนไทยเรือลำละ 550 บาท ชาวต่างชาติลำละ 750 บาท นั่งได้ 2 คน (ไม่รวมคนขับเรือ) เปิด-ปิด เวลา 08.00-16.00 น.







          ระยะทางในการล่องเรือประมาณ 5 กิโลเมตร ระหว่างทางนอกจากธรรมชาติอันสมบูรณ์แล้ว ที่นี่ยังมีงูห้อยตามต้นไม้ให้ได้ถ่ายรูปไว้เชยชม ส่วนมากเป็นงูปล้องทอง ในช่วงเวลากลางวันงูจะหลับ งูจะออกหากินเวลากลางคืน





          ถ้าฝนตกหนักมาก ๆ เรือจะงดออกวิ่งครับ





          ด้านนอกคลองสังเหน่จะเป็นแม่น้ำตะกั่วป่า ที่มีวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวประมงตั้งถิ่นฐานอยู่







          ระยะเวลาในการล่องเรือไป-กลับ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงครับ



          วนอุทยานสระนางมโนราห์ หรือธารน้ำตกสระนางมโนห์รา อยู่ในเขตตำบลนบปริง อำเภอเมือง สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าที่ร่มรื่น มีพรรณไม้ต่าง ๆ อยู่มาก ลักษณะเด่นของวนอุทยานแห่งนี้ คือ ธารน้ำตกที่เกิดจาก ลำธารไหลจากไหล่เขาตกลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ตลอดปี



          การเดินทาง : จากตัวเมืองพังงาใช้ทางหลวงหมายเลข 4 หรือถนนเพชรเกษม ไปทางอำเภอทับปุดประมาณ 4 กิโลเมตร มีทางแยกขวาเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร เส้นทางลาดยางอย่างดี

          ค่าใช้จ่าย : ไม่มีเสียค่าเข้าชม





          ระยะทางโดยประมาณของเส้นทางศึกษาธรรมชาติยาว 2 กิโลเมตร มีทั้งน้ำตกหลายแอ่งและถ้ำหลายที่



          สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวสำหรับสถานที่แห่งนี้ คือ ธรรมชาติที่ร่มรื่น อากาศที่เย็นสบายเหมาะกับการไปเที่ยวเล่นพักผ่อน ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง





          บ้านสามช่อง เป็นหมู่บ้านชาวประมง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีเพียงไม่กี่หลังที่นับถือศาสนาพุทธ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ยังคงความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพประมงเป็นหลัก ที่นี่ถือได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณอ่าวพังงาที่สวยงามแห่งหนึ่ง



          การเดินทาง : จากจังหวัดภูเก็ตมาถึงแยกกะไหล เลี้ยวขวาเข้าไปจะเจอบ้านสามช่อง

          ค่าใช้จ่าย : ไม่มีเสียค่าเข้าชม





          อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีพื้นที่ประมาณ 250,000 ไร่ ครอบคลุมอำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว อุทยานฯ แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งที่ 2 ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลและเกาะน้อยใหญ่ มีเขาหินปูนลักษณะต่าง ๆ ที่มีความงามแตกต่างกันไปตามลักษณะของหิน สมบูรณ์ด้วยป่าชายเลน และยังเป็นแหล่งขยายพันธ์ุสัตว์น้ำอีกด้วย



          การเดินทาง : อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 4 จะมีทางแยกซ้าย เข้าทางหลวงหมายเลข 4144 เข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือท่าด่านศุลกากร สามารถเช่าเรือจากบริเวณท่าเรือได้

          ค่าใช้จ่าย : เรือสำหรับ 1-8 คน ราคา 1,200 บาท, เรือสำหรับ 8-20 คน ราคา 2,000 บาท และเรือสำหรับ 20-40 คน ราคา 4,500 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง



          เขาหมาจู อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะไปเกาะปันหยี เขาหมาจูเป็นภูเขาหินมีลักษณะคล้ายรูปสุนัขแบ่งเป็นส่วนหัว ลำตัว และหางเป็นพู่



          ถ้ำลอด เป็นภูเขาลักษณะเกาะทะลุ ปากถ้ำกว้างประมาณ 50 เมตร สูง 40 เมตร เรือขนาดเล็กสามารถแล่นผ่านทะลุไปอีกด้านของถ้ำได้ บนเพดานถ้ำมีหินย้อยดูแปลกตา



          เขาพิงกัน เป็นเกาะที่อยู่บนหาด เหตุที่ชื่อนี้เพราะภูเขาหินแตกออกจากกัน หินที่เล็กกว่าเลื่อนลงมาฐานจมลงไปในดินแยกห่างจากกัน ส่วนด้านบนยังคงพิงกันอยู่ ด้านหลังของเขาพิงกันมีทิวทัศน์ที่สวยงาม มองออกไปในทะเลจะเห็น "เขาตะปู" หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เกาะเจมส์บอนด์" มีลักษณะเหมือนตะปูอยู่กลางน้ำ อุทยานฯ เก็บค่าขึ้นเขาพิงกัน ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท





          เขาเขียนหรือภาพเขียนสี เป็นทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี บริเวณหน้าผาจะมีรูปเขียนเป็นภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ สันนิษฐานว่าเป็นภาพวาดโดยนักเดินเรือสมัยโบราณที่แวะมาจอดพักหลบมรสุม ซึ่งกรมศิลปากรได้ทำการ ศึกษาว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี



          เกาะปันหยี เป็นเกาะเล็ก ๆ มีที่ราบประมาณ 1ไร่ มีบ้านเรือน 200 หลังคาเรือน ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีอาชีพประมง ขายของที่ระลึก และขายอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว



          ชาวบ้านสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นมาโดยมีภูเขาบังทิศทางลม ทำให้หมู่บ้านที่อยู่ละแวกนี้จะไม่ได้รับความเสียหายมากนักในช่วงลมมรสุม







          มีโรงเรียนและสถานีอนามัยอยู่บนเกาะ



          มีสนามฟุตบอลลอยน้ำที่แรกและที่เดียวในเมืองไทย เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก







          อุทยานแห่งชาติศรีพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีป่าไม้สมบูรณ์เป็นประเภทป่าดิบชื้น มีพรรณไม้ที่สำคัญ เช่น ไม้ยาง ไม้ตะเคียนทอง ปาล์มสกุลต่าง ๆ กล้วยไม้ เช่น รองเท้านารี เอื้องเงินหลวง และยังสามารถพบสัตว์ป่าและนกต่าง ๆ หลายชนิด ได้แก่ สมเสร็จ เลียงผา นกเงือก นกเขียวคราม นกชนหิน ปลาพลวง กบทูด เป็นต้น



          การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ตะกั่วป่า-ระนอง) ผ่านป่าเทือกเขานมสาว เลี้ยวเข้าทางแยกสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ตรงหลักกิโลเมตรที่ 756 เป็นเส้นทางลำลองจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (จากปากทางบ้านตำหนัง) เข้าเขตน้ำตกตำหนังเป็นระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร

          ค่าใช้จ่าย : ไม่มีเสียค่าเข้าชม โดยเปิด-ปิด เวลา 06.00-17.00 น.



          น้ำตกตำหนัง อยู่ห่างจากอุทยานฯ 1 กิโลเมตร เมื่อถึงบริเวณที่จอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 500 เมตร เป็นน้ำตกที่ตกจากหน้าผาสูง 63 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลแรง บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ มีปลาพลวงอาศัยอยู่ในลำธาร มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 2 กิโลเมตร เส้นทางลาดชัน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง





          ล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่ หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบการล่องแก่งหรือล่องแพเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะล่องแก่ง ล่องแพที่ไหนถึงจะได้สัมผัสธรรมชาติสวย ๆได้เท่ากับการไปล่องแพไม้ไผ่ที่ "น้ำตกวังเคียงคู่" น้ำตกที่อยู่ในเขตพื้นที่ของตำบลลำแก่น โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จะได้พบกับธรรมชาติ พืชพรรณ รวมไปถึงเหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่สองข้างลำธารแม่น้ำ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมผจญภัยท่องเที่ยวพักผ่อนที่น่าประทับใจมากอีกอย่างหนึ่ง





          การเดินทาง : ตั้งอยู่บริเวณบ้านลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง ไม่ไกลจากเขาหลักมากนัก

          ค่าใช้จ่าย : อัตราค่าบริการ คนไทยแพลำละ 400 บาท ชาวต่างชาติแพลำละ 700 บาท นั่งได้ 2 คน (ไม่รวมคนพาย) เปิด-ปิด เวลา 08.00-17.00 น.

          ข้อควรระวัง : ในเรื่องของอุปกรณ์ในการถ่ายภาพ เพราะน้ำจะไม่ได้ไหลนิ่งไปตลอด แต่จะมีแก่งเล็ก ๆ ไว้ให้คอยหวาดเสียวเล็กน้อย





          นั่งแพล่องไปตามสายน้ำคลองลำรูอันเย็นฉ่ำ สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยสวนผลไม้ ป่าอันเขียวขจี และยังมีงูห้อยอยู่ตามต้นไม้อีกด้วย (แต่น้อยกว่าคลองสังเหน่อยู่ค่อนข้างมากและกิ่งไม้ค่อนข้างสูงกว่าศีรษะพอสมควร)





          บริเวณนั้นมีแพไม้ไผ่อยู่หลายเจ้า แต่ผมใช้บริการของ "แพผู้ใหญ่โกมล" เนื่องจากเป็นเจ้าที่ระยะทางล่องแพไกลที่สุด เริ่มต้นไกลที่สุดและสิ้นสุดหลังสุด ทำให้มีระยะทางในการล่องแพไม้ไผ่ค่อนข้างมาก



          หมู่บ้านบางพัฒน์ ชุมชนขนาดเล็กตั้งอยู่ในเกาะซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอ่าวพังงา ชาวบ้านที่นี่เป็นลูกน้ำเค็มเต็มตัว การหากินล้วนต้องพึ่งพาทรัพยากรทางทะเล การทำประมงพื้นบ้านจึงกลายเป็นอาชีพหลัก เสน่ห์ของที่นี่มีให้ชื่นชมมากมายทั้งอัธยาศัย ความมีน้ำใจของชาวบ้าน สภาพทางธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงาม ในชุมชนมีการอนุรักษ์เพาะพันธุ์ปู ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พร้อมทั้งชิมอาหารทะเลที่มีให้เลือกมากมาย (ในตอนท้ายจะพาไปทานอาหารที่นี่กันครับ)



          การเดินทาง : จากตัวอำเภอเมืองมาบ้านบางพัฒน์ ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร

          ค่าใช้จ่าย : ไม่มีเสียค่าเข้าชม





          ถ้ำพุงช้าง ภูเขาช้าง...อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองพังงา มีถ้ำน้อยใหญ่มากมาย แต่ที่มีชื่อเสียง งดงาม และอยู่ใจกลางภูเขาช้าง คือ ถ้ำพุงช้าง โดยปากทางเข้าถ้ำอยู่ภายในวัดประจิมเขต หลังศาลากลางจังหวัดถนนเพชร ในอดีตพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เคยเสด็จฯ เยือน และทรงจารึกพระปรมาภิไธยไว้เป็นหลักฐานสืบมา





          การเดินทาง : อยู่ในเขตเทศบาลเมืองพังงาหลังศาลากลางจังหวัด ก่อนเข้าตัวตลาดพังงา มีทางลาดยางเข้าไป 500 เมตร ถึงวัดประพาสประจิมเขต แล้วเดินเข้าไปยังถ้ำในบริเวณวัดได้

          ค่าใช้จ่าย : อัตราค่าบริการ คนไทยคนละ 200 บาท ชาวต่างชาติคนละ 500 บาท เด็กครึ่งราคา ต่อลำนั่งได้ 2-4 คน (ไม่รวมเจ้าหน้าที่) แต่มีไฟฉายให้ โดยเปิด-ปิด เวลา 08.30-16.00 น.

          ข้อควรระวัง : โดยปกติจะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพความสวยงามภายในถ้ำ เพราะแสงแฟลชจะสร้างความเสียหายให้กับหินงอกหินย้อยได้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษที่การท่องเที่ยวแห่งจังหวัดพังงาประสานงานร่วมกับผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานบริหารจัดการการท่องเที่ยวภายในถ้ำพุงช้าง อนุญาตให้ผมสามารถถ่ายภาพได้ เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง



          ภายในถ้ำมีความงดงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินงอกหินย้อยที่มีสภาพที่สมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำแสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น การเที่ยวถ้ำพุงช้างถือได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนูเพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ







          หยดน้ำที่หยดจากติ่งปลายของหินงอกหินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟฉายของเราก็เกิดประกายเหมือนประกายเพชร โดยเฉพาะหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะของรูปช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกันเป็นวงรอบหินงอก รูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตรยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงามมาก





          บรรยากาศด้านในถ้ำไม่อบอ้าวแต่กลับรู้สึกเย็นสบาย







          การเดินเที่ยว : ถ้ำพุงช้างใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง การแต่งกายควรสวมขาสั้น รองเท้าแตะที่เป็นยาง เนื่องจากต้องมีการเดินลุยน้ำ นอกจากนี้แล้วถ้ำพุงช้างเป็นแหล่งที่ 2 ของประเทศไทย ที่มีการค้นพบค้างคาวคุณกิตติ ซึ่งเป็นค้างคาวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก







          กาแฟชายค่าย เป็นร้านอาหารเช้าของคนท้องถิ่น มีขนมพื้นเมืองหลากหลายชนิด เปิดร้านตั้งแต่ 05.00 น.



          การเดินทาง : อยู่ในตัวเมืองพังงา







          ขนมจีนป้าศลหน้าศาลเจ้า เป็นร้านขนมจีนที่มีเครื่องเคียงให้เลือกค่อนข้างมาก รวมถึงน้ำยามีหลายชนิดให้เลือก จะเปิดขายช่วงกลางวัน





          การเดินทาง : อยู่ในตัวเมืองพังงา ตรงข้ามศาลเจ้าม่าจ้อโป๊



          ดูเครื่องเคียงสิครับ มากมายขนาดไหน ^^





          ผัดไทยใจเย็นเย็น

          การเดินทาง : อยู่ระหว่างเขาหลักกับเมืองตะกั่วป่า





          ผัดไทยเส้นจันท์กุ้งสดและเมนูผัดไทยห่อไข่





          ร้านโง้ว เม่ง เฮง เป็นร้านอาหารพื้นเมือง บรรยากาศติดริมแม่น้ำตะกั่วป่า



          การเดินทาง : อยู่ในตัวเมืองตะกั่วป่า หลัง บขส. ตะกั่วป่า



          เมนูที่แนะนำ คือ ต้มยำกุ้งน้ำข้น หอยชักตีน น้ำพริกกุ้งเสียบ และปลาทอดราดผัดสะตอ









          ครัวอารีย์บังหมาด เป็นร้านอาหารซีฟู้ดสด ๆ



          การเดินทาง : ตั้งอยู่บ้านบางพัฒน์ ร้านอยู่ด้านในสุด

          ค่าใช้จ่าย : คนละ 250 บาท เลือกได้ 5 เมนู สั่งเพิ่มบวกไปตามราคาจริง มีให้เลือกทั้งกั้ง กุ้ง หอย ปู และปลา











          ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ที่ได้เชิญผมไปเที่ยวในครั้งนี้ ขอบคุณเพื่อนผู้ร่วมเดินทางที่ร่วมผจญภัยในครั้งนี้ ขรุขระบ้าง ราบรื่นบ้าง แต่ทุกอย่างคือประสบการณ์ในชีวิต ขอบคุณชาวพังงาที่น่ารัก ที่ช่วยเหลือผมทั้งบอกทาง รวมถึงแนะนำร้านอาหารต่าง ๆ ขอบคุณจังหวัดเล็ก ๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวไม่เล็ก "พังงา" แห่งนี้ ที่ทำให้ผมได้มาเห็นความสวยงามทางธรรมชาติ รวมถึงชีวิตที่เรียบง่าย Still Slowly Life ของชาวพังงา ต้องบอกเลยว่าหลงเสน่ห์ของที่นี่ไปเลยครับ



          ใครมีคำถามสอบถามได้นะครับจะทาง Message Pantip หรือในเพจของผมก็ได้

          เฟซบุ๊ก Nejuphoto

          ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวพังงานี้จนจบ..."Let’s go South-Let’s go Phangnga"




 







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวพังงาหน้าฝน สัมผัสวิถีชีวิตเนิบช้าที่สุขใจ อัปเดตล่าสุด 2 เมษายน 2567 เวลา 15:00:45 26,959 อ่าน
TOP
x close