เอาใจคนชอบเที่ยวต่างประเทศด้วย 30 สถานที่ท่องเที่ยววิวสวย ๆ ทั่วโลก ที่รับรองว่าคุณจะต้องทึ่งในความงามจนอยากจะไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง
1. ดัคสไตน์ ประเทศออสเตรีย
เทือกเขาแอลป์ เป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปและครอบคลุมหลายประเทศ และนี่เป็นอีกมุมจากดัคสไตน์ (Dachstein) ในประเทศออสเตรีย ด้วยความสูงกว่า 1,300 ฟุต ของสะพานที่ทอดออกไปจากหน้าผา ทำให้คุณเห็นเทือกเขาแอลป์ในมุมสุดหวาดเสียว
2. ทะเลทรายนามิบ ประเทศนามิเบีย
ทะเลทรายที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศนามิเบีย (Namibia) และทอดยาวไปถึงมหาสมุทรแอตแลนติก และเนินทรายของทะเลทรายแห่งนี้ก็เป็นเนินทรายที่สูงที่สุดในโลกด้วยนะ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวิวสวย ๆ ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมา การได้เห็นน้ำทะเลในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ตัดกับผืนทรายที่มองไปสุดลูกหูลูกตา คือภาพที่หาดูได้ยากจริง ๆ
3. เกาะสกาย ประเทศสกอตแลนด์
เกาะสกาย (The Isle of Skye) มีภูมิประเทศอันน่าสนใจ ซึ่งเป็นทั้งที่ราบ เนินเขา และแอ่งน้ำ ที่นี่จึงขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์มากสำหรับสัตว์ป่า และจุดชมวิวที่สวยที่สุดคือ บริเวณ The Quiraing ที่คุณจะมองเห็นพื้นดินสีเขียวสลับน้ำตาลอันกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกสดชื่นสุด ๆ
4. น้ำตกเซลยาลันสฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์
น้ำตกเซลยาลันสฟอสส์ (Seljalandsfoss Waterfall) เป็นน้ำตกชื่อดังของประเทศไอซ์แลนด์ ด้วยความสูงกว่า 200 ฟุต ของสายน้ำด้านบนที่ไหลลงมาปะทะกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดละอองน้ำบาง ๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว นับเป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยายจริง ๆ
5. พุกาม ประเทศเมียนมา
ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์อย่าง "พุกาม" ถือเป็นภาพคลาสสิกสำหรับนักท่องเที่ยว ยิ่งถ้าได้มองในมุมสูงด้วยแล้ว คุณจะเห็นเจดีย์ตั้งเรียงรายในที่ราบอันกว้างใหญ่ เปรียบเสมือนทะเลเจดีย์อย่างไรอย่างนั้นเลย
6. วัดทักซัง ประเทศภูฏาน
ไม่ใช่แค่ยิ่งสูงยิ่งหนาวเท่านั้นสำหรับภาพนี้ แต่ยังบ่งบอกว่า "ยิ่งสูงยิ่งสวย" ด้วย ซึ่งวัดทักซัง (Tiger\'s Nest) ที่ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ทำให้คุณสามารถมองเห็นภูเขาเล็กใหญ่ตั้งสลับซับซ้อนกัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้เห็นดอกไม้บานสะพรั่ง นับเป็นภาพที่น่าประทับใจภาพหนึ่งเลย
7. น้ำตกอีกวาซู พรมแดนประเทศบราซิลและประเทศอาร์เจนตินา
น้ำตกอีกวาซู (Iguazu Falls) ประกอบด้วยน้ำตกกว่าสิบแห่งจนกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพืชพรรณเขตร้อนและบรรดาสัตว์ต่าง ๆ นอกจากวิวอันสวยงามที่มีให้มองกันอย่างเพลินตาแล้ว การได้ล่องแก่งที่น้ำตกอีกวาซูก็ถือเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจ
8. วิกตอเรีย พีค ฮ่องกง
จุดชมวิวที่สวยที่สุดในฮ่องกง เราขอแนะนำให้คุณไปถึงที่นี่ช่วงบ่าย ๆ และอยู่จนถึงเวลาค่ำ เพราะจะได้เห็นความสวยงามของฮ่องกงในแบบที่ต่างกันไป ทั้งฟ้าสีครามสดใสในตอนกลางวัน และแสงจากตึกสูงระฟ้าที่ช่วยกันเปล่งประกายในยามค่ำคืน ถือเป็นมุมที่การันตีความงามของฮ่องกงได้เป็นอย่างดี
9. Half Dome Mountain สหรัฐอเมริกา
ด้วยรูปทรงที่เหมือนโดมครึ่งซีก ภูเขาแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า Half Dome Mountain ซึ่งภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยความสูงกว่า 4,700 ฟุต เหนือพื้นหุบเขา เรียกว่าวัดใจนักท่องเที่ยวสุด ๆ แต่ถ้าหากคุณสามารถพิชิตยอดเขาได้ละก็ ภาพความสวยงามตรงหน้าถือเป็นรางวัลอันคุ้มค่าให้กับผู้พิชิตทุกคน
10. ดอกซากุระ ประเทศญี่ปุ่น
ชมดอกซากุระที่ไหนก็ไม่สวยเท่าชมที่ญี่ปุ่น...จริงไหม เพราะที่นี่ถือเป็นต้นกำเนิดของซากุระเลย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลดอกซากุระบาน ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะหรือถนนหนทางที่รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ ช่างเป็นภาพที่ประทับใจจริง ๆ และถ้ายิ่งมากับคนรักด้วยละก็โรแมนติกสุด ๆ ไปเลย
11. ภูเขา Trolltunga ประเทศนอร์เวย์
Trolltunga คือ หินผาที่ทอดยาวออกมาจากเขา มีความยาวกว่า 700 เมตร มีความสูงเหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet ประมาณ 2,300 ฟุต แม้จะดูหวาดเสียวไปสักหน่อย แต่หากคุณกล้าที่จะเสี่ยงมายืนกินลมชมวิว ณ จุดนี้ ความงามเกินบรรยายของทะเลสาบสีฟ้าที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาจะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมความกลัวไปเลยล่ะ
12. บันไดไฮกุ รัฐฮาวาย
ขั้นบันไดไฮกุ หรือที่เรียกกันกว่า "บันไดสวรรค์" เพราะความสวยงามที่แทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ โดยคุณสามารถเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิวสูงสุดที่ความสูง 2,800 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากจะเห็นความงามของท้องฟ้าและขุนเขาแล้ว คุณยังจะได้เห็นหมู่บ้านและน้ำทะเลไกล ๆ ด้วย
13. โรงแรมบันยันทรี ประเทศไทย
Vertigo and Moon Bar ห้องอาหารสุดหรูชั้นที่ 61 ของโรงแรมบันยันทรี นอกจากอาหารเลิศรสแล้ว บรรยากาศยังโรแมนติกมาก ๆ เลย ซึ่งคุณจะได้ชมวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ แบบ 360 องศาด้วย ได้ขึ้นมาอยู่ที่สูงแบบนี้ บรรดาตึกสูงระฟ้ามากมายดูเล็กนิดเดียวไปเลยแหละ
นอกจากความสวยงามของต้นไม้และทัศนียภาพโดยรอบแล้ว สะพานดวงจันทร์ (The Moon Bridge) ในอุทยานแห่งชาติดาฮุ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สำคัญไม่แพ้กัน และหากคุณได้ยืนอยู่กลางสะพานและมองลงมา คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีอีกหนึ่งสะพานทอดอยู่บนผืนน้ำ รวมถึงเห็นพระจันทร์สองดวง โดยที่ดวงหนึ่งอยู่บนฟ้า และอีกดวงหนึ่งส่องแสงอยู่บนผิวน้ำ เรียกว่าสวยเหนือจินตนาการจริง ๆ
15. ร้าน Sunset da Mona Lisa ประเทศเม็กซิโก
ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย และนอกจากรสชาติของอาหารแล้ว บรรยากาศของที่นี่ก็เริดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะที่นั่งที่ยื่นออกไปบริเวณปากอ่าว สีครามของน้ำทะเลตัดกับท้องฟ้าสลัว ๆ ยิ่งเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกด้วยละก็ โรแมนติกชนิดถ้าขอสาวแต่งงานก็เชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อยต้องเซย์เยสแน่นอน
16. Mossy Arch - Glencoe ประเทศสกอตแลนด์
พื้นที่สีเขียวสุดกว้างใหญ่ทั้งที่ราบและเนินเขาถูกปกคลุมไปด้วยมอสส์สีเขียว แสดงให้เห็นถึงความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน บริเวณใกล้กันยังมีสะพานหินโบราณขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยมอสส์เช่นกัน นับเป็นสถานที่สุดคลาสสิกที่หาชมได้ยากอีกที่หนึ่งเลย
17. อุทยานแห่งชาติอะคาเดีย รัฐเมน สหรัฐอเมริกา
อุทยานแห่งชาติอะคาเดีย (Acadia National Park) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi River) ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การไต่เขา ตั้งแคมป์ และพายเรือคายัก หากใครที่อยากจะพักผ่อนอย่างสงบ การได้นั่งชมวิวทิวทัศน์ของท้องฟ้า ภูเขา และแม่น้ำ ก็ช่วยเติมพลังให้คุณรู้สึกสดชื่นได้แล้ว นอกจากนี้จุดชมวิวสูงสุดของอุทยานแห่งชาติอะคาเดียยังทำให้คุณได้เห็นมหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่ด้วยนะ
18. Piz Gloria ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ภูเขา Schilthorn เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ โดยยอดเขา Schilthorn เป็นที่ตั้งของร้านอาหาร Piz Gloria และความพิเศษของร้านนี้คือ เป็นร้านอาหารที่หมุนได้ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์นั่นเอง และด้วยความสูงกว่า 3,000 ฟุต จึงทำให้คุณได้เห็นภูเขามากมายกว่า 200 ลูกเลยทีเดียว
หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับ Monument Valley เพราะที่นี่เป็นโลเคชั่นในภาพยนตร์ดังหลายเรื่องนั่นเอง ลักษณะเด่นของที่นี่ คือ แท่งหินขนาดยักษ์ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่บนที่ราบอันกว้างใหญ่ แม้จะดูแห้งแล้งไปสักนิด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทิวทัศน์ที่คลาสสิกไม่เบาเลยนะ
20. หน้าผาขาวที่ช่องแคบโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ
ช่องแคบโดเวอร์ เป็นส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบอังกฤษ และจุดนี้เองที่เป็นเหมือนพรมแดนกั้นระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส โดยช่องแคบอังกฤษฝั่งเมืองโดเวอร์ เราจะพบแนวผาขนาดใหญ่ทอดยาวไปตามช่องแคบอังกฤษ นับเป็นอีกมุมสวย ๆ ที่หากได้ไปเยือนอังกฤษคงต้องแวะไปที่นี่สักหน่อย
21. ถ้ำเมลิสซานี ประเทศกรีซ
ถ้ำเมลิสซานี (Melissani Cave) แหล่งธรรมชาติที่สวยงามของประเทศกรีซ ตามตำนานของกรีกกล่าวกันว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่ของนางไม้ จุดเด่นของถ้ำเมลิสซานี คือ โพรงด้านบนขนาดใหญ่ ที่ทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับผืนน้ำในถ้ำ จนเกิดเป็นเงาระยิบระยับตามการเคลื่อนไหวของน้ำ บอกได้เลยว่างามหยดจนอยากจะไปเห็นกับตาสักครั้ง
22. มองพระอาทิตย์ตกผ่านช่องหิน สหรัฐอเมริกา
หาด Pfeiffer ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ได้มีดีแค่หาดสวยและน้ำทะเลใส ที่นี่ยังมีก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดทรายและมีรูโพรงอยู่ตรงกลาง ไฮไลต์สำคัญ คือ เวลาพระอาทิตย์ตกคุณจะได้เห็นแสงสีส้มทะลุผ่านช่องหิน ทอแสงเป็นแฉก ๆ เหมือนกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่ และแสงนี้ก็ยังคงเปล่งประกายบนผืนน้ำและหาดทรายด้วย
23. Lion\'s Head Mountain ประเทศแอฟริกาใต้
ด้วยความงามของธรรมชาติที่สวยเกินบรรยาย ทำให้เรามักจินตนาการกันไปต่าง ๆ นานา เช่น Lion\'s Head Mountain ภูเขาที่ดูคล้ายกับสิงโตนอนอยู่ และตรงยอดเขาก็เหมือนเป็นส่วนหัวของสิงโตที่ชะโงกหน้าดูความกว้างใหญ่ของน้ำทะเลนั่นเอง
24. ถ้ำพระยานคร ประเทศไทย
ถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งเพดานของถ้ำนั้นเป็นโพรงที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาได้ ภายในถ้ำจะมีบ่อน้ำที่เรียกว่า "บ่อพระยานคร" กล่าวกันว่า เจ้าพระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช มาสร้างไว้เพื่อใช้เป็นบ่อน้ำดื่มครั้งที่ติดอยู่ในถ้ำเนื่องจากพายุเข้า นอกจากนี้ยังมี "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของถ้ำแห่งนี้เลย
25. ภูเขาคอร์โควาโด ประเทศบราซิล
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ โดยตั้งอยู่บนภูเขาคอร์คาวาโด ในเมืองริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) ของประเทศบราซิล นอกจากจะเป็นหัวใจของชาวคริสต์แล้ว ความสวยงามของทัศนียภาพด้านล่างคือสิ่งที่อัศจรรย์ไม่แพ้กันเลย
26. เทือกเขาหิมาลัย
เทือกเขาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมหลายประเทศในทวีปเอเชีย และถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน อีกทั้งยังมียอดเขาสำคัญต่าง ๆ ประกอบอยู่ รวมถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอย่างเอเวอเรสต์ด้วย พูดได้เลยว่าเทือกเขาหิมาลัยถือเป็นสวรรค์ของนักไต่เขาอย่างแท้จริง
27. เกาะบาเรียนทอส ทวีปแอนตาร์กติกา
เป็นที่รู้กันดีว่าทวีปแอนตาร์กติกานั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของพื้นที่เลยก็ว่าได้ มีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่ปราศจากการปกคลุมของน้ำแข็ง หนึ่งในนั้นก็คือ เกาะบาเรียนทอส (Barrientos Island) จุดเด่นของเกาะแห่งนี้ คือ เนินหินยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ส่วนบริเวณพื้นที่จะประกอบด้วยหินและมอสส์สีเขียวปกคลุมบางส่วนของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอย่างแมวน้ำช้าง หรือช้างน้ำ (Elephant Seal) อาศัยอยู่ด้วย
28. เกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี
เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งตัวเกาะนั้นอยู่ห่างจากฝั่งหลายพันกิโลเมตร จึงเรียกได้ว่าเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวที่สุดเกาะหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับจุดเด่นของเกาะอีสเตอร์ คือ หินสลักรูปคนขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ต่อมาถูกเรียกว่า โมอาย (Moai) และยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าโมอายถูกสร้างขึ้นเพื่ออะไร และนี่ถือเป็นปริศนาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสสักครั้ง
29. ยอดเขาคิลิมันจาโร ประเทศเคนยา
ยอดเขาคิลิมันจาโร (Mount Kilimanjaro) ดึงดูดนักปีนเขาทั่วโลกให้มาพิชิตกว่าสี่หมื่นคนต่อปี ด้วยความพิศวงของยอดเขาแห่งนี้ที่แม้จะเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว แต่บนยอดยังคงมีควันบาง ๆ ลอยออกมาเสมอ รวมทั้งยังมีธารน้ำแข็งที่เกาะตัวอยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนบริเวณด้านล่างก็มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ด้วย เช่น ม้าลาย ช้าง และแรด นับว่าเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สำคัญของทวีปแอฟริกาเลย
30. ภูเขาแฟร์วิวและทะเลสาบหลุยส์ ประเทศแคนาดา
อุทยานแห่งชาติ Banff ของประเทศแคนาดา มีทัศนียภาพที่สวยงามทั้งภูเขาและทะเลสาบหลายแห่ง โดยเฉพาะยอดเขาแฟร์วิว ซึ่งหากคุณได้ขึ้นไปอยู่บนจุดชมวิวสูงสุดแล้ว คุณจะเห็น ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) ที่สวยงามด้วยสีเขียวมรกต และที่น้ำเป็นสีนี้ก็เพราะแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ในทะเลสาบนั่นเอง
แน่นอนว่าทิวทัศน์อันสวยงามเหล่านี้กว่าจะเห็นเองกับตานั้น บางสถานที่อาจต้องฝ่าฟันอุปสรรคระหว่างทางไม่น้อย ทั้งสภาพอากาศ หรือยวดยานพาหนะที่อาจเข้าไม่ถึง แต่ไม่ว่าอุปสรรคเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร การที่ได้เห็นวิวสวย ๆ อยู่ตรงหน้า คือสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่ามันคุ้มแก่ค่าการเดินทางจริง ๆ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
distractify.com และ uscitytraveler.com
เทือกเขาแอลป์ เป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปและครอบคลุมหลายประเทศ และนี่เป็นอีกมุมจากดัคสไตน์ (Dachstein) ในประเทศออสเตรีย ด้วยความสูงกว่า 1,300 ฟุต ของสะพานที่ทอดออกไปจากหน้าผา ทำให้คุณเห็นเทือกเขาแอลป์ในมุมสุดหวาดเสียว
2. ทะเลทรายนามิบ ประเทศนามิเบีย
ทะเลทรายที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศนามิเบีย (Namibia) และทอดยาวไปถึงมหาสมุทรแอตแลนติก และเนินทรายของทะเลทรายแห่งนี้ก็เป็นเนินทรายที่สูงที่สุดในโลกด้วยนะ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวิวสวย ๆ ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมา การได้เห็นน้ำทะเลในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ตัดกับผืนทรายที่มองไปสุดลูกหูลูกตา คือภาพที่หาดูได้ยากจริง ๆ
3. เกาะสกาย ประเทศสกอตแลนด์
เกาะสกาย (The Isle of Skye) มีภูมิประเทศอันน่าสนใจ ซึ่งเป็นทั้งที่ราบ เนินเขา และแอ่งน้ำ ที่นี่จึงขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์มากสำหรับสัตว์ป่า และจุดชมวิวที่สวยที่สุดคือ บริเวณ The Quiraing ที่คุณจะมองเห็นพื้นดินสีเขียวสลับน้ำตาลอันกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกสดชื่นสุด ๆ
4. น้ำตกเซลยาลันสฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์
น้ำตกเซลยาลันสฟอสส์ (Seljalandsfoss Waterfall) เป็นน้ำตกชื่อดังของประเทศไอซ์แลนด์ ด้วยความสูงกว่า 200 ฟุต ของสายน้ำด้านบนที่ไหลลงมาปะทะกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดละอองน้ำบาง ๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว นับเป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยายจริง ๆ
5. พุกาม ประเทศเมียนมา
ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์อย่าง "พุกาม" ถือเป็นภาพคลาสสิกสำหรับนักท่องเที่ยว ยิ่งถ้าได้มองในมุมสูงด้วยแล้ว คุณจะเห็นเจดีย์ตั้งเรียงรายในที่ราบอันกว้างใหญ่ เปรียบเสมือนทะเลเจดีย์อย่างไรอย่างนั้นเลย
ไม่ใช่แค่ยิ่งสูงยิ่งหนาวเท่านั้นสำหรับภาพนี้ แต่ยังบ่งบอกว่า "ยิ่งสูงยิ่งสวย" ด้วย ซึ่งวัดทักซัง (Tiger\'s Nest) ที่ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ทำให้คุณสามารถมองเห็นภูเขาเล็กใหญ่ตั้งสลับซับซ้อนกัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้เห็นดอกไม้บานสะพรั่ง นับเป็นภาพที่น่าประทับใจภาพหนึ่งเลย
7. น้ำตกอีกวาซู พรมแดนประเทศบราซิลและประเทศอาร์เจนตินา
น้ำตกอีกวาซู (Iguazu Falls) ประกอบด้วยน้ำตกกว่าสิบแห่งจนกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพืชพรรณเขตร้อนและบรรดาสัตว์ต่าง ๆ นอกจากวิวอันสวยงามที่มีให้มองกันอย่างเพลินตาแล้ว การได้ล่องแก่งที่น้ำตกอีกวาซูก็ถือเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจ
8. วิกตอเรีย พีค ฮ่องกง
จุดชมวิวที่สวยที่สุดในฮ่องกง เราขอแนะนำให้คุณไปถึงที่นี่ช่วงบ่าย ๆ และอยู่จนถึงเวลาค่ำ เพราะจะได้เห็นความสวยงามของฮ่องกงในแบบที่ต่างกันไป ทั้งฟ้าสีครามสดใสในตอนกลางวัน และแสงจากตึกสูงระฟ้าที่ช่วยกันเปล่งประกายในยามค่ำคืน ถือเป็นมุมที่การันตีความงามของฮ่องกงได้เป็นอย่างดี
9. Half Dome Mountain สหรัฐอเมริกา
ด้วยรูปทรงที่เหมือนโดมครึ่งซีก ภูเขาแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า Half Dome Mountain ซึ่งภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยความสูงกว่า 4,700 ฟุต เหนือพื้นหุบเขา เรียกว่าวัดใจนักท่องเที่ยวสุด ๆ แต่ถ้าหากคุณสามารถพิชิตยอดเขาได้ละก็ ภาพความสวยงามตรงหน้าถือเป็นรางวัลอันคุ้มค่าให้กับผู้พิชิตทุกคน
10. ดอกซากุระ ประเทศญี่ปุ่น
ชมดอกซากุระที่ไหนก็ไม่สวยเท่าชมที่ญี่ปุ่น...จริงไหม เพราะที่นี่ถือเป็นต้นกำเนิดของซากุระเลย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลดอกซากุระบาน ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะหรือถนนหนทางที่รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ ช่างเป็นภาพที่ประทับใจจริง ๆ และถ้ายิ่งมากับคนรักด้วยละก็โรแมนติกสุด ๆ ไปเลย
11. ภูเขา Trolltunga ประเทศนอร์เวย์
Trolltunga คือ หินผาที่ทอดยาวออกมาจากเขา มีความยาวกว่า 700 เมตร มีความสูงเหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet ประมาณ 2,300 ฟุต แม้จะดูหวาดเสียวไปสักหน่อย แต่หากคุณกล้าที่จะเสี่ยงมายืนกินลมชมวิว ณ จุดนี้ ความงามเกินบรรยายของทะเลสาบสีฟ้าที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาจะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมความกลัวไปเลยล่ะ
12. บันไดไฮกุ รัฐฮาวาย
ขั้นบันไดไฮกุ หรือที่เรียกกันกว่า "บันไดสวรรค์" เพราะความสวยงามที่แทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ โดยคุณสามารถเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิวสูงสุดที่ความสูง 2,800 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากจะเห็นความงามของท้องฟ้าและขุนเขาแล้ว คุณยังจะได้เห็นหมู่บ้านและน้ำทะเลไกล ๆ ด้วย
13. โรงแรมบันยันทรี ประเทศไทย
Vertigo and Moon Bar ห้องอาหารสุดหรูชั้นที่ 61 ของโรงแรมบันยันทรี นอกจากอาหารเลิศรสแล้ว บรรยากาศยังโรแมนติกมาก ๆ เลย ซึ่งคุณจะได้ชมวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ แบบ 360 องศาด้วย ได้ขึ้นมาอยู่ที่สูงแบบนี้ บรรดาตึกสูงระฟ้ามากมายดูเล็กนิดเดียวไปเลยแหละ
ภาพจาก Omongkol / Shutterstock.com
14. อุทยานแห่งชาติดาฮุ ไต้หวันนอกจากความสวยงามของต้นไม้และทัศนียภาพโดยรอบแล้ว สะพานดวงจันทร์ (The Moon Bridge) ในอุทยานแห่งชาติดาฮุ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สำคัญไม่แพ้กัน และหากคุณได้ยืนอยู่กลางสะพานและมองลงมา คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีอีกหนึ่งสะพานทอดอยู่บนผืนน้ำ รวมถึงเห็นพระจันทร์สองดวง โดยที่ดวงหนึ่งอยู่บนฟ้า และอีกดวงหนึ่งส่องแสงอยู่บนผิวน้ำ เรียกว่าสวยเหนือจินตนาการจริง ๆ
15. ร้าน Sunset da Mona Lisa ประเทศเม็กซิโก
ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย และนอกจากรสชาติของอาหารแล้ว บรรยากาศของที่นี่ก็เริดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะที่นั่งที่ยื่นออกไปบริเวณปากอ่าว สีครามของน้ำทะเลตัดกับท้องฟ้าสลัว ๆ ยิ่งเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกด้วยละก็ โรแมนติกชนิดถ้าขอสาวแต่งงานก็เชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อยต้องเซย์เยสแน่นอน
16. Mossy Arch - Glencoe ประเทศสกอตแลนด์
พื้นที่สีเขียวสุดกว้างใหญ่ทั้งที่ราบและเนินเขาถูกปกคลุมไปด้วยมอสส์สีเขียว แสดงให้เห็นถึงความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน บริเวณใกล้กันยังมีสะพานหินโบราณขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยมอสส์เช่นกัน นับเป็นสถานที่สุดคลาสสิกที่หาชมได้ยากอีกที่หนึ่งเลย
17. อุทยานแห่งชาติอะคาเดีย รัฐเมน สหรัฐอเมริกา
อุทยานแห่งชาติอะคาเดีย (Acadia National Park) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi River) ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การไต่เขา ตั้งแคมป์ และพายเรือคายัก หากใครที่อยากจะพักผ่อนอย่างสงบ การได้นั่งชมวิวทิวทัศน์ของท้องฟ้า ภูเขา และแม่น้ำ ก็ช่วยเติมพลังให้คุณรู้สึกสดชื่นได้แล้ว นอกจากนี้จุดชมวิวสูงสุดของอุทยานแห่งชาติอะคาเดียยังทำให้คุณได้เห็นมหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่ด้วยนะ
18. Piz Gloria ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ภูเขา Schilthorn เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ โดยยอดเขา Schilthorn เป็นที่ตั้งของร้านอาหาร Piz Gloria และความพิเศษของร้านนี้คือ เป็นร้านอาหารที่หมุนได้ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์นั่นเอง และด้วยความสูงกว่า 3,000 ฟุต จึงทำให้คุณได้เห็นภูเขามากมายกว่า 200 ลูกเลยทีเดียว
ภาพจาก SAHACHATZ / Shutterstock.com
19. Monument Valley รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกาหลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับ Monument Valley เพราะที่นี่เป็นโลเคชั่นในภาพยนตร์ดังหลายเรื่องนั่นเอง ลักษณะเด่นของที่นี่ คือ แท่งหินขนาดยักษ์ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่บนที่ราบอันกว้างใหญ่ แม้จะดูแห้งแล้งไปสักนิด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทิวทัศน์ที่คลาสสิกไม่เบาเลยนะ
20. หน้าผาขาวที่ช่องแคบโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ
ช่องแคบโดเวอร์ เป็นส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบอังกฤษ และจุดนี้เองที่เป็นเหมือนพรมแดนกั้นระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส โดยช่องแคบอังกฤษฝั่งเมืองโดเวอร์ เราจะพบแนวผาขนาดใหญ่ทอดยาวไปตามช่องแคบอังกฤษ นับเป็นอีกมุมสวย ๆ ที่หากได้ไปเยือนอังกฤษคงต้องแวะไปที่นี่สักหน่อย
21. ถ้ำเมลิสซานี ประเทศกรีซ
ถ้ำเมลิสซานี (Melissani Cave) แหล่งธรรมชาติที่สวยงามของประเทศกรีซ ตามตำนานของกรีกกล่าวกันว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่ของนางไม้ จุดเด่นของถ้ำเมลิสซานี คือ โพรงด้านบนขนาดใหญ่ ที่ทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับผืนน้ำในถ้ำ จนเกิดเป็นเงาระยิบระยับตามการเคลื่อนไหวของน้ำ บอกได้เลยว่างามหยดจนอยากจะไปเห็นกับตาสักครั้ง
22. มองพระอาทิตย์ตกผ่านช่องหิน สหรัฐอเมริกา
หาด Pfeiffer ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ได้มีดีแค่หาดสวยและน้ำทะเลใส ที่นี่ยังมีก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดทรายและมีรูโพรงอยู่ตรงกลาง ไฮไลต์สำคัญ คือ เวลาพระอาทิตย์ตกคุณจะได้เห็นแสงสีส้มทะลุผ่านช่องหิน ทอแสงเป็นแฉก ๆ เหมือนกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่ และแสงนี้ก็ยังคงเปล่งประกายบนผืนน้ำและหาดทรายด้วย
23. Lion\'s Head Mountain ประเทศแอฟริกาใต้
ด้วยความงามของธรรมชาติที่สวยเกินบรรยาย ทำให้เรามักจินตนาการกันไปต่าง ๆ นานา เช่น Lion\'s Head Mountain ภูเขาที่ดูคล้ายกับสิงโตนอนอยู่ และตรงยอดเขาก็เหมือนเป็นส่วนหัวของสิงโตที่ชะโงกหน้าดูความกว้างใหญ่ของน้ำทะเลนั่นเอง
24. ถ้ำพระยานคร ประเทศไทย
ถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งเพดานของถ้ำนั้นเป็นโพรงที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาได้ ภายในถ้ำจะมีบ่อน้ำที่เรียกว่า "บ่อพระยานคร" กล่าวกันว่า เจ้าพระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช มาสร้างไว้เพื่อใช้เป็นบ่อน้ำดื่มครั้งที่ติดอยู่ในถ้ำเนื่องจากพายุเข้า นอกจากนี้ยังมี "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของถ้ำแห่งนี้เลย
25. ภูเขาคอร์โควาโด ประเทศบราซิล
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ โดยตั้งอยู่บนภูเขาคอร์คาวาโด ในเมืองริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) ของประเทศบราซิล นอกจากจะเป็นหัวใจของชาวคริสต์แล้ว ความสวยงามของทัศนียภาพด้านล่างคือสิ่งที่อัศจรรย์ไม่แพ้กันเลย
26. เทือกเขาหิมาลัย
เทือกเขาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมหลายประเทศในทวีปเอเชีย และถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน อีกทั้งยังมียอดเขาสำคัญต่าง ๆ ประกอบอยู่ รวมถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอย่างเอเวอเรสต์ด้วย พูดได้เลยว่าเทือกเขาหิมาลัยถือเป็นสวรรค์ของนักไต่เขาอย่างแท้จริง
27. เกาะบาเรียนทอส ทวีปแอนตาร์กติกา
เป็นที่รู้กันดีว่าทวีปแอนตาร์กติกานั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของพื้นที่เลยก็ว่าได้ มีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่ปราศจากการปกคลุมของน้ำแข็ง หนึ่งในนั้นก็คือ เกาะบาเรียนทอส (Barrientos Island) จุดเด่นของเกาะแห่งนี้ คือ เนินหินยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ส่วนบริเวณพื้นที่จะประกอบด้วยหินและมอสส์สีเขียวปกคลุมบางส่วนของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอย่างแมวน้ำช้าง หรือช้างน้ำ (Elephant Seal) อาศัยอยู่ด้วย
28. เกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี
เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งตัวเกาะนั้นอยู่ห่างจากฝั่งหลายพันกิโลเมตร จึงเรียกได้ว่าเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวที่สุดเกาะหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับจุดเด่นของเกาะอีสเตอร์ คือ หินสลักรูปคนขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ต่อมาถูกเรียกว่า โมอาย (Moai) และยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าโมอายถูกสร้างขึ้นเพื่ออะไร และนี่ถือเป็นปริศนาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสสักครั้ง
29. ยอดเขาคิลิมันจาโร ประเทศเคนยา
ยอดเขาคิลิมันจาโร (Mount Kilimanjaro) ดึงดูดนักปีนเขาทั่วโลกให้มาพิชิตกว่าสี่หมื่นคนต่อปี ด้วยความพิศวงของยอดเขาแห่งนี้ที่แม้จะเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว แต่บนยอดยังคงมีควันบาง ๆ ลอยออกมาเสมอ รวมทั้งยังมีธารน้ำแข็งที่เกาะตัวอยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนบริเวณด้านล่างก็มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ด้วย เช่น ม้าลาย ช้าง และแรด นับว่าเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สำคัญของทวีปแอฟริกาเลย
30. ภูเขาแฟร์วิวและทะเลสาบหลุยส์ ประเทศแคนาดา
อุทยานแห่งชาติ Banff ของประเทศแคนาดา มีทัศนียภาพที่สวยงามทั้งภูเขาและทะเลสาบหลายแห่ง โดยเฉพาะยอดเขาแฟร์วิว ซึ่งหากคุณได้ขึ้นไปอยู่บนจุดชมวิวสูงสุดแล้ว คุณจะเห็น ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) ที่สวยงามด้วยสีเขียวมรกต และที่น้ำเป็นสีนี้ก็เพราะแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ในทะเลสาบนั่นเอง
แน่นอนว่าทิวทัศน์อันสวยงามเหล่านี้กว่าจะเห็นเองกับตานั้น บางสถานที่อาจต้องฝ่าฟันอุปสรรคระหว่างทางไม่น้อย ทั้งสภาพอากาศ หรือยวดยานพาหนะที่อาจเข้าไม่ถึง แต่ไม่ว่าอุปสรรคเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร การที่ได้เห็นวิวสวย ๆ อยู่ตรงหน้า คือสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่ามันคุ้มแก่ค่าการเดินทางจริง ๆ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
distractify.com และ uscitytraveler.com