ท่องเที่ยวโอซากา กับ 10 สถานที่ที่ต้องไปโดน

ท่องเที่ยวโอซาก้า กับ 10 สถานที่ที่ต้องไปโดน

            โอซากา (Osaka) ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่และอยู่ตรงกลางสุดของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณกาล ทั้งนี้ เพราะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเล และยังมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ทำให้มีผู้คนสัญจรไปมาทั้งจากในและนอกประเทศ อาจกล่าวได้ว่า โอซากาเป็นประตูเข้าออกสู่โลกภายนอกแห่งแรกของญี่ปุ่นก็ว่าได้ จึงไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ ก็อยากไป "ท่องเที่ยวโอซากา" ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายหลายแห่ง วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปดูสิว่ามีที่ไหนกันบ้าง


1. ปราสาทโอซากา

โอซาก้า

            ปราสาทโอซากา เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองโอซากา สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกบนบริเวณที่เคยเป็นวัด Osaka Hongan-ji เมื่อปี ค.ศ. 1583 โดย Toyotomi Hideyoshi (ค.ศ. 1537-1598) นักรบระดับไดเมียวผู้พยายามรวบรวมประเทศเป็นครั้งแรก ยอดประสาทหรือส่วนที่เรียกว่า Tenshukaku แล้วเสร็จลงสองปีต่อมา แต่หลังจากสงคราม Osaka Natsu No-jin ในปี ค.ศ. 1615 ตระกูล Toyotomi ถูกฆ่าล้างโคตร Tenshukaku ก็ถูกทำลายลงย่อยยับ ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่ในสมัย Tokugawa แต่น่าเสียดายที่ในปี ค.ศ. 1665 ได้ถูกฟ้าฝ่าเสียหายย่อยยับอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ปราสาทโอซากาไม่มี Tenshukaku มานานปี

            จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1931 นายกเทศมนตรีเมืองโอซากา นาย Seki ได้ขอรับเงินบริจาคจากชาวเมืองจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนเยน (เท่ากับราว 75,000 ล้านเยนในปัจจุบันนี้) มาบูรณะปราสาทใหม่ ทำให้ปราสาทโอซากาในปัจจุบันสูง 55 เมตร มี 5 ส่วน 8 ชั้น เครื่องประดับหลังคา ภาพเสือบนกำแพงตัวปราสาท และหลาย ๆ ส่วนลงทองสีอร่ามสวยงาม (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกสำคัญของประเทศ) บนหอคอยชั้น 8 ของ Tenshukaku สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรวมของเมืองโอซากาได้อย่างชัดเจน

            นอกจากตัว Tenshukaku อันงดงามแล้ว ภายในตัวปราสาทยังมีนิทรรศการแสดงหลักฐาน ภาพเขียน เครื่องแต่งกายโบราณ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับประสาทและตระกูล Toyotomi อยู่ ส่วนบริเวณรอบ ๆ ปราสาทก็เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้ใบไม้งามสะพรั่งในทุกฤดู เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองด้วย
 
2. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan

 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan
ภาพจาก shutterstock.com/Tawin Mukdharakosa

            พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกสร้างให้ละม้ายสภาพแวดล้อมโดยธรรมชาติของมหาสมุทรแปซิฟิก สัตว์น้ำที่ถูกเลี้ยงไว้ให้ชมที่นี่มีทั้งสิ้นราว 580 ประเภท รวมเป็นจำนวนกว่า 30,000 ตัว มีฉลามวาฬยักษ์ขนาดราว 12-13 เมตร สองตัว ตามมาด้วยปลาโลมาขาวแปซิฟิก ฯลฯ ซึ่งว่ายวนไปมาในแท็งก์น้ำ "มหาสมุทรแปซิฟิก" ซึ่งบริเวณที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของที่นี่ ตามมาด้วยแท็งก์น้ำรูปอุโมงค์ ซึ่งมีปลาในเขตร้อนชื้นอาศัยอยู่ และแท็งก์ "ขั้วโลกใต้ " ซึ่งเจ้าฝูงเพนกวินใช้เป็นที่พำนักอาศัย

            อาคารทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์ไคยูคังเป็นสัญลักษณ์แสดง "วงแหวนแห่งชีวิต" ผู้เข้าชมจะขึ้นไปที่ชั้น 8 ก่อน แล้วค่อย ๆ เดินลงมาตามสโลปชั้นล่างสุด ตามระหว่างทางคุณจะได้ชมปลาและสิ่งมีชีวิตในน้ำต่าง ๆ รวม 10 ภูมิภาค อย่างใกล้ชิด ที่ "Fua-fua Kurage-kan" มีแมงกะพรุนหลายร้อยชนิดจัดแสดงไว้ สำหรับคนที่ประสงค์จะใช้เวลาที่นี่นาน ๆ สามารถเข้าออกได้หลายครั้งด้วยตั๋วเข้าชมใบเดิม และหากเข้าชมหลัง 5 โมงเย็น จะมีโอกาสชมชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์น้ำในยามค่ำคืนด้วย ทั้งนี้ ดูรายละเอียดที่ kaiyukan.com

 3. ตลาดกลางโอซากา

Osaka Chuo Oroshi-uri Ichiba
ภาพจาก osaka-info.jp

            รุ่งอรุณของโอซากาขึ้นชื่อว่าเป็นครัวของประเทศ เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ตลาดกลางโอซากา (Osaka Chuo Oroshi-uri Ichiba) เป็นที่ที่ปลาสด ผัก ผลไม้ และสินค้าต่าง ๆ จากในและนอกประเทศถูกส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาประมูลขายให้กับพ่อค้าคนกลาง ตลาดแห่งนี้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1931 นับเป็นตลาดขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียในขณะนั้น ปัจจุบันนี้มีเนื้อที่ 320,000 ตารางเมตร นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทุก ๆ เช้าจะคึกคักไปด้วยพ่อค้าจากทั่วสารทิศ

            ที่ตลาดกลางนี้มีการจัดคอร์สสำหรับผู้ที่ต้องการชมตลาดเป็นประจำ ในแต่ละวันจะมีผู้คนสมัครมาขอชมล่วงหน้ากันไม่น้อยทีเดียว บางคนก็แวะมาเพียงแค่เดินดูรอบ ๆ แวะซื้อผลไม้ยกลังก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องกลับประเทศตอนเช้าก็มี อาจกล่าวได้ว่าที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ "โอซากา ศูนย์กลางแห่งอาหารรสเลิศ" (Kuidaore Osaka) ก็ว่าได้ ลองไปเดินชมตลาด แวะดูพ่อค้าปลาชำแหละปลาทูน่าตัวเบ้อเริ่ม และหาซูชิอร่อยทานกันดีกว่า

4. ย่าน Chayamachi

Chayamachi
ภาพจาก osaka-info.jp

            Chayamachi เป็นแหล่งแฟชั่นวัยรุ่นชั้นนำที่สุดในบริเวณย่าน Kita ร้านอาหาร ร้านเกม ร้านขายของเบ็ดเตล็ด ตลอดจนร้านเสื้อผ้าแฟชั่นเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก อาคารสำคัญ ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าของเบ็ดเตล็ด Loft Umeda โรงละครมิวสิคัล Umeda Arts Theater หรือสถานีโทรทัศน์ MBS ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้มานานแล้ว ทุกอาคารถูกออกแบบมาให้คำนึงถึงการมีพื้นที่ใช้งานสาธารณะ ทำให้มีพื้นที่โล่งกว้างและมีทัศนียภาพที่สวยงาม

            ในปัจจุบันนอกจากร้านอาหาร คอฟฟี่ช็อปที่เก๋ไก๋และดูดีบริเวณใต้ทางรถไฟแล้ว ยังมีห้าง NU CHAYAMACHI ที่เปิดบริการเมื่อปี ค.ศ. 2005 ที่นี่จึงกลายเป็นเสมือนแหล่งเผยแพร่วัฒนธรรมวัยรุ่น เดิมทีแถบนี้เคยถูกเรียกว่า "Sam-ban Mura" เป็นย่านบันเทิงหนึ่งในไม่กี่แห่งของโอซากา ซึ่งครึกครื้นด้วยร้านประเภท Chaya (ร้านนำเสนอความบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการกินดื่ม การแสดง การแข่งขัน ฯลฯ) นอกจากนี้ ถนนมีป้ายหินชื่อ Tsurunochaya ยังนับเป็นทางสายหลักในประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญในการเดินทางจาก Koraibashi ไปยัง Shimonoseki ในย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า Tsunashikitenjin ซึ่งว่ากันว่า Sugawara no Michizane ได้เคยแวะนมัสการระหว่างเดินทางไปยัง Dazaifu ด้วย

5. หอคอย Tsutenkaku

หอคอย Tsutenkaku

            หอคอย Tsutenkaku เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโอซากา สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1912 เพื่อเป็นเครื่องหมายของเมืองใหม่ "Shinsekai" ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเอ็กซ์โปในประเทศ ตัวอาคารใช้ Arc de triomphe del\'Etoile และตัวหอคอยนั้นใช้หอไอเฟลของฝรั่งเศสเป็นแม่แบบในการสร้าง สูง 64 เมตร นับเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในเอเชียในขณะนั้น ชื่อ Tsutenkaku เป็นชื่อที่นาย Fujisawa Nangaku นักปรัชญาขงจื๊อในสมัยเมจิได้ตั้งให้ หมายความว่า "อาคารสูงระฟ้า" ต่อมา หอคอยต้องถูกรื้อถอนออกไปเพราะถูกไฟไหม้เสียหาย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1956 ชาวเมืองได้ขอให้ทางการสร้างหอคอยใหม่ขึ้นมา

            หอคอยอันปัจจุบันนี้นับเป็นหอคอยรุ่นที่สองสูง 103 เมตร สูงกว่าหอคอยรุ่นแรก 39 เมตร ที่ชั้น 5 มีห้องโถงและกล้องส่องทางไกลที่สามารถมองเห็นวิวทั่วเมืองได้ และยังมีรูปปั้นของเทพเจ้า Biligen ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าแล้วผู้ลูบจะโชคดีมีสุข อีกทั้งที่ยอดหอคอยยังมีไฟนีออนกลม ๆ ประดับตลอดปี หากไฟนีออนเป็นสีขาว แสดงว่าอากาศในวันรุ่งขึ้นจะดี, สีส้ม หมายความว่าวันรุ่งขึ้นจะมีเมฆมาก และสีเขียว ฝนจะตก

  6. ศูนย์รวมบ่อน้ำแร่ทั่วโลก Spa World

Spa World
ภาพจาก spaworld.co.jp

            ศูนย์รวมบ่อน้ำแร่โลก Spa World ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับหอคอย Tsutenkaku นอกจากบ่อน้ำแร่ (Onsen) และห้องซาวน่าแล้ว ยังมีสระว่ายน้ำ สปอร์ตยิม เอสเต้ และสถานที่เสริมความงามและกิจกรรมด้านสุขภาพและกีฬาไว้บริการมากมาย บ่อน้ำแร่แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ ๆ คือ โซนยุโรปและโซนเอเชีย รวมทั้งสิ้น 16 บ่อ ให้บรรยากาศของประเทศ 11 ประเทศในโลก สำหรับสระว่ายน้ำนั้นจะมีบันได้ลื่นขนาดใหญ่ และจังเกิลจิม นอกจากนั้นยังมีที่อาบน้ำซึ่งสร้างละม้ายเมือง Baden-Baden ซึ่งเป็นสถานที่พักตากอากาศในเยอรมนี และอ่างอาบน้ำสำหรับครอบครัวที่มองเห็นหอคอย Tsutenkaku ได้ และสำหรับสุภาพสตรีที่สนใจสปา ก็มีสปาเปิดใหม่ไว้บริการด้วย ภายในตัวอาคารยังมีบริการที่พัก และห้องสำหรับจัดงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งนอกจากระหว่าง 08.45-10.00 น. ซึ่งเป็นเวลาทำความสะอาดแล้ว สามารถใช้บริการที่พักและห้องอาบน้ำได้ทุกเมื่อ

7. พิพิธภัณฑ์บ้านเรือนดั้งเดิมของญี่ปุ่น

            Nihon Minka Shuraku Hakubutsukan เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดแห่งแรกของญี่ปุ่นที่นำเอาบ้านเรือนแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17-19 จากภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่นรวม 12 หลัง มาจัดแสดงไว้ในพื้นที่ราว 36,000 ตารางเมตร นอกจากบ้านเรือนทรงต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่มุงด้วยหลังคาแฝกแล้ว ยังมีการจัดแสดงเครื่องครัว เครื่องมือทางการเกษตร พร้อมไร่นาที่มักอยู่คู่กับบ้านเหล่านั้น สื่อให้เห็นวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย สะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนญี่ปุ่น ดอกไม้และต้นไม้บริเวณรอบ ๆ ในแต่ละฤดูทำให้พิพิธภัณฑ์ดูสวยงามเหมือนจริง นับเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม


8. ชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE

            HEP FIVE เป็นศูนย์การค้าใหญ่แห่งหนึ่งกลางย่าน Umeda ชั้นบนสุดมีชิงช้าสวรรค์ที่ส่วนหนึ่งถูกสร้างติดกับตัวอาคาร เจ้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 เมตรนี้มีสีแดงสดมองเห็นได้แต่ไกล ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ไปโดยปริยาย ซื้อตั๋วขึ้นได้จากชั้น 7 เมื่อชิงข้าขึ้นไปที่ระดับ 106 เมตร อันเป็นระดับสูงสุด นอกจากตัวเมืองโดยรอบแล้ว ในวันที่อากาศแจ่มใสยังสามารถมองไปไกลได้ถึงสะพานแขวน Akashi Kaikyo อีกด้วย กระเช้าชิงช้ามีจำนวนทั้งสิ้น 52 กระเช้า นั่งได้กระเช้าละ 4 คน ภายในมีดนตรี แอร์และฮีตเตอร์พร้อม ใช้เวลา 15 นาทีต่อหนึ่งรอบ ในยามค่ำคืนจะถูกไลท์อัพด้วยการควบคุมของคอมพิวเตอร์

9. ศาล Ishikiri-Tsurugiya

            ศาล Ishikiri-Tsurugiya ตั้งอยู่เชิงเขา Ikoma ทางทิศตะวันออกของเมืองโอซากา เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ชาวโอซากาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยอดีต มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Ishikiri san และ Denbo no kamisan (พระเจ้ารักษาอาการปวดบวม) ชาวเมืองพากันเชื่อกันว่าการเดินทางมานมัสการที่ศาลจะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ทำให้ในทุกวันนี้ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้สักการะกันอยู่ ชื่อศาลเจ้า Ishikiri-Tsurugiya นี้มีที่มาจากการบวงสรวงดาบและธนูที่เชื่อว่าสามารถตัดและทะลุทะลวงหินได้ทุกก้อน ในฐานะเป็นสิ่งของที่วิญญาณเทพเจ้าประจำศาลสถิต

            ทางเดินสักการะจากสถานีรถไฟถึงศาลเจ้าราว 1 กิโลเมตร จะมีป้ายร้านหมอดู โรงอาหาร ร้านขายยาสมุนไพรจีน และร้านขายของกินต่าง ๆ เรียงรายอยู่ สภาพบรรยากาศแนวย้อนยุคเช่นนี้จะทำให้ท่านรูสึกเหมือนได้เดินทางข้ามกาลเวลาย้อนกลับไปสู่อดีต
 
10. เที่ยวย่าน Minami

ย่าน Minami

            ไม่ว่าป้ายโฆษณาขนมกูลิโกะสีจัดจ้าน หรือปูยักษ์เรืองแสงยามค่ำคืน ตลอดจนเสียงอึกทึกจากอาเขตการค้าใกล้ ๆ ต่างเป็นสัญลักษณ์ของย่าน Minami ซึ่งคนโอซากาจะชื่นชมว่าเป็นที่ที่ผู้คนเต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรี ยิ่งเดินไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ คุณก็จะยิ่งพบเห็นบรรยากาศไม่ซ้ำกันของที่นี่ อาหารการกินสารพัดอย่าง เช่น Takoyaki, Kitsune Udon, Okonomiyaki ฯลฯ ดูอร่อยไปหมด อย่าลืมปิดท้ายด้วยการแวะไปนมัสการหลวงพ่อ Mizukake Fudo ที่ Hozenji Yokocho ด้วย


            และนี่คือ 10 สถานที่ที่ในเมืองโอซากาที่เราหยิบมาแนะนำกัน แต่จริง ๆ แล้วโอซากายังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายและหลากหลายสไตล์ เอาเป็นว่าหากมีโอกาสวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศ ลองลิสต์เอาชื่อของโอซากาไว้เป็นอันดับต้น ๆ ด้วยล่ะ ^^

***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 9 กรกฎาคม 2557

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
osaka-info.jp


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ท่องเที่ยวโอซากา กับ 10 สถานที่ที่ต้องไปโดน อัปเดตล่าสุด 3 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 11:44:03 161,937 อ่าน
TOP
x close