เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ ThaiTV19 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด ล้วงคำตอบเหตุ ปตท. น้ำมันรั่ว ระยอง ในเจาะข่าวเด่น (29 กรกฎาคม 2556) กับการสัมภาษณ์ผู้ว่าฯ ระยอง และผู้บริหาร ปตท.
เป็นเรื่องที่น่าวิตกไม่น้อยเลยทีเดียว...สำหรับกรณีที่ท่อน้ำมันดิบกลางทะเลของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เกิดรั่วไหล เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ส่งผลให้น้ำมันดิบจำนวน 5 หมื่นลิตร ไหลลงสู่ทะเลระยอง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดพ่นสารเคมี เพื่อสลายคราบน้ำมัน แต่ก็ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อยังมีคราบน้ำมันเล็ดลอดใต้ทุ่น บวกกับกระแสคลื่นลมแรง ทำให้คราบน้ำมันทะลักเข้ามายังชายฝั่งอ่าวพร้าว ก่อนที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง จะประกาศให้อ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล
ทีมงานเจาะข่าวเด่น จึงได้นำเสนอข่าวลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำมันรั่วในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วงเย็นวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 โดยได้เก็บภาพจากมุมสูง ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่าบริเวณชายหาดอ่าวพร้าวกลายเป็นทะเลน้ำมันดิบ ระยะทางยาวกว่า 600 เมตร นอกจากนี้ ยังมีคราบริ้วน้ำมันเป็นสีรุ้งกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนโขดหินและพื้นทรายบริเวณชายหาดก็เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และเป็นที่น่าวิตกว่าน้ำมันอาจจะลามไปยังแหลมหญ้า แหลมน้อยหน่า กระจายความเสียหายในวงกว้าง...
ทั้งนี้ คุณสรยุทธ พิธีกรรายการเจาะข่าวเด่น ได้สัมภาษณ์ นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดย ผู้ว่าฯ ระบุว่า ตอนนี้น้ำมันดิบเข้ามาเต็มแนวโขดหิน จากภาพก็จะเห็นน้ำมันดิบสีดำชัดเจน ซึ่งทางศูนย์ภัยพิบัติได้สนับสนุนกำลังพลในทุกรูปแบบ แต่ส่วนทางเทคนิคก็ต้องอาศัยความชำนาญการของ ปตท.
"สิ่งที่กลัวตอนนี้คือ กลัวว่าน้ำมันจะกระจายออกไปยังชายหาดอื่น ๆ เพราะถ้ามีลมพัดทางตะวันตกเฉียงใต้เมื่อไร น้ำมันดังกล่าวก็จะชนกับตลิ่งและอาจจะกระจายไปยังแหล่มน้อยหน่า อ่าวขาม หรืออ่าวเพ" ผู้ว่าฯ ระยอง กล่าว
ส่วนทางด้าน นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมฯ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เล่าถึงเหตุการณ์ท่อน้ำมันรั่วให้ฟังว่า ท่อน้ำมันแตกในเรือบรรทุกน้ำมัน 5 หมื่นลิตร ซึ่งพอท่อแตกทางเราก็ปิดวาล์วทันที แต่ก็ยังมีน้ำมันหลงเหลืออยู่ในท่อ จึงเป็นเหตุให้น้ำมันไหลลงสู่ทะเล ตอนแรกเลยหลังจากที่รู้ว่าน้ำมันรั่ว ทาง ปตท. ก็ใช้เรือวางทุ่นรอบ ๆ และใช้สารเคมีฉีดพ่น เพื่อให้น้ำมันดิบแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ และจมลงสู่ใต้ทะเล โดยวันแรกสลายไปได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนวันต่อมาก็ได้ใช้เครื่องบินจากสิงคโปร์มาฉีดพ่นสารเคมีดังกล่าว โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง น้ำมันดิบตรงนั้นก็เคลียร์ใสเหมือนปกติ จากนั้นทางเราได้ก็ได้วางทุ่นกั้นตามแนวเกาะเสม็ดสองชั้น แต่ด้วยความที่ว่าสารเคมีต้องใช้เวลาตกตะกอนประมาณ 3-4 วัน ถึงจะลงสู่ทะเล ประกอบกับน้ำไม่ลึกพอ น้ำมันก็เลยเล็ดลอดทุ่นเข้าสู่ฝั่ง
ด้าน ผู้ว่าฯ ระยอง กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคม เราก็เบาใจคิดว่าเอาอยู่ เพราะ ปตท. วางบูมไว้ 2 ชั้น แต่เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ลูกน้องก็โทรมาบอกว่า น้ำมันทะลักเข้ามาที่อ่าวพร้าวเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงคราบน้ำมันอย่างที่ ปตท. อธิบาย แต่เมื่อดูภาพมันเป็นน้ำมันดิบสีดำเต็มอ่าวพร้าวเลย
การวางบูม
เมื่อ คุณสรยุทธ ถามว่า ทำไมวางบูมถึงสั้น ทั้ง ๆ ที่ประเทศของเราน่าจะมีศักยภาพในการวางบูมให้ยาวกว่านี้ ด้าน นายพรเทพ ระบุว่า เราได้ใช้สารเคมีโปรยอย่างเต็มที่แล้ว นอกจากนี้เราก็ได้เตรียมถังพลาสติกความจุถังละ 1 พันลิตร จำนวน 20 ถัง และปั๊มดูดอีกหลายตัวเร่งดูดคราบน้ำมันใส่ถัง ส่วนคราบบนทรายชายหาดใช้กระดาษฟิล์มซับน้ำมันและพลั่วตักออก ส่วนฟิล์มเป็นฟิล์มบางนิดเดียว
ขณะที่ ผู้ว่าฯ ระยอง ประกาศว่า เราต้องรีบดำเนินการทุกอย่างให้เร็วที่สุด ทำอย่างไรก็ได้ให้เสียหายน้อยที่สุด เพราะตอนนี้น้ำมันที่พัดเข้าชายฝั่งหนาประมาณ 10 เซนติเมตร และจะต้องแซะคราบน้ำมันออกจากทรายลึกพอสมควร
นอกจากนี้ คุณสรยุทธ ยังได้กล่าวว่า เกาะเสม็ดเป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวทั่วประเทศหลายคนผูกพัน เลยอยากจะทราบว่าจะใช้เวลาในการแก้ปัญหาประมาณกี่วัน อีกทั้งน้ำมันดิบจะส่งผลเสียต่อแนวปะการัง หรือจะทำให้ชายหาดอ่าวพร้าวกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่
"ผมให้อาทิตย์หนึ่งครับ หาดจะขาวอย่างเดิมเลยครับ คือตอนนี้เราดูดส่วนที่เป็นน้ำมันออก ส่วนหาดที่เป็นฟิล์มบาง ๆ เราก็ตักออก ก็ใช้คนลงจำนวนเยอะ ๆ นะครับ ส่วนที่จะทำให้ขาวเนี่ยนะครับ จริง ๆ แล้วไม่มีอะไร คือว่า ธรรมชาติเนี่ย เค้าจะช่วยไปด้วย"
จากนั้นพิธีกรยังถามอีกว่า แน่ใจนะว่าวิธีการกำจัดจะเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อปะการัง หาดทราย ปลา และธรรมชาติต่าง ๆ ที่สวยงาม
"คือผมเรียนอย่างนี้นะครับ น้ำมันดิบเป็นของธรรมชาตินะครับ เกิดจากสิ่งมีชีวิตทับถมกันเป็นล้าน ๆ ปี ซึ่งการที่เรานำน้ำมันดิบมาใช้ก็เหมือนเรากลั่นนะครับ ซึ่งสารเคมีที่เราเอามาใช้เนี่ย ก็จะทำให้น้ำมันดิบแตกตัว เป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ซึ่งโมเลกุลเล็ก ๆ ตรงนี้ก็จะย่อยสลายโดยธรรมชาติ (เรียกได้ว่าคืนสู่ธรรมชาติ?) ครับคืนสู่ธรรมชาติ เพราะเขาจะเจอออกซิเจนในน้ำ เจอแบคทีเรียในน้ำ การย่อยสลายทางธรรมชาติก็จะเกิดขึ้น เราจะติดตามด้วยการเช็กคุณภาพน้ำ และตรวจเช็กคุณภาพดิน"
ท้ายนี้ ผู้ว่าฯ ระยอง กล่าวว่า บริเวณอ่าวพร้าวได้รับผลกระทบมาก แต่อีกฝั่งนักท่องเที่ยวก็ยังสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนเดิม ส่วนที่กังวลตอนนี้คือบูมที่กั้นไปแหลมน้อยหน่าและอ่าวเพมันสั้นมาก ตนคิดว่าบูมต้องยาวกว่านี้ ถ้าไปหยิบยืมได้ก็ต้องเอามายืมเอามาต่อกัน ถ้าคุมไม่อยู่แล้วจะเรื่องใหญ่ ส่วนเรือก็ต้องเพิ่มอีก มีอะไรก็ใส่ไปให้หมด ไม่ใช่รอแล้วเดี๋ยวค่อยเพิ่ม ตนต้องการอย่างนั้น...