x close

ที่เที่ยวจันทบุรี เมืองผลไม้

          ที่เที่ยวจันทบุรี มีสถานที่เที่ยวมากมาย ทั้ง น้ำตก สวนผลไม้จันทบุรี พร้อมที่พักจันทบุรี โฮมสเตย์ จันทบุรี ซึ่งวันนี้เรามีข้อมูลมาฝาก


          เดี๋ยวร้อน... เดี๋ยวหนาว... เล่นเอาหลายคนปรับตัวตามสภาพอากาศและอุณหภูมิที่ขึ้นๆ ลงๆ ของเมืองไทยแทบไม่ทัน การมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสักที่ จึงเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ... เอาล่ะ!! ไม่ต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวด วันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ที่สามารถไปท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาลมาฝาก ไม่ว่าจะร้อน หนาว หรือฝนตก ก็เที่ยวได้... นั่นก็คือ จ.จันทบุรี หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า "เมืองจันท์" นั่นเอง

           จันทบุรี หรือ เมืองจันท์ เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการปลูกผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะ ทุเรียน เงาะ มังคุด และพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น พริกไทย ยางพารา เป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านอัญมณี และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่าไม้ น้ำตก ชายทะเล และโบราณสถาน โบราณวัตถุต่างๆ (โอ้วว้าว... มากมายจริงๆ ด้วย)  


ที่เที่ยวจันทบุรี 

            "หาดเจ้าหลาว" อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 17 กิโลเมตร มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นหาดทรายสีนวล ยาวเหยียดสุดสายตา ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ผู้คนนิยมไปพักผ่อนกันที่นี่ในวันหยุด มีที่พักตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงระดับมาตรฐาน และร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีเรือท้องกระจกและเรือเร็วบริการนำนักท่องเที่ยว ไปชมแนวปะการังน้ำตื้นที่อยู่ห่างจากฝั่งไปเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะโดยปกติแล้วปะการังจะเกิดในบริเวณที่เป็นเกาะเท่านั้น เนื่องจากมีการไหลเวียนของกระแสน้ำพอเหมาะ อุณหภูมิเหมาะสม และไร้มลพิษ การพบปะการังบริเวณใกล้แนวชายฝั่ง จึงสะดวกต่อการเดินทางไปชมซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 

           การเดินทาง ไปยังหาดคุ้งวิมาน หาดคุ้งกระเบน หาดแหลมเสด็จ และหาดเจ้าหลาว สามารถเข้าถึงได้สองเส้นทาง คือ จากถนนสุขุมวิทก่อนถึงตัวเมืองจันท์ราว 30 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 301  มีทางแยกขวาไปตามทางหลวง 3399  และจะพบป้ายทางแยกไปหาดต่างๆ เป็นระยะ และอีกเส้นทางหนึ่งคือ จากตัวเมืองเดินทางไปอำเภอท่าใหม่ระยะทาง 17  กิโลเมตร ต่อด้วยเส้นทางที่ไปเขื่อนวังโตนดและเลยไปจนถึงชายทะเลได้เช่นกัน

           "หาดคุ้งวิมาน" อยู่ในเขตอำเภอนายายอาม ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 50 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 301 เลี้ยวซ้ายไปอีก 18 กิโลเมตร เป็นหาดทรายยาวเหมาะแก่การพักผ่อน และริมหาดยังมีที่พักให้บริการอีกด้วย ช่วงที่เหมาะเดินทางมาท่องเที่ยว คือ เดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม 

           "น้ำตกเขาสอยดาว"อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว น้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 4 กิโลเมตร มี 16 ชั้น บริเวณธารน้ำตกมีผีเสื้อจำนวนมาก เหมาะสำหรับการดูผีเสื้อและศึกษาพรรณไม้ ซึ่งพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวนั้น มีสภาพป่าดงดิบที่สมบูรณ์ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน โดยมียอดเขาสูง 2 ยอด คือ ยอดสอยดาวเหนือและสอยดาวใต้ ความสูงของยอดสูงสุดคือ ยอดสอยดาวใต้ อยู่ที่ประมาณ 1,675 เมตรจากระดับน้ำทะเล (โอ้ว... สูงมากๆ) สภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์เป็นต้นกำเนิดของธารน้ำหลายสาย ไหลตกลงมาเป็นน้ำตกเขาสอยดาวขนาดใหญ่ ท่ามกลางป่าลึกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าไปชม ตลอดเส้นทางเดินชมน้ำตกมีทั้งความงามและความตื่นเต้นท้าทาย เช่น ชั้นน้ำตกที่ต้องปีนผาไปตามรากไทรสูงราว 20 เมตร กระทั่งถึงน้ำตกชั้นบนสุดซึ่งมีขนาดสูงใหญ่ งดงามยิ่ง 

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นน้ำตกได้ถึงชั้นที่ 9 ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินขึ้นเกือบ 2 ชั่วโมง ส่วนชั้นที่ 10 – 16 ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ใช้เวลาเดินอีก 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริเวณน้ำตกยังมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

           "บ่อน้ำพุร้อน" อยู่ห่างจากอำเภอโป่งน้ำร้อน 18 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเส้นทางหลวงหมายเลข 3193 เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีทั้งหมด 3 บ่อ ล้อมรอบด้วยสวนลำใยและสวนทุเรียน 

           "น้ำตกหินดาด" ตั้งอยู่เทือกเขาสอยดาวใต้ หมู่ที่ 2 ตำบลทับไทร ห่างจากที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อน 10 กิโลเมตร และเดินเท้าต่ออีก 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง น้ำตกมีจำนวน 12 ชั้น ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่ยังคงความสมบูรณ์ ชั้นที่ 9 - 12 เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปท่องเที่ยวที่น้ำตกแห่งนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพื่อความปลอดภัยค่ะ 

           "ตลาดชายแดนไทย – กัมพูชา" (ช่องผักกาด) ตั้งอยู่ที่บ้านคลองใหญ่ หมู่ 4 ตำบลคลองใหญ่ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อน 30 กิโลเมตร เป็นตลาดที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นจุดผ่อนปรนที่อนุญาตให้เฉพาะชาวไทย เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ระหว่างเวลา 07.00 - 16.00 น. ตลาดนี้จะอยู่ห่างจากกรุงไพลิน 20 กิโลเมตร และห่างจากเมืองพระตะบอง 68 กิโลเมตร (นักช้อปพลาดไม่ได้เด็ดขาด อิอิ)

           "อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น"(น้ำตกน้ำเป็น) ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนซ่อง มีพื้นที่ 75,000 ไร่ (ยังไม่ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ) มีสถานที่น่าสนใจได้แก่ น้ำตกสะบ้า น้ำตกอีเกก และที่สำคัญ คือ น้ำตกเขาสิบห้าชั้น เป็นน้ำตก 15 ชั้น ที่มีความสวยงาม มีน้ำตลอดทั้งปี การเดินทางต้องไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ บางครั้งต้องลัดเลาะไปตามลำธาร หรือปีนหน้าผาน้ำตก สามารถกางเต็นท์ได้ที่ชั้นที่ 6 และชั้นที่ 13 เป็นชั้นที่สูงที่สุด มีความสูงประมาณ 35 เมตร สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ ลิง ชะนี ช้าง กระทิง วัวแดง

           นอกจากนั้นทางอุทยานฯ มีสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ โดยนักท่องเที่ยวต้องนำเต็นท์มาเอง จุดแรกคือ คลองมะเดื่อ จุดที่สองคือ บริเวณน้ำตกอีเกก และที่จุดนี้ยังเป็นเส้นทางออฟโรด (0FFROAD) นักท่องเที่ยวควรใช้รถยนต์โฟร์วิลไดร์ (4WD) ที่มีสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กำลังแรงดี มีระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง 



           "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" อยู่ในเขตอำเภอแหลมสิงห์ บนเทือกเขาสระบาป มีเนื้อที่ทั้งหมด 84,063 ไร่ (134.5 ตารางกิโลเมตร) พันธุ์ไม้ต่างๆ ที่พบเช่น ขนุนป่า กระท้อนป่า พิมเสนขึ้นอยู่ทั่วไป และยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อีกมากมาย ที่เห็นได้บ่อยคือ หมูป่า เลียงผา พังพอน กระแต หมีควาย ชะนี ลิง ฯลฯ และยังเป็นที่อยู่ของปลานานาชนิด เช่น ปลาพลวง ปลาดุก ปลาฉาก (อย่างนี้ไม่ไปเที่ยว ไม่ได้แล้ว...)

           "หาดแหลมสิงห์" ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมือง 30 กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนสุขุมวิท เส้นทางไปจังหวัดตราด ถึงกิโลเมตร 347 มีทางแยกขวาไปหาดแหลมสิงห์อีก 16 กิโลเมตร เป็นชายหาดปากอ่าวที่แม่น้ำจันทบุรีไหลมาออกอ่าวไทย ร่มรื่นด้วยทิวสนยาวไปตามแนวของชายหาด มีที่นั่งพักผ่อนพร้อมทั้งร้านจำหน่ายอาหารตั้งเรียงรายอยู่ริมหาด มีบริการด้านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว จากบริเวณหาดมองออกไปจะเห็นเกาะจุฬา และเขาแหลมสิงห์อยู่เบื้องหน้า และในบริเวณหาดแหลมสิงห์มีเรือให้เช่าไปดำน้ำเที่ยวเกาะจุฬา เกาะนมสาว ราคาประมาณ 1,500 บาท

           หรือจะเลือกเดินเที่ยวแบบสวยๆ งามๆ ละลานตาไปด้วยอัญมณีแจ่มๆ ที่ "ถนนอัญมณี" ซึ่งเป็นคำเรียกขาน หมายถึง บริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่าง นับเป็นถนนเศรษฐกิจของจังหวัด เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณีต่างๆ ซึ่งอาจนับได้ว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในวันศุกร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 15.00 น. ยังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยของบรรดานายหน้าและพ่อค้าพลอย ที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ กันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองจันทบุรี ซึ่งไม่อาจพบได้ในจังหวัดอื่น (สุดยอด...!!)

           ฮั่นแน่... เพลินใช่มั้ยล่า ที่ "เมืองจันท์" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และน่าเที่ยวอีกเพียบ ทั้งนี้ เพื่อนๆ สามารถสอบถามรายละเอียด และข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดจันทบุรี โทร.0-3931-1001, ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0-3933-0180, 0-3933-0103  

การเดินทาง


รถยนต์ จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 5 เส้นทาง ได้แก่...

          1. เส้นทางที่ 1 ทางหลวงหมายเลข 3 เป็นเส้นทางสายเก่า เริ่มต้นที่บางนา - กรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดชลบุรี – บางแสน – ศรีราชา – พัทยา – สัตหีบ – บ้านฉาง – ระยอง - จันทบุรี ระยะทาง 330 กิโลเมตร

          2. เส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 36 เป็นเส้นทางสายหลักในปัจจุบัน เริ่มต้นที่ กิโลเมตรที่ 140 ถนนสุขุมวิท อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกกระทิงลาย ผ่านสนามแข่งรถพีระเซอร์กิต และสิ้นสุดที่ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ระยะทาง 60 กิโลเมตร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ระยะทาง 108 กิโลเมตร จะถึงจังหวัดจันทบุรี รวมระยะทาง 308 กิโลเมตร

          3. เส้นทางที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 344 (บ้านบึง - แกลง) เป็นเส้นทางสายหลักอีกหนึ่งสาย ซึ่งช่วยลดระยะทางได้ถึง 70 กิโลเมตร เริ่มต้นกิโลเมตรที่ 98 ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ผ่านอำเภอบ้านบึง อำเภอวังจันทร์ และอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ระยะทาง 110 กิโลเมตร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ระยะทาง 58 กิโลเมตร จะถึงจังหวัดจันทบุรี รวมระยะทาง 266 กิโลเมตร

          4. เส้นทางเชื่อมระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคตะวันออก เริ่มต้นกิโลเมตรที่ 200 ทางหลวงหมายเลข 33 อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เลี้ยวขวากิโลเมตรที่ 230 จังหวัดสระแก้ว เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 317 ระยะทาง 189 กิโลเมตร ผ่าน อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอมะขาม จนถึงจังหวัดจันทบุรี รวมระยะทางจากอำเภอกบินทร์บุรี  – จังหวัดจันทบุรี 219 กิโลเมตร

          5. เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ เริ่มต้นที่ถนนศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ สิ้นสุดที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระยะทาง 90 กิโลเมตร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 ระยะทาง 50 กิโลเมตร และทางหลวงหมายเลข 3 อีก 108 กิโลเมตร รวมระยะทางกรุงเทพฯ – จันทบุรี 248 กิโลเมตร  

รถโดยสารประจำทาง 


           - รถโดยสารปรับอากาศ บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ทุกวัน ตั้งแต่ 04.00 - 24.00 น. ออกทุกชั่วโมง สอบถามรายละเอียด โทร. 0-2391-8097, 0-2391-2504 

           - รถโดยสารธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) เช่นกัน แต่ไม่มีรอบแน่นอน สอบถามรายละเอียด โทร. 0-2391-2504

           นอกจากนี้ ยังมีรถโดยสารจากจันทบุรีไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ นครราชสีมา ตราด ระยอง สระแก้ว สระบุรี บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ตาก รายละเอียดติดต่อสถานีขนส่งจังหวัดจันทบุรี โทร. 0-3931-1299 

    

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
 
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 


 

 

 

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับ โรงแรม, รีสอร์ท, ร้านอาหาร ... ติดต่อ Kapook Guide โทร. 0-2911-0915

 

 

 

 

 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ที่เที่ยวจันทบุรี เมืองผลไม้ อัปเดตล่าสุด 6 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 10:07:22 36,530 อ่าน
TOP