ชวนลิ้มลองความอร่อย พร้อมประสบการณ์แห่งอาหารที่ Mahanakhon Eatery แหล่งแฮงก์เอาต์ใจกลางเมือง กับการรวมร้านอาหารและคาเฟ่สุดฮิป 7 ร้าน 7 สไตล์
ใครรู้ตัวว่าเป็นสายฟู้ดเลิฟเว่อร์จะต้องร้องว้าว ! ออกมาดัง ๆ ให้กับ Mahanakhon Eatery ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น G อาคาร Mahanakhon CUBE เพื่อไปดื่มด่ำความสุขในการรับประทานอาหาร ซึ่งแต่ละร้านคัดมาแล้วว่าเด็ดและโดน แถมยังจัดเต็มด้วยเมนูสุดพิเศษน่าประทับใจ
Mahanakhon Eatery สั่งครบ จบ และจ่ายในที่เดียว
ลองคิดสิว่าถ้าร้านอาหารร้านโปรดของคุณมาอยู่รวมกันให้ได้สั่งตามใจชอบจะรู้สึกแฮปปี้มากขนาดไหน ซึ่งวันนี้ King Power Mahanakhon ได้เปิดตัว Mahanakhon Eatery ให้เป็นแหล่งแฮงก์เอาต์สุดฮิปแห่งใหม่ล่าสุดย่านสาทร-สีลม ที่ให้ทุกคนมาปักหมุดไปกับความอร่อย ครั้งแรกของการรวมร้านอาหารและคาเฟ่ระดับพรีเมียมถึง 7 ร้าน 7 สไตล์ ถ้าจะให้เปรียบ คงเหมือนสวรรค์ของบรรดานักกินขนาดย่อมเลยก็ว่าได้
ละลานตากับเมนูอาหารมากมายที่ Mahanakhon Eatery
หากความพิเศษของที่นี่ยังมาพร้อมกับการบริการภายใต้คอนเซ็ปต์ Cross-Kitchen Dining กับการ Cross กันของเมนูหลายสัญชาติและรสชาติให้ได้ลิ้มลองในมื้อเดียว ไม่ว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียนอย่างพาสต้า, พิซซ่า, ยูโรเปียน บิสโทร ประเภทซีฟู้ดแอนด์กริลล์, อาหารจานเดียวสไตล์เวสเทิร์นไทยทวิสต์, เมนูง่าย ๆ อย่างแซนด์วิช และโคลด์คัตต่าง ๆ ไปจนถึงขนมหวานแสนอร่อย และเครื่องดื่มสุดฮิป ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกนั่งอยู่ในโซนใดของร้านใด ก็สามารถสั่งมานั่งกินได้ทั้งหมด โดยชำระเงินในบิลใบเดียว เรียกได้ว่า “สั่งครบ จบ และจ่ายในที่เดียว”
นั่งร้านไหนก็สามารถสั่งอาหารของร้านอื่น ๆ มารับประทานได้หมด
Mahanakhon Eatery กับสุนทรียภาพการรับประทานอาหารเหนือระดับ
สำหรับ Mahanakhon Eatery ยังเปิดโอกาสให้คุณได้พบกับความสุนทรียะไปพร้อมกัน ด้วยพื้นที่ร้านกว้าง 700 ตารางเมตร กว่า 224 ที่นั่ง จำนวน 2 ชั้น ชั้นล่างและชั้นลอย ท่ามกลางการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นชิค สะท้อนไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวตนของ Mahanakhon Eatery และคนเมืองยุคใหม่ได้อย่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหล
ภายใน Mahanakhon Eatery ตกแต่งอย่างโมเดิร์น ดูดี เผลอ ๆ เป็นมุมเช็กอินถ่ายรูปได้อีกด้วย
บางส่วนของห้องอาหารยังได้รับการตกแต่งจากแสงธรรมชาติ ซึ่งสาดส่องเข้ามาผ่านกระจกใสบานใหญ่ เผยให้เห็นความเรียบง่าย แต่แฝงไว้ซึ่งรายละเอียดความโก้นำสมัย ผสมผสานเข้ากับเทคนิคการจัดวางโซนร้านในบรรยากาศสบาย ๆ แต่มีเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะของแต่ละร้านอย่างลงตัว
Mahanakhon Eatery เช็กลิสต์ความอร่อยจากร้านอาหาร 7 ร้าน 7 สไตล์
อย่างที่บอกว่า Mahanakhon Eatery เป็นการรวมเอาร้านอาหารและคาเฟ่ทั้งหมด 7 ร้าน (6 ร้านอาหาร และ 1 คาเฟ่) มาไว้ในที่เดียว ซึ่งแต่ละร้านต่างถูกเลือกสรรมาเป็นอย่างดี พร้อมทั้งรังสรรค์เมนูอาหารต่าง ๆ ให้บรรดาฟู้ดเลิฟเว่อร์ประทับใจแบบจุก ๆ เอาล่ะ ! อย่ารอช้า ไปดูว่ามีร้านไหนกันบ้าง
มาเริ่มที่ร้านแรก “Avril gourmet & Bordier Selection” ร้านที่รวมเอาวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมจากแหล่งผลิตชั้นยอดในฝรั่งเศสและโซนยุโรป มากมายด้วยไส้กรอก แฮม เนื้อสัตว์ น้ำมันมะกอก แยม และเลอ เบอร์ บอร์ดิเยร์ (Le Beurre Bordier) เนยชื่อดังระดับโลกจากแคว้นบริตตานี ประเทศฝรั่งเศส โดยมีเมนูยอดฮิต ได้แก่ แซนด์วิชและโคลด์คัตต่าง ๆ
เราได้มีโอกาสไปลองเมนูยอดฮิตอย่างขนมปัง Pate en Croute with Foie Gras ความรู้สึกหลังกินคำแรก ให้ฟีลเหมือนนั่งอยู่ที่ฝรั่งเศสเลยทีเดียว แถมยังละลานตากับชีสและโคลด์คัตสุดหรูที่จัดวางเรียงมาอย่างสวยงาม และเมื่อลองกินก็ต้องยกนิ้วให้กับคุณภาพที่ได้รับ
Pate en Croute with Foie Gras
ร้านที่ 2 "El Mar" ซึ่งในภาษาสเปน แปลว่า ทะเล และหากสังเกตสักนิดจะเห็นว่าการตกแต่งร้านเหมือนเป็นการจำลองอู่ต่อเรือเก่าในหมู่บ้านชาวประมง ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์บิสโทรแบบฝรั่งเศส ใครที่ชอบกินหอยนางรมสด ๆ เห็นทีต้องตาลุกวาว เพราะคุณสามารถเลือกหอยนางรมกันได้แบบสด ๆ ซึ่งแต่ละวันทางร้านจะนำเข้ามาไม่เหมือนกัน แต่ละตัวจึงมีความเอ็กซ์คลูซีฟในแบบฉบับที่หาไม่ได้จากที่ไหน
หอยนางรมสด ๆ ตัวโต ๆ จัดวางเรียงสวย พร้อมรอให้คุณได้เลือกสั่ง
แน่นอนว่าขอแนะนำเมนู Fried Oysters (หอยนางรมชุบแป้งทอด) มาพร้อมกับซอสซาวร์ครีมที่ออกรสเปรี้ยวนิด ๆ กินอร่อยแบบไม่มีเบื่อ
และ Fresh Oysters (หอยนางรมสด) จัดเสิร์ฟมาแบบตัวโตเน้น ๆ คัดมาแบบสดใหม่ ให้คุณได้พบความอร่อยของอาหารทะเลที่ร้านในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน
ต่อกันร้านที่ 3 "ISABELLA Italian Rotisserie BY ANDREAS" ร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังจากหัวหิน ของเชฟอันเดรีย โบนิฟาโซ และมาเปิดที่ Mahanakhon Eatery ในรูปแบบของ Hot Table หรือ Tavola Calda อาหารสูตรต้นตำรับขึ้นชื่อทั้งพิซซ่าและโฮมเมดพาสต้า โดยคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพในการประกอบอาหารและรังสรรค์เมนูมากมาย เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มเอมกับรสชาติแบบฉบับอาหารอิตาเลียนดั้งเดิม
พลาดไม่ได้กับเมนูแนะนำ Italian Style Whole Roasted Organic Chicken ไก่ที่ถูกอบโดยเครื่องย่างพิเศษมูลค่าหลักล้าน และทำการหมุนไก่ให้สุกอย่างทั่วถึงภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเครื่องย่างนี้จะช่วยทำให้ไก่ยังคงรักษาความฉ่ำของเนื้อ เวลากินจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มและมันกำลังดี จะกินเปล่า ๆ หรือจะกินคู่ซอสก็อร่อยไม่แพ้กัน
เครื่องย่างมูลค่านับล้าน พร้อมรังสรรค์เมนูอร่อย ๆ ที่ ISABELLA Italian Rotisserie BY ANDREAS
Italian Style Whole Roasted Organic Chicken
ร้านที่ 4 "Meat & Spice by Another Hound Café" แบรนด์น้องใหม่ เสิร์ฟเมนูอร่อยในสไตล์ "เวสเทิร์นไทยทวิสต์" โดดเด่นด้วยการผสมผสานอาหารตะวันตกและความเผ็ดร้อนของอาหารไทยอย่างลงตัว จนออกมาเป็นเมนูสุดโมเดิร์น แต่ก็คงไว้ซึ่งรสชาติความจัดจ้านในรูปแบบใหม่ที่แตกต่าง และเติมอรรถรสให้กับมื้ออาหารสุดพิเศษของคุณ
เมื่อมาแล้วพลาดไม่ได้กับเมนูเด็ดอย่างริบอายข้าวจี่ปลาร้า เนื้อริบอายที่ย่างมานุ่มกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมข้าวจี่ปลาร้าที่ผ่านการมูนกับน้ำกะทิ ก่อนนำไปจี่กระทะให้กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ด้วยปลาร้า เวลากินคู่กันเนื้อริบอายจะรู้สึกถึงความนัวอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้ว่าเป็นยังไงเห็นทีต้องมาพิสูจน์
รวมถึงยังมีอีกหนึ่งเมนูเด็ด แซลมอนกงฟีต์ซอสต้มข่า สเต๊กปลาแซลมอนพร้อมซอสต้มข่าที่เคี่ยวผสมเหล้าเบอร์เบิน ช่วยให้รสชาติของซอสโดดเด่นและกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
มาถึงร้านที่ 5 ร้านโปรดในดวงใจของใครหลายคน กับ "Maison Du Vin" ไวน์เลาจน์สาขาใหม่ล่าสุดโดย เดอะ ไวน์ เมอร์ชานส์ ครั้งแรกของการเนรมิต Wine Bar อย่างมีเอกลักษณ์ในสไตล์ของโรงบ่มไวน์ฝรั่งเศส แถมด้วยที่นั่งแฝงความโก้แต่ก็ให้ความรู้สึกสบายในคราวเดียวกัน
ความโดดเด่นยังอยู่ที่ House Wine ที่มาในรูปแบบ By Glass กว่า 20 ชนิด เรียกได้ว่าครบเครื่องมาก ๆ โดยคัดสรรไวน์ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งฝรั่งเศส อิตาลี อเมริกา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็น Prosecco, White Wine, Rose, Sweet Wine และอื่น ๆ อีกมากมาย
ลองจับคู่ไวน์กับเมนูอาหารสักหน่อย รับรองว่าเพิ่มอรรถรสมื้ออาหารให้พิเศษมากกว่าเดิม
ร้านที่ 6 ถึงคิวร้านขนมหวานอย่างร้าน "ICI" ร้านดังย่านสุขุมวิทกันบ้าง นำเสนอด้วยคอนเซ็ปต์ศิลปะจากอาหารที่พร้อมเสิร์ฟให้คนชอบขนมหวานมาลิ้มลอง การันตีความอร่อยโดยเชฟเปเปอร์ อริสรา จงพาณิชกุล เชฟขนมหวานจาก Issaya la patisserie และ Saawaan นอกจากร้านจะตกแต่งน่ารักแล้ว แต่ละเมนูล้วนตั้งใจถ่ายทอดผลงานออกมาด้วยหัวใจ สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคพิเศษต่าง ๆ เสมือนดั่งงานศิลปะร่วมสมัยที่สามารถรับประทานได้
ภายในร้านตกแต่งน่ารัก น่าจะถูกใจสาว ๆ ที่ชอบถ่ายรูปไม่น้อย
แนะนำเมนูสุดพิเศษ Chili Crab ขนมหวานที่คิดสูตรขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะสำหรับเสิร์ฟในงานประกาศรางวัล MICHELIN Guide Singapore 2019 ภายในมีมูสส้มจี๊ด มะพร้าวอ่อน และครัมเบิลน้ำตาลมะพร้าว เสิร์ฟพร้อมคาราเมลกาแฟ เจลซอสพริก สปันจ์เค้กมะเขือเทศ และเฮ้าส์เมดไข่เค็ม รสชาติหวานละมุนและกลมกล่อม ทำเอาติดใจได้ไม่ยาก
ปิดท้ายกับร้านที่ 7 "Other Café" ร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอล โดดเด่นด้วยการชงอย่างพิถีพิถัน แล้วยังคัดสรรหลากหลายเมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากทั่วทุกมุมโลก และสามารถพูดคุยกับบาริสต้าได้อย่างเป็นกันเอง พร้อมเสิร์ฟ Coffee Specialty ซึ่งจะได้ค้นพบรสชาติและตัวตนของคุณเอง รวมถึงการตกแต่งร้านที่ยึดแนวคิดเรื่องความยั่งยืนของธรรมชาติเป็นสำคัญ ภายในร้านจึงได้ออกแบบและใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
เหล่าบาริสต้าผู้ชำนาญ พร้อมทำหน้าที่รังสรรค์เมนูเครื่องดื่มที่ Other Café
ไฮไลต์เมนูน่าลองก็คือ The Cloud และ The Cube เมนูกาแฟหอมละมุนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องฟ้า ใครที่อยากรู้ว่ากาแฟสามารถสร้างชั่วโมงแห่งความสุขได้ยังไง ลองแวะมาที่ร้านได้เลย
Mahanakhon Eatery เวลาให้บริการ
Mahanakhon Eatery เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. สามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2677-8721 หรือเว็บไซต์ kingpowermahanakhon.co.th และ เฟซบุ๊ก King Power Mahanakhon
เมื่อเห็นความพิเศษของร้านอาหาร คาเฟ่ และบรรยากาศต่าง ๆ ภายใน Mahanakhon Eatery แล้ว เชื่อว่าน่าจะมีหลายคนอยากลองสัมผัสกับแหล่งแฮงก์เอาต์แห่งนี้ เอาเป็นว่าหากมีโอกาสก็ไม่ควรพลาดไปลิ้มลองความอร่อยกันนะ