เปิดตำนาน มหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil's Cathedral) แห่งรัสเซีย ถูกออกแบบสร้างขึ้นอย่างงดงามวิจิตร จนสถาปนิกต้องถูกสั่งให้ควักลูกตาออก เพื่อสถานที่อื่นใดจะไม่สามารถเทียบเท่าได้
มหาวิหารเซนต์บาซิล มีสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยแปลกตาไม่เหมือนวิหารอื่น ๆ โดยตั้งอยู่ที่บริเวณจัตุรัสแดง ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย วิหารแห่งนี้มีคำสั่งให้สร้างขึ้นในยุคของซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย หรือที่ได้ฉายาว่า ซาร์อีวานจอมโหด เพื่อฉลองชัยชนะเหนือกองกำลังมองโกลที่เมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ. 1552 (พ.ศ. 2095) จึงได้เริ่มสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1555 (พ.ศ. 2098)
วิหารแห่งนี้ถูกสร้างให้เป็นโดม 8 ส่วน อยู่รอบโดมที่ 9 ซึ่งเป็นศูนย์กลาง มีลักษณะเป็นโดมทรงหัวหอมที่สีสันลวดลายที่ซับซ้อนแตกต่างกันออกไป ภาพรวมวิหารมีลักษณะเป็นรูปคล้ายแท่งเทียน ที่มีเปลวเพลิงส่องแสงอยู่บนปลาย อย่างไรก็ดี แรกเริ่มเดิมทีตัวหอคอยด้านนอกเป็นหินสีขาว และโดมไม่มีสีสันหลากสีเช่นนี้ จนมีการบูรณะและตกแต่งเพิ่มเติมภายหลังศตวรรษที่ 17 นอกจากนี้ แม้ว่าดูจากลักษณะภายนอกวิหารจะดูกว้างขวาง แต่ภายในค่อนข้างเล็กและแคบ
ภาพจาก Timofeev Vladimir / Shutterstock
สถาปนิกผู้ออกแบบวิหารแห่งนี้ชื่อว่า ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) อย่างไรก็ดี ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่า ภายหลังจากออกแบบวิหารแห่งนี้ สาเหตุใดเขาถึงตาบอด มีเพียงตำนานเล่าขานโดยชาวบ้านเผยว่า เขาถูกซาร์อีวานจอมโหด สั่งให้ควักลูกตาออก เพื่อที่จะไม่สามารถไปออกแบบสถานที่ใดให้งดงามได้เช่นนี้อีก
สำหรับชื่อของวิหารแห่งนี้ เดิมทีมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งการอธิษฐานของพระแม่มารี (Cathedral of the Intercession of the Virgin) ก่อนจะถูกเรียกชื่อตามนักบุญเซนต์บาซิล หรือแต่เดิมที่ชื่อว่า วาซีลี เบลเซนนี (Vasily Blazhenny) ผู้ที่มีบทบาทต่อวัฒนธรรมรัสเซียมานานกว่าหลายศตวรรษ โดยเป็นที่รู้จักว่ามีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ทำนายโชคชะตา เขาสามารถทำนายเรื่องราวความตายและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถกล่าวตักเตือนซาร์อีวานจอมโหดถึงพฤติกรรมของเขาได้ ก่อนเขาจะเสียชีวิตในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1557 (พ.ศ. 2100) ร่างของเขาได้ถูกฝังไว้ใกล้กับวิหารในช่วงที่ทำการก่อสร้าง หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการยกฐานะให้เป็นนักบุญ มีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนพากันสวดมนต์ที่หลุมฝังศพของเขา จนเกิดเป็นวลีที่ว่า "สวดภาวนา ณ มหาวิหารเซนต์บาซิล" ชื่อวิหารดังกล่าวนี้จึงเป็นที่นิยมมากกว่า
มหาวิหารแห่งนี้ รอดพ้นทั้งภัยต่าง ๆ มามากมาย ทั้งภัยธรรมชาติ เหตุการณ์ไฟไหม้ และจากการถูกศัตรูรุกราน ตั้งตระหง่านบนพื้นที่แห่งนี้มาเเป็นระยะเวลานานกว่า 400 ปี ปัจจุบันวิหารแห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์ แต่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรัสเซีย อันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศ เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เดินทางเข้าไปชื่นชมความงดงาม