เที่ยวเชียงราย 2 วัน 3 คืน กับที่เที่ยวเชียงรายมุมใหม่ ไปเที่ยวชมหมู่บ้านวัฒนธรรม กินอาหารท้องถิ่น ชมพระอาทิตย์ตกดินงาม ๆ บนยอดดอย นั่งรถรางเที่ยวเมืองเก่าเชียงแสน แวะทักทายน้องควายไทยสุดน่ารัก
เชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวเมืองไทยที่มีความน่าสนใจไม่แพ้เมืองหลัก ๆ เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ธรรมชาติป่าเขาอุดมสมบูรณ์ และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ยังคงเป็นเมืองที่เงียบสงบ เที่ยวแล้วสบายใจ มีมุมให้เที่ยวพักผ่อนแบบสงบ ๆ มากมาย และเมื่อไม่นานมานี้ เราก็ได้พบเส้นทางท่องเที่ยวใหม่อีกหนึ่งเส้นทาง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย ก็ได้พาเราไปค้นพบความสนุกในเส้นทางนี้ในแบบฉบับ 3 วัน 2 คืน เป็นการ
เที่ยวเชียงรายที่ไม่เหมือนครั้งไหน แต่ประทับใจมากกว่าเดิม เส้นทางนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามเราไปเที่ยวกันเลย :)
ขี่ม้าชมหมู่บ้านวัฒนธรรม เติมพลังกับกาแฟขี้ชะมด
วันแรกของการเดินทางเรานั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดเชียงราย เพื่อความรวดเร็วและประหยัดเวลาในการเดินทาง ถึงสนามบินเชียงรายประมาณ 08.00 น. ก่อนไปตะลุยเที่ยวเชียงรายก็ขอเติมพลังกันหน่อย พออิ่มท้องแล้วก็เดินทางต่อได้ รถตู้ของเราล้อหมุนอีกครั้ง จุดหมายปลายทางไกลนิดหน่อย ใช้เวลาเดินทางราว ๆ 1 ชั่วโมง นั่งชมวิวไปหลับไป เดี๋ยวเดียวก็เห็นดอยนางนอนเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว นึกในใจว่าถ้าได้กาแฟสักแก้วก็คงดี แต่พอถึงที่หมายเดินลงรถมาก้าวเดียวเท่านั้น กลิ่นกาแฟหอมฉุยก็ลอยมาแตะจมูกทันใด เหมือนสวรรค์โปรดเลยล่ะ ที่นี่คือ ฟาร์มชะมดหอม เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวของบ้านผาแตก ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
พ.ต.ท.คมกฤช ไชยสาร ประธานชมรมอนุรักษ์ม้าแม่สาย ได้มาต้อนรับเราด้วยตัวเอง ท่านใช้เวลาว่างในวันหยุดมานั่งพูดคุยและอธิบายที่มาที่ไปของกาแฟขี้ชะมด และเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนบ้านผาแตกด้วยการขี่ม้า
ภายในฟาร์มแห่งนี้มีชะมดให้เราชมด้วย พร้อมกับเมล็ดกาแฟขี้ชะมดมากมายที่กำลังวางตากไว้ คุยกันไม่ถึง 5 นาที ท่านก็ลงมือคั่วกาแฟแบบดั้งเดิมให้ชมกันเลย สามารถคั่วได้ทุกรสชาติทั้งเข้มและเบา วิธีการดื่มกาแฟของที่นี่ก็ต้องกินควบคู่กับขนมปังเนยสดพม่า กาแฟเข้ม ๆ กับขนมปังเนื้อนุ่มหอมหวานมัน กลมกล่อมละมุนคอ พาร่างกายดีดไปทั้งวัน
ดื่มกาแฟและกินขนมปังเนยสดพม่ากันจนอิ่มท้องแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาออกแรงกันหน่อย ที่ด้านหน้าฟาร์มมีม้านับสิบตัว ยืนเรียงรายรออยู่ คนไม่เคยขี่ม้าก็ถามซ้ำไปซ้ำมาว่าขี่ได้จริงหรือ ผู้ดูแลม้าที่ประจำตัวม้าอยู่ก็บอกด้วยความมั่นใจว่าสามารถขี่ได้ทุกคน ไม่ต้องห่วง เพราะจะมีเจ้าหน้าที่เดินคุมไปด้วย และม้าทุกตัวก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่บอก และถ้าให้ดีก็ควรทำความคุ้นเคยกับม้าสักหน่อย ด้วยการลูบหัวและตัว เราประสานสายตาอันเป็นมิตรกับพี่สีหมอก ม้าตัวผู้แข็งแกร่ง ก่อนจะก้าวขาสั้น ๆ เหยียบโกลน แล้วพยายามตวัดขาอีกข้างขึ้นไปบนหลังม้า ดูเหมือนจะง่าย แต่ไม่ใช่เลย พอขึ้นไปอยู่บนหลังม้าได้แล้ว ก็ถอนหายใจยาว ก้มลงไปกอดพี่สีหมอกหนัก ๆ 1 ที บอกกับพี่สีหมอกให้เดินเบา ๆ และรักเรามาก ๆ อย่าพยศกลางทางนะ
พี่สีหมอกก็ทำตามอย่างว่า แรก ๆ พาเดินแรงและเร็วหน่อย เพราะยังไม่คุ้นเคยกับน้ำหนักตัว แต่พอเดินไปสักพักหนึ่งก็เริ่มจับจังหวะได้ พาเดินนุ่มขึ้น เพื่อไปยังบ้านของ คุณมงคล รัตนวิมล บ้านแกะสลักหินที่มีชื่อเสียงของอำเภอแม่สาย ม้าค่อย ๆ เดินเหยาะ ๆ เข้าไปยังพื้นที่ของบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่บรรยากาศร่มรื่น และแทบจะทุกมุมของสวนจะมีพระแกะสลักหินรูปลักษณ์งดงามตั้งอยู่ ที่มุมหนึ่งของสวนจะเห็นว่าเป็นชิ้นส่วนของพระพุทธรูปองค์ใหญ่
คุณมงคลเล่าให้ฟังว่าได้ทำอาชีพนี้มาหลายสิบปี สืบทอดมาจากรุ่นคุณพ่ออีกต่อหนึ่ง แรกเริ่มเป็นเพียงโรงงานเล็ก ๆ แต่พอได้ทำจนมีประสบการณ์ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น จนสามารถแกะสลักพระจากหินองค์ใหญ่มาก ๆ ได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ตนเองมีอาชีพที่มั่นคงแล้ว ก็ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนด้วย
"ช่างแกะสลัก ก็เป็นคนในชุมชน พระหินและหยกสวย ๆ ที่เห็นกันนี้ก็ฝีมือคนแม่สายทั้งสิ้น" คุณมงคลพูดขึ้นระหว่างที่พาชมจุดต่าง ๆ ของโรงงาน
หลังจากชมโรงงานแกะสลักพระเรียบร้อยแล้ว ก็ไปชมกันต่ออีกหนึ่งอาชีพเด่นของชุมชนบ้านผาแตก กับบ้านของช่างแกะสลักโลหะ คุณลุงสองท่านกำลังนั่งจดจ่ออยู่กับงานของตัวเอง มือหนึ่งตอก มือหนึ่งจับตะปู เสียงตอกดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บ่งบอกถึงความชำนาญ คุณลุงเงยหน้าขึ้นมาเป็นพัก ๆ เพื่ออธิบายให้ฟังว่างานที่ทำนั้นคือส่วนประกอบหนึ่งของธรรมาสน์ จะมีการนำแบบมาวางซ้อนไว้บนแผ่นโลหะหรืออลูมิเนียม แล้วช่างก็จะตอกตามแบบ ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร ถึงจะทำเป็นธรรมาสน์ได้ 1 ชิ้น ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งเพื่อตอกลายกันเป็นเดือนเลยทีเดียว งานของคุณลุงก็ช่างประณีต งดงาม ลวดลายละเอียด สมแล้วที่มีคนรอต่อคิวสั่งอีกจำนวนมาก
จากบ้านแกะสลักโลหะ ก็ไปต่อกันที่งานแบบผู้หญิงกันบ้าง ไปชมร้านตัดเย็บผ้าพื้นเมือง ใครที่ชอบชุดพื้นเมืองของชาวเหนือและเมียนมา บอกเลยว่าจะต้องถูกใจที่นี่ เพราะพี่เจ้าของร้านสามารถตัดเย็บได้หลากหลายรูปทรง มีผ้าให้เลือกหลากหลายลวดลายและสีสัน และยังแนะนำได้ด้วยว่าหุ่นแบบไหนใส่ชุดอะไรถึงจะเหมาะสม ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย
สถานที่สุดท้ายก่อนที่เราจะไปกินข้าวกลางวันกัน เราไปกินของว่างเบา ๆ แบบโฮมเมดกันที่ชัยลี ฟาร์ม ฟาร์มโคนมท้องถิ่นที่มีมาตรฐานอยู่ในระดับต้น ๆ ของเมืองไทย เจ้าของฟาร์มเคยมีประสบการณ์การทำฟาร์มโคนมที่ประเทศญี่ปุ่นมาก่อน จึงได้กลับมาพัฒนาฟาร์มของโคนมของตัวเองให้ได้มาตรฐาน และกลายเป็นสินค้าคุณภาพของบ้านผาแตกและอำเภอแม่สาย ทันทีที่นั่งพักขาภายในฟาร์ม เราก็ได้รับโยเกิร์ตนมสดเย็นกันคนละหนึ่งถ้วย กลิ่นนมหอม รสชาติยังละมุน ยังไม่ทันที่โยเกิร์ตจะหมดถ้วยไอศกรีมก็มาเสิร์ฟต่อ มีหลากหลายรสชาติให้เลือก ใครชอบแบบไหนก็เลือกได้เลย ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถมากินได้ที่ฟาร์มแล้ว ก็ยังสามารถที่จะไปซื้อที่ร้านในตัวเมืองแม่สายได้ด้วย
เราไม่รอให้ไอศกรีมหมดถ้วย เพระอยากเดินชมฟาร์มวัวและบริเวณรอบ ๆ ของฟาร์มแล้ว จึงเดินเล่นไปเรื่อย เริ่มจากฟาร์มโคนมที่เปิดโล่งให้เห็นกันชัดเจน ฟาร์มสะอาดสะอ้าน รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ทำให้โคนมแต่ละตัวดูสดใส จุดต่อมาจะเป็นแปลงผักปลอดสารพิษ และฟาร์มกระต่าย แต่ที่ชอบมาก ๆ ก็คือจุดต่อมา ซึ่งเป็นป่าไผ่สูงโปร่ง ร่มรื่น จุดนี้จะเย็นเป็นพิเศษ แถมสีเขียวของใบไผ่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่น ที่ข้าง ๆ กันจะเป็นฟาร์มม้า ลา และล่อ มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ขี้เล่นไม่น้อยเลยทีเดียว
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง "อาหารกลางวันพื้นบ้าน" มื้อนี้ทาง ททท. บอกว่าจะเป็นหม้อไฟแบบผสมผสานระหว่างสไตล์ไทยใหญ่และเมียนมา ใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษจากในท้องถิ่นทั้งหมด ต้มทุกอย่างลงไปในหม้อ พอสุกกินร้อน ๆ ค่อย ๆ สูดน้ำซุปแล้วกินเนื้อตาม อร่อยจนแทบไม่อยากวางช้อน นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูกับข้าวพื้นเมืองให้กินกัน อาทิ ข้าวซอยน้อย, ข้าวแรมฟืน และขนมข้าวปุกงา ระหว่างกินข้าวก็มีการแสดงพื้นบ้านให้ชมด้วย
สนุกสนานกันไปพอสมควรกับบ้านผาแตก แต่เส้นทางท่องเที่ยวเชียงรายสุดประทับใจจะยังไม่หมดลงเท่านี้ เพราะยังมีแหล่งท่องเที่ยวดี ๆ รอเราอยู่อีกมากมาย
ชมความงดงามของพระพุทธรูปไม้ไผ่สานที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บ่ายนี้เราพุ่งตรงไปที่อำเภอเชียงแสน อำเภอเล็ก ๆ ริมแม่น้ำโขง ที่นอกจากจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานแล้ว ก็ยังบรรยากาศเงียบสงบ น่ามาเที่ยวพักผ่อน ระหว่างทางไปอำเภอเชียงแสนก็ขอแวะไหว้พระทำบุญกันสักนิด ณ วัดหิรัญญาวาส ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย วัดสวยที่สุดอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดเชียงราย แม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่ผู้คนไม่พลุกพล่าน การเดินเที่ยวชมจึงเพลินตาเพลินใจ
ไฮไลต์เด่นจะอยู่บริเวณอุทยานเวฬุวันพระเจ้าสาน และวิหารพระเจ้าสาน จุดทางเข้าจะเป็นรูปปั้นของช้างสามเศียร เราจะต้องเดินลอดใต้ท้องช้างเข้าไปยังด้านใน ซึ่งจะเห็นเป็นภาพของวิหารขนาดใหญ่สไตล์เชียงแสน ตลอดทางเดินเป็นพระพุทธรูปหินทรายเรียงรายงดงาม เมื่อเดินเข้าไปยังด้านในก็จะพบกับ "พระสิงห์สานชนะมาร" พระพุทธรูปที่สานจากไม้ไผ่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้าง 9.9 ศอก และสูงถึง 19 ศอก ด้านหลังเป็นพระเจดีย์สานสีดำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และห้ามพลาดกับการลอดใต้ฐานพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล
นั่งมองพระอาทิตย์ตกดินหลังดอยนางนอนจากยอดเขา
"วันนี้ถ้าเราโชคดี ไปถึงทันเวลา เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินกัน" ได้ยินดังนั้นใจก็เริ่มเต้นตึก ๆ เพราะอยากไปชมพระอาทิตย์ตกดินสวย ๆ บนยอดดอยสักครั้งก่อนสิ้นปี และแล้วก็ดูเหมือนว่าคำอธิษฐานจะสัมฤทธิ์ผล เรามาถึงจุดขึ้นรถชาวบ้านเพื่อขึ้นต่อไปยังดอยสะโง้ เวลาราว ๆ 16.30 น. ค่าบริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ครั้งละ 100 บาท/คน ถ้าไป-กลับ ก็ 200 บาท แนะนำให้ใช้บริการรถของชาวบ้านดีกว่า เพราะเส้นทางที่ขึ้นไปยังดอยสะโง้นั้นค่อนข้างขรุขระ ชัน แคบ และคดเคี้ยว ถ้าไม่ชำนาญทางอาจเกิดอันตรายได้
เสียงเครื่องยนต์ที่เร่งขึ้น-ลงก็พาเราลุ้นอยู่ตลอดทาง เพราะนอกจากเส้นทางจะเป็นดังที่กล่าวไปแล้วนั้น ก็ยังจะต้องหลบหลีกกับรถคันอื่น ๆ ที่แล่นสวนมาด้วย พอถึงยอดดอยเท่านั้น ถอนหายใจกันทั้งคัน แต่เพียงไม่ถึงนาทีอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนเมื่อได้หันไปเห็นวิวงาม ๆ บนยอดดอยแห่งนี้ ทางตะวันตกจะเห็นดอยนางนอน ส่วนทางด้านตะวันออกจะเห็นวิวของแม่น้ำโขง ภูเขาฝั่งเมืองบ่อแก้ว ประเทศลาว สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงบริเวณ Kings Romans Casino
และก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับหายไป เรารีบลงจากรถเพื่อไปหามุมถ่ายรูป บนดอยสะโง้แห่งนี้มีทั้งที่พัก จุดกางเต็นต์ ร้านอาหาร และร้านกาแฟครบครัน แต่จุดแรกที่มุ่งไป ก็คือ สะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาววนไปรอบยอดดอยทางด้านเหนือ มีค่าบำรุงรักษาสะพานคนละ 20 บาท จากบนสะพานจะมองเห็นวิวสวยงามมากทั้งทางแม่น้ำโขง และทางฝั่งดอยนางนอน ลมเย็น ๆ พัดมาตลอด บางช่วงก็ได้กลิ่นดอกเก๊กฮวยลอยมาด้วย เพราะชาวบ้านปลูกดอกเก๊กฮวยไว้รอบ ๆ สีเหลืองสดใส พาใจเบิกบานขึ้นเป็นกอง
ถ่ายรูปบนสะพานเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเดินไปทางฝั่งด้านใต้ของดอยบ้าง ซึ่งจะมีอาคารร้านอาหารอยู่ใกล้กับป้ายดอย และอาคารนี้ก็มีดาดฟ้าให้ไปนั่งชมวิวชิล ๆ ด้วย ถัดมาก็จะเป็นโซนของบ้านพักแบบเป็นหลัง ใครไม่สะดวกนอนเต็นท์ ถ้าอยากนอนบ้านพักก็อาจจะต้องจองกันล่วงหน้าสักนิด เพราะมีจำนวนจำกัด สอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้เลยที่ โทรศัพท์ 09 2263 6394
พอถ่ายรูปจนหนำใจก็ประจวบเหมาะพอดีกับเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนลงต่ำลงเรื่อย ๆ แสงสว่างจ้าเมื่อสักครู่เริ่มอ่อนลงหลังจากที่ดวงอาทิตย์แอบลงหลังดอยนางนอน "สวยมาก" ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ในขณะที่เสียงกดชัตเตอร์ก็ดังไม่หยุดเช่นกัน ส่วนเรานั้นถ่ายรูปได้สองรูป ก็วางกล้องลง ขอชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยตาตัวเองไม่ผ่านเลนส์บ้างนะ :)
นั่งรถรางย้อนอดีต ชมเมืองโบราณแห่งเชียงแสน ชมวิวแม่น้ำโขงจากพระธาตุดอยเวา
ไม่ว่าใครได้มาเที่ยวเชียงแสนก็จะต้องไปเช็กอินที่ "สามเหลี่ยมทองคำ" แต่ทริปนี้เราขอแหวกแนวสักนิด เพราะจะไปเที่ยวอีกเส้นทาง กับการเที่ยวเมืองเก่าเชียงแสน ซึ่งมีประวัติศาสตร์และความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าจุดเศรษฐกิจดังกล่าวเลย
ที่พักของเราอยู่ใกล้กับบริเวณกำแพงเมืองเก่าเชียงแสน รถรางจึงมารับเราที่หน้าโรงแรมได้เลยในตอนเช้า รถแล่นไปไม่นานนักก็เลี้ยวเข้าสู่กำแพงเมืองทางด้านทิศใต้ ซึ่งไกด์ได้เล่าให้ฟังว่าเมืองเก่าเชียงแสนนี้มีอายุมากหลายร้อยปี แต่กำแพงทางฝั่งทิศใต้นี้ยังคงมีความสมบูรณ์พอสมควร ยังพอเห็นเป็นเค้าโครงว่าเป็นกำแพงเมือง ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมดจะเห็นว่ากำแพงเมืองเชียงแสนหลงเหลือเพียงแค่ 3 ด้านเท่านั้น ทางด้านทิศเหนือยาว 950 เมตร ทิศตะวันตกยาว 2,500 เมตร และทิศใต้ยาว 850 เมตร ส่วนทิศตะวันออกนั้น ได้ถูกแม่น้ำโขงกัดเซาะจนถูกทำลายไปหมดแล้ว
วัดป่าสัก เป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดของเมืองเก่าเชียงแสน โดยปัจจุบันได้หลงเหลือเจดีย์ทรงมณฑปให้ได้ชมกันด้วย จุดนี้หลาย ๆ คนก็สนุกสนานกับการใช้เทคโนโลยี ซึ่งเมื่อลองสแกนบาร์โค้ดที่ป้ายประกาศ ก็จะสามารถเชื่อมต่อไปยังแอปพลิเคชันยูทูปเพื่อชมวิดีโอคำอธิบายของวัดป่าสักได้เลย เจ๋งเนอะ :)
และจุดสุดท้ายของเมืองเก่าเชียงแสน ก็คือ วัดพระธาตุเจดีย์หลวง วัดโบราณที่สร้างโดยพระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ทันทีที่เดินเข้าสู่บริเวณวัดก็จะเห็นพระเจดีย์องค์ใหญ่อย่างเด่นชัด เพราะสูงมากถึง 88 เมตร มีฐานกว้างถึง 24 เมตร เป็นพระเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน ส่วนด้านข้างเจดีย์จะเป็นวิหารขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปแบบเชียงแสนไว้ บรรยากาศเงียบสงบ ถือว่าเป็นจุดรวมใจก่อนจากลาเมืองเก่าได้ดีทีเดียว
ก่อนที่จะกลับเข้าสู่เมืองเชียงราย เราแวะไปชมผ้าทอสวย ๆ กันก่อนที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน ณ วัดพระธาตุผาเงา ตำบลเวียง เป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่เก็บรวบรวมผ้าทอโบราณของชาวเชียงแสนไว้ บางผืนมีอายุเป็ยร้อยปี ลวดลายสวยงาม และยังมีการสาธิตการทอผ้าโดยชาวบ้านในท้องถิ่น ใครที่ชอบผ้าซิ่น หรืองานผ้าสวย ๆ ที่นี่จะเป็นสวรรค์ของคุณเลยทีเดียว
และเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ขอแวะขึ้นไปไหว้สักการะ "พระธาตุผาเงา" สักนิด รถตู้สามารถขับขึ้นไปยังด้านบนได้เลย ซึ่งจากด้านบนพระธาตุผาเงานี้เอง จะสามารถชมวิวมุมสูงเมืองเชียงแสนและวิวแม่น้ำโขงได้ด้วย พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตาได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อครอบพระธาตุผาเงาองค์เก่าอีกที นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้
กินอาหารสไตล์ฟิวชัน ชมวัดสีน้ำเงิน เดินเล่นตลาดคราฟต์
กลางวันวันนี้ขอฝากท้องไว้กับพนอ คอฟฟี่ เฮาส์ ร้านอาหารและร้านกาแฟสไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของทุ่งนาป่าเขา ตกแต่งสวยงามน่ารักในสไตล์วินเทจแบบอังกฤษ พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหารไทยและอาหารสไตล์ยุโรป โดดเด่นด้วยขนมหวานเมนูต่าง ๆ ทางร้านทำแบบโฮมเมดด้วยตัวเอง รสชาติจึงอร่อยเป็นเอกลักษณ์ นอกจากอาหารจะดีแล้ว รอบ ๆ ร้านก็บรรยากาศดีมากด้วย มีจุดถ่ายรูปเพียบ
ชาร์จพลังงานร่างกายด้วยอาหารดี ๆ กันไปแล้ว ก็ขอไปเดินย่อยอาหารกันต่อที่วัดร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย วัดชื่อดังที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยผลงานสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมที่สวยงามตามสไตล์พุทธศิลป์ โดยอาคารและรูปปั้นต่าง ๆ ภายในวัดล้วนเป็นสีน้ำเงิน แต่งแต้มผสมผสานกับสีอื่น ๆ บ้าง เช่น สีขาว และสีทอง ผู้ที่สร้างวัดนี้ก็คือ คุณพุทธา กาบแก้ว หรือสล่านก ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นั่นเอง
ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุกงดงาม ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร รอบ ๆ ยังสวยงามไปด้วยผลงานภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่มีลายเส้นอ่อนช้อย แสดงเรื่องราวของพุทธประวัติให้ได้ชมด้วย ส่วนด้านหลังของวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติสีขาวขนาดใหญ่ และพระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์
ไหว้พระทำบุญจนสบายใจก็ไปละลายทรัพย์กันต่อ ณ
Sunday Craft Market ณ บริเวณลานวัดหนองหม้อ ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย เป็นตลาดเฉพาะกิจที่จัดขึ้นในช่วงต้นเดือน-กลางเดือนธันวาคมเท่านั้น แต่เราก็เก็บภาพความน่ารักของตลาดแห่งนี้มาฝากกัน เผื่อว่าจะมีการจัดตลาดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า
จะเห็นว่าบรรยากาศของตลาดเป็นแบบสบาย ๆ มีร้านค้าร้านอาหารท้องถิ่นให้เลือกกินหลากหลายแบบ พร้อมทั้งยังกิจกรรมสนุก ๆ เพียบ แต่สิ่งที่ชอบมาที่สุดเห็นจะเป็นการที่ตลาดแห่งนี้ได้รวบรวมทั้งคนรุ่นเก่าและใหม่ไว้ด้วยกัน พ่อค้าแม่ค้ามีตั้งแต่รุ่นคุณยายมาจนถึงรุ่นเด็ก ๆ แถมผู้เข้าร่วมงานยังมีหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มเพื่อน คนรัก และครอบครัว ปิดท้ายของวันนี้ไปด้วยรอยยิ้มได้อย่างดีจริง ๆ
ทักทายน้องควาย นั่งเรือชมวิถีชีวิต
วัดสุดท้ายของการเดินทาง ขอเที่ยวแบบเบา ๆ แต่ได้สาระ ความรู้ และความสนุก เช้านี้เรามีนัดกับน้องควายไทยที่หมู่บ้านปางควายไทยบ้านดงเจริญ ตำบลหัวง้ม อำเภอพาน จากที่พักใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น จากถนนเส้นหลัก ก็เข้าสู่ถนนเส้นเล็ก ๆ จนกลายเป็นคันนาที่รถสามารถวิ่งได้เพียงเลนส์เดียว ไม่นานนักรถก็เข้าไปจอดกลางลานกว้าง ใต้ร่มจามจุรีใหญ่สุดร่มรื่น
เจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้เราฟังว่าปางควายที่นี่จะแตกต่างจากศูนย์อนุรักษ์ควายที่อื่น ๆ เพราะมีการจัดตั้งธนาคารควาย เพื่อควบคุมดูแลคุณภาพและอนุรักษ์สายพันธุ์ของประชากรควายไท ปกติจะมีควายมากกว่า 100 ตัว แต่ด้วยช่วงนี้ยังคงอยู่ในช่วงฤดูทำนาทำให้ควายกระจายกลับไปยังบ้านของชาวบ้าน จึงเหลือให้ชมเพียงแค่ไม่กี่สิบตัว กิจกรรมแรกที่เราได้ทำกันที่นี่ ก็คือ การนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ในหนองฮ่าง ถ้ามาช่วงที่มีการปล่อยควายลงน้ำ ก็จะได้นั่งเรือไปชมควายเล่นน้ำใกล้ ๆ ด้วย
ส่วนกิจกรรมต่อมาจะเป็นการต้อนควายลงน้ำ หลายคนอาจจะคิดว่าดูธรรมดา แต่ถ้าได้มาเห็นด้วยตาจtต้องร้องว้าว ! เพราะควายหลายสิบตัวจะพากันวิ่งอย่างรวดเร็วปานสายลมพุ่งตัวลงน้ำดังโครมคราม ดูน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยล่ะ แล้วพอตอนควายขึ้นมาจากน้ำแล้ว ใครอยากจะลองขี่ควาย เจ้าหน้าที่ก็ช่วยให้ขึ้นหลังควายกันด้วย นอกจากนี้ถ้าใครอยากลองกิจกรรมอื่น ๆ กินอาหารท้องถิ่น หรือแม้แต่การนอนโฮมสเตย์ ถ้ามีเวลาเยอะ ก็อยากแนะนำให้ลองมานอนพักผ่อนกันสักคืน เพราะชาวบ้านน่ารัก อากาศดี และบรรยากาศเงียบสงบ
ทริปเที่ยวเชียงราย 3 วัน 2 คืน จบลงแล้ว พร้อมกับความประทับใจมากมาย ใครกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยววันหยุดยาว ก็อยากให้ลองเปิดใจให้เชียงรายในเส้นทางใหม่ ๆ นี้กัน ไม่ได้อวยนะ แต่ของเขาดีจริง ๆ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, museumthailand.com, cots.go.th และ museumthailand.com