เตรียมตัวยังไง...ถ้าจะไปเที่ยวอียิปต์ด้วยตัวเอง
เตรียมตัวเที่ยวอียิปต์
ตั๋วเครื่องบิน
ต้องรอจังหวะดี ๆ เจ้าของกระทู้ได้ตั๋วโปร Egypt Air ในราคา 18,000 บาท ไปเที่ยวช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ - ต้นมีนาคม เป็นช่วงปลายหนาวพอดี อุณหภูมิประมาณ 10-20 องศา อากาศกำลังดี แต่เพื่อนร่วมทริปที่มาซื้อทีหลัง ราคาพุ่งไป 28,000 บาท โน่น
เครื่องแต่งกาย
เนื่องจากอุณหภูมิในช่วงกลางวันกับกลางคืนแตกต่างกันมาก กลางคืนอากาศเย็นถึงหนาว กลางวันถ้าอยู่ในร่มเย็นสบาย แต่ส่วนใหญ่เราต้องอยู่กลางแจ้งทั้งร้อนทั้งไหม้ ดังนั้นจึงต้องมีทั้งเครื่องกันแดดและกันหนาว
กลางวัน : ควรเตรียมแว่นกันแดดคุณภาพดีไป แดดเปรี้ยงมาก ถ้ากลัวดำ ครีมกันแดดยี่ห้อไหนก็เอาไม่อยู่ค่ะ ใช้ผ้าปิดหน้าดีกว่า เจ้าของกระทู้สั่งซื้อผ้า Buff มาใช้คุ้มมาก ปิดได้หมดตั้งแต่หน้าถึงคอ แถมกันฝุ่นได้ด้วย แต่ช่วงหลัง ๆ ซื้อผ้าพันคอที่อียิปต์มาโพกตามเทรนด์ สวยไปอีกแบบ ส่วนเสื้อผ้าควรแขนยาวขายาว หรือใช้เป็นเสื้อคลุมตัวบาง ๆ สวมทับ มีฮู้ดคลุมหัวกันแดดได้ด้วย จะมาดำก็ตอนโพสท่าถ่ายรูปนี่แหละ หันหน้ารับแสง UV เต็ม ๆ
กลางคืน : อากาศเย็นลงฉับพลัน ลมแรงและหนาว เปลี่ยนเป็นเสื้อกันหนาวตัวที่กันลมได้ กางเกงขายาวธรรมดาทนได้ แต่ถ้าคิดจะไปนอนทะเลทราย แนะนำให้ขน heattech ไปด้วย เพราะที่นั่นหนาวและลมแรงมากกกกกกกกกกกกก
คนที่นั่นไม่มีใครมาสนใจฝุ่น PM2.5 แบบพี่ไทยหรอกค่ะ ถ้าเข้าเมืองเมื่อไหร่เตรียมเจอมลพิษทางอากาศได้เลย แย่ยิ่งกว่าที่ไทยอีก มีโรงงานปล่อยควันพิษรอบเมือง กลับที่พักจมูกดำทุกวัน ไม่เข้าใจว่าทำไมรถที่อียิปต์ไม่ชอบเปิดแอร์ เปิดหน้าต่างรับฝุ่นควันกันทุกคัน อากาศจะร้อนแค่ไหน ฝุ่นควันจะเยอะแค่ไหน เค้าไม่เปิดแอร์ ดังนั้นแนะนำให้เตรียมแมสไปด้วย ถึงแม้คนที่นั่นจะไม่มีใครใส่แมส เวลาเดินบนถนนจะมีสายตาแปลก ๆ มองมา แต่เราไม่แคร์ เรารักปอดของเรา
เงิน
ค่าเข้าที่เที่ยวที่นี่ถือว่าแพง แถมมีเก็บค่าถ่ายรูปอีกคนละ 300 ปอนด์ บางที่ก็ไม่คุ้มที่จะเข้า เพราะไม่มีอะไรข้างใน ค่าเข้าอ้างอิงจากเว็บนี้ได้ค่ะ www.egypttailormade.net แนะนำให้ทำบัตรนักเรียน ISIC ไปด้วย ได้ลดค่าเข้าทุกที่ 50% ไม่เหมือนที่จีน ถึงจะมีบัตรนักเรียน แต่พอเห็นพาสปอร์ตต่างชาติก็ไม่ลดให้ เจ้าของกระทู้ทำบัตรไม่ทัน ไปเที่ยว 2 สัปดาห์ 4 คน เสียเงินกองกลางไปคนละ 2 หมื่นกว่าบาท ไม่รวมค่าเครื่อง ถ้ามีบัตรนักเรียนอีกจะถูกขนาดไหน
แนะนำให้แลกเงินดอลลาร์จากไทยไป พอไปถึงสนามบินไคโร พุ่งไปหาร้านแลกเงินร้านแรกที่เจอเลย เพราะเลยจากนั้นไปอาจจะไม่มีร้านให้แลกอีก ในสนามบินพอออกจาก ตม. จะเจอ 2 ร้านอยู่ติดกัน มีคนต่อแถวอยู่หน้าร้าน เทียบ rate ว่าร้านไหนคุ้มกว่าก็แลกร้านนั้น แลกดอลลาร์เป็นปอนด์อียิปต์ นับเงินดี ๆ นะเพราะแบงค์เยอะมาก แลก 1 USD ได้ประมาณ 17.5 ปอนด์ (rate มีการเปลี่ยนแปลงตลอด) ช่วงนี้ค่าเงินไทยแข็งมาก 1.8 บาท เท่ากับ 1 ปอนด์ สำรองเงินดอลลาร์ไว้ด้วย สำหรับจ่ายค่าที่พักหรือค่าทัวร์
ขากลับอย่าลืมแลกกลับเป็นดอลลาร์ให้หมด เจ้าของกระทู้ไปถึงสนามบินหาร้านแลกเงินไม่มีดอลลาร์ให้แลก พนักงานของร้านชี้ให้เข้าไปใน duty free ปรากฎว่าข้างในไม่มีร้านให้แลกแล้ว (ตรูโดนหลอก !!!) จะใช้ให้หมดก็เสียดาย เพราะดอลลาร์เหลือเยอะมาก และของฝากใน duty free ก็ราคาแพงมากกกกก ทำใจซื้อไม่ได้ เลยต้องยอมขาดทุนขอแลกร้านขายของเล็ก ๆ ในrate 20 ปอนด์ต่อ 1 USD (จริง ๆ เค้าไม่ให้แลกนะ แอบ ๆ เอา)
ทัวร์
อยากเที่ยวอย่างราชาก็ต้องใช้เงินเปย์ซื้อทัวร์ ถ้าซื้อจากหน้าเว็บบริษัทดี ๆ ราคาจะแพงมาก ต่อราคาได้น้อย แต่ถ้าไปซื้อพวก One Day Trip ที่ไคโรจะได้ราคาถูก ต่อได้เยอะ แต่ก็ต้องลุ้นคุณภาพเอาหน่อย เพราะหน้าร้านที่ขายก็ไปจ้างคนขับ จ้างไกด์อีกต่อหนึ่ง เจ้าของกระทู้ได้เจอทั้งดีทั้งแย่คละ ๆ กัน
ถ้าจะซื้อทัวร์เองควรไปเริ่มที่ไคโร เพราะร้านเยอะสุด ราคาถูกสุด ไปพักแถว Egyptian museum รอบ ๆ นั้นมีร้านขายทัวร์เต็มไปหมด ต่อราคาได้ตามใจชอบ เจ้าของกระทู้พลาดตรงไปจบทริปที่นั่น พอเห็นราคาแล้วเสียดายมาก ซื้อจากที่อื่นต่อราคาแทบตาย มาไคโรราคาเริ่มต้นเท่ากับราคาที่เราต่อมาได้เลย
ทัวร์ที่เจ้าของกระทู้ไปจะมีแนะนำอยู่ในสถานที่เที่ยว อันไหนที่ไม่ดีเราไม่แนะนำต่อ
***ใครอยากไปเที่ยวเพตราที่จอร์แดน อยากบอกว่าสามารถไปซื้อทริปที่ไคโรได้เลย Visa on Arrival เจ้าของกระทู้ไม่รู้ว่าทำได้ พลาดมาก เสียดายมาก มาเห็นเอาตอนวันสุดท้ายก่อนกลับไทย T^T
***เน้นย้ำว่าถ้าคิดจะไปเที่ยวเองแนะนำให้อ่านรีวิวไปเยอะ ๆ เพราะคนประเทศนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหลอก เพราะยังไงคุณก็ต้องโดนแน่นอน
ตั๋วรถไฟ
อ่านรายละเอียดใน www.seat61.com
ซื้อตั๋วผ่านหน้าเว็บ enr.gov.eg
เจ้าของกระทู้ซื้อตั๋วขาไปจาก Cairo ไป Aswan ขากลับ Luxor ไป Giza ราคารถไฟตู้นอนแพงมากเพราะเป็น rate ต่างชาติ แต่ก็ยังถูกกว่าตั๋วเครื่องบิน ระหว่างจองเกิดข้อผิดพลาดกดจองผิดเดือน ตกใจมากเพราะวันที่กดจองใกล้มาก ถ้าจะ cancel ต้องก่อน 48 ชม. และโดนหัก 20% ของค่าตั๋ว เจ้าของกระทู้รีบส่งเมลไปหาเจ้าหน้าที่ขอเลื่อนวัน เสียเงินไปอีกพันกว่าบาท (เค้าคิด 10% ของค่าตั๋ว)
วีซ่า
เป็นอีกเรื่องที่เพลียจริง เหนือฟ้ายังมีฟ้า อืดอาดโบราณยิ่งกว่าราชการไทย ต้องยกให้อียิปต์ คือต้องไปทั้งหมด 3 ครั้ง ใช้เวลาอนุมัติประมาณ 14 วันทำการ นานที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ค่าวีซ่า 2,100 บาท ไม่รับส่งทางไปรษณีย์ ไม่มีการใช้เทคโนโลยีหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ มาทดแทน
- ครั้งแรกไปยื่นเอกสาร
- ครั้งที่ 2 ไปยื่นพาสปอร์ต
- ครั้งที่ 3 ไปรับเล่ม
ให้ใครทำแทนก็ได้ เจ้าตัวไม่ต้องไป ไม่มีการเก็บ biometrics ใด ๆ เนื่องจากเจ้าของกระทู้ทำงานอยู่ต่างจังหวัดที่มีเพียงสายการบินเดียวผูกขาด ค่าเครื่องบินจึงแพงหูฉี่ แพงกว่าบินไปต่างประเทศอีก คำนวณดูแล้วไม่คุ้มวันลากับค่าเครื่องบิน เลยจ้างบริษัท v. world travel ทำแทน คิดคนละ 2,000 บาท ถือว่าแพงเพราะบางเว็บเขียน 1,500 บาท แต่บริการประทับใจมากจริง ๆ ติดต่อผ่านคุณมุ่ยเลยค่ะ
Simcard + Wi-Fi
เจ้าของกระทู้มี sim to fly ของ AIS อยู่เดิมยังไม่หมดอายุ เลยเสีย 800 บาท ได้ 5 GB สัญญาณ link กับค่าย Orange ของอียิปต์ ถ้าซื้อซิมใหม่ก็ 899 บาท พอไปถึงสนามบินไคโร เจอขายซิมราคา 150 ปอนด์ เซ็งเลย
สรุปว่า Orange สัญญาณห่วยมาก ไปที่ไหนก็ไม่มีสัญญาณ อย่าซื้อ sim to fly จบนะ (ค่ายอื่นไม่รู้ link กับอันไหน แต่มาซื้อที่อียิปต์นี่แหละถูกสุด ข้อเสียคือเค้าบอกว่าอาจจะใช้บาง app ของไทยไม่ได้)
ที่ถามไกด์มา สัญญาณดีสุดคือ vodaphone ส่วน Wi-Fi ที่พักอย่าไปคาดหวังมาก โหลดหนังแทบไม่ได้ โหลด nexflix มาเลยจากไทย มาโหลดที่นี่จะได้ดูพากย์อาหรับแทน
เสบียง
อาหารหลักของคนที่นี่คือแผ่นแป้งและขนมปัง คุณจะได้กินมันทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าโรงแรม ให้มากินวันละ 3 ก้อน จนหน้าจะเป็นขนมปัง ทาเนย ทาแยมวน ๆ ไป เชื่อว่าพอพ้นอาทิตย์แรกไปจะเริ่มเบื่อ แต่ก็ต้องกินเพราะกลัวหิวตอนกลางวัน
ทริปนี้เป็นทริปลดน้ำหนักเพราะได้กินแค่วันละ 2 มื้อ มื้อเช้าที่โรงแรม ส่วนมื้อเที่ยงมื้อเย็นรวบไปกินมื้อเดียว ทำไมนะgหรอ เพราะนอกเมืองหาร้านกินยาก และทัวร์ราคาประหยัดที่เราซื้อไปเค้าไม่เสียเวลาพาแวะกินข้าวหรอก ดังนั้นเราต้องเตรียมเสบียงไปเอง มาม่าเป็นอาหารหลัก อย่าลืมเอาถ้วยแบบพกพาไปด้วย เช่น ถ้วยซิลิโคนแบบพับได้ แล้วไปขอน้ำร้อนจากที่พักเอา ที่นี่เหนียวน้ำมาก ที่พักไม่มีน้ำขวดให้ฟรีเลย น้ำตู้กดก็ไม่มี มีแต่ชาร้อนให้กิน แต่ชาเค้าอร่อยนะ เป็นผง ๆ ไม่ใช่ใบชา เวลาซดต้องกะดี ๆ อย่าให้ผงชาเข้าปาก
KFC เป็นร้านที่เข้าบ่อยที่สุดเพราะมีเมนูภาษาอังกฤษ มีราคาเขียนเป็นเลขอารบิคชัดเจน กินไก่หลายมื้อมาก ขอเว้นไปอีกหลายเดือน 5555
ผักที่นี่มีแค่แตงกวา มะเขือเทศ และพริกหยวก นาน ๆ ทีมีผักกะหล่ำปลีแทรกมาบ้าง สั่งสลัดก็มีผักอยู่เท่านี้ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะท้องผูก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ขับถ่ายสะดวกทุกวัน
ปากกา
พอเค้ารู้ว่าเรามาจากไทย สิ่งแรกที่ขอคือปากกา คนอียิปต์บอกว่าปากกาไทยเขียนดี (จริง ๆ เป็นหัวปากกาญี่ปุ่นนั่นแหละ) เวลาตรวจกระเป๋า เปิดเจอปากกาก็ขอ ใครมีปากกาเหลือใช้ขนไปเลยเป็นโหล ๆ ใช้แจกแทนทิปได้ดีจริง ๆ
ตัวเลข
ที่อียิปต์ใช้แต่ภาษาอาหรับ ตัวเลขบนป้ายทะเบียนรถ ป้ายราคา เป็นเลขอาหรับหมด ต้องหัดอ่านให้ได้ตั้งแต่วันแรกเพราะต้องเรียก uber มารับที่สนามบิน
เที่ยวอียิปต์
ประเทศอียิปต์
Search ใน wiki บอกว่าประเทศอียิปต์ปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ถามไกด์ ไกด์บอกระบอบทหาร (เหมือนประเทศแถว ๆ นี้แหละ) เป็นทหารปกครองทั้งประเทศ ดังนั้นเวลาไปที่ไหนก็จะเห็นแต่ชุดทหาร ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำมัน ซูเปอร์มาร์เกตในปั๊ม คนเก็บค่าทางด่วน ด่านตรวจตามจุดต่าง ๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่โบกเรียกค่าผ่านทาง (ส่วย) เป็นระยะ ๆ
ไกด์บอกว่าเวลาติดต่อราชการก็ต้องมีใต้โต๊ะหมดเพี่ออำนวยความสะดวก จริ งๆ เค้าเพิ่งปฏิวัติกันไปเมื่อ 8 ปีก่อน พอเลือกตั้งใหม่ มีผู้สมัครแข่งขัน แต่เหมือนจะโดนขู่ฆ่าแบบทำให้เป็นอุบัติเหตุเลยถอนตัวไป (เถื่อนกว่าประเทศแถวนี้อีก) ตอนนั้นการท่องเที่ยวพังมาก เพิ่งจะมาเริ่มบูมใหม่ไม่กี่ปีมานี้ แต่ก็ยังไม่เท่าสมัยก่อน ร้านรวงที่ปิดร้างไปยังมีให้เห็นทุกที่
ประเทศนี้คนจนเยอะมาก ส่วนคนรวยก็รวยมาก เห็นได้จากคฤหาสน์หรูมากมายตามสถานที่ตากอากาศ ส่วนคนจนยังใช้ลาลากรถเป็นพาหนะวิ่งบนถนนเยอะแยะ ไกด์บอกว่าเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองหรือปฏิวัติไปคนจนก็ยังจนเหมือนเดิม
บ้านสองข้างทางจะมีลักษณะเฉพาะเหมือนกันหมด คือ สร้างให้ไม่เสร็จ จะได้ไม่ต้องเสียภาษีที่อยู่อาศัย ตึกจะโล้น ๆ เห็นผนังอิฐมอญ มีเสาเหล็กโผล่ตรงชั้นดาดฟ้า ไม่มีหลังคา ทาสีด้านเดียวหรือไม่ทาเลย บางบ้านเอาหลังคามามุงนิดหน่อย แล้วเลี้ยงไก่ เป็ด แพะ บนชั้นดาดฟ้า !!! ไม่เหม็นขึ้เหรอนั่น
คนอียิปต์
คนที่นี่พูดแต่ภาษาอารบิก คนที่พูดอังกฤษได้มีแค่คนที่ทำงานกับนักท่องเที่ยวหรือคนขายของ ถามไกด์ ไกด์บอกว่าเค้าไม่สอนภาษาอังกฤษกันในโรงเรียนทั่วไป ดังนั้นถ้าไปเที่ยวรอบนอกก็จะปวดหัวหน่อยเพราะสื่อสารไม่รู้เรื่อง
คนที่ทำงานบริการนักท่องเที่ยวจะขอทิปทุกคน ไม่ว่าจะคนขับรถ ไกด์ หน้าห้องน้ำ พนักงานรถไฟ ให้ตามความพึงพอใจ ถ้างกหน่อยก็ยื่นให้แล้วรีบเดินหนีไป 555
เนื่องจากคนมุสลิมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวใหญ่ ๆ หาเบียร์กินยากมาก แต่คนที่นี่สูบบุหรี่จัด พอ ๆ กับคนจีนที่หยุดสูบเฉพาะตอนกินกับตอนนอน มวนต่อมวน ทุกบ้านมีบารากุวางอยู่หน้าบ้าน คนนั่งดูดปุ๋ย ๆ อยู่หน้าบ้านอย่างมีความสุข กลิ่นก็ไม่เหม็นด้วย ตามบาร์มีเตาบารากุสวย ๆ เยอะแยะไปหมด
เวลาเดินอยู่ริมถนน
Hello, where are you from ?
Ni hao, China ?
You know how much ? one dollar, one dollar
ถ้าไม่ตอบว่ามาจากไหนมันก็จะถามเซ้าซี้อยู่นั่นแหละ
เจ้าของกระทู้ : Thailand
คนอียิปต์ : Oh, Taiwan
เจ้าของกระทู้ : ……….
ให้ระวังเวลาเดินเที่ยว มันจะมีคนเนียนเข้ามาทักว่า สวัสดี ฉันจำเธอได้ เธอพักอยูที่โรงแรมที่ฉันทำงาน วันนี้เป็นวันหยุด ฉันอาสาจะพาเธอเที่ยวเอง แล้วก็แนะนำที่ช้อปปิ้งใกล้ ๆ เราก็ดีใจเออออห่อหมกชวนกันคุย ถามโน่นนี่นั่น พอสักพักเริ่มรู้ตัวว่าโดนหลอกเอาตังค่าไกด์ซะแล้ว กว่าจะสลัดทิ้งได้ไม่ใช่ง่าย ๆ พอคนแรกหลุดไป คนที่สองเดินเข้ามาทักอีก สวัสดี พวกคุณจะไปตลาดใช่ไหม เลี้ยวซ้ายตรงนี้เลย แล้วก็เดินนำเราไป ต้องปฏิเสธอีกหลายรอบกว่าจะยอมจากไป
หลักจากนั้นเลยแพลนไว้ว่าถ้าเข้ามาทักว่าอยู่โรงแรมเดียวกันอีก จะถามว่าทำอยู่ที่ไหน ฉันไม่ได้พักที่นี่หนิ เธอมาจากไหน แต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาทักอีกเลย 55
ส่วนเรื่องความปลอดภัย อาชญากรรม ขโมย ไม่เจอกับตัว น่ากลัวที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการจราจรบนท้องถนนนี่แหละ
Taxi
ไม่แนะนำโบกเองเท่าไร ขนาด uber ที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยแล้วก็ยังโดนโกงหน้าด้าน ๆ ขับไปปล่อยกลางทาง พอบอกว่ายังไม่ถึงที่พักก็เรียกเงินเพิ่ม ก็จัดการ report กันไป ถ้าจะโบกเอง ต่อราคาให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นรถของที่พักส่งมารับหรือรถอะไรก็ตาม เช็กราคาให้ดี ๆ ราคาจริงของ Taxi ที่นี่ถูกมาก เพราะน้ำมันเค้าขุดได้เอง ลิตรละ 6-7 ปอนด์เอง ถูกกว่าซื้อขนมอีก
การจราจร + ข้ามถนน
ยิ่งกว่า Fast and Furious ก็ประเทศอียิปต์ ขับรถกันน่ากลัวมาก นี่ต้องสอบใบขับขี่กันหรือเปล่าถึงจะมาขับรถได้ รถทุกคันมีร่องรอยบาดแผลฝากเอาไว้รอบคัน ไม่มีคันไหนที่ไม่มีรอยเฉี่ยวชน อยากปาดคันไหนก็ปาด อยากขับเลนไหนก็ขับ อยากเหยียบเท่าไรก็ไม่มีลิมิต
วันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย เจ้าของกระทู้เหมารถ One Day Trip ไปเที่ยว Sokhna ซึ่งติดกับ Red sea เป็นสถานที่ตากอากาศของคนรวยในไคโร อารมณ์หัวหินของไทย ขากลับมาสนามบิน รถเริ่มออกอาการส่ายเล็กน้อย คิดว่ายางแบน เลยบอกให้คนขับจอดข้างทางแล้วออกไปดูยางล้อหลัง เห็นไม่แบนเลยให้ไปต่อ ถนนเป็น Motorway คนขับซิ่งมาก เหยียบมิดไปถึง 160 แถมยังขับไปดูหนังไป แล้วรถก็เริ่มสั่น ๆๆ เหมือนถนนขรุขระ แล้วก็บึ้ม ยางล้อหลังอีกข้างที่ไม่ได้ดูระเบิดกลาง Motorway ดีที่ไม่เสียหลัก หลบไปจอดข้างถนน คนขับจัดการเดินกลับไปเก็บซากยางที่หลุดกระเด็นแล้วเปลี่ยนล้อถึงไปต่อได้
ระหว่างรอข้างทาง ลมแรงและหนาวมากเพราะพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ว่าจะไปสนามบินไม่ทัน สุดท้ายได้ไปต่อ คนขับก็มัวโพสต์รูปยางระเบิดลง Facebook เก็บยอด Like อีก ทางก็ไม่ค่อยดู รถเซไปเซมา ความพีคนี้ยังไม่จบ พอถึงไคโรอยู่ดี ๆ คนขับเกิดเปลี่ยนใจบอกว่าไม่ว่าง ไปส่งสนามบินไม่ทันแล้ว จะไปส่งแค่ที่พัก (ซึ่งมันอยู่ห่างจากสนามบินไปอีกไกล) เราก็บอกไม่ ๆ เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทัน (โชเฟอร์นี่พูดอังกฤษไม่ได้เลย เวลาคุยต้องโทร. คุยผ่านล่ามที่เป็นคนขายทัวร์) มันก็ไม่ยอม สุดท้ายเจ้าของกระทู้ไม่อยากเสียเวลาเลยบอกให้จอดเลย เรียก Uber ไปแทนก็ได้ ตอนนี้แหละค่าย Orange ทำพิษ อยู่ดี ๆ สัญญาณก็หาย เรียก Uber ไม่ได้ เวลาก็น้อยลงไปทุกที เห็น Taxi ขับผ่านมาพอดี โชคดีมากที่คนขับพูดอังกฤษได้ดี ไม่โขกราคา เลยได้ไปถึงสนามบินในที่สุด
การข้ามถนนเหมือนเอาชีวิตไปเสี่ยง ไม่มีทางม้าลายหรือสัญญาณไฟข้ามถนนอะไรทั้งนั้น คนเดินข้ามกันแบบไม่ดูรถเลย แต่รถอียิปต์ดูมีทักษะในการหลบคนได้ดี ไกด์บอกว่าไม่ค่อยมีชนถึงแก่ชีวิต ส่วนมากแค่เฉี่ยวบาดเจ็บเล็กน้อย
น้ำ
มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ แต่ชอบของ Aquafina สุด ราคาก็แปรผันไปตามสถานที่ที่เจอ คือ ขวดเล็ก 600 ml มีตั้งแต่ราคา 10 >> 5 >> 3 ปอนด์ และขวดใหญ๋ 1.5 ml ราคา 15 >> 10 >> 7 ปอนด์
ไคโรกับ Alexandria มีร้านน้ำคั้นผลไม้สดเยอะ น้ำอ้อยถูกมาก แก้วละ 5 ปอนด์ หวานเจี๊ยบ น้ำส้มคั้นสด น้ำผลไม้รวมปั่นก็อร่อย แต่เค้าไม่มีน้ำแข็งให้นะ
ของฝาก
- ภาพกระดาษปาปิรุส เป็นภาพแกะสลักบนผนังหลุมศพ ของแท้ราคาแพง ของปลอมทำจากใบกล้วย แต่เจ้าของกระทู้ก็แยกไม่ค่อยออกหรอก คิดว่าโดนหลอกขายใบกล้วยมาเหมือนกัน 55 แต่ชอบตรงที่พอปิดไฟแล้วกลายเป็นอีกภาพเรืองแสงออกมานี่แหละ เห็นรูปแมวแล้วหน้ามืดซื้อมาเลย
- น้ำหอม ขวดน้ำหอมมีทุกแบรนด์ในห้าง แค่บอกว่าอยากได้แบรนด์ไหน กลิ่นเหมือนกันเด๊ะ ๆ ราคาถูกมาก ก็เลยอ๋อว่าทำไมตามหน้าเว็บที่แบ่งขายน้ำหอมแบรด์เนมถึงขายได้ราคาถูกจัง ฟันกำไรเหนาะ ๆ เลย
- ผ้าพันคอ/ชุดแบบอาหรับ ของผู้ชายจะเป็นสีพื้น ๆ ผู้หญิงจะมีลวดลายสีสันสดใส ใส่สบายมาก กลางวันก็ไม่ร้อน กลางคืนก็ไม่หนาว
- อินทผลัม มีหลายแบบ ทั้งแบบตากแห้งธรรมดา สอดไส้อัลมอนด์ เคลือบช็อกโกแลต หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกตหรือร้านขายของฝากทั่วไป แต่ที่ลองชิมมาแบบที่ขายเป็นห่อสำเร็จรูปคุณภาพดีกว่า อร่อยกว่าตามร้านที่ตักขาย
- คาร์ทูช เป็นป้ายชื่อห้อยคอที่ทำจากเงินแท้ ? แกะสลักเป็นอักษรเฮียโรกลิฟฟิกโดยแปลงจากชื่อภาษาอังกฤษของเรา
- กระเป๋าใส่เงินเล็ก ๆ เหมาะสำหรับฝากคนปริมาณมาก เจ้าของกระทู้ซื้อมาในราคา 3 ใบ 10 ปอนด์
ของฝากอื่น ๆ เช่น ไหที่ทำจากหิน Alabaster หินที่แกะสลักเป็นรูปทรงต่าง ๆ จาน กล่อง โคมไฟ ลวดลายสวยงาม เก๋ไก๋น่าเอาไปแต่งบ้านมาก แต่ที่บ้านไม่มีตู้โชว์เลยไม่รู้จะซื้อไปให้รกทำไม ไกด์บอกว่าถ้าซื้อที่ตลาดข่านในไคโรจะได้ราคาถูกสุด เจ้าของกระทู้ซื้อที่ luxor ราคาก็โอเค ไม่แพง ส่วนของฝากที่สนามบินแพงมาก ต่อราคาไม่ได้ด้วย ซื้อให้เรียบร้อยก่อนไปสนามบินเลย
ต่อราคา
เป็นอะไรที่เปลืองพลังงานมาก ใครหมดแรงก่อนก็พ่ายแพ้ไป ของขายต่อไปเลย 50% พ่อค้าชอบให้ซื้อรวมกันหลาย ๆ ชิ้นแล้วต่อทีเดียว ปิดประตูร้านต่อราคากันจริงจังมาก แต่จริง ๆ ของฝากมันก็คล้าย ๆ กันหมดทุกร้าน ถ้าอยากได้ของถูกต้องเผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ และเลือกเผื่อทิ้งด้วย ไม่งั้นถ้าอยากได้มากเราจะสู้พ่อค้าไม่ไหว ต้องยอมจ่ายในราคาแพงไป ถ้าจะซื้อทัวร์ให้เข้าไปซื้อกับบริษัททัวร์ อย่าซื้อผ่านโรงแรมเพราะจะโดนหักค่านายหน้าเพิ่ม แต่ถ้าหาไม่ได้หรือร้านปิดหมดแล้วก็ต้องยอมจ่ายไป ที่ Luxor ร้านปิดเร็วตั้งแต่ 5 โมงเย็น แต่ที่ไคโรเปิดถึงดึกเลย
แมว
มีแมวอยู่เกลื่อนกลาดตามท้องถนน ลายสวย ๆ ทั้งนั้น ขนกลับมาที่ไทยขายได้ราคาดีแน่นอน (มีบริการขนน้องแมวกลับไทยด้วยนะ) หมาแทบไม่มีเพราะเป็นประเทศมุสลิม แมวที่นี่กลัวคน ขี้ระแวง กลางคืนเสียงแมวดังมาก ใครอยู่ต่างจังหวัดตามหมู่บ้านกลางคืนมีแต่เสียงหมาเห่าหมาหอน แต่ที่นี่มีแต่เสียงแมวฟาดฟันกันทั้งคืน
สถานีรถไฟและรถไฟ
ที่ไคโรสถานีใหญ่มาก ข้างในสวย โอ่อ่า แต่ไม่มีที่นั่งรอ คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ร้านอาหารชั้น 2 มีโซฟาให้นั่ง อาหารอร่อย ราคาถูก แนะนำให้ไปรอในนั้น หลังจากเจ้าของกระทู้นั่งรถไฟไป Aswan ได้ 2 วัน มีข่าวรถไฟชนชานชาลาที่สถานีไคโร มีคนโดนเผาทั้งเป็น ตาย 25 ราย บาดเจ็บ 50 ราย วันรุ่งขึ้นคุยเรื่องนี้กับไกด์ เค้าทำหน้าเฉย ๆ แบบก็เป็นเรื่องปกติ เหรอ ?? มารู้สาเหตุที่หลังว่าคนขับรถไฟมัวทะเลาะกันเลยไม่หยุดรถ
เรื่องเวลาเลทเป็นส่วนใหญ่ เวลารถออกไม่เท่าไร แต่เวลาถึงให้บวกไปเลยอย่างน้อย 2 ชม. ไม่ต้องกลัวว่าตื่นไม่ทัน เลยสถานี เพราะพนักงานจะมาปลุกจนกว่าจะตื่น
สภาพตู้นอนบนรถไฟถือว่าดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานที่ดูแลตู้นั้นด้วย ขาไปเจอพนักงานไม่ค่อยดี ตู้สกปรก ฝุ่นหนาเป็นนิ้ว อาหารไม่อร่อย กลิ่นเครื่องเทศในข้าวแรงมาก กินไม่ไหว แต่ขากลับเจอพนักงานสุภาพ บริการดีมาก ห้องก็สะอาดเอี่ยม อาหารก็อร่อย เลยทิปไปเยอะหน่อย
ตู้นอนนอนได้ห้องละ 2 คน มีแบบตู้นอนคนเดียวด้วย แต่จับเป็นคู่ไปดีกว่าเนอะ ทั้งโบกี้จะมีแต่ต่างชาติ ถ้าได้นอนตู้ใกล้ห้องน้ำก็จะเจอกลิ่นบุหรี่เข้ามาในห้องนอนแรงหน่อย คนไม่ชินกลิ่นนี่ถึงกับป่วยได้เลยนะ ถ้าเจอแบบนี้เอาแมสไปใส่นอนช่วยได้เยอะ
อาหารบนรถไฟมีให้ 2 มื้อ เค้าให้เลือกแต่แรกตอนจองว่าจะเอาไก่ เนื้อ ปลา หรือมังสวิรัต เราก็จะได้กินตามนั้น มื้อเย็นแจกตอนสี่ทุ่ม เวลาไทยก็ตีสอง (ใครจะกินลง ง่วงจะตาย ยัง jet lag อยู่เลย) ส่วนตอนเช้าเค้าจะปลุกมากินประมาณ 1 ชม. ก่อนจะถึงที่หมาย มีแต่ขนมปัง ๆๆ แล้วก็เนยกับแยม
หัวข้อนี้ขออนุญาตบรรยายให้เห็นภาพนิดหนึ่ง ใครไม่โอเคก็ข้ามไปอ่านหัวข้อถัดไปเลยค่ะ
ห้องน้ำในรถไฟนี่เป็นอะไรที่ต้องใช้ skill เยอะพอสมควรสำหรับผู้หญิง เพราะรถสั่นและกระชากเป็นช่วง ๆ เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตอนที่เรากำลังนั่งท่าม้าอยู่ รถไฟจะกระชากจนก้นเราไปแนบกับฝาโถส้วมเมื่อไหร่ เรื่องนี้เจ้าของกระทู้ได้เตรียมการไว้แล้ว สั่งซื้อกรวยปัสสาวะที่ทำจากกระดาษใช้แล้วทิ้งมาใช้กับทริปนี้เป็นทริปแรก (เจอประสบการณ์สยองในห้องน้ำที่จีนมาก่อน) สะดวกมาก ไม่เลอะเลย หรือไม่ก็เลือกช่วงที่รถไฟจอดที่สถานีแล้วรีบเข้าก็ปลอดภัย
แต่ขอเตือนเรื่องถ่ายหนัก กรุณาจัดการให้เรียบร้อยก่อนขึ้นรถไฟ เพราะโถส้วมบนรถไฟมันไม่มีช่องให้อุนจิลง (นึกภาพส้วมบนเครื่องบิน) ถ้าเราอุนจิลงไปมันก็จะคาอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราเป็นคนดี เราก็ต้องเอาไม้แยงฝาที่ปิดอยู่ให้อุนจิเลื่อนตกลงไป และเอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำที่พื้นข้างชักโครกเพื่อฉีดไล่อุนจิ >_<
ส่วนห้องน้ำตามสถานที่เที่ยวส่วนใหญ่ถือว่าโอเค รับได้ ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อ่านแล้วไม่ต้องตื่นตกใจกันนะคะ ทุกที่มีคนยืนรอยื่นทิชชูให้หน้าห้องน้ำ ขาออกจะแบบมือขอทิป เรียกตั้งแต่ 1-5 ปอนด์ วันแรก ๆ ต้องเก็บเหรียญเอาไว้จ่ายตอนเข้าห้องน้ำด้วย
ขอเล่าห้องน้ำกลางทะเลทรายหน่อย เนื่องจากมันเป็นทะเลทราย แต่มันก็ไม่ได้เปิดโล่ง เพราะเค้าจะพาไปกางเต็นท์ใกล้ ๆ บริเวณที่มีหินก้อนใหญ่ เอาไว้ทำธุระส่วนตัว มันก็จะเป็นห้องน้ำกลางแจ้ง ลมโกรก ช่วงก่อนนอนนี่ไม่เท่าไร แต่ปวดตอนดีกนี่มันทรมานสุด ๆ ออกนอกเต็นท์ก็ไม่ได้เพราะลมแรงและหนาวมาก นอนอั้นจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ลมเริ่มเบาถึงออกไปได้ หามุมที่โอเคแล้วทำธุระให้เรียบร้อย ระวังตอนเดินหน่อยเพราะจะมีของเก่าของกรุ๊ปก่อน ๆ อยู่ใต้ทราย ถ้าจะถ่ายหนักก็ลำบากเล็กน้อยเพราะลมมันเย็นมากจนทนนั่งนานไม่ไหว 5555
ที่พัก
ที่พัก hostel ในไคโรมักจะอยุ่ชั้นบน ๆ ให้นึกถึงบ้านผีสิง นั่นคือสภาพตอนเดินเข้าไปในตึก มืด ๆ ไปติด ๆ ดับ ๆ พื้นยังเป็นทราย มีท่อโผล่มาระเกะระกะ ลิฟต์แบบโบราณที่ไม่รับประกันความปลอดภัย แต่เมื่อไปถึงหน้าทางเข้าที่พักจะกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง เหมือนโรงแรมระดับสามดาวขึ้นไป สะอาด สว่าง สะดวกสบาย
ส่วนใหญ่จองมาจาก booking.com แบบมีข้าวเช้าให้ด้วย เค้ารับทั้งดอลลาร์และเงินอียิปต์ แต่ไม่รู้จะขี้เหนียวไฟและน้ำไปถึงไหน ไม่มีน้ำให้สักขวด อาบน้ำร้อนก็มีพอให้อาบสบาย ๆ แค่คนเดียว หรืออาบแบบประหยัด 2 คน ถ้าจองห้องรวม 4 คน ต้องรอหม้อต้มน้ำร้อนเต็มแล้วอาบ ไม่งั้นหนาวตาย ซักผ้าก็ซักแบบมือชา ๆ ไป
สถานที่ท่องเที่ยวอียิปต์
มลพิษ รถติด คนข้ามถนนตัดหน้ารถเยอะมาก โซนที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวบางจุดสกปรกมาก ทางเท้าบางที่กลายเป็นจุดไว้สำหรับปัสสาวะ เหม็นมาก คนทิ้งขยะเกลื่อนกลาด
เจ้าของกระทู้ไป Egyptian museum มัสยิด Al azhar กับ Ibn Tulun ส่วนตลาดข่านที่ไว้ซื้อของฝากนั้นไม่ได้แวะ
Egyptian museum >> อันนี้เป็น The Must ต้องไป ซื้อตัวแบบ include ห้อง Tutankhamun ไปเลย ของข้างในเยอะมาก โลงศพสารพัดรูปแบบ มัมมี่ฟาโรห์ ที่เด็ดสุดคือสมบัติและหน้ากากทองคำในห้องตุตัน เครื่องประดับทองคำอลังมากกกกกก อารยธรรมอียิปต์สมัยโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนนี่ล้ำหน้าสุด ๆ สามารถถ่ายรูปได้ทุกที่ ยกเว้นในห้องตุตันกับมัมมี่ฟาโรห์ที่ห้ามถ่าย
มัสยิด >> เรียบ ๆ ไม่หรูหรา ข้างในสงบเงียบ มีคนเข้าไปอ่านคัมภีร์เยอะพอสมควร ที่ Al azhar ผู้หญิงต้องมีผ้าคลุมผม เสื้อแขนยาวขายาวปิดมิดชิดถึงจะเข้าไปได้ ถ้าเราไม่มีเค้ามีให้เช่าอยู่ ต้องถอดรองเท้าด้วยทุกคน
ASWAN
ไป Abu simbel (คนละ 300 ปอนด์) ล่องเรือเฟลุกกะ (ลำละ 400 ปอนด์) อย่าไปจองที่พักบนเกาะนะ เสียค่าเรือข้ามฟากเพิ่มอีกคนละ 5 ปอนด์ต่อรอบ ร้านอาหารก็ไม่ค่อยมี ให้จองตรงแผ่นดินใหญ่ดีกว่า
รามเสสที่ 2 อยู่บนรถม้ากำลังยิงธนูใส่ศัตรู
Abu Simbel >> สร้างขึ้นในสมัยรามเสสที่ 2 ประกอบด้วย 2 วิหาร วิหารใหญ่สร้างแด่รามเสสที่ 2 วิหารเล็กสร้างแด่มเหสี Nefertari (ไม่ใช่ Nefertiti) สวยมากกกกกกกก วิหารปัจจุบันถูกย้ายมาใหม่ เนื่องจากการสร้างเขื่อน Aswan ใช้งบประมาณของ UNESCO ไปกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ
เจ้าของกระทู้ต้องตื่นไปขึ้นรถตั้งแต่ตี 3 เพื่อไปเข้าคิวต่อแถวรอให้รถตำรวจนำขบวน นั่งรถนานประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง แดดยังไม่ร้อน คนยังน้อยอยู่ ถ่ายรูปสวย พอสาย ๆ แดดเริ่มสาดเข้าไปในวิหาร ถ่าย Portrait สวยมาก หน้าไม่หลอน
โซนด้านนอกถ่ายรูปฟรี ข้างในวิหารเสียเงิน คนที่ไม่ซื้อตั๋วแล้วแอบถ่ายจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจอยู่ด้านใน ถ้าโดนจับได้จะโดนปรับ ส่วนมากนักท่องเที่ยวถ้าไปเป็นกรุ๊ปก็จะซื้อตั๋วถ่ายรูปใบหนึ่ง แล้วตกลงกันว่าจะให้ใครใช้กล้องใหญ่ถ่าย คนที่เหลือก็จะเนียน ๆ แอบหยิบมือถือมาแชะตอนที่เจ้าหน้าที่ไม่เห็น (อย่าลืมปิดเสียงล่ะ) ถ้าหลบไม่ทันโดนจับได้ บางคนก็ใช้วิธีติดสินบน ยอมเสียน้อยให้เจ้าหน้าที่ในนั้นดีกว่าเสียมากเป็นค่าปรับ
เรือเฟลุกกะ >> จิบชา ล่องแม่น้ำไนล์ แนะนำว่าถ้าจะนั่งต้องเป็นวันที่ลมดี ไม่งั้นจะแช่อยู่กลางแม่น้ำหลายชั่วโมงไม่ได้ไปไหนแบบเจ้าของกระทู้ ถ้าวันไหนไม่มีลมสามารถไปเรือยนต์แทนได้ แต่ก็จะไม่ได้บรรยากาศแบบเฟลุกกะ เรือจะพาไปแวะตามจุดต่างๆ เช่น
+ Tombs of the Nobles >> เสียค่าเข้าเพิ่มอีก เลยไม่เข้า และร้อนมาก ต้องไต่บันไดขึ้นไปอีกไกล
Aswan Botanical garden >> สวนสาธารณะบ้านเราดี ๆ นี่เอง มีแต่เด็กวิ่งเต็มไปหมด เสียค่าเข้าคนละ 20 ปอนด์ ไม่มีอะไรให้ดู แต่เป็นสถานที่หลบแดดตอนกลางวันที่เหมาะมาก
+ Nubian museum, unfinished obelisk >> ไม่ได้ไป
เจ้าของกระทู้เหมารถจาก Aswan ไป Luxor ระหว่างทางมีที่เที่ยวได้แก่ Edfu และ Kom ombo สวย ต้องแวะทั้งคู่ ที่ Kom ombo มี crocodile museum ให้ดูด้วย คิดว่าตัวใหญ่แล้ว แต่ไปเจอที่ไคโรตัวใหญ่กว่าอีก
Edfu
Kom ombo
Luxor มีแม่น้ำไนล์ไหลผ่านแบ่งเมืองเป็น 2 ฝั่ง คนอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าฝั่งตะวันออกคือที่ของคนเป็น ฝั่งตะวันตกคือที่ของคนตาย ชีวิตหลังความตายนั้นยืนยาว ชีวิตปัจจุบันเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ดังนั้นจึงเกิดการทำมัมมี่ สร้างสุสานให้ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟาโรห์ ขุนนาง จนถึงคนรวย ต่างก็สร้างสุสานให้ตัวเองไว้ใช้หลังความตาย
East bank >> Luxor temple, Karnak temple เที่ยว 1 วัน
West bank >> Valley of Kings, valley of Queens, Hatshepsut temple เที่ยว 1 วัน
ขึ้น Balloon ชมวิว
ที่นี่เจ้าของกระทู้ซื้อทัวร์ Local พร้อมไกด์พาทัวร์ 2 วัน ได้ในราคา 6,000 ปอนด์ต่อ 4 คน (รถ 1 คัน) ส่วนค่า Balloon คนละ 1,200 ปอนด์ (ซื้อกับ Travel Choice ที่ Luxor) เราได้ไกด์ผู้หญิงที่ภาษาอังกฤษดี พูดเก่ง แต่เดินเร่งฝีเท้าตลอดเวลา และชอบนินทานักท่องเที่ยวจีนให้ฟัง
Luxor เป็นเมืองชิค ๆ บรรยากาศดีสุดในบรรดาที่เที่ยวทั้งหมด เสียตรงที่มีรถม้าเยอะไป ขี้ม้าเต็มถนน ส่วนโซนท่องเที่ยวจะอยู่ใกล้ ๆ กัน ติดท่าเรือสำราญ ควรเลือกที่พักแถวตลาด เพราะเดินไป Luxor Temple ได้ มีร้านอาหารที่เรากินได้เยอะ แนะนำร้านที่อยู่ตรงข้ามจตุรัส อยู่ใกล้ ๆ กับ McDonald มีที่นั่งชั้นสองให้ชมวิว เห็น Luxor Temple อาหารถูกและอร่อย
ตลาด Luxor >> ขนาดไม่ใหญ่เกินไป เดินได้ทั่ว น่าเดิน ของฝากเยอะ ราคาไม่แพง เจ้าของกระทู้ซื้อของฝากจากที่นี่ เพราะที่พักอยู่ในตลาด ต้องเดินผ่านวันละหลายรอบ เลยเสียทรัพย์ไปพอสมควร
Luxor Temple, Karnak temple >> เป็นวิหารที่สร้างไว้บูชาเทพเจ้า อลังการงานสร้างมาก ต้องแวะทั้งคู่
เสา Obelisk หน้า Luxor Temple ที่หายไป 1 ต้น เพราะสมัยก่อนอียิปต์ส่งไปแลกกับนาฬิกาของฝรั่งเศส เสาต้นนั้นยังอยู่ที่ปารีสจนถึงปัจจุบัน แต่ฝรั่งเศสส่งนาฬิกาตายมาให้อียิปต์แทน
ระหว่างวิหาร 2 แห่งนี้มีทางเดินตรงเชื่อมต่อกันยาว 3 กิโลเมตร ในสมัยโบราณมีสฟิงซ์ตั้งเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง ต่อมาสิ่งก่อสร้างทั้งหมดจมอยู่ใต้ทราย ชาวบ้านไม่รู้ ไปสร้างหมู่บ้านทับข้างบน ทำลายรูปปั้นเสียหาย หลังจากค้นพบโบราณสถาน รัฐบาลจึงให้ย้ายหมู่บ้านออกไป เหลือแต่เพียงมัสยิดที่สร้างทับวิหาร Luxor ที่ย้ายออกไม่ได้ เราก็เลยจะเห็นประตูเก่าของมัสยิดที่เคยใช้ลอยอยู่เหนือกำแพงวิหาร Luxor
Mummification Museum >> ตอนแรกว่าจะเข้า เดินไปถึงตอนบ่ายสองครึ่ง ปิด ! เลยกลับ ที่นี่เปิดเวลาแปลก ๆ คือ 9 AM – 2 PM เปิดอีกที 5 PM – 9 PM พอไปอ่านรีวิวคนส่วนใหญ่บอกไม่มีอะไร ของน้อย ห้องเล็กนิดเดียว ไปดูในไคโรดีกว่า
Valley of Kings >> มีแต่สุสานทั้งหุบเขา ไกด์ซื้อบัตรให้เข้าชม 3 หลุม การสร้างสุสานจะเริ่มสร้างตั้งแต่ฟาโรห์เริ่มครองราชย์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ ดังนั้นยิ่งครองราชย์นานสุสานก็ยิ่งอลัง ขุดลึกลงไปใต้ดินเป็นร้อยเมตร มีห้องหลอกขโมยขุดสมบัติด้วย แต่ก็ไม่เห็นจะหลอกได้
Valley of Queens >> เล็กกว่าของ Kings ในนี้จะมีสุสานของเชื้อพระวงศ์ด้วย มีแม้กระทั่งมัมมี่ทารกที่คลอดก่อนกำหนดตั้งแต่อายุครรภ์ 26 สัปดาห์ (ตัวเลขไม่แน่ใจ) ซื้อตั๋วเข้า 3 หลุม มีอยู่หลุมหนึ่งรูปวาดบนผนังข้างในสุสานยังสภาพดีอยู่มาก ส่วนหลุมอื่นก็ผุพังไปพอสมควร หลุมที่สภาพดีที่สุด คือ Nefertari’s Tomb ซึ่งต้องซื้อบัตรเข้าต่างหากอีกคนละ 1,200 ปอนด์ (แม่เจ้าโว้ยยยยย) เสิร์ชดูรูปในกูเกิลสวยและสมบูรณ์มากจริง ๆ พื้นขาวของหินปูนและสียังอยู่ครบหมดเหมือนย้อนไปในยุคโบราณเลย มิน่าตั๋วถึงได้แพงขนาดนี้ ส่วนพวกเจ้าของกระทู้แบ็กแพ็กราคาประหยัดเลยต้องยอมตัดใจ
Hatshepsut Temple >> เรื่องเล่าของสุสานนี้มันมาก ไกด์บอกชื่ออ่านยาก นักท่องเที่ยวเลยเรียก Hot Chicken Soup แทน ที่แห่งนี้เอาไว้สำหรับทำมัมมี่ของ Hatshepsut ก่อนเอาเข้าไปเก็บในสุสาน แต่สภาพที่เห็นทุกวันนี้คือของใหม่เกือบทั้งหมด เพราะของเดิมนั้นถูกทำลายทิ้งไปหมดแล้วโดยลูกเลี้ยงของนางเอง
Hatshepsut เป็นฟาโรห์หญิงที่ยิ่งใหญ่และครองราชย์นานมาก เพราะตอนที่ฟาโรห์สิ้นพระชนม์นั้น ลูกเลี้ยงของนางยังเล็กอยู่ นางจึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน แล้วนางก็สถาปนาตัวเองเป็นฟาโรห์โดยแต่งเรื่องให้ตนเป็นบุตรแห่งเทพ Amun-Ra ซึ่งเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอียิปต์ ครองราชย์อยู่นาน 20+ ปี จนสิ้นพระชนม์ เมื่อลูกเลี้ยงได้ขึ้นเป็นฟาโรห์ต่อ ด้วยความเจ็บแค้นมากที่โดนยึดอำนาจอยู่นานหลายปี จึงทำลายสิ่งก่อสร้างทุกอย่างที่เป็นของนางไม่เหลือซาก ไม่ให้ชีวิตหลังความตายของนางจำทางกลับมาได้ แม้แต่รูปที่ผนังในวิหาร ก็ลบรูป Hatshepsut ออกทั้งหมด เหลือไว้แต่รูปทวยเทพ Hatshepsut Temple ที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นของที่ Renovate ใหม่ทั้งสิ้น
รูปวาด Hatshepsut โดนลบหายหมดเลย
Colossi of Memnon >> เดิมสร้างเอาไว้หน้าทางเข้า Amenhotep's Memorial Temple โดนแผ่นดินไหวในอดีต 2 ครั้ง พังหมด ตอนนี้ reconstruct ใหม่เหลือให้เห็น 2 Colossi
Balloon >> อันนี้แนะนำมาก ๆ คุ้มราคามากเมื่อเทียบกับวิวที่ได้เห็น เค้าจะพาเราไปขึ้นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี ช่วงที่แสงสาดไปยัง Valley of Kings สวยมาก วิวเกือบ 360 องศา ติดตรงที่ยืนอัดกันแน่นจนหมุนตัวลำบาก ตอนลงมีหวาดเสียวเล็กน้อย เพราะกลัวจะเฉียดเสาไฟฟ้าแรงสูง บอลลูนไปลงในไร่อ้อยที่เก็บเกี่ยวแล้ว เค้าบอกว่าชาวบ้านชอบให้ลงในไร่ของตัวเอง เพราะถ้าไปทำไร่เค้าเสียหายจะเรียกเงินชดเชยได้เยอะ
เจ้าของกระทู้นั่งรถไฟตู้นอนกลับจาก Luxor >> Giza เจอกรุ๊ปคนไทยกรุ๊ปแรกในอียิปต์มารอขึ้นรถเที่ยวเดียวกันด้วย เค้าไป Giza มาแล้ว บอกว่าคนที่นั่นน่ากลัวที่สุดในเรื่องขี้โกง เจ้าของกระทู้อ่านกระทู้ 2 ตี๋มาก่อนจึงเตรียมตัวมาแล้วบ้าง
ไปดูพีระมิดและสฟิงซ์ ขี่อูฐถ่ายรูปกับวิวพีระมิด 3 อัน ที่อยู่เรียงกัน ถ้าใครขี่ม้าได้ไปขี่วิ่งบนทะเลทรายน่าสนุกมาก ส่วนในพีระมิดไม่ได้เข้าไป ราคาอุฐมี rate รัฐบาล และ rate ชาวบ้าน ของรัฐบาลราคา fix ที่ 200 ปอนด์ต่อชั่วโมง ต่อไม่ได้ ของชาวบ้านต่อได้ ตอนแรกเจ้าของกระทู้ซื้อในราคา 180 ปอนด์ต่อตัวต่อชั่วโมง ให้พาวนรอบใหญ่ เจ้าของอูฐบอกว่า 1 ชม. ทันสบาย ๆ ตกลงกันเรียบร้อยกันไว้เอาก่อน กลัวโดนหลอกว่าเอาแค่ 1 ชม. นะ ให้พาไปและพากลับ รวมค่าถ่ายรูป และต้องหยุดแวะให้ลงไปถ่ายรูปด้วย ก็ยังไม่มีอะไรผิดคาด
เจ้าของก็จูงอูฐเดินไปเนิบ ๆ หยุดแวะถ่ายรูปกันเพลิน ๆ จนถึงจุดสุดท้ายลงแวะถ่ายรูป เหลืออีก 15 นาที เอาละ มันเดินมาโวยวายบอกว่าเวลาไม่พอ กลับไม่ทัน จะคิดค่าอูฐเพิ่มอีกคนละ 200 ปอนด์ เราก็หะ...ก็ตกลงว่าให้พาเที่ยวแค่ 1 ชม. แต่ยูพาเดินช้า ๆ ให้เกินเวลา งั้นก็ไม่เอาละ เอาอูฐกลับไปเลย เดี๋ยวเราเดินกลับเองก็ได้ มันก็โวยวายว่าทำยังงั้นไม่ได้ โซนนี้ห้ามนักท่องเที่ยวเดิน ต้องขี่อูฐเท่านั้น สุดท้ายเลยยื่นคำขาดให้เพิ่มอีกแค่ 20 ปอนด์ต่อคน ให้รอถ่ายรูปให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ เจ้าของอารมณ์ดีเปลี่ยนเป็นคนละคน ยิ้มแย้มถ่ายรูปเล่นด้วย บบ้าบอมาก ขากลับเจ้าของขึ้นมาขี่อูฐเองพาวิ่งกลับไม่ถึง 10 นาทีถึง
กลางคืนจะมีการแสดงแสงสีเสียงที่พีระมิด ให้ขึ้นไปดูบนชั้นดาดฟ้าร้าน KFC หรือดาดฟ้าที่พักฟรี ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
เป็นที่ที่ประทับใจที่สุดของทริป รองจากบอลลูน แนะนำสุด ๆ ถ้าไม่ได้ไปถือว่าเสียเที่ยวมาก
ทะเลทราย Bahariya เป็นส่วนหนึ่งของทะเลทราย Sahara เดิมบริเวณนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อนแล้วเกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้น ทรายจึงมีสีแตกต่างกันไปตามแร่ธาตุ และมีหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่เรียงราย ถูกลมทะเลทรายกัดเซาะจนหินกลายเป็นรูปร่างต่าง ๆ ดูแปลกตา
เราโชคดีได้ไกด์ที่โอเคมาก ประสบการณ์ทำงาน 10+ ปี สุภาพมาก ทำอาหารอร่อย ขับรถดี ไม่สุบบุหรี่ในรถ บริการดีเลิศ ติดต่อไกด์คนนี้ได้เลยทาง Whatsapp ชื่อ Islam 00201277098180
ที่นี่อยู่ห่างออกนอกเมืองไปไกลมาก นั่งรถข้ามทะเลทรายไปประมาณ 3 ชม. ถึงจุดเปลี่ยนรถแล้วขับเข้าทะเลทรายไปอีกเป็นชม. จะขึ้นจาก Giza หรือ Cairo ก็ได้เพราะ2เมืองนี้อยู่ติดกัน เจ้าของกระทู้กัดฟันซื้อทัวร์ราคาแพงผ่านนายหน้าที่โรงแรมใน Giza ได้ในราคา 95 USD ต่อคน (ถือว่าแพง) เพราะแถวที่พักไม่มีร้านขายทัวร์เลย
Black Desert >> ขับรถผ่านแล้วแวะให้ลงไปถ่ายรูป
Crystal Mountain >> มีดงหิน Crystal อยู่นิดหน่อยให้ถ่ายรูป นอกนั้นมันจะอยู่กระจัดกระจายตามพื้น
บ่อน้ำพุร้อน >> อารมณ์บ่อน้ำพุร้อนบ้านเรา แต่น้ำไม่ร้อน เครื่องขุดน้ำบาดาลเสียงดังมาก รอบ ๆ เป็นแปลงเกษตร ไม่มีอะไร แวะเข้าห้องน้ำได้
White desert >> สวยมากกกกกก มองไปทางไหนก็สวยไปหมด เหมือนกำลังอยู่ใต้ท้องทะเล ที่นี่คือจุดที่เราจะกางเต็นท์นอน ไกด์จะกางผ้าใบพิงไว้กับรถ กางไว้ 2 ฝั่งเพื่อกันลม จากนั้นก็ก่อไฟทำอาหารให้เรากิน อาหารจะเป็นพวกไก่ย่าง ต้มผัก ข้าวคลุกสมุนไพร ซึ่งอร่อยมากกกกกกก น้ำตาจะไหล เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในทริปนี้เลย ส่วนที่นอนมีให้เลือกระหว่างนอนดูดาวกับนอนในเต็นท์ ตอนแรกจะนอนดูดาว แต่พอพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้นแหละ อุณหภูมิลดฮวบ ลมแรงมาก อยู่ห่างจากกองไฟไม่ได้เลย ก็เลยเปลี่ยนใจนอนในเต็นท์ดีกว่า ไกด์มีถุงนอนให้ หนาพอสมควร แต่ผ้าห่มนี่ไม่ไหวจริง เป็นผ้าห่มกระสอบ หนักมาก เหม็นกระสอบด้วย แต่ไม่มีทางเลือก กลัวหนาวตายก็ต้องห่ม พอตกดึกเจ้าของกระทู้สะดุ้งตื่นด้วยความหนาว ลมข้างนอกแรงมาก พัดกระแทกจนกลัวเต้นจะปลิวตามไปด้วย เจ้าของกระทู้นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ทนเอาถึงรุ่งสาง ถึงจะออกมานอกเต็นท์ได้
ALEXANDRIA
เมืองตากอากาศชายทะเล ห่างจากไคโรประมาณ 2 ชม.ครึ่ง เย็นวันพฤหัสรถติดมากเพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ (ที่นี่หยุดศุกร์-เสาร์) ไม่มีชายหาดสาธารณะ ถ้าอยากไปเดินเล่นต้องจ่ายเงินเข้าทุกที่ คนขายของพูดภาษาจีนได้ เดินไปไหนก็เฉ่าเหมย ๆ ปิงจีหลิง ๆ
Qaitbay Citadel >> ป้อมปราการสำหรับป้องกันภัยทางทะเลในสมัยก่อน ตอนที่เจ้าของกระทู้ไปเจอกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษา พอเห็นคนเอเชียปุ๊บเข้ามาขอถ่ายรูปกันเต็มไปหมด เหมือนเราเป็นของแปลก
Library of Alexandria >> ห้องสมุดเดิมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานโดนจูเลียส ซีซ่าร์ทำลายหมดแล้ว ของปัจจุบันคือสร้างใหม่หมด ไม่แนะนำให้เข้า ขับรถผ่านแวะถ่ายรูปแชะ ๆ ข้างนอกก็พอ ข้างในก็ห้องสมุดมหาลัยธรรมดานี่แหละ คิดค่าเข้าตั้ง 70 ปอนด์
Pompey’s Pillar >> เสาปอมเปอี ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของโรมัน มีแต่เสาโล่ง ๆ แต่มีค่าเข้า ไม่ต้องวนรถติดเข้าไปให้เสียเวลาเลย
พระราชวัง Montaza >> อันนี้แนะนำ น่าเข้าสุดใน Alexandria เป็นวังตากอากาศของกษัตริย์เดิมที่ถูกยึดมาเป็นของรัฐบาล (เดิมอียิปต์มีกษัตริย์ปกครอง แต่โดนล้มล้างไปในปี 1952) ตั้งอยู่ในทำเลดีมาก เห็นวิวทะเลสวย โซนอาคารปิดไม่ให้เข้า รอบ ๆ เป็นสวนขนาดใหญ่ให้คนมาพักผ่อน แต่ขยะเกลื่อนกลาด คิดค่าเข้าแต่ไม่เอาเงินมาจัดการเรื่องความสะอาดให้ดี มีแมวเยอะมากด้วย
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านเจ้าของกระทู้บ่นจนจบ หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่แพลนจะไปแบ็กแพ็กเอง ถ้ามีข้อมูลตรงไหนที่ผิดพลาดก็ขออภัยไวั ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
สรุปแพลนเที่ยวของเจ้าของกระทู้
- D1 เดินทางจากต่างจังหวัดไปขึ้นเครื่องตอนเที่ยงคืน
- D2 ถึงไคโรตอนเช้า >> เก็บของที่พัก >> เที่ยวมัสยิดในเมือง >> กลับมาเอาของตอนเย็น >> ขึ้นรถไฟไป Aswan
- D3 ถึง Aswan สาย ๆ >> เข้าที่พัก หาทัวร์ >> ไปล่องเรือเฟลุกกะ
- D4 ไป Abu Simbel ตีสาม กลับมาบ่าย ๆ เข้าที่พัก
- D5 เหมารถไป Luxor >> แวะ Edfu, Kom ombo >> เข้าที่พัก Luxor
- D6 Luxor temple, Karnak temple ไม่ค่อยถ่ายรูปเที่ยวครึ่งวัน ชอบถ่ายรูปเที่ยวเต็มวัน
- D7 Valley of Kings, Queens, Hatshepsut บ่าย ๆ ก็เที่ยวเสร็จ
- D8 ขึ้น Balloon ตอนเช้า >> ตอนค่ำขึ้นรถไฟไป Giza (Balloon เอาไปรวมกับวันที่ไป west bank ได้)
- D9 ถึง Giza สาย ๆ >> เข้าที่พัก >> เที่ยวพีระมิด ขี่อูฐ
- D10 ไป Bahariya นอนกลางทะเลทราย
- D11 กลับมา Giza (จริง ๆ ให้เค้าไปส่งไคโรเลยประหยัดเวลากว่ามาก แต่เจ้าของกระทู้จองที่พัก Giza ไว้แล้ว)
- D12 ไปไคโร เที่ยว Museum
- D13 One Day Trip Alexandria (เสียดายถ้าเจอทัวร์ Petra ก่อนจะทิ้ง Alexandria, Sokhna เลย)
- D14 ไป Sokhna รอขึ้นเครื่องตอนค่ำ
- D15 ถึงไทยบ่าย ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2364984 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม